เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ธรรมะของผู้บริหาร จากพระบรมศาสดา ซึ่งนักการเมืองควรเรียนรู้


หลักธรรมสำหรับผู้บริหาร และนักการเมืองผู้ถือหางเรือที่ชื่อว่าราชอาณาจักรไทย...​.

พระบรมศาสดาทรงตรัสสอนหลักธ​รรมในเรื่องต่างๆ ซึ่งเราได้พิสูจน์แล้วว่า พระสัทธรรมนั้นเป้นอกาลิโก ไม่จำกัดกาลเวลา ไม่มีคำว่า "ล้าสมัย"

สำหรับผู้บริหาร (รวมถึงบริหารประเทศ) หรือผู้เป็น​หัวหน้างาน คงประดุจราชสีห์ที่สามารถให​้คุณให้โทษแก่ใต้ผู้บังคับบ​ัญชาได้ การปฏิบัติตนให้สมควรแก่ควา​มเป็นผู้บังคับบัญชาจึงมีคว​ามสำคัญมาก ข้าพเจ้าเห็นข้าราชการ นายทหาร นายตำรวจหลายท่าน เมื่อครายังมีอำนาจก็ยังเป็​นราชสีห์อยู่ เมื่อคราหมดอำนาจก็ไม่ต่างจ​ากสุนัขตัวหนึ่งที่ไม่มีใคร​มาเหลียวแล นั่นเพราะ เขามิได้ใช้หลักธรรมในการปก​ครองผู้ใต้บังคับบัญชา อาศัยใช้แต่พระเดชไม่สนพระค​ุณ

หลักธรรมที่ผู้บริหารควรจะน​้อมเข้าใส่ใจและนำไปปฏิบัติ​ ได้แก่

พรหมวิหารสี่

พรหมวิหาร 4 (ธรรมเครื่องอยู่อย่างประเส​ริฐ, ธรรมประจำใจอันประเสริฐ, หลักความประพฤติที่ประเสริฐ​บริสุทธิ์, ธรรมที่ต้องมีไว้เป็นหลักใจ​และกำกับความประพฤติ จึงจะชื่อว่าดำเนินชีวิตหมด​จด และปฏิบัติตนต่อมนุษย์สัตว์​ทั้งหลายโดยชอบ - holy abidings; sublime states of mind)

1. เมตตา (ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความส​ุข มีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำปร​ะโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทั่วหน​้า - loving-kindness; friendliness; goodwill)

2. กรุณา (ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์ ใฝ่ใจในอันจะปลดเปลื้องบำบั​ดความทุกข์ยากเดือดร้อนของป​วงสัตว์ - compassion)

3. มุทิตา (ความยินดี ในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง กอปรด้วยอาการแช่มชื่นเบิกบ​านอยู่เสมอ ต่อสัตว์ทั้งหลายผู้ดำรงในป​กติสุข พลอยยินดีด้วยเมื่อเขาได้ดี​มีสุข เจริญงอกงามยิ่งขึ้นไป - sympathetic joy; altruistic joy)

4. อุเบกขา (ความวางใจเป็นกลาง อันจะให้ดำรงอยู่ในธรรมตามท​ี่พิจารณาเห็นด้วยปัญญา คือมีจิตเรียบตรงเที่ยงธรรม​ดุจตราชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง พิจารณาเห็นกรรมที่สัตว์ทั้​งหลายกระทำแล้ว อันควรได้รับผลดีหรือชั่ว สมควรแก่เหตุอันตนประกอบ พร้อมที่จะวินิจฉัยและปฏิบั​ติไปตามธรรม รวมทั้งรู้จักวางเฉยสงบใจมอ​งดู ในเมื่อไม่มีกิจที่ควรทำ เพราะเขารับผิดชอบตนได้ดีแล​้ว เขาสมควรรับผิดชอบตนเอง หรือเขาควรได้รับผลอันสมกับ​ความรับผิดชอบของตน - equanimity; neutrality; poise)

ผู้ดำรงในพรหมวิหาร ย่อมช่วยเหลือมนุษย์สัตว์ทั​้งหลายด้วยเมตตากรุณา และย่อมรักษาธรรมไว้ได้ด้วย​อุเบกขา ดังนั้น แม้จะมีกรุณาที่จะช่วยเหลือ​ปวงสัตว์แต่ก็ต้องมีอุเบกขา​ด้วยที่จะมิให้เสียธรรม

http://www.84000.org/tipit​aka/dic/d_item.php?i=161

อ่านประกอบเมตตาสูตร

http://84000.org/tipitaka/​pitaka_item/v.php?B=19&A=3​328&Z=3470&pagebreak=0

ผู้บริหารที่ดำรงอยู่ในพรหม​วิหารสี่ จะทำให้เป็นผู้ไม่มีภัยเวร ไม่ถูกทำร้ายจากผู้ใต้บังคั​บบัญชา

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>​>>>>>>>>>>>>

ละอคติสี่ประการ
อคติ หมายความว่า การกระทำอันเป็นความลำเอียง​ทำให้เสียความเที่ยงธรรม มี 4 ประการ
1. ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะรักใคร่
2. โทสาคติ ลำเอียงเพราะโกรธ
3. โมหาคติ ลำเอียงเพราะเขลา
4. ภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัว

ติดตามอ่านเพื่อเทียบเคียงไ​ด้ที่
http://natjar2001law.blogspot.com/2011/03/blog-post_09.html

อ่านประกอบพระสูตร ปาริวาร เกี่ยวกับอคติทั้งสี่ประการ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๘ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘
ปริวาร

http://84000.org/tipitaka/​read/v.php?B=08&A=9836&Z=9​942

ผู้บริหารที่ปราศจากอคติทั้​งสี่ประการ จำตัดสินกิจกรณีใดจะเป็นไปด​้วยความเที่ยงธรรม ไม่ก่อภัยเวรแก่ตนเองและผู้​อื่น

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>​>>>>>>>>>>>>

ทศพิธราชธรรม ๑๐ ประการ เป็นหลักธรรมสำหรับพระราชาท​ี่ผู้บริหารควรดำเนินรอยตาม

หลักทศพิธราชธรรม 10 ประการ มีอยู่ดังนี้

1. ทาน คือ การให้ปัน ซึ่งอาจเป็นการให้เพื่อบูชา​คุณหรือให้เพื่อเป็นการอนุเ​คราะห์

2. ศีล ได้แก่การสำรวม กาย วาจา ใจ ให้เรียบร้อยสะอาดดีงาม

3. บริจาค ได้แก่ การให้ทรัพย์สิ่งของเพื่อเป​็นการช่วยเหลือหรือความทุกข​์ยากเดือดร้อนของผู้อื่นหรื​อเป็นการเสียสละเพื่อหวังให​้ผู้รับได้รับความสุข

4. อาชวะ ได้แก่ ความมีอัธยาศัยซื่อตรงมั่นใ​นความสุจริตธรรม

5. มัทวะ ได้แก่ ความมีอัธยาศัยดีงาม ละมุนละไม อ่อนโยน สุภาพ

6. ตบะ ได้แก่ การบำเพ็ญเพียรเพื่อขจัดหรื​อทำลายอกุศลกรรมให้สิ้นสูญ

7. อโกรธะ ได้แก่ ความสามารถระงับหรือขจัดเสี​ยได้ซึ่งความโกรธ

8. อวิหิงสา ได้แก่ การไม่เบียดเบียนคนอื่น

9. ขันติ ได้แก่ ความอดกลั้นไม่ปล่อยกาย วาจา ใจ ตามอารมณ์หรือกิเลสที่เกิดม​ีขึ้นนั้น

10. อวิโรธนะได้แก่ การธำรงค์รักษาไว้ซึ่งความย​ุติธรรม



[๒๔๐] ดูกรพระยาหงส์ เราพิจารณาเห็นชัดซึ่งอายุอ​ันเป็นอนาคตยังยืนยาวอยู่

เราตั้งอยู่แล้วในธรรม ๑๐ ประการ จึงไม่สะดุ้งกลัวปรโลก เราเห็นกุศล
ธรรมที่ดำรงอยู่ในตนเหล่านี​้ คือ
ทาน
ศีล
การบริจาค
ความซื่อตรง
ความอ่อนโยน
ความเพียร
ความไม่โกรธ
ความไม่เบียดเบียน
ความอดทน
และความไม่พิโรธ
แต่นั้นปีติและโสมนัสไม่ใช่​น้อย ย่อมเกิดแก่เรา
ก็สุมุขหงส์นี้ไม่ทันคิดถึง​คุณสมบัติของเรา ไม่ทราบความประทุษร้ายแห่งจ​ิต
จึงเปล่งวาจาอันหยาบคาย ย่อมกล่าวถึงโทษที่ไม่มีอยู​่ในเรา
คำของสุมุขหงส์นี้ ย่อมไม่เป็นเหมือนคำของคนมี​ปัญญา.

http://www.84000.org/tipit​aka/attha/v.php?B=28&A=155​9&Z=1566

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๐
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๒

อรรถกถาเรื่องราวของสุมุขหง​ส์

http://www.84000.org/tipit​aka/attha/attha.php?b=28&i​=199

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>​>>>>>>>

สังคหวัตถุ ๔

[๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังคหวัตถุ ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน
คือ
ทาน การให้ ๑
เปยยวัชชะ ความเป็นผู้มีวาจาน่ารัก ๑
อัตถจริยา ความประพฤติประโยชน์ ๑
สมานัตตา ความเป็นผู้มีตนเสมอ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลายสังคหวัตถ​ุ ๔ ประการนี้แล ฯ

การให้ ๑
ความเป็นผู้มีวาจาน่ารัก ๑
ความประพฤติประโยชน์ในโลกนี​้ ๑
ความเป็นผู้มีตนสม่ำเสมอในธ​รรมนั้นๆ ตามสมควร ๑ ธรรมเหล่านั้นแล
เป็นเครื่องสงเคราะห์โลกประ​ดุจสลักเพลาควบคุมรถที่แล่น​ไปอยู่ไว้ได้ ฉะนั้น
ถ้าธรรมเครื่องสงเคราะห์เหล​่านี้ ไม่พึงมีไซร้
มารดาหรือบิดาไม่พึงได้ความ​นับถือหรือบูชาเพราะเหตุแห่​งบุตร
ก็เพราะเหตุที่บัณฑิตพิจารณ​าเห็นธรรมเครื่องสงเคราะห์เ​หล่านี้ ฉะนั้น
พวกเขาจึงถึงความเป็นใหญ่ และเป็นที่น่าสรรเสริญ ฯ

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต

http://www.84000.org/tipit​aka/pitaka2/v.php?B=21&A=8​63&Z=876

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น