tag:blogger.com,1999:blog-24916898641025149602024-03-13T14:54:02.322-07:00nitipatth.blogspot.comNitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.comBlogger901125tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-21201832630246347492013-01-30T22:52:00.000-08:002013-01-30T22:52:27.203-08:00***การออกปฏิบัติธรรมในสมัยแรกๆ ของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ พระอริยะแห่งดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่***<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://img139.imageshack.us/img139/4140/024sgy.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="704" width="510" src="http://img139.imageshack.us/img139/4140/024sgy.jpg" /></a></div>
ส่วนหนึ่งของการรวบรวมเรียบเรียงโดย
พระนาค อตฺถวโร
วัดสัมพันธวงศ์ กทม.
การออกปฏิบัติธรรมในสมัยแรกๆ หลวงปู่แหวนท่านยังไม่รู้จักวิธีภาวนา เวลาอยู่ในป่าในเวลากลางคืนมักจะเกิดความระแวงไปในเรื่องที่ไร้สาระต่างๆ ตามแต่จิตมันจะปรุงขึ้นมา ส่วนมากมักจะเป็นเรื่องหลอกตัวเองทั้งสิ้น ตามความเคยชินของจิตที่เคยเป็นอิสระมาตลอด โดยไม่มีขอบเขต ไม่มีเครื่องกั้น ไม่มีสิ่งควบคุม ครั้นมาปฏิบัติเข้าในระยะแรกก็รู้สึกดื่มด่ำดี แต่พอเอาเข้าจริงๆ จิตกลับฟุ้งปรุงไปเป็นอดีตกับอนาคต ไม่ได้คิดพิจารณาในเรื่องปัจจุบันนัก
แต่เพราะอาศัยได้รับคำแนะนำแก้ไข พร้อมทั้งอุบายในการแก้จิตในเวลาฟุ้งซ่าน อุบายการข่มจิตในเวลาเกิดความทะนงตน ประกอบการได้รับคำสั่งจากพระอาจารย์มั่นให้ไปอยู่ในที่ต่างๆ ได้อาศัยอาจารย์เสือบ้าง อาจารย์ช้างบ้างเป็นผู้ข่มขู่จิต ประกอบกับพยามยามประกอบความเพียรให้เป็นไปติดต่อไม่ขาดวรรคขาดตอน ทั้งกลางวันกลางคืน จิตก็ค่อยรวมตัวอยู่ในความควบคุมของสติรวมเข้าสู่สมาธิ ความเยือกเย็นในด้านจิตใจ เริ่มปรากฏผลให้ประจักษ์ ทำให้เกิดความมั่นใจในข้อปฏิบัติของตนที่ได้ดำเนินมาว่าไม่ผิดทาง
เมื่อความสงบของจิตเริ่มปรากฏเป็นผลของการปฏิบัติความเพียร ซึ่งแต่ก่อนมาเคยฝึกทำมาตลอดนั้น พอจิตสงบลงความเพียรก็เร่งขึ้นตามส่วน เป็นเครื่องบำรุงส่งเสริมสมาธิปัญญาไปในขณะเดียวกัน เมื่อศรัทธามีกำลัง สมาธิมีกำลัง ปัญญาก็มีกำลังต่างก็ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ตั้งแต่สมาธิขั้นต่ำไปถึงปัญญาขั้นสูง ความสุขทางด้านจิตใจเริ่มปรากฏเป็นผลให้ชื่นชม ไม่เสียแรงที่ได้พยามยามตั้งใจปฏิบัติมา
การปฏิบัติทางจิตนั้นเป็นของละเอียดอ่อนมาก สติสัมปชัญญะต้องตื่นอยู่เสมอไม่เช่นนั้นจะตามไม่ทัน จิตซึ่งเป็นธรรมชาติ ชอบคิด ชอบปรุง ชอบแส่ส่ายไปหาอารมณ์ที่ใกล้ที่ไกล ไม่มีขอบเขต ถ้าอยู่ในที่ชุมชนอารมณ์ที่เข้ามานั้นส่วนมากจะเข้ามาทางตาบ้าง หูบ้าง จมูกบ้าง ลิ้นบ้าง กายบ้าง เมื่ออารมณ์เข้ามาทางไหน จิตก็รับรู้ต้อนรับทันที การต้อนรับอารมณ์ของจิตมักจะนำมาแบกมาหามมาทับถมตัวเอง การที่จะสลัดตัดวางนั้นไม่ค่อยปรากฏ เพราะเหตุนั้นจึงทำให้เราเป็นทุกข์ไปกับอารมณ์นั้นๆ เป็นสุขไปกับอารมณ์นั้นๆ เป็นความเพลิดเพลินไปกับอารมณ์นั้นๆ ทั้งนี้ก็เพราะขาดการพิจารณาของจิตนั่นเอง
จิตที่ไม่มีสติไม่มีพี่เลี้ยงคอยควบคุม คอยแนะนำมักจะไปแบกไปหาม ไปหามเอาทุกสิ่งทุกสิ่งทุกอย่างมาทับมาถมตนเองให้เกิดทุกข์ ถึงกับบางคนตีอกชกตนเห็นทุกสิ่งทุกอย่างไม่น่ารื่นรมย์ กลายเป็นพิษเป็นภัยไปก็มาก ส่วนอารมณ์ของนักปฏิบัติผู้อยู่ในป่านั้น มักเกิดขึ้นกับจิตที่ชอบปรุงแต่งเป็นอดีตอนาคต ซึ่งอารมณ์ประเภทนี้ทำลายนักปฏิบัติมามากต่อมากแล้ว เหตุเพราะไม่รู้เท่าทันกลมายาของจิต เหตุเพราะขาดสติปัญญาพิจารณานั่นเอง
ดังนั้น การปฏิบัติจิตภาวนาจำต้องเป็นผู้ตื่นอยู่เสมอ อารมณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้าออกตามทวารต่างๆ นั้น ต้องได้รับการใคร่ครวญพิจารณาจากสติสัมปชัญญะเสียก่อนทุกครั้ง นอกจากความเป็นผู้มีสติประจำอิริยาบถแล้ว การบริโภคปัจจัย ๔ ก็ต้องพิจารณาโดยอุบายทุกครั้ง การพิจารณาปัจจัย ๔ ก่อนการบริโภคการใช้สอยนั้น เป็นอุบายข่มความทะเยอทะยานอยากของจิตได้ดี บางครั้งก็เกิดความแยบคาย เป็นอุบายของปัญญาได้ ดังนั้น การภาวนาก็คือการมีสติสัมปชัญญะคอยตักเตือนตนเองอยู่เสมอ ไม่ให้เกิดความประมาท ความมัวเมา มีอินทรีย์สังวรละเว้นบาปอกุศลแม้เพียงน้อย จำต้องอาศัยความหมั่นเพียร ความพยายามทางกาย ทางวาจา ทางใจของตน จึงจะรักษาตนให้รอดปลอดภัย ต้องกระทำให้มาก ให้เป็นไปติดต่อไม่ขาดวรรคขาดตอนNitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-66212160437607896372013-01-30T22:46:00.000-08:002013-01-30T22:46:33.580-08:00***เหตุการณ์หลวงปู่แหวน กับ หลวงปู่ตื้อ....น่าขนพองสยองเกล้า***<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://img229.imageshack.us/img229/3923/020s.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="698" width="499" src="http://img229.imageshack.us/img229/3923/020s.jpg" /></a></div>
เอาเรื่องราวแนวธรรมะมาฝาก....
มีเหตุการณ์น่าขนพองสยองเกล้าครั้งหนึ่ง เขียนในนิตยสารโลกทิพย์ ดังนี้
ในเช้าวันหนึ่ง หลวงปู่แหวนกับหลวงปู่ตื้อ ได้อาศัยบิณฑบาตที่หมู่บ้านชาวป่า มี 4-5 หลังคาเรือน ชาวบ้านพากันมาใส่บาตรด้วยความดีใจ เพราะนานๆ จึงจะมีพระธุดงค์มาโปรดสักที
ชาวบ้านถามว่า พระคุณเจ้าทั้งสองจะไปไหน หลวงปู่บอกว่าจะมุ่งไปทางเทือกเขาที่มองเห็น แล้วจะลงไปทางสุวรรณเขต (อยู่ตรงข้ามกับมุกดาหาร) ชาวบ้านแสดงอาการตกใจ พร้อมทั้งทัดทานว่าอย่าไปทางโน้นเลย เพราะมียักษ์ปีศาจดุร้ายสิงอยู่ คอยทำร้ายคนและสัตว์ที่ผ่านไปทางนั้น
หลวง ปู่ทั้งสอง กล่าวขอบใจในความหวังดี และบอกว่าท่านทั้งสองได้มอบกายถวายชีวิตให้พระศาสนาแล้ว ขออย่าได้ห่วงตัวท่านเลย แล้วท่านก็ออกเดินทางไปในทิศทางดังกล่าว
หลวง ปู่ออกเดินทางโดยข้ามลำน้ำสองแห่ง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ป่าแถบนั้นเงียบกริบ ไม่ได้ยินเสียงสัตว์ต่างๆ เลย แม้แต่นกก็ไม่มี ดูผิดประหลาดมาก
พอใกล้ค่ำหลวงปู่ทั้งสอง ก็มาถึงยอดเขาสูงที่มีลักษณะประหลาดมาก คือยอดเป็นสีดำคล้ายถูกไฟเผา รูปลักษณะดูตะปุ่มตะป่ำคล้ายหัวคนบ้าง หัวตะโหนกช้างบ้าง แปลกไปจากเขาลูกอื่นๆ
หลวงปู่ทั้งสอง เลือกปักกลดค้างคืนข้างลำธารที่มีน้ำใสไหลผ่านอยู่ที่เชิงเขาลูกนั้น ปักกลดห่างกันประมาณ 10 เมตร เมื่อสรงน้ำพอสดชื่นแล้วต่างองค์ก็นั่งสงบภายในกลดของตน ทั้งสององค์ตระหนักในความประหลาดของสถานที่นั้น ไม่ได้พูดอะไรกันเพียงแค่นั่งสงบอยู่ภายในกลด
ประมาณ 5 ทุ่ม หลวงปู่แหวน ก็ออกจากกลดเตรียมจะเดินจงกรม หลวงปู่ตื้อ ออกมาตามและพูดว่า "ผมรู้สึกว่าที่นี่วิเวกผิดสังเกตนะ"
หลวงปู่แหวน ตอบ "ผมก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน"
พูดกันแค่นี้แล้วต่างองค์ต่างก็เดินจงกรมในทางของตน
ต่อจากนั้นไม่นานก็มีเสียงกรีดแหลมเยือกเย็นดังลงมาจากยอดเขารูปประหลาดนั้น เสียงนั้นแหลมลึกบีบเค้นประสาทจนรู้สึกเสียวลงไปถึงรากฟันทีเดียว
หลวงปู่ตื้อ ถามพอได้ยินว่า "ท่านแหวนได้ยินแล้วใช่ไหม"
หลวงปู่แหวน ตอบด้วยเสียงเรียบ ๆ ว่า "ผมกำลังฟังอยู่"
เสียงกรีดร้องนั้นใกล้เข้ามาทุกที ฟังแล้วน่าขนพองสยองเกล้า ทั้งสององค์คงเดินจงกรมอยู่เงียบๆ ตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ป่านั้นเงียบสงัดจริงๆ เสียงนกเสียงแมลงก็ไม่มี ครั้นแล้วเกิดพายุปั่นป่วนมาอย่างกระทันหัน ชนิดไม่มีเค้ามาก่อนเลย ต้นไม้โยกไหวรุนแรงราวกับจะถอนรากออกมา อากาศพลันหนาวเย็นวิปริตขึ้นมาทันที พลันปรากฏร่างประหลาดขึ้นร่างหนึ่ง ตัวดำมะเมื่อม สูงราว 7 ศอก มีขนยาวรุงรังคล้ายลิงยักษ์ แต่หน้าคล้ายวัวควาย ตาโปน มือสองข้างยาวลากดิน มันก้าวเข้ามาอยู่ห่างจากหลวงปู่ทั้งสองประมาณ 10 เมตรเห็นจะได้
สัตว์ประหลาดนั้นส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้น พลันพายุนั้นก็สงบลง แสดงว่ามันมีอำนาจเหนือธรรมชาติ สัตว์นั้นส่งกลิ่นเหม็นรุนแรงร้ายกาจเหมือนกลิ่นศพที ่กำลังขึ้นอืด มันกระทืบเท้าสนั่นจนแผ่นดินสะเทือน
หลวงปู่แหวนเล่าในภายหลังว่า ท่านไม่รู้สึกกลัว แต่ขนลุกซู่ซ่าไปหมด เพราะไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดอย่างนั้นมาก่อน ยังไม่รู้ว่าเป็นปีศาจหรือสัตว์อะไรแน่ ท่านได้กำหนดสติไม่ให้ใจคอวอกแวก ทอดสายตาไปยังสัตว์ประหลาดนั้น กำหนดจิตแผ่เมตตาไปยังร่างนั้น สัตว์ร่างยักษ์นั้นหยุดร้อง หยุดส่งกลิ่นเหม็น แสดงว่ารับกระแสเมตตาได้ มันค่อยๆ ทรุดร่างลงนั่งยองๆ เอามือยันพื้นไว้ ทำท่าแสดงความนอบน้อมต่อท่าน
หลวงปู่ตื้อ พูดพอได้ยินว่า "ท่านแหวนทำดีมาก" พร้อมทั้งเดินมาสมทบ แล้วพูดว่า "เขาแบกหามบาปหาบทุกข์อันมหันต์ เขามาหาเรา เพื่อให้ช่วยปลดทุกข์ให้เขานะ เขาสร้างกรรมไว้มาก เมื่อตายจากมนุษย์แล้วต้องมาเป็นปีศาจอสุรกาย ทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่"
หลวง ปู่แหวน ได้กำหนดจิตถามดูก็ได้ความว่า สมัยเป็นมนุษย์เขามีการกระทำที่มากล้นด้วยตัณหา และความโลภ คือละเมิดศีลข้อ 2 และข้อ 3 อยู่เสมอ จึงต้องมาเป็นปีศาจอสุรกาย รับทุกข์อยู่ที่นั่นมากว่าร้อยปีแล้ว
ปีศาจอสุรกายนั้นดูท่าทางอ่อนลงมาก มันร้องไห้คร่ำครวญน่าสงสาร ขอความเมตตาจากพระคุณเจ้าทั้งสองให้เขาได้พ้นทุกข์ทรมานนั้นด้วยเถิด
หลวงปู่แหวน ได้พิจารณาเห็นว่า เขาสร้างกรรมซับซ้อนเหลือเกินใครจะช่วยเขาได้ พลันหลวงปู่ตื้อตอบมาในสมาธิว่า "กรรมเป็นเรื่องสลับซับซ้อนลึกซึ้งอยู่ก็จริง บางทีพระผู้มีศีลบริสุทธิ์และมีบารมีเช่นท่านแหวน ก็อาจจะช่วยให้เขาพ้นทุกข์ได้ ลองอ่านพระคาถา หรือเทศนาธรรมให้เขาฟังดูสิ"
หลวงปู่แหวนได้กำหนดจิตว่าพระคาถา แล้วเทศนาให้เขาสำนึกบาปบุญคุณโทษ เขาค่อยๆ คลายความกังวลลง ก้มลงกราบด้วยความซาบซึ้ง
"พระคุณเจ้า ข้าพเจ้าได้กำหนดจิตพิจารณาตามกระแสธรรมของท่านแล้ว เกิดแสงสว่างกับข้าพเจ้าอย่างมหัศจรรย์ และข้าพเจ้าได้เห็นสภาวธรรม คือ ชาติ ชรา มรณะ อันเป็นทุกข์เป็นธรรมดาของสรรพสัตว์ทั้งหลายแล้วพระคุณเจ้า"
สีหน้าเขาดูสดชื่นขึ้น ก้มลงกราบหลวงปู่ทั้งสององค์ แล้วร่างนั้นก็หายไป
จากหนังสือ "หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ" วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ (โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม3) Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-86110256334392149102013-01-30T22:39:00.002-08:002013-01-30T22:39:58.684-08:00***ของดีหลวงปู่แหวน สุจิณโณ***<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://img252.imageshack.us/img252/244/s240410081142.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="768" width="1024" src="http://img252.imageshack.us/img252/244/s240410081142.jpg" /></a></div>
ร่างของหลวงปู่ผู้ชรา จะถูกเผาไหม้ไปในวันมะรืนนี้ แต่ชื่อของหลวงปู่จะอยู่ในหัวใจของพุทธศาส- นิกชนไปอีกนานเท่านาน
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เป็นพระที่มีเมตตาสูงแผ่เมตตาบารมี ให้คนมั่งมี ร่ำรวยไม่รู้กี่ร้อยกี่พันราย
แม้หลวงปู่จะตายไปแล้ว ร่างกายกำลังจะถูกเผาไหม้ไปในวันนี้ พรุ่งนี้ แต่บารมีหลวงปู่ ก็ยังทำให้คน ร่ำรวยอีกมหาศาล
คนที่พิมพ์หนังสือที่ระลึกถึงหลวงปู่ คนที่ตัดสบงจีวรออกขายโดยบอกว่า เป็นของที่หลวงปู่เคยใช้ เมื่อหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ คนเป็นหมื่นเป็นแสนที่หลั่งไหลไปในงานศพของหลวงปู่ ไปโดยรถไฟ เครื่องบิน รถทัวร์ รถสองแถวเล็ก ฯลฯ สารพัดชนิด พวกนี้ร่ำรวยกันไปหมด
หลวงปู่ช่วยให้อีกหลายร้อย หลายพันคนร่ำรวย แม้หลวงปู่จะตายไปสองปีแล้ว
หลวงปู่แผ่เมตตาให้กับทุกคนในสมัยที่หลวงปู่มีชีวิตอยู่ แต่ไม่ค่อยมีใครแผ่เมตตาให้กับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ กันเลย
ทุกคนรักหลวงปู่ ไปขอของที่หลวงปู่ใช้แล้วมาเก็บไว้เพื่อเป็นสิริมงคล อย่างเส้นผมของหลวงปู่นั้น แย่งกันนัก
บางครั้งหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ถึงกับออกปากว่า "เฮาโกนหัวแล้ว เปิ้นยังจะฮื้อโกน แถมจะเอาผม เอาไปสร้างพระอะหยัง เฮาเจ็บหัว"
แม้แต่น้ำที่ท่านอาบ ก็มีผู้ประสงค์เอาไปเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเขา หลวงปู่ก็ได้แต่พูดว่า "เฮาหนาวจะต๋าย เปิ้นก็จะฮื้อเฮาอาบน้ำอีก"
ถ้าใครไปขอของดีจากหลวงปู่แหวน หลวงปู่จะบอกว่า "ของดีอะไร อะไรคือของดี ของดีมีอยู่ด้วย กันทุกคนแล้ว การที่มีร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ไข้ได้พยาธินั้น ก็มีของดีแล้ว การมีร่างกายแข็งแรง มีอวัยวะครบถ้วน ไม่บกพร่องพิกลพิการ อันนี้ก็มีของดีแล้ว จะต้องไปหาของดีที่ไหนกันอีก"
แต่โอวาทของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ นั้นเป็น "ความยิ่งใหญ่" ที่หาเปรียบปานได้ยาก
"คนเรามันรักสุข เกลียดทุกข์นี่ หนักก็หนักอยู่ตรงนี้แหละ ไม่รับความจริง"
"คนเราเกิดมา นินทาก็ดี สรรเสริญก็ดี อย่าไปรับเอามาหมักไว้ในใจ ปล่อยผ่านไปเสีย"
"ตัดอดีด อนาคต ลงให้หมด จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้ในปัจจุบัน ละในปัจจุบัน ทำในปัจจุบัน แจ้งอยู่ ในปัจจุบัน"
"ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่มีความเพียร ไม่มีความสำเร็จ"
"มองดูท้องฟ้า เห็นดวงดาวเต็มไปหมด การเกิด การตาย ไม่รู้ว่าอีกเท่าไหร่ เกิดแล้วตาย เกิดแล้ว ตาย....."
ร่างของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ จะถูกเผาไหม้ไปในวันมะรืนนี้แล้ว แต่ธรรมะของหลวงปู่จะอยู่ตลอด ไป
ตั้งจิตอธิษฐานกันในวันเผาหลวงปู่ แม้จะไม่ได้ไปร่วมในพิธี สำรวมจิตให้มั่นคง ขอให้หลวงปู่แหวนพระแท้ๆ ของชาวไทยได้บรรลุถึงพระนิพพาน.
( คัดจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์ "สวัสดีเวลาเช้า" เขียนโดย มังกรห้าเล็บ (ไม่ได้บันทึกฉบับที่ไว้) )Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-25739437213467184012013-01-30T22:37:00.000-08:002013-01-30T22:37:22.828-08:00***ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่มีความเพียร ไม่มีวันสำเร็จ***คติธรรม คำสอน ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://img837.imageshack.us/img837/8809/75217397.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="806" width="580" src="http://img837.imageshack.us/img837/8809/75217397.jpg" /></a></div>
พระคุณเจ้าหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระอริยสงฆ์ที่เป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงยิ่ง จากพุทธศาสนิกชนทุกเทศทุกวัย ทั้งในและ ต่างประเทศ
แม้ หลวงปู่จะได้ลาขันธ์ไป ตั้งแต่คืนวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๒๘ แต่ความทรงจำในกระแส เมตตา ปฎิปทาสัมมาปฎิบัติ จริยาวัตรที่งดงาม พร้อมกับธัมโมวาทอันล้ำค่า ของหลวงปู่ ก็ยังส่อง สว่างอยุ่กลางใจของพวกเราชาวพุทธทุกผู้ทุกนาม
เมื่อ น้อมระลึกถึงหลวงปู่ที่ไร ความสุข สงบ ความโสมนัส ชื่นบาน ความสมหวัง โชคดี ความเป็นสิริมงคล จะดื่มด่ำอยู่ในจิตใจ อย่างไม่รู้อิ่มรู้คลาย
ผู้ ที่โชคด มีโอกาสกราบไหว้ องค์หลวงปู่ ได้เคยฟังการปรารภธรรม แสดงธรรม จากหลวงปู่ ต่างก็ประจัษ์ความไพเราะ นุ่มนวลละมุนละไม ประดุจเสียงทิพย์ที่ไพบูลย์ด้วยธรรมะ อันเป็นสากลสัจจะ ยังความอิ่มเอิบ เบิกบาน และเป็นมงคลยิ่งแก่ชีวิต
หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เป็นผู้สืบเนื้อนาบุญอันไพศาล นับเป็นพระอริยสาวก ที่ควรแก่กราบ ไหว้บูชาอย่างแท้จริง
ท่าน เจ้าคุณ พระวิบูลธรรมาภรณ์ แห่งวัดสัมพันธ์วงศ์ กรุงเทพๆ ศิษย์ใกล้ชิดท่านหนึ่ง ได้รจนาถึงปฎิทาของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ดังนี้ :-
" หลวงปู่แหวนท่านมีศีลที่สมบูรณ์ คือเป็นพระสงฆ์ที่มีความปกติครบถ้วนไม่เกินหรือขาด สภาพของท่านเปรียบเสมือนป่าใหญ่ที่มีต้นไม้ใหญ่เล็กนานาชนิด ทังยืนต้น และล้มลุก มี ดอก ใบ ผล สมบูรณ์ ตามสภาพของพันธ์นั้นๆ จะมีต่างอยู่ก็คือกลิ่นของดอกไม้ ในป่า หอมตามลม แต่กลิ่นศีลของหลวงปู่หวลตามลมและทวนลม และ ไม่นิยมกาลเวลา หอมอยู่เสมอ
หลวง ปู่มีจริยาวัตร คือความประพฤติที่เรียบร้อย งดงาม เต็มพร้อมด้วยสิกขา วินัย กฎระเบียบ การปฎิบัติของท่านเรียบง่าย ถูกต้องทั้งในสมาคมสาธารณะ และในที่รโหฐาน จะเป็นที่ชุมชนใหญ่ เล็ก ท่านทำตนเป็นกลางเสมอเหมือน ความประพฤติของท่าน เสมือนต้นไม้ใหญ่ ที่มีร่มเงามาก มีกิ่งก้านสาขาแผ่กว้างให้คนเดินทางได้อาศัยร่มเงาพัก นกกาอาศัยเกาะกิ่ง มีกาฝากก็ขึ้นแซม บ้างบางครั้งบางคราว
หลวงปู่ท่านมีปฎิทา คือทางดำเนินสายกลางพอเหมาะพองาม ไม่ชอบระคนด้วยกลุ่มชนมาก ชอบหลีกเร้นอยู่ในที่สงบ ชอบชีวิตธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร ชีวิตของท่านอยู่กับป่ามาโดยตลอด แม้ในวัยชรา หลวงปู่จะปรารภเสมอว่า ขณะนี้ป่าธรรมชาติจะหายไป แต่มีป่ามนุษย์เข้ามาเทนที่ โดยท่านให้คติว่า ต้นไม้ในป่าต่างต้นต่างเจริญเติบโต แสวงหาอาหารเลี้ยงต้น ใบ ดอก ผลของมัน เอง ไม่แก่งแย่งเบียดเบียนกัน แต่มนุษย์ก็มีทางดำเนินเลี้ยงชีวิตตรงกันข้ามกับต้นไม้ในป่า
หลวง ปู่ท่านมีเมตตาธรรมเป็นเลิศ มีสมาธิดี มีพลังจิตสูงเปี่ยมด้วยเมตตา ถ้าได้สนทนาธรรม กับท่าน สิ่งที่เป็นคำสอนอันสำคัญสำหรับชาวเราทั่วไป ก็คือ ท่านจะสอนให้หัดแผ่เมตตา ความปราถนาดี แก่คน สัตว์ ศัตรูหมู่มาร จะสอนให้แผ่ให้ทั่วจักรวาล ยิ่งแผ่มากจะทำให้จิตใจ สบาย รักชีวิต ทรัพทย์สินของคนอื่นเหมือนกับของตนเอง หลวงปู่ท่านสอนให้แผ่ความปราถนาดี ความสุขแก่ชนทุกชั้นทุกระดับ ใครจะได้รับมากน้อยสุดแต่วาสนาบารมีของผู้นั้น
สรุป ได้ว่า หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ท่านสมบูรณ์บริบูรณ์ด้วย ศีล จริยวัตร ปฎิปทา คุณธรรม แผ่ขจรขจายไปทั่วทุกสารทิศ ทั้งตามลมและทวนลม เกียรติคุณ บริสุทธิคุณ ปรากฎในชุมชน ทั่วไป
คุณแห่งศีล และเมตตาของท่าน เป็นเสมือนมนต์ขลัง ก่อให้เกิดศรัทธาปสาทะ มีคนจำนวน มากเดินทางไปกราบขอศีลขอพร ขอบารมีธรรม และบางรายขอทุกอย่างที่ตนมีทุกข์ เพื่อจะให้ พ้นทุกข์
ทำให้เกิดศรัทธาสองทาง คือ คุณธรรม และวัตถุธรรม ผู้ใดต้องการธรรมะ ก็สดับตรับฟัง ศึกษาเอา ผู้ใดต้องการของขลัง รูปเหรียญวัตถุมงคลที่ระลึก ก็แสวงหาเอา ใครผู้ใีดปราถนาหรือ ศรัทธาอย่างใดก็ปฎิบัติอย่างนั้น ซึ่งก็คงสำเร็จประโยชน์ไม่มากก็น้อย "
ในสมัย ที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ ประชาชนจากใกล้ไกล ต่างแห่แหนไปกราบ หลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ ได้ปรารภถามว่า " พากันลำบากลำบนมากันทำไม"
คำตอบจากประชาชนเหล่านั้นก็คือ " ต้องการมากราบบารมีของหลวงปู่ "
หลวง ปู่ได้แนะนำว่า " บารมีต้องสร้างเอา เหมือนอยากให้มะม่วงของตนมีผลดก ก็ต้องหมั่น บำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แห่ไปชื่นชมต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูก ไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง การสร้างบารมีก็เช่นกัน ต้องสร้างต้อง ทำเอาเอง "
(จาก หนังสือเรื่อง หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๓ เรียบเรียงโดย รศ.ดร.ปฐม -รศ.ภัทรา นิคมานนท์
มีนาคม ๒๕๔๘
***ให้ตั้งสัจจะ...หลวงปู่แหวน สุจิณโณ***
การ ปฏิบัติเราจะเดินก็ให้ตั้งสัจจะไว้ว่า จะเดินเท่านี้เท่านั้น หรือเราจะนั่งวันหนึ่งคืนหนึ่ง หรือถ้าเราสู้ไม่ไหวเราก็เอาแต่พอสมควร ให้ตั้งใจจริงๆ
กำหนด ตั้งสัจจะไว้ในจิตในใจ ละความมัวเมาออกให้หมด คอยกำหนดจิตเข้ามาสู่ภายในให้ใจเบิกบาน ตั้งความสัจจะว่าจะภาวนาเป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้ หรือถ้าจะเดินก็ให้กำหนด ระวังรักษาจิตใจของเรา ให้แช่มชื่นเบิกบานไม่ปล่อยจิตปล่อยใจให้เป็นธรรมเมา รักษาจิตใจให้ตั้งอยู่เฉพาะธรรมโม
อย่า ละความเพียรความพยายาม ให้เพียรไปติดต่อกัน จะเป็นวันหนึ่งหรือคืนหนึ่งก็ได้ เช่น ตั้งสัจจะว่าจะนั่งตลอดคืนจะไม่นอน อย่างนี้ตั้งสัจจะไว้อย่างนี้เป็นการดี ตั้งสัจจะต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วตั้งใจให้ดี คอยระวังรักษาจิตใจของเรานั้นแหละ ให้ผ่องใสตลอดไป
ให้ พยายามรักษาความดีความหมั่นความขยันของเราไว้ ให้สละความเกียจคร้านออกไปเสีย ปกติจิตของเรานี้มักจะไหลไปสู่ความเกียจคร้านความลุ่มหลง
เรา ต้องพยายามหาอุบายมาเตือนตนอยู่เสมอ ด้วยความเพียรความหมั่น ให้รักษา กาย วาจา ใจ ของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ในสิกขาวินัย นำความผิดความชั่ว ออกจากกาย จากวาจา จากใจ
อาศัย ความเพียรเป็นไปติดต่อ จึงจะชนะความเกียจคร้านได้ ความมัวเมา ความประมาทอันใดมีก็ให้ละเสีย ให้วางเสีย ทำจิตใจของเราให้ตั้งอยู่ในธรรมโม พิจารณากลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้ ต้องอาศัยความเพียรความหมั่นความขยัน ไม่เช่นนั้นจิตมันจะตกไปสู่ความเกียจคร้าน
เรา ต้องตักเตือนข่มขู่ ชักจูงแนะนำจิตของเราด้วยอุบายแยบคาย ถ้าจิตใจมันเกียจคร้าน เราต้องหาอุบายมาตักเตือน ชักจูงแนะนำ ให้มีความอาจหาญ ร่าเริง ให้เกิดความอุตสาหะขยันหมั่นเพียร ไม่ปล่อยให้จิตนิ่งเฉยเกียจคร้าน
เรา ต้องละความเกียจคร้าน ความไม่ดีของจิตด้วยการอบรมภาวนาอย่างนี้ ถ้าเราตักเตือนชี้นำด้วยอุบายอันชอบ ในที่สุดจิตก็จะฟังเหตุผล เกิดความมุมานะพยายามในความเพียร เราต้องข่มขู่ตักเตือนบ่อยๆ ในสมัยที่จิตนิ่งเฉยต่อความเพียร
ถ้า เราคอยประคับประคองจิต ด้วยอุบายข่มขู่ตักเตือน ด้วยอุบายแยบคาย จิตย่อมจำนนต่อเหตุผล ระวังรักษาสติไว้อย่าให้หลงลืม ฝึกหัดให้เกิดความรู้ความฉลาดเกิดขึ้นในจิตในใจของตน
จิต ของเรา ถ้ามันเกียจคร้านขึ้นมา มันจะให้เรานอนท่าเดียว ถ้ามันเกิดอย่างนี้ขึ้นมา เราต้องหาอุบายมาข่มขู่ตักเตือน อุบายใดที่ยกขึ้นมาชี้แจงแล้วจิตยอมเชื่อฟังนั่นแหละคืออุบายที่ควรแก่จิตใน ลักษณะนั้น และในขณะนั้นๆ ถ้าเราไม่ข่มขู่ชี้โทษโดยอุบายที่ชอบ ใครเขาจะมาตักเตือนเรา บางครั้งจิตถ้ามันเกียจคร้านขึ้นมา มันจะวางเฉยในอารมณ์ทั้งหมด ในลักษณะเช่นนี้แหละ เราต้องหาอุบายมาทำให้จิตตื่นให้ได้ เช่นไหว้พระสวดมนต์ หรือยกธรรมบทใดบทหนึ่งขึ้นมาพิจารณา
ให้ ตั้งอยู่ในความหมั่นความเพียร ในคุณงามความดีของตน พยายามเพ่งดูในจิตในใจของเรานี้แหละ ถ้าไม่อาศัยความขยันหมั่นเพียร ไม่ได้ จิตเรานี้มันมักจะไหลไปสู่อารมณ์ต่างๆ เป็นอดีตอนาคตไป เราต้องหาอุบายมาชี้แจงให้ตั้งอยู่ในปัจจุบันธรรม
ถ้า เราไม่หมั่นหาอุบายมาอบรมจิตแล้ว ส่วนมากจิตมักจะเกิดความเฉื่อยชา วางเฉย ดังนั้น อุบายจึงเป็นของสำคัญ ยกขึ้นสู่การพิจารณาชี้แจง ให้จิตอาจหาญ ร่าเริง เห็นแจ้งในจิตในใจของเรา ถ้าจิตยิ่งเกิดเกียจคร้านเท่าไรเราก็ต้องเพิ่มความพยายามตักเตือน โดยอุบายให้มากขึ้นให้เท่าเทียมกัน จนเกิดความขยันขันแข็ง เบิกบานผ่องใส
ให้ตั้งอกตั้งใจตั้งสัจจะ ตรงต่อคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้เกิดความอุตสาหะวิรยะ ความพากความเพียร ในภาวนาในคุณความดี
ให้ตั้งอยู่ในสิกขาวินัย ในความหมั่นความเพียร
ให้ ตั้งความสัจจ์ความเพียรไว้ อย่าเป็นคนเกียจคร้าน พระพุทธเจ้าสั่งสอนเราให้ตั้งอยู่ในมรรคในผล ให้พยายามรักษาจิตรักษาใจของเรา อาศัยความองอาจกล้าหาญ ในความพากความเพียรของเรา อย่าอ่อนแอท้อแท้ เราต้องสู้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าองอาจกล้าหาญจึงจะผ่านอุปสรรคไปได้
ให้รักษาตา รักษาหู รักษาจมูก รักษากาย รักษาใจ ของตน ในทุกอิริยาบท ยืน เดิน นั่ง นอน
จา โค ปฏินิสฺสคฺโค ให้ละเสีย ความถือตนถือตัว อันตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เขาก็เป็นปรกติอยู่ใจก็เป็นปรกติอยู่ รูป เสียง กลิ่น รส กามคุณทั้ง ๕ เขาก็เกิดมีอยู่อย่างนั้นละ เราเกิดมา นินทา สรรเสริญ โคตร ผีบ้า ผีบอ เขาก็ว่ากันอยู่อย่างนั้นละ ที่รับเข้ามามันหนักแน่นอยู่ในหัวใจ ปล่อยให้เขาป่นไปป่นมา ใจปรกติอยู่แล้ว ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็เป็นปรกติอยู่แล้ว จะไปเดือดร้อนทําไมเล่า ไปหอบเอาของเขามาสิมันเดือดร้อน ของเราก็มีเต็มขี้ปุ๋ม (พุง) อยู่แล้ว บาปเราก็มี บุญเราก็มี นินทา สรรเสริญ โคตรพ่อโคตรแม่ ของเรามีเยอะ แต่เราไม่พูด โยนทิ้งหมด ก็สบายดีละก้า ไปหอบเอาของเขา ขี้โลภมากมันถึงเดือดร้อน ลูกก็ตาม หลานก็ตาม ลูกมันพ้นระหว่างขาของเราแล้วโล้ ไปหอบมันสังมันเป็นทุกข์ มันรู้ได้เสียก็พอละ รีบตั้งอกตั้งใจ ทําอาชีพอันใด ๆ ก็ดี ให้ตั้งใจ อย่าไปขี้เกียจขี้คร้านก็พอละ ว่ากล่าวด้วยวาจาของตน ช่วยสงเคราะห์อุปการะสังคโห ช่วยสงเคราะห์ก็พอแล้ว อันเขาใหญ่ขึ้นมาแล้ว รู้ผิด รู้ถูก รู้ได้ รู้ดี รู้มั่ง รู้มี ไปหวัน...มันก็เป็นทุกข์ละก้า ทําอันใดไม่พออกพอใจ แล้วก็ไปเดือดเขา บ่รู้พอหลงก็หลงมาพอแล้ว โลภก็โลภมาพอแล้ว รักก็รักมาพอแล้ว ชังก็ชังมาพอแล้ว เอ้า!! หยุด...พอแล้ว
ตัว สัญญา ตัวกิเลส มันตั้งขึ้นเสียก่อน ตัวกิเลสนั้นนะ ไปทักมันสัก ๓ ครั้ง มันก็ไม่หยุด อย่างพวกนอนในใบบัวกา ไต่หลังน้ำ...กา หมู่นี้มันเป็นเครื่องเล่นนับเข้าบารมี ๑๐ นี่ละ ขันติตัวอดมันได้ปีติ ได้กสิณฌาน กํามือจนเล็บมือผด (ทะลุ) หลังมือไม่รู้ตัว อันนั้นก็ยังไม่มีใครแก้ได้นา ไม่ยอมใครทีเดียว แต่ไม่ใช่ถึง เป็นแค่ฌานโลกีย์ทั้ง ๕ ปีติอันนี้ แต่อาจเป็นอยู่ในกามโลกอันนี้ บางคนก็ขี้หินป่งหู้ม (งอกปิด) รอบ ๆ ตัว บางคนก็ไปนั่งริมเก๊าไม้ (ต้นไม้) ป่งหุ้ม ได้สองหมื่นปีก็มี สามหมื่นปีก็มี เวลาจะอกก็กสิณนั้นละ เพิ่งกสิณให้แตกกระจาย พวกนี้ครั้งตายจากกามโลก ก็ไปพรหมโลก ไปดูเขาแล้วพวกนี้ เขาเป็นนักผนึกบารมีหนา ทานบารมี ทานภายนอก ทานภายใจ เขาก็ละได้ภายใจตัวอกุศล ตัวอกุศลาธัมมา นี้ละ เมาหลง เมาโกรธ เมาราคะ กิเลสตัณหานี่ละ มันเป็นกก เป็นเค้าเป็นเหง้า เป็นงูน กิเลสพันห้า ตัณหาร้อยแปด กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ไปจากนี้ละ เขาละได้จริง ๆ หนาเขาอดได้แต่ไปแก้ไม่ไหวหรอก อันที่ปีติตัวนี้ แต่ถอนได้เหมือนกันนั้นละ เวลาตายจากกามโลกนี้ ก็ไปพรหมโลก พวกนี้ไม่ตกต่ำ แต่ได้กลับมาเกิดอยู่ แต่พวกเพ่งพวกนั้น ยังสําคัญว่าตนได้สําเร็จพนะนิพพานหนา... แต่มันไม่เป็นปัญญาวิมุตติ โลกุตรวิมุตติ ต้องแก้ไขอยู่เรื่อง จนกิเลสอาสวักขยญาณไปรู้กิเลสของตน กิเลสของกาย สิ้นไปหมด กิเลสของใจ เรามีกามฉันท์งอกขึ้น ดับไปแล้ว ก๋าลังศรัทธา ก๋าลังความเพียร ก๋าลังสติ ก๋าลังสมาธิ ก๋าลังโลกุตรปัญญา วิมุตติผู้แจ้งชัชวาล ตลอดจนถึงขันธปรินิพพาน ไตรวัฏมีเท่านี้แล้ว
นวํ นตฺถิ เราไมjยินดี จะก่อภพใหม่ต่อไปอีกแล้ว มันก็หมดเรื่องกันเท่านั้นละก้า... มิเข้าไปนอนในท้องแม่นอนกินน้ำกาม เกิดแก่เจ็บตายไม่มีแก่เราต่อไป มันหมดสิ้นละทีนี้ ถ้าไม่หมดมันก็หมุนอยู่นั้นละ ค้นอยู่ในนี้ละ อย่าไปละ ท่านไม่ให้ประมาทก้อนธัมเมา อริยสัจธรรมทั้ง ๔ ก็อันนี้แล้ว ทุกข์มันก็เกิดนี่ละสมมติอันใดทุกข์ก็อันนั้นละ มรรคสัจอันในนิโรธธรรม เป็นธรรมอันดับทุกข์ก็อันนั้นละ... ค้นอยู่ในนี้แหละครั้งไปค้นที่อื่น เดี๋ยวก็ไปติดแผนที่ จําแผนที่ได้อันนั้นเป็นอย่างนั้น ๆ สติปัฏฐาน ๔ ไปรู้แต่แผนที่... ตัวธรรมแท้ๆ ไม่รู้ กายานุปัสสนาสติปัฏฐานไปรู้แต่แผนที่เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานก็รู้แต่แผนที่ แล้วก็ไปติดแผนที่นั่นละ มันใช้ไม่ได้ละ... มันต้องวางแผนที่
อุ โปปทานํ อุปโก สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี สมคฺคานํ ตโป สุโข เผาลงที่เดียวนั้น ให้มันแจ้งในที่เดียว แล้วมันจึงเป็นสุข ไปคุม (จับ) แต่แผนที่นั้นแล้วมันก็ไม่ทันการณ์ แผนที่อันหนึ่ง ภูมิประเทศอันหนึ่ง อย่างเจ้าคุณอุบาลีฯ ท่านว่าแต่ก่อนแปลเต็มที่นา แผนที่นี่ใช้วิภัตติปัจจัยได้ดี... ครั้งไปปฏิบัติได้รู้แจ้งเห็นจริงขึ้นมาแล้ว โอ๊ย!!! มันน่ารักงไกลกันตั้งหลายโยชน์ อันนั้นมันแผนที่ต่างหาก แผนที่ปริยัติธรรม... ให้น้อมเข้ามาที่ก้อนธัมเมานี่ละ ก้อนพระธรรมแต่เมานี่ ตัวนี่ละค้นเข้า ๆ จนแจ้ง ครั้งแจ้งแล้วก็รู้หมดละหมู่นั้น ครั้งมันแล่นอยู่ก็ของเก่า มันเป็นธัมเมาอยู่นั้นละ พุทโธธัมเมา สังโฆธัมเมา อกุศลาธัมเมา เมาหลง เมาโกรธ เมาราคะ กิเลสตัณหา มันต้องละ พวกที้ละก้า... จะไปละที่ไหน ? ค้นอยู่นั้นละ ตัวทุกข์ มันก็เกิดนั้น ถือตัวถือตนมันก็ถืออยู่นั่น ก้อนธัมเมานี่ละ เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ สอนถึงแต่หนัง เนื้อหนังหุ้มห่ออยู่เป็นที่สุดรอบ ไม่รู้ดี รู้ชั่ว มันปิดบังหมด เป็นอวิชชาใหญ่โต อวิชามันตัวมืด... เอามันจนรู้แจ้งโล่ อรหํ มันก็หยุดละ... ไม่หยุดก็เป็นธัมเมาอยู่นั้นละ อวิชชาธัมเมา อตีตาธัมเมา อดีตก็เป็นธัมเมามาตั้งแต่ดึกดําบรรพ์
นับ อสงไขยไม่ได้ นับล้านอสงไขยไม่ถ้วน เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด มาตั้งแต่ดึกดําบรรพ์ มาตั้งแต่อดีต อนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตา มันเรื่องของสังขาร รู้เท่าสังขาร รู้เท่าสมมติ วางสังขารหมด วางสมมติหมด ก็โลกวิทูรู้แจ้งโลก รู้แจ้งโลกแล้ว ก็รู้แจ้งธรรม ฉะนั้น ไม่ให้ประมาท ให้ค้นอยู่ในก้อนธัมเมาอันนี้ละ พระธัมเมาก็ว่ามันเมาอยู่กับรูปนี้ ไม่เมารูปนี้ก็รูปอื่นมีทั่วไป ครั้งค้นนี้ให้แจ้ง แล้วก็หลุดออก แล้วมันก็สบาย วางขันธ์ ๕ ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม เอาละอย่าไปเอามาก มันเป็นธัมเมNitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-38437896405668258782013-01-30T17:30:00.000-08:002013-01-30T17:30:10.607-08:00เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : ระวังปัญญา(จากการคิด,อ่าน,ฟัง)ล้ำหน้าภาวนา<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-X23I5fDMJIA/UQnI7VrGNeI/AAAAAAAAFUQ/cd6IfD4l71s/s1600/watb-400x300.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="300" width="400" src="http://3.bp.blogspot.com/-X23I5fDMJIA/UQnI7VrGNeI/AAAAAAAAFUQ/cd6IfD4l71s/s400/watb-400x300.jpg" /></a></div>
เรื่องกังวลกับ ความจงใจหรือเจตนา ในการปฏิบัติหรือการดูจิตนั้น
เกืดขึ้นจากการที่พวกเราได้ฟัง คุณกล่าวถึง เจตนาสูตร บ้าง
ได้ฟังผมกล่าวถึง ความจงใจ ในเรื่องพระอนุรุทธะบ้าง
หรือบางครั้ง ได้ยินผมแนะอุบายแก่พวกเราบางคนให้ลดความจงใจลง
เพื่อแก้อาการเพ่งจ้องอย่างรุนแรงแบบเอาเป็นเอาตายกับกิเลสบ้าง
เมื่อฟังมากเข้า บางคนจึงเกิดความล้ำหน้าทางความคิดขึ้น
คือมีสัญญาว่า ความจงใจไม่ดี แล้วก็เกิด “ความจงใจที่จะละความจงใจ” ขึ้นมา
ผมเองก็เคยปฏิบัติธรรมแบบล้ำหน้าเหมือนกัน
ตอนนั้นผมไปปฏิบัติอยู่กับหลวงพ่อคืนที่วัดหน้าเรือนจำสุรินทร์
ผมดูจิตที่เห็นกิเลสผุดขึ้นบ้าง เห็นฝ้ามัวของโมหะบ้าง
หลวงพ่อคืนก็จะบ่นว่า “ไปนั่งดูสิ่งที่ถูกรู้ทำไม ปล่อยวางมันซะ แล้วมาหยุดอยู่กับ รู้”
ผมก็จัดการเข้ากุฏิ คู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า
(ใช้คำนี้เพื่อให้เห็นว่า เอาจริงและเป็นทางการมาก แบบกะฟันกิเลสให้ตายหมดเลย)
แล้วก็เร่ิมต้นด้วยการหายใจ เห็นลมหายใจถูกรู้อยู่ 2 – 3 อึก แล้วก็ปล่อยเสีย
หันมารู้เวทนาในกายที่นั่งตัวตรงอยู่นั้น ตอนนั้นยังไม่สุขไม่ทุกข์อะไร ก็รู้ไป
แล้วก็คิดต่อทันทีว่า อุเบกขาเวทนานี้ก็ถูกรู้ ก็เลิกดูเวทนา
หันมาดูความว่างๆ ในจิต ที่ซ้อนอยู่กับอุเบกขาเวทนา
ก็เห็นอีกว่า ความว่างถูกรู้ จิตเป็นผู้รู้ความว่าง
แล้วก็เลิกดูความว่าง หันมาจ้องมองจิตผู้รู้
ถึงตรงนี้ ผู้รู้ก็กลายเป็นสิ่งที่ถูกรู้ แล้วมีผู้รู้ตั้งขึ้นใหม่ โดยเขยิบไปด้านหลังหน่อยหนึ่ง
ผมก็ทิ้งตัวเก่า ดูตัวใหม่ ซ้อนๆๆๆๆ เข้าไปภายในตลอดเวลา
เล่นเอาสมองหมุนตาลาย ปวดระบมไปทั้งศีรษะ
ตอนนั้นก็คิดสุภาษิตมาสนับสนุนความโง่ได้อีกว่า
“บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร”
ไม่ว่าจะปวดหัวขนาดไหน ก็ยังคงไล่จับผู้รู้อยู่อย่างอุตลุดไปหมดด้วยความเพียร
ใกล้เที่ยงคืนก็หมดแรง หลับไปตื่นหนึ่ง
ตีสามตื่นขึ้นมาเร่งความเพียรใหม่จนสว่าง
แล้วก็นึกถึงความสอนของหลวงปู่ดูลย์ได้ว่า
“การใช้จิตแสวงหาจิตนั้น อีกกัปป์หนึ่งก็ไม่เจอ”
พอเช้า ก็เดินเป๋ๆ ออกมาจากกุฎิ กะจะมาต่อว่าหลวงพ่อคืน
มาเจอหลวงพ่อคืนเข้าพอดี ยังไม่ทันต่อว่าท่าน
ท่านก็อุทานลั่นวัดว่า “เมื่อคืนนี้ปฏิบัติอย่างไร ทำไมจิตใจมันชุลมุนอย่างนั้นทั้งคืน”
ผมก็เถียงท่านเต็มๆ เลย ว่า “ก็ผมทำตามที่หลวงพ่อสอนน่ะสิ”
“สอนยังไง อาตมาสอนยังไง”
“ก็สอนว่า ไปนั่งดูสิ่งที่ถูกรู้ทำไม ปล่อยวางมันซะแล้วมาหยุดอยู่กับ รู้”
คราวนี้หลวงพ่อหัวเราะเอิ้กอ้ากเลย บอกว่า
“การปล่อยวางนั้นต้องปล่อยด้วยปัญญา ไม่ใช่คิดปล่อยๆ เอาแบบนี้”
ผมก็นึกบ่นท่านว่า หลวงพ่อไม่น่าจะสอนผมเลย
ถ้าไม่สอน ผมก็จะรู้ความเกิดดับของอารมณ์ จนมีปัญญาปล่อยวางเอง
เพราะจุดสำคัญของการปฏิบัติ อยู่ที่รู้อารมณ์ด้วยจิตที่เป็นกลาง
ไม่จมลงในสิ่งที่ถูกรู้ หรือเผลอไปที่อื่น เท่านั้นเอง
แต่พอฟังท่านสอน ก็นึกตีความว่า ที่ทำอยู่ผิด จึงแก้ไขแนวปฏิบัติใหม่
ทำให้ปฏิบัติผิด ทั้งเหนื่อย ทั้งเสียเวลา
การปล่อยด้วยปัญญา กับปล่อยด้วยสัญญา มันต่างกันอย่างที่เล่ามานี้เอง
และเมื่อพวกเราได้ยินนักปฏิบัติรุ่นพี่กล่าวถึง เจตนา และความจงใจ
ว่าทำให้วิญญาณตั้งขึ้น ภพตั้งขึ้น
แทนที่จะเพียงเฉลียวใจ รู้ว่าตนมีความจงใจหรือไม่
กลับเกิดความจงใจ ที่จะละความจงใจ
จนลืมหลักปฏิบัติขั้นพื้นฐานที่ว่า “ทุกข์ให้รู้ สมุทัยให้ละ”
บางทีการอ่านและการฟังธรรมะมากเกินไป ก็ทำให้ข้ามขั้นตอนได้เหมือนกัน
อันนี้ฝากไว้ให้นักปฏิบัติทั้งหลายครับ
ผมเองก็ไม่ได้ดีวิเศษไปกว่าพวกเราหรอก
อะไรที่ใครๆ ทำผิดกันนั้น
ผมทำผิดมาก่อนแล้วแทบทั้งนั้นแหละครับ
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวันที่ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2543Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-73934731253837581932013-01-30T17:24:00.000-08:002013-01-30T17:23:59.975-08:00หลวงปู่เทสก์เน้นสอนเรื่องใดหลวงปู่เทสก์เน้นสอนเรื่องใด
หลวงปู่เทสก์ท่านเป็นพระป่าที่สอนเน้นอยู่ 2 – 3 จุดเท่านั้นครับ คือเรื่อง จิตกับใจ เรื่องหนึ่ง และเรื่องมิจฉาสมาธิ กับสัมมาสมาธิ อีกเรื่องหนึ่ง
ท่านสอนว่า จิตเป็นธรรมชาติที่รู้และเสวยอารมณ์ด้วย เมื่อเราปฏิบัติมากเข้า จิตรู้ความจริงแล้วก็วางอารมณ์ รวมเข้ามาเป็นใจ คือเป็นธรรมชาติรู้อารมณ์เฉยๆ
ท่านสอนว่ามิจฉาสมาธิเป็นความสงบเคลิบเคลิ้ม เหมือนความสงบของเด็กไร้เดียงสา ต่างจากสัมมาสมาธิที่เป็นความสงบแบบผู้ใหญ่ ที่ทำงานเสร็จแล้ว มาหยุดพักผ่อน
คือจิตที่เจริญวิปัสสนา รู้ความเกิดดับของรูปนามไปจนถึงจุดหนึ่ง จิตจะตัดกระแสการเจริญวิปัสสนานั้น รวมสงบเข้ามาพักอยู่ภายใน อาจจะพักในอุปจารสมาธิ หรืออัปนาสมาธิก็ได้ พอมีกำลังแล้วก็ออกไปทำงานใหม่ เมื่อเจริญวิปัสสนาพอสมควรแก่ธรรมแล้ว คราวนี้จิตจะรวมเองเข้าถึงอัปปนาสมาธิ มีความสงบ รู้ อยู่ภายใน แล้วเกิดมรรคญาณขึ้น ด้วยจิตที่ประกอบด้วยอัปปนาสมาธิชั้นใดชั้นหนึ่ง
มรรคญาณจะต้องประกอบด้วยอัปปนาสมาธิ แต่ไม่ใช่อัปปนาสมาธิจะต้องประกอบด้วยมรรคญาณครับ
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อ วัน จันทร์ ที่ 22 มกราคม 2544<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-QnjjU1ycODs/UQnHl6XAjPI/AAAAAAAAFUE/xJL0FZSK9RQ/s1600/lptes-400x217.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="217" width="400" src="http://3.bp.blogspot.com/-QnjjU1ycODs/UQnHl6XAjPI/AAAAAAAAFUE/xJL0FZSK9RQ/s400/lptes-400x217.jpg" /></a></div>
Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-91887434219109798492013-01-30T03:27:00.000-08:002013-01-30T03:27:34.687-08:00ทำลายสักกายทิฏฐิต้องอาศัยจิตเสื่อม<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-pW6UJnSsxNw/UQkDmH372fI/AAAAAAAAFTs/1rnCfEo5usY/s1600/734526_587560967936446_2054340089_n.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="320" width="400" src="http://3.bp.blogspot.com/-pW6UJnSsxNw/UQkDmH372fI/AAAAAAAAFTs/1rnCfEo5usY/s400/734526_587560967936446_2054340089_n.jpg" /></a></div>
เรามองกันว่า จิตเสื่อมไม่ดี จิตเจริญมันดี
ทั้งๆ ที่การทำลายสักกายทิฏฐินั้น จะทำลายได้ก็ต้องอาศัย “จิตเสื่อม”
ผู้ปฏิบัตินั้น รักและหวงแหนจิตผู้รู้กันมาก
พยายามปัดกวาดสิ่งสกปรก ประคับประคองบำรุงสติสัมปชัญญะยิ่งกว่าเลี้ยงลูกอ่อน
แล้วไม่ว่าจะรักษาศีล บำเพ็ญภาวนาปานใด
ความเสื่อมของจิตผู้รู้ก็ยังกล้ำกลายเข้ามาอีกจนได้
คือมองไม่เห็นจิตผู้รู้ เห็นแต่ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ
การที่จิตเจริญแล้วเสื่อม เสื่อมแล้วเจริญนั้น
ถึงจุดหนึ่งจิตจะรู้แจ้งแทงตลอดในความเป็นจริงว่า
แม้ตัวจิตเองก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ขณะเดียวที่เห็นว่าจิตไม่ใช่เรานั้น สักกายทิฏฐิก็ขาดแล้ว
แล้วก็จะเข้าใจว่า จริงๆ ยังมีธรรมชาติที่ผ่องใสอันหนึ่ง
มันเป็นธรรมชาติของมันอยู่อย่างนั้นแหละ
ที่เจริญและเสื่อมก็คือขันธ์เท่านั้นเอง
จิตที่ฉลาดแล้ว สะอาดแล้ว ไม่เจริญและเสื่อมไปด้วย (แต่ไม่ใช่ไม่เกิดไม่ดับนะครับ)
เหมือนน้ำในท่อน้ำครำ ที่น้ำสะอาดก็ยังคงอยู่
ที่มันสกปรกนั้นไม่ใช่น้ำสกปรก
แต่เป็นเพราะมีสิ่งอื่นเข้ามาแทรกปน
พอแยกสิ่งที่แทรกปนออก น้ำก็สะอาดอย่างเก่า
น้ำที่สะอาดจึงไม่เคยหายไปไหน เพียงแต่บางคราวเรามองไม่เห็นเท่านั้น
พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนว่า จิตนั้นผ่องใส แต่เศร้าหมองเพราะกิเลสที่จรมา
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ผมฟังครูบาอาจารย์มา
ท่านว่าพระอนาคามีนั้น จิตผู้รู้จะเด่นดวงอย่างยิ่ง
ไม่เศร้าหมอง เพราะกามไม่มีอำนาจดึงดูดแล้ว
บางท่านหาทางพัฒนาต่อไปไม่ได้ เพราะดูอย่างไรก็เห็นแต่จิตที่ไม่เสื่อม
ความยึดถือจิตจึงยังคงอยู่เรื่อยๆ ไป
ต่อเมื่อสังเกตเห็นว่า บางครั้งจิตก็ยังหมองไปนิดๆ เพราะกิเลสชั้นละเอียดคือความไม่รู้
คือมองเห็นความเสื่อมของจิตนั่นเอง
แล้วสามารถแยกเอากิเลสละเอียดออกจากจิตได้อีก
จิตจึงถึงความบริสุทธิ์ที่แท้จริง ไม่ตกอยู่ใต้แรงดึงดูดใดๆ อีก
ที่จริงผมไม่ได้เข้ามาตอบกระทู้นี้ เพราะเห็นว่าตอบกันดีอยู่แล้วน่ะครับ
แล้วเรื่องอย่างนี้ หากอธิบายแจกแจงละเอียดเกินไป
ผู้ปฏิบัติใหม่ๆ ก็จะนิ่งนอนใจกับภาวะจิตเสื่อม
เพราะปัญญาที่เป็นสัญญาจากการอ่านมันล้ำหน้าไปแล้ว
ว่า จิตเสื่อมเป็นเรื่องธรรมชาติ แบบเดียวกับการเป็นสิว
แต่เมื่อ คุณ เปิดประเด็นที่ละเอียดไว้ ก็เลยต้องตกบันไดพลอยโจนครับ
แต่ก็อยากบอกน้องๆ และหลานๆ ว่าอย่างนิ่งนอนใจกับภาวะจิตเสื่อม
เราจะต้องพยายามต่อสู้แก้ไขจนเต็มที่
เพื่อพิสูจน์ความจริงให้จิตเห็นว่า
จิตนั้นเป็นอัตตาหรืออนัตตากันแน่
หากไม่พิสูจน์กันสุดชีวิตจิตใจ จิตมันไม่เชื่อหรอกครับว่า จิตเป็นอนัตตา
ส่วนอุบายวิธีที่จะแก้ปัญหาจิตเสื่อม ขอให้พยายามพิจารณากันเองเองเถอะครับ
กุศลธรรมทั้งหลายนั้น เอามาใช้ได้ทั้งนั้น
เช่นสัจจะ อธิษฐาน ขันติ ทาน สมถะ วิปัสสนา ฯลฯ
แต่อุบายวิธีในการแก้ปัญหานั้น เราต้องพัฒนาขึ้นตลอดเวลา
เพราะกิลเสมันมีพัฒนาการเหมือนกัน
เช่นคราวนี้เราแก้ความฟุ้งซ่านได้ด้วยการทำสมถะ
อีกวันหนึ่งเอาสมถะมาแก้ ก็ไม่สำเร็จเสียแล้ว
คล้ายกับกิเลสเป็นเชื้อโรคที่ดื้อยาชนิดนั้นไปแล้ว
เราก็ต้องผลิตยาตัวใหม่ มาต่อสู้กับมันอีก
อุบายวิธีในการต่อสู้กับกิเลส จึงมีมากมายนับไม่ถ้วน
ดังนั้นที่ถามหาวิธี ก็คงตอบไม่ได้หรอกครับ
ลองนึกถึงภาพพระโพธิสัตว์ของฝ่ายมหายานสิครับ
พระโพธิสัตว์มีจำนวนมาก แต่ละองค์บางทีก็มีตั้งพันกร
เพื่อจะต่อสู้กับกิเลสพันห้าตัณหาร้อยแปด
ดังนั้น ไม่มีอุบายสำเร็จรูปหรอกครับ ที่จะสู้กับจิตเสื่อม
แต่ถ้าจะกล่าวอย่างย่นย่อ “โยนิโสมนสิการ” ครับ
ที่จะผลิตอาวุธมาแก้ปัญหาจิตเสื่อมของเราได้เสมอ
ก็ต้องสู้กันจนมารและพระโพธิสัตว์ตายไปพร้อมๆ กันแหละครับ
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-72944451657483758392013-01-30T03:23:00.002-08:002013-01-30T03:23:50.585-08:00ผู้เข้าถึง จิตแท้ ธรรมแท้<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-7m4ci42IBpw/UQkCvO0jtfI/AAAAAAAAFTc/4pKepCzB_v4/s1600/spm-400x271.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="271" width="400" src="http://3.bp.blogspot.com/-7m4ci42IBpw/UQkCvO0jtfI/AAAAAAAAFTc/4pKepCzB_v4/s400/spm-400x271.jpg" /></a></div>
ผู้ปฏิบัติที่เข้าถึงจิตแท้ธรรมแท้นั้น มีถึง 3 ลักษณะ
คือ 1. ผู้เดินทางปัญญาวิปัสสนา ไม่ข้องแวะสิ่งอื่น
(แต่จิตที่เดินวิปัสสนาต้องเป็นจิตที่เป็นสัมมาสมาธินะครับ)
2. ผู้ที่ทำฌานก่อน แล้วน้อมไปเจริญวิปัสสนา
และ 3. ผู้ที่ทำฌานด้วย เจริญปัญญาด้วย
แต่ประเภทหลังนี้ชาตินี้มักไม่ค่อยทำฌาน แต่ได้ฌานมาแต่ชาติก่อนๆ
ชาตินี้มาเจริญปัญญา แล้วเกิดทั้งความแตกฉานในธรรมอันละเอียดด้วย
ฌานของเก่าที่เคยทำไว้ก็ยังให้ผลได้ด้วย
(ในภายหลังจากที่หลวงพ่อได้บวชแล้ว ท่านได้สอนเพิ่มเติมว่าแท้จริงยังมีประเภทที่4 ซึ่งอยู่ใน ยุคนัทธสูตร-ผู้เรียบเรียง)
แต่ทุกประเภท อาการที่จิตเข้าถึงธรรม เช่นการเกิดมรรค ผล ปัจจเวกขณะ
จะใกล้เคียงกันมาก ผิดตรงผลที่เกิดหลายขณะสั้นยาวไม่เท่ากันเท่านั้น
ถ้าเกิดผลสั้น ก็มักจะขาดความแตกฉาน เพราะจิตผ่านแว้บไปเท่านั้น
แต่สังโยชน์นั้นขาดเท่าๆ กันครับ
เนื่องจากมันขาดที่มรรค ไม่ใช่ขาดที่ผลซึ่งแตกต่างกัน
สิ่งที่ผมเล่ามานั้น มันเป็นการพิจารณาเดินปัญญาของจิตที่มีกำลังฌานสนับสนุน
คุณไม่ต้องไปคิดว่า จะต้องรู้อย่างเดียวกันนั้นจึงจะผ่านไปได้
เหมือนคนที่จะไปเชียงใหม่นั้น บางคนขึ้นเครื่องบินแว้บเดียวไปถึงแล้ว
ส่วนผมเป็นประเภทเดินเท้าบ้าง ลงเรือบ้าง เดินทางไปเชียงใหม่ด้วยเวลายาวนาน
ก็จะรู้ภูมิประเทศรายทางมากกว่าคนที่ขึ้นเครื่องไปน่ะครับ
แต่เมื่อไปถึงเชียงใหม่ ก็จะเห็นว่าเพื่อนๆ เขาไปเที่ยวเชียงใหม่กันจนเบื่อแล้ว
ส่วนเราเพิ่งงุ่มง่ามไปถึง
ในทางปฏิบัตินั้น สิ่งสำคัญไม่ใช่องค์ความรู้
แต่สิ่งสำคัญคือ รู้ ซึ่งหมายถึงรู้สภาวธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง
ด้วยจิตที่ตั้งมั่น เป็นกลาง ไม่ถูกกิเลสครอบงำ
เวลาจะปฏิบัติขีดวงไว้แค่นี้ก็พอแล้วครับ
ส่วนความรู้ความเห็นที่หยาบละเอียดต่างกันนั้น ไม่สำคัญเท่าความพ้นทุกข์หรอกครับ
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2542Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-52757901546117052792013-01-30T03:14:00.001-08:002013-01-30T03:14:15.463-08:00ปฏิบัติเพื่ออะไร? (๙) ตามรู้เพื่อจะเห็นไตรลักษณ์ปฏิบัติเพื่ออะไร? (๙) ตามรู้เพื่อจะเห็นไตรลักษณ์
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-LEBEyT_q6tg/UQkAdDkdicI/AAAAAAAAFTI/Rm6ed0mpCqk/s1600/270452_293111097470986_887675187_n.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="400" width="400" src="http://1.bp.blogspot.com/-LEBEyT_q6tg/UQkAdDkdicI/AAAAAAAAFTI/Rm6ed0mpCqk/s400/270452_293111097470986_887675187_n.jpg" /></a></div>
หลวงพ่อปราโมทย์ : รู้ไปแล้วจะได้อะไร เห็นมั้ย คำสอนในศาสนาพุทธละเอียดนะ จะทำอะไร จะทำเพื่ออะไร จะทำอย่างไร ทำอย่างไรบอกแล้วนะ อย่างถ้าจะดูจิตดูใจเนี่ย ตามดูไป ให้สภาวะเกิดแล้วก็ตามรู้ไป หลงไปก่อนแล้วรู้ว่าหลง โกรธไปก่อนแล้วรู้ว่าโกรธ ตามดูไปเรื่อยๆ เราจะทำอะไร จะทำเพื่ออะไร จะทำอย่างไร ทำแล้วได้ผลอะไร ถ้าเราตามดูไปเรื่อย เราจะเห็นเลย เดี๋ยวจิตก็หลงเดี๋ยวจิตก็รู้ เดี๋ยวหลงเดี๋ยวรู้ นานๆจะมีอย่างอื่นแทรก เดี๋ยวโลภขึ้นมาเราก็รู้ หลงแล้วรู้ หลงแล้วรู้ อ้าว เดี๋ยวโกรธขึ้นมา อีกแล้ว นานๆจะมีโลภแทรก นานๆจะมีโกรธแทรกที แต่หลงนี่มันยืนพื้นเลย มันเป็นกิเลสยืนพื้นเลย
ดังนั้นเราคอยรู้ทัน เรื่อยๆ ไม่ใช่รู้เพื่อจะไม่ให้หลง แต่รู้เพื่ออะไร รู้เพื่อจะรู้ว่าเมื่อกี้จิตเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้จิตเป็นอีกอย่างหนึ่ง เมื่อกี้ จิตหลงตอนนี้จิตรู้ เมื่อกี้จิตโลภตอนนี้จิตรู้ เมื่อกี้จิตหลงตอนนี้จิตรู้ ไม่ใช่ฝึกเพื่อจะไม่ให้โลภ ไม่ให้โกรธ ไม่ให้หลง จะฝึกเพื่อให้เห็นว่า เมื่อกี้เป็นอย่างนึง เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนึง นี่คือการเห็นความเป็นไตรลักษณ์ของสภาวะธรรมนั่นเอง เห็นมั้ยเมื่อกี้จิตหลง ตอนนี้จิตหลงดับไปแล้ว เกิดจิตที่รู้ขึ้นมา เห็นมั้ยเมื่อกี้เป็นจิตโกรธ ตอนนี้เกิดเป็นจิตที่รู้ จิตโกรธดับไปแล้ว จิตที่รู้อยู่ไม่นาน เกิดจิตหลงขึ้นมาแทนอีกแล้ว เดี๋ยวก็หลง เดี๋ยวก็รู้ เดี๋ยวก็โลภ เดี๋ยวก็รู้ เดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็รู้ ฝึกไปเรื่อยๆ
ไม่ใช่ฝึกเอาดี ไม่ใช่ฝึกปฏิเสธ สิ่งที่ไม่ดีแต่ฝึกจนเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาให้จิตรู้นี้ เป็นของชั่วคราวทั้งสิ้น จิตโลภก็โลภชั่วคราว จิตโกรธก็โกรธชั่วคราว จิตหลงก็หลงชั่วคราว ทำไมหลงชั่วคราวเพราะมีตัวรู้มาคั่น มีจิตรู้มาคั่น เราก็เลยเห็นว่าหลงชั่วคราว ถ้าเราไม่มีจิตรู้เลยมันก็เลยเห็นว่าหลงชั่วคราว ถ้าเราไม่มีจิตรู้เลย มันก็จะมีแต่จิตหลง หลงทั้งวัน หลงทั้งคืน เราจะรู้สึกว่าหลงแล้วเที่ยง จะไม่เห็นหรอกว่ามันเป็นไตรลักษณ์ แต่เรามีรู้ขึ้นมานะ เพื่อจะเห็นหลงมันขาดเป็นท่อนๆ หลงไปหนึ่งนาทีแล้วรู้สึกตัวแว้บ เราเห็นเลยชีวิตที่หลงนะมันจบไปแล้ว มันเกิดชีวิตใหม่ที่รู้สึกตัว เสร็จแล้วหลงไปอีกห้านาที ก็รู้สึกอีกทีนึง หลงไปอีกชั่วโมงรู้สึกอีกที ต่อไปฝึกไปเรื่อยๆนะ หลงสามวินาทีรู้สึก หลงสองวินาทีรู้สึก ยิ่งฝึกเก่งนะยิ่งหลงบ่อย หลงแว้บรู้สึก ฝึกไปเรื่อย ไม่ใช่ฝึกไม่ให้หลง ไม่ได้ฝึกห้ามหลง ไม่ได้ฝึกที่จะให้รู้ตลอดเวลา แต่ฝึกเพื่อให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วล้วนแต่ดับทั้งสิ้น
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้าNitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-6303656718419690082012-09-29T14:14:00.000-07:002012-09-29T14:14:43.024-07:00เรื่องสั้นที่ชอบในรอบหลายๆปี“ทฤษฎีชายขอบแห่งสรรพสิ่ง"พระอาทิตย์ทอแสง เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงเช้าวันใหม่ ที่เสมือนหนึ่งม่านดำตามธรรมชาติถูกดึงขึ้น! หลังจากที่มันรูดลงมาปิดอาณาจักรแห่งนี้ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา แสงสว่างตามธรรมชาติปรากฏให้เห็นในเช้าวันใหม่ ในขณะที่จิตใจของเขากลับยังคงถูกปกคลุมเอาไว้ให้อยู่ในความมืดมิดด้วยม่านหมอกของความไม่เข้าใจในอะไรบางอย่าง...มากว่าสัปดาห์
“ได้มาเดินออกกำลังกายอย่างนี้ ค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อย” ชายหนุ่มพูดขึ้นขณะเดินลัดเลาะตามฟุตบาทเพื่อไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ห่างจากบ้านของสาวน้อยเยื้องไปทางทิศตะวันตกระยะทางประมาณ ๖๐๐ เมตร ผู้คนค่อนข้างพลุกพล่านเนื่องจากเป็นย่านชุมชนขนาดใหญ่ ซึ่งเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้แตกต่างจากคนเหล่านั้น โดยเฉพาะเครื่องแต่งกายที่ได้รับการอนุเคราะห์จากเธอในการจัดหามาให้ เลยทำให้เขาดูกลมกลืนกับเจ้าถิ่นเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญอีกประการคือเขารู้สึกหายใจโล่ง โปร่งสบายมากขึ้น
‘นี่คงเป็นฝีมือของเจ้าชิปอีกหละซิ’ เขานึกขอบคุณอยู่ในใจ
ระหว่างที่เดินตามเธอเขาสังเกตได้ว่า ระบบการจราจรที่นี่ดูค่อนข้างคล่องตัว ไม่ติดขัดมีทั้งรถยนต์ที่รูปร่างแปลกตา รถไฟฟ้าบนดิน – ใต้ดิน และรวมถึงระบบการจราจรบนอากาศ
“ที่นี่มีการจราจรหลายช่องทาง” เธอพูดขึ้นเมื่อเห็นเขามีท่าทีสนใจ
“อย่างข้างบนนั่น!” เธอชี้ไปยังจุดหมายที่เขามองดูอยู่ก่อนหน้านั้น
“นั่นเป็นช่องการจราจรทางอากาศสำหรับกลุ่มคนชั้นสูง (พิเศษ)” เธออธิบายให้เขาฟังในขณะที่ชายหนุ่มกำลังอึ้งกับสิ่งที่ได้เห็น
“ปะ... เปล่า ฉันแค่เอ่อ...คิดอะไรเพลิน ๆ ไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง” เขาพูดกลบเกลื่อนไปอีกทาง
‘มีอะไรที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นเสมอ...สิ่งที่นายพบนายเห็นมันคือความจริงทั้งหมด จำไว้! มันคือความจริงที่นายไม่มีทางที่จะหนีไปได้พ้น ตราบใดที่นายยังอยู่ที่นี่!’ เขาย้ำกับตัวเอง
“เทคโนโลยีที่นายเห็นทั้งหมดนี้” เธอชี้มือไปยังเทคโนโลยีไฮเทครอบ ๆ บริเวณที่เดินผ่านมาก่อนที่จะพูดต่อ
“มาจากฝีมือของพ่อกับแม่ฉันเอง” เธอบอกเขาด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งไม่ใช่การโอ้อวดแต่อย่างใด เขาสัมผัสได้จากน้ำเสียงที่พูดนั้นของเธอ
“มันเป็นผลิตผลที่เกิดจาก ทฤษฎีชายขอบแห่งสรรพสิ่ง” เธออธิบายต่อในขณะที่เท้าก็ยังก้าวเดินไปแต่ไม่เร็วมากนัก
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-Rd9IfgA8sME/UGdkr8ITedI/AAAAAAAAFDU/AjqVSngJJ4g/s1600/003.jpg" imageanchor="1" style="clear:right; float:right; margin-left:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="302" width="400" src="http://4.bp.blogspot.com/-Rd9IfgA8sME/UGdkr8ITedI/AAAAAAAAFDU/AjqVSngJJ4g/s400/003.jpg" /></a></div>
!” ชายหนุ่มพูดขึ้นตามสัญชาติญาณของการตกใจในสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนมากกว่าจะเป็นคำถามเมื่อก้าวเดินตามขึ้นมาเคียงข้างกับเธอ
“ใช่! ทฤษฎีชายขอบแห่งสรรพสิ่งหรือที่พวกนักวิทยาศาสตร์ยุคก่อนหน้าโน้นเข้าใจผิดคิดว่ามันคือ ทฤษฎีแห่งสรรพสิ่ง (Grand Unified Theory)๑ ที่จะสามารถเป็นกุญแจไขความลับของสรรพสิ่งในจักรวาลได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วพ่อของฉันบอกว่ามันก็เป็นได้แค่ชายขอบแห่งสรรพสิ่งที่เข้าใกล้ความจริงแท้แห่งธรรมชาติ...เข้าใกล้ไปอีกนิดเดียวเท่านั้นเอง”
เขาฟังเธออย่างงง ๆ เหมือนคนที่ไม่รู้ต้นไม่รู้ปลาย ไม่รู้ใต้ไม่รู้เหนือ!
“เมื่อก่อนเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีทั้งหมดจาก ‘ปฏิสสาร’ ๒ มาเป็นระยะเวลายาวนานในฐานะที่มันเป็นพื้นฐานของแหล่งพลังงานทั้งหมด แต่เมื่อ ๒ ปีที่ผ่านมาเมื่อพ่อกับแม่ของฉันพวกท่านค้นพบทฤษฎีชายขอบแห่งสรรพสิ่งที่ว่านั้น พลังงานจากปฏิสสารก็ถูกปลดระวาง ฐานของการใช้พลังงานทั้งหมดก็ถูกโยกย้ายถ่ายโอนมาเป็นสนามพลังงานของแรงพื้นฐานทั้งสี่แทน ซึ่งมันสามารถให้พลังงานได้มากกว่าปฏิสสารมากมายหลายเท่าเมื่อเทียบในสัดส่วนเดียวกัน” เธอยังคงสาธยายในฐานะเจ้าบ้านที่ดี ในขณะที่เขายิ่งฟังก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่
“ช่วยทำให้ฉันเข้าใจได้ง่าย ๆ หรือกระจ่างแจ้งมากกว่านี้ได้ไหม” เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่บ่งบอกอย่างนั้นจริง ๆ
“ดูนายจะไม่ค่อยมีพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์เอาซะเลย” เธอพูดขึ้นด้วยเสียงปกติมากกว่าจะเป็นการประชด
“นั่น! มันไม่ใช่ลำดับต้น ๆ ในหัวสมองของฉันอย่างแน่นอน ฉันรู้เพียงแค่นี้!” เขาตอบกลับมาด้วยเสียงเดียวกัน
“เอาหละ! ฉันจะยกตัวอย่างที่เข้าใจง่าย ๆ ให้ฟังก็อย่างเช่น ระบบของชิปที่ทำงานควบคุมกลไกต่าง ๆ ในร่างกายนี้ก็เป็นผลิตผลที่มาจากทฤษฎีที่ว่านั้น หรือหากนายดูภายนอกรอบ ๆ ตัวเมือง” เธอชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่าก่อนจะกล่าวต่อ
“นายจะสังเกตได้ว่า ข้างบนนั้นว่างเปล่าไม่มีอะไร แต่ในความเป็นจริง แล้วมันประกอบไปด้วยพลังงานที่พร้อมแปลงค่าออกมาเป็นแสงสว่างเมื่อพระอาทิตย์ตกดินและก็แปลงร่างกลับไปเป็นพลังงานเหมือนเดิมเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น!”
‘ใช่! เขานึกออกแล้วเมื่อคืนนี้ไง ที่เขาเห็นไฟฟ้าสว่างไปทั่วเมืองทั้ง ๆ ที่ไม่มีสายไฟ เสาไฟ หรืออะไรเลยที่บ่งบอกถึงการจะมีไฟฟ้าใช้ได้?’
“เหลือเชื่อ!” เขาพูดขึ้นเหมือนล่องลอยอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ
เธอยิ้มบาง ๆ “อืม...อย่างทองคำที่นำมาสร้างโน่นสร้างนี่” หยุดเว้นระยะ “ล้วนเป็นทองคำแท้ทั้งหมด! ไม่นานนายคงได้เห็นและก็อย่าแปลกใจไปหละ มันก็เป็นเพียงการเปลี่ยนจากปรอทให้เป็นทองคำ!”๓
“หา! เปลี่ยนปรอทนี่นะให้เป็นทองคำ” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้
“หูของนายยังใช้การได้ดีอยู่นะ” เธอชมด้วยความจริงใจ “ก็แค่เอาโปรตรอนจากปรอทออก ๑ ตัว!” เธอยักไหล่เล็กน้อยพองาม
“และยังมีอื่น ๆ อีกมากมายที่นายได้ฟังแล้วอาจจะตกใจไปมากนี้! ที่สำคัญพลังงานที่ได้จากการรวมแรงทั้งสี่นี้ไม่มีสารตกค้าง” เธอหยุดพักเว้นระยะ
“สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงของเล่นชิ้นใหม่ที่กำลังจะกลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัยหรือตกรุ่นในอนาคตอันใกล้เท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องที่แปลกหรือน่าตื่นเต้นแต่อย่างใด สำหรับพวกเราแล้วหากคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ วันหนึ่ง ๆ ก็คงจะมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นทุกวินาที!”
“มหัศจรรย์! ทุกวินาที!” เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกตื่นเต้นและตกใจในข้อมูลที่หลุดออกมาจากปากของเธอ
“สิ่งไหนที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้ก็เก็บเอาไว้ในสถานะของพลังงานที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เมื่อถึงเวลาก็สามารถแปลงกลับมาเป็นสสาร (รูป) ได้ตามที่ต้องการ เพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่ใช้สอยที่เหลือน้อยลงไปทุกที” เธอเหลือบมองหน้าเขาก่อนที่จะกล่าวต่อ
“พื้นที่ใช้สอยเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราไม่สามารถขยายปริมาณไปได้ตามที่ต้องการ! อาณาจักรของเราไม่มีพื้นที่เพียงพอแม้แต่การจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยตามสัดส่วนที่ควรจะเป็น นายจึงได้เห็นถึงความแออัดยัดเยียดต่าง ๆ ถ้าหากว่านายได้ไปเห็นนอกเมืองก็จะยิ่งเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดดีขึ้น” เขาพยักหน้าตามในฐานะอาคันตุกะที่ดีในขณะที่เธอก็ทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีในการให้ความกระจ่างกับเขาต่อไป ในขณะที่เดินไปเรื่อย ๆ ตามฟุตบาท
“ปู่เคยพูดให้ฉันฟังเสมอว่า การผลิตเท่ากับการทำลาย!” เธอย้ำในประโยคสุดท้าย
‘การผลิตเท่ากับการทำลายงั้นเหรอ นี่เป็นตำราเศรษฐศาสตร์ของใครรึ! พิลึกน่าดู’ เขานึกค้านอยู่ในใจ เพราะที่เขาเรียนมามันไม่ใช่อย่างนั้น เธอหันมองเขาก่อนอธิบายต่อ
“ปู่บอกว่าการผลิตสิ่งต่าง ๆ ก็เป็นเพียงแค่การแปรรูปจากสิ่งหนึ่งให้เป็นอีกสิ่งหนึ่งตามความต้องการเท่านั้น แต่ท่านไม่เรียกว่าการแปรรูปท่านเรียกว่าการทำลาย! มันเป็นเหมือนสมการการแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผลสำหรับคนที่ได้ประโยชน์ แต่จะกลายเป็นความไม่สมเหตุสมผลขึ้นมาในทันทีที่เสียประโยชน์ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็เป็นไปในลักษณะนี้ไม่มีเปลี่ยน” เธอหยุดพักเว้นระยะในขณะที่ยังคงก้าวเท้าเดินไป
“ปู่ของฉันชอบยกตัวอย่างเรื่องป่าไม้ เพราะท่านชอบธรรมชาติ มนุษย์ในยุคก่อน ๆ ชอบตัดไม้ทำลายป่า ทำยังกับว่าเป็นประเพณีที่ดีงามที่ต้องสืบสานส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นซะงั้น!” น้ำเสียงของเธอเจือไปด้วยอารมณ์ที่ประชดประชันอยู่ในที
“ตัดต้นไม้เพื่อเอาไปทำโน่นทำนี่ที่คิดว่าจะมีประโยชน์มากกว่าการให้มันคงอยู่ แต่ปู่เรียกว่าเป็นการทำลายที่ต้องแลกกับการปรับเปลี่ยนดุลยภาพแห่งธรรมชาติที่ส่งผลโดยตรงต่อมวลมนุษยชาติอย่างมหาศาล ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมนุษย์จะมองว่าไม่สมเหตุสมผลเมื่อเกิดภาวะฝนแล้ง น้ำท่วม หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ แต่ปู่มองว่าหารู้ไม่สิ่งเหล่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นสมการการแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผลเที่ยงตรงตามกฎธรรมชาติ ๔ ที่สุด! เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เป็นไปในลักษณะของสมการเส้นตรงแต่เป็นสมการที่ซับซ้อนเกินกว่าคนธรรมดาสามัญจะเข้าใจได้ ซึ่งในท้ายที่สุด ธรรมชาติก็จะจัดสมดุลของมันเองโดยอัตโนมัติไม่มีใครหน้าไหนหรือสิ่งใดจะเข้าไปแทรกแซงหรือละเมิดกฎเกณฑ์นั้นได้ สภาวะเหล่านั้นปู่จึงเรียกว่าสมการการแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล ในขณะที่คนส่วนใหญ่กลับเรียกว่าธรรมชาติลงโทษหรือธรรมชาติไม่มีความเป็นธรรมหรืออะไรก็สุดแล้วแต่...” เธอหยุดไว้เพียงแค่นั้น
“งั้นคุณปู่ของเธอก็คงไม่เห็นด้วยกับความเจริญที่เกิดขึ้นจากวิทยาศาสตร์ของพ่อเธอนะสิ!” ชายหนุ่มถามขึ้นหลังจากที่ฟังเธออธิบายอย่างเงียบ ๆ มาสักพัก
“เรียกว่าไม่ยินดียินร้ายดูจะเหมาะสมกว่า ปู่ไม่เคยต่อต้านหรือเห็นด้วยกับนวัตกรรมใหม่ๆ ของวิทยาศาสตร์ที่สร้างความมหัศจรรย์! ให้เกิดขึ้นใหม่ได้ทุกวินาที!” เธอเน้นคำว่ามหัศจรรย์และทุกวินาทีอย่างเข้มข้นอีกครั้ง
“ปู่ถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะแรงบีบคั้น บังคับจากธรรมชาติ เมื่อดุลยภาพของธรรมชาติถูกจัดสมดุลใหม่ วิทยาการใหม่ ๆ ก็จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงเท่านั้นเอง ไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากมายสำหรับท่าน” พูดถึงตอนนี้ มีรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าสวยใสได้รูปของเธอ ก่อนที่...
“นายก็รู้ดีนี่ สภาพอากาศที่เป็นอยู่ในขณะนี้ไม่ได้เกิดจากการกระทำของยุคพวกเราโดยตรง! แต่มันเป็นผลที่สั่งสมและส่งผ่านมาจากยุคก่อน ๆ รวมทั้งยุคของ...” เธอเลือกที่จะกลืนคำสุดท้ายลงคอไป และมีสีหน้าเศร้าลง
“หากว่าเราไม่ปรับตัวโดยอาศัยความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เหมือนกับการไปชำระล้างความสกปรกและอันตรายจากสารพิษที่เกิดจากยุคที่ผ่านมา ไม่ต้องนึกเลยว่าจะมีอะไรรอเราอยู่ข้างหน้า...” เธอถอนหายใจ
“ปู่บอกว่ามนุษย์เราไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้! ไม่สามารถ... ตลอดกาล... ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน รวมถึงอนาคต เราทำได้เพียงแค่ปรับตัว ปรับเปลี่ยนทางกายภาพ รวมทั้งเทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เข้ากับแรงบีบคั้น บังคับจากการจัดสมดุลของธรรมชาติใหม่เท่านั้นเอง ไม่มีทางที่กฎเกณฑ์ในธรรมชาติจะปรับตัวเข้ามาหาด้วยแรงบีบคั้น บังคับจากเทคโนโลยี... ไม่มีทาง!” เธอย้ำอย่างหนักแน่นและสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนผ่อนมันออกมาอย่างช้า ๆ
“ปู่สอนฉันให้เข้าใจอะไร ๆ หลายอย่างเสมอในทำนองที่ว่า เราไม่จำเป็นต้องควักลูกตาออกมาทั้งสองข้างเพื่อที่จะได้เข้าใจในความรู้สึกของคนที่ต้องสูญเสียดวงตา ท่านบอกว่าคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองตาบอดเพื่อที่จะได้เข้าใจในสิ่งเหล่านั้น!” เธอทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยประโยคที่ทำให้เขารู้สึกอึ้งและทึ่งในความคิดของสาวน้อยคนนี้
‘อีกแล้วนะสาวน้อย...เธอช่างมีอะไร ๆ ที่ทำให้ฉันประหลาดใจได้เสมอ!’ เขาอดทึ่งกับความคิดของเธอไม่ได้...
เครดิตภาพจาก :
http://img.spacethai.net/images/15cernxlar.jpg
********************************************************************************************************************
๑ ไอน์สไตน์ พยายามที่จะคิดค้นหากฎที่ควบคุมสรรพสิ่งบนพิภพโลกและจักรวาลดังกล่าว โดยพยายามหาวิธีรวมแรงทั้ง ๔ เข้าด้วยกัน แต่ก็ไม่สำเร็จจวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายของเขา
แรงพื้นฐานในพิภพโลกและจักรวาล ๔ แรง ประกอบด้วย
๑. แรงโน้มถ่วง คือ แรงดึงดูดกันระหว่างวัตถุ หรือสสารสองก้อนที่มีมวล
๒. แรงแม่เหล็กไฟฟ้า คือ แรงดึงดูดกันหรือผลักกันระหว่างมวลสองอย่างที่มีประจุไฟฟ้าต่างกันหรือเหมือนกันแล้วแต่กรณี
๓. แรงนิวเคลียร์อย่างอ่อน คือ แรง (ในบางที่ใช้คำอันตรกิริยา เกี่ยวเนื่องเพราะลักษณะอาจไม่เหมือนแรง) ของการแผ่รังสีจากอะตอมออกไป เช่น นิวตรอนแปรสภาพเป็นโปรตอนโดยการปล่อยอิเล็กตรอนออกไป
๔. แรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม คือ แรงที่ยึดควาร์ก (อนุภาคย่อยที่เป็นสภาพควอนตัมในนิวเคลียส) ไว้ด้วยกันเพื่อรวมให้เป็นโปรตอนและนิวตรอน และแรงที่ยึดโปรตอนและนิวตรอนเข้าไว้ด้วยกันให้เป็นนิวเคลียส
ในบรรดาทั้ง ๔ แรงนี้ ปริมาณและขนาดของแรงเรียงจากน้อยไปมากได้แก่ แรงโน้มถ่วง แรงนิวเคลียร์อย่างอ่อน แรงแม่เหล็กไฟฟ้า และแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม ตามลำดับ ซึ่งในจำนวนทั้งสี่แรงนี้ แรงโน้มถ่วงและแรงแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถที่จะส่งแรงออกไปได้ไกลมาก ๆ ในขณะที่แรงนิวเคลียร์ทั้งสองอย่างมีระยะห่างของแรงสั้น ๆ ภายในนิวเคลียร์ของมันเท่านั้น ซึ่งไอน์สไตน์เฝ้าเพียรพยายามหาวิธีการรวมแรงโน้มถ่วงกับแรงแม่เหล็กไฟฟ้า (ที่สามารถส่งแรงออกไปได้ไกลมาก ๆ ) เข้าด้วยกัน ซึ่งหากทำสำเร็จก็จะครอบคลุมไปถึงการรวมแรงนิวเคลียร์ทั้งสองอย่างด้วย
๒. ปฏิสสาร (Antimatter) เป็นสสารที่ประกอบด้วยคู่ของอนุภาค (particles) กับปฏิอนุภาค (antiparticles) ซึ่งมีมวลเท่ากันแต่มีคุณสมบัติอย่างอื่นของอะตอมตรงข้ามกัน ได้แก่ การหมุน (spin) และประจุ (charge) เมื่อวัตถุตรงกันข้ามทั้งสองชนิดนี้มารวมกัน จะเกิดการทำลายกัน (annihilation) พร้อมทั้งให้พลังงานปริมาณมากออกมาตามสมการของไอน์สไตน์ E = mc2
๓ ปรอทมีโปรตอน ๘๐ ตัว และทองคำมีโปรตอน ๗๙ ตัว
๔ “กฎธรรมชาติ” ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบเมื่อกว่า ๒๕ ศตวรรษที่ผ่านมา และทรงแสดงไว้ ๕ อย่าง เรียกว่า “ปัญจนิยามธรรม” คือ กฎ ๕ ประการ ที่บีบคั้น บังคับให้เกิดอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตาของทุกสรรพสิ่ง ประกอบไปด้วย
๑ อุตุนิยาม (Physical Laws) เป็นกฎธรรมชาติที่ครอบคลุมความเป็นไปของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เกี่ยวเนื่องกับวัตถุที่ไม่มีชีวิตทุกชนิด เช่น ฤดูกาล อุณหภูมิ หรือความร้อน – เย็น อันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทั้งรูปและนาม หรือแม้กระทั่งการก่อเกิดของโลกและจักรวาลก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติของข้อนี้ เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับกฎและทฤษฎีทางฟิสิกส์ทั้งหมด
๒. พีชนิยาม (Biological Laws) เป็นกฎธรรมชาติที่ครอบคลุมความเป็นไปของสิ่งมีชีวิตทั้งสัตว์และพืช การสืบพันธุ์หรือพันธุกรรม เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับกฎและทฤษฎีทางชีววิทยาทั้งหมด
๓. จิตนิยาม (Psychological Laws) เป็นกฎธรรมชาติที่เกี่ยวกับกลไกในการทำงานของจิต เช่น เมื่อมีอารมณ์ (สิ่งเร้า) กระทบประสาท จะมีการรับรู้เกิดขึ้น จิตจะทำงานอย่างไร กล่าวคือ มีการไหวแห่งภวังคจิต ภวังคจิตขาดตอน และมีอาวัชชนะแล้วมีการเห็น การได้ยิน เป็นต้น รวมถึงการเกิด-ดับของจิต การรับอารมณ์ของจิต องค์ประกอบของจิต (เจตสิก) ๓ อำนาจของความคิดเพื่อกระทำกรรมแก้ไขความคงอยู่
๔. กรรมนิยาม (Moral Laws) เป็นกฎแห่งกรรม การกระทำกรรม อันทำให้เกิดพัฒนาการและวิวัฒนาการในทุก ๆ ด้าน เกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรม เป็นกระบวนการก่อการกระทำและการให้ผลของการกระทำ กินลึกลงไปถึงกระบวนการแห่งเจตน์จำนง หรือความคิดปรุงแต่งสร้างสรรค์ต่าง ๆ พร้อมทั้งผลที่สืบเนื่องออกไปอันสอดคล้องประสานกัน
๕. ธรรมนิยาม (Causal Laws) เป็นกฎธรรมชาติอันเป็นไปตามเหตุตามผล ตามปัจจัยของสรรพสิ่งทั้งหลาย เช่น กฎไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา) หลักปฏิจจสมุปบาทหรืออิทัปปัจจยตา ที่ว่า “เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เพราะสิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้ก็ดับ (ด้วย)” โดยกฎข้อนี้มีขอบเขตครอบคลุมกว้างขวางที่สุด กลไกการทำงานของกฎทั้งสี่ข้อ บีบคั้น บังคับให้เกิด อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา นี้
คำสำคัญ (keywords): วิทยาศาสตร์, สสาร, เรื่องสั้น, ปฏิสสาร
· เลขที่บันทึก: 503948
· สร้าง: 29 กันยายน 2555 12:19 · แก้ไข: 29 กันยายน 2555 12:45Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-68405864961160682962012-03-22T22:18:00.005-07:002013-01-30T03:18:41.461-08:00แนวทางการปฏิบัติธรรม พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)<a href="http://3.bp.blogspot.com/-esAco9nmXek/T2wIXQGbGfI/AAAAAAAAEC0/PWH4BkRFXBw/s1600/15.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-esAco9nmXek/T2wIXQGbGfI/AAAAAAAAEC0/PWH4BkRFXBw/s400/15.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5722958422032980466" /></a><br />แนวทางการปฏิบัติธรรม<br /><br />พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)<br /><br />วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี<br /><br />พระสุญฺโญฺภิกขุ พระภิกษุชาวอเมริกัน จดบันทึกเป็นภาษาอังกฤษ<br /><br />เมื่อลาสิกขาแล้ว ท่านได้พิมพ์ เผยแผ่เป็นธรรมทาน ต่อมามีผู้แปลเป็นภาษาไทย<br /><br />และหลวงพ่อชาให้พระวีรพล เตชปญฺโญ แห่งวัดหนองป่าพงสอบทาน แล้วจึงได้พิมพ์ภาษาไทย<br /><br /><br /><br />สารบัญธรรม<br /><br />● พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน<br />● ควรจะพักผ่อนนอนหลับมากน้อยเพียงใด<br />● ควรจะศึกษาพระไตรปิฎกด้วยหรือไม่ในการฝึกปฏิบัติ<br />● ทำไมจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวัน<br />● ควรทำอย่างไรเมื่อสงสัยเกิดขึ้น<br />● จำเป็นไหมที่ต้องนั่งภาวนาให้นานๆ หรือไม่<br />● ในการปฏิบัติ จำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌาณไหม<br />● เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นได้อย่างไร<br />● ความง่วงเหงาหาวนอน ทำให้ภาวนาลำบาก<br />● อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่คืออะไร<br />● กิเลสเครื่องเศร้าหมองเป็นเพียงมายาหรือว่าของจริง<br />● ของฝากท้ายเล่ม<br />พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน<br /><br />๑. ผมได้พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน แต่ยังไม่มีที่ท่าว่าจะได้ผลคืบหน้าเลย<br /><br />เรื่องนี้สำคัญมาก อย่าพยายามที่จะเอาอะไรๆ ในการปฏิบัติความอย่างแรงกล้าที่จะหลุดพ้นหรือรู้แจ้งนั้นจะเป็นความอยากที่ขวางกั้นท่านก็ได้ จะเร่งความเพียรทั่งกลางคืนกลางวันก็ได้ แต่ถ้าการฝึกปฏิบัตินั้นยังประกอบด้วยความที่อยากจะบรรลุเห็นแจ้งแล้ว ท่านจะพบความสงบไม่ได้เลย แรงอยากจะเป็นเหตุให้เกิดความสงสัยและความกระวนกระวายใจ ไม่ว่าท่านจะฝึกปฏิบัตินานเท่าใดหรือนานสักเพียงใด ปัญญา (ที่แท้) จะไม่เกิดขึ้นจากความอยากนั้น ดังนั้นจงเพียงแต่ละความอยากเสีย จงเฝ้าดูจิตและกายอย่างมีสติแต่อย่ามุ่งหวังที่จะบรรลุถึงอะไร อย่ายึดมั่นถือมั่นแม้ในเรื่องการฝึกปฏิบัติหรือในการรู้แจ้ง<br /><br />ควรจะพักผ่อนนอนหลับมากน้อยเพียงใด<br /><br />๒. เรื่องการหลับนอนล่ะครับ ผมควรจะนอนมากน้อยเพียงใด<br /><br />อย่าถามผมเลย ผมตอบให้ท่านไม่ได้ บางคนหลับนอนคืนละประมาณ ๔ ชั่วโมงวก็พอ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญก็คือ ท่านเฝ้าดูและรู้จักตัวของท่านเอง ถ้าท่านนอนน้อยจนเกินไป จิตก็จะตื้อเฉื่อยชาหรืซัดส่าย จงหาสภาวะที่พอเหมาะกับตัวท่านเอง ตั้งใจเฝ้าดูกายและจิตจนท่านรู้ระยะเวลาที่นอนหลับที่พอเหมาะสำหรับท่าน ถ้าท่านณู้สึกตื้นตัวแล้ว และยังซุกตัวของีบต่อไปอีก นี่เปผ็นกิเลสเครื่องเศร้าหมอง จงมีสติรู้ตัวทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้น<br /><br />๓. เรื่องการขับขบฉันล่ะครับ ผมควรจะฉันอาหาร มากน้อยเพียงใด<br /><br />การขบฉันก็เหมือนกับการหลับนอน ท่านต้องรู้จักตัวของท่านเอง อาหารต้องบริโภคให่เพียงพอตามความต้องการของ ร่างกาย จงมองอาหารเหมือนยารักษาโรค ท่านฉันมากเกินไปจยง่วงนอนหลังฉันอาหารหรือเปล่า และท่านอ้วนขึ้นทุกวัน หรือเปล่า จงหยุดแล้วสำรวจกายและจิตของท่านเอง ไม่จำเป็นต้องอดอาหาร จงทดลองฉันอาหารตามปรมาณมาก น้อยต่างๆ หาปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกายของท่านใส่อาหารที่จะฉันทั้งหมดลงในบาตรแบบธุดงควัตร แล้วท่านจะกะปริมาณ อาหารที่จะฉันได้ง่าย เฝ้าดูตัวท่านเองอย่างถี่ถ้วน ขณะที่ฉันจงรู้จักตัวเอง สาระสำคัญของการฝึกปฏิบัติของเราเป็นอย่างนี้ ไม่มีอะไรพิเศษที่ต้องทำมากกว่านี้ จงเฝ้าดูเท่านั้น สำรวจท่านเอง เฝ้าดูจิต แล้วท่านจะรู้ว่า อะไรคือสภาวะที่พอเหมาะสำหรับการฝึกปฏิบัติของท่าน<br /><br />ควรจะศึกษาพระไตรปิฎกด้วยหรือไม่ในการฝึกปฏิบัติ<br /><br />๔. จิตของชาวเอเชียและตะวันตกแตกต่างกันหรือไม่ครับ<br /><br />โดยพื้นฐานแล้วไม่แตกต่างกัน ดูจากภายนอกขบนธรรมเนียงประเพณีและภาษาที่ใช้อาจดูต่างกัน แต่จิตของมนุษย์นั้นเป็นธรรมชาติซึงเหมือนกันหมด ไม่ว่าชาติใด ภาษาใด ความโภลและความเกลียดก็มีเหมือนกัน ทั่งในจิตของชาวตะวันออกหรือชาวตะวันตก ความทุกข์และความดับททุกข์ก็เหมือนกันทุกๆ คน<br /><br />๕. เราควรอ่านตำรามากๆ หรือศึกษาพระไตรปิฏกด้วยหรือไม่ครับ ในการฝึกปฏิบัตินี่<br /><br />พระธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ไม่อาจค้นพบได้ด้วยตำราต่างๆ ถ้าท่านต้องการจะรู้เห็นจริงด้วยตัวของท่านเองว่าพระพุทธเจ้าทรง ตรัสสอนอะไร ท่านไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกับตำราเลย จงเฝ้าดูจิตของท่านเอง พิจารณาให้รู้เห็นว่า ความรู้สึกต่างๆ (เวทนา) เกิดขึ้น และดับไปได้อย่างไร ความนึกคิดเกิดขึ้นและดับอย่างไร อย่าได้ผูกพันอยู่กับสิ่งใดเลย จงมีสติอยู่เสมอ เมื่อมีอะไรๆ เกิดขึ้นให้ได้รู้ได้ เห็น นี่คือทางบรรลุถึงสัจธรรมของพระพุทธองค์ จงปฏิบัติธรรมดาตามธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอยางที่ท่านทำขณะที่นี่ เป็นโอกาสแห่ง การฝึกปฏิบัติ เป็นธรรมะทั้งหมด เมื่อท่านทำวัตรสวดมนต์อยู่ พยายามให้มีสติ ถ้าท่านกำลังเทกระโถนหรือล้างส้วมอยู่ อย่าคิดว่า ท่านกำลังทำบุญทำคุณให้กับผู้หนึ่งผู้ใด มีธรรมะอยู่ในการเทกระโถนนั้น อย่ารู้สึกว่าท่านกำลังฝึกปฏิบัติอยู่เฉพาะเวลานั่งขัดสมาธิเท่านั้น พวกท่านบางคนบ่นงว่าไม่มีเวลาพอท่จะทำสมาธิภาวนา แล้วเวลาหายใจเล่ามีเพียงพอไหม? การทำสมาธิภาวนาของท่าน คือการมีสติ ระลึกรู้ และการรักษาจิตให้เป็นปกติตามธรรมชาติในการกระทำทุกอิริยาบถ<br /><br />ทำไมจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวัน<br /><br />๖. ทำไมพวกเราจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวันเล่าครับ<br /><br />ถ้าท่านมีคำถาม เชิญมาถามได้ทุกเวลา แต่ท่นี้เราไม่จำเป็นจะต้องมีการสอบอารมณ์กันทุกวัน ถ้าผมตอบปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ทุกปัญหา ของท่าน ท่านก็จไม่มีทางรู้เท่าทันกับการเกิดดับของความสงสัยในใจของท่านเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ท่าน ต้องเรียนรู้ที่จะสำรวจตัวท่านเอง สอบถามตัวท่านเอง จงตั้งใจฟังพระธรรมเทศนาทุกๆ ครั้งแล้ว จงนำเอาคำสอนนี้ ไปเปรียบเทียบกับการฝึกปฏิบัติของท่านเองว่าเหมือนกันหรือไม่ ต่างกันหรือไม่ ทำไมท่านจึงมีความสงสัยอยู่ ใครคือผู้ที่สงสัยนั้น โดยการสำรวจตัวเองเท่านั้นจะทำให้ท่านเข้าใจได้<br /><br />๗. บางครั้งผมกังวลใจอยู่กับพระวินัยของพระสงฆ์ ถ้าผมฆ่าแมลงโดยบังเอิญแล้ว จะผิดไหมครับ<br /><br />ศีลหรือพระวินัยและศีลธรรม เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการฝึกปฏิบัติของเรา แต่ท่านต้องไม่ยึดมั่นถือมั่นในกฏเกณฑ์ต่างๆ อย่างงมงายในการฆ่าสัตว์ หรือการละเมิดข้อห้ามอื่นๆ นั้น มันสำคัญที่เจตนา ท่านย่อมรู้แก่ใจของท่านเอง อย่าได้กังวลกับเรื่องพระวินัยให้มากจนเกินไป ถ้านำมาปฏิบัติอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยส่งเสริมการปฏิบัติ และพระภิกษุบางรูปกังวลกับกฎเกณฑ์เล็กๆ น้อยๆ มากเกินไปจนนอนไม่เป็นสุข พระวินัยไม่ใช่ภาระที่ต้องแบก ในการปฎิบัติของเราที่นี้มีรากฐานคือพระวินัย พระวินัยรวมทั้งธุดงควัตรและการปฎิบัติภาวนา การมีสติและการสำรวมระวังในกฏระเบียบต่างๆ ตลอดจนในศีล ๒๒๗ ข้อนั้น ให้คุณประโยชน์อันใหญ่หลวง ทำให้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องพะวงว่าจะต้องทำตนอย่างไร ดังน้นท่านก็หมดเรื่องต้องครุ่นคิด และมีสติดำรงอยู่แทน พระวินัยทำให้พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน และชุมชนก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ลักษณะภายนอกทุกๆ คนดูเหมือนกัน และปฏิบัติอย่างเดียวกัน พระวินัยและศีลธรรม เป็นบันไดอันแข็งแกร่งนำไปสู่สมาธิยิ่งและปัญญายิ่ง โดยการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามพระวินัยของพระสงฆ์และธุดงควัตร ทำให้เรามีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ และต้องจำกัดจำนวน บริขารของเราด้วย ดังนั้นที่นี้เราจึงควรมีการปฏิบัติที่ครบถ้วนตามแบบของพระพุทธเจ้า คือ การงดเว้นจากความชั้วและทำความดี มีความ เป็นอยู่อย่างง่ายๆ ตามความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ชำระจิตให้บริสุทธิ์ โดยการเฝ้าดูจิตและกายของเราในทุกๆ อิริยาบท เมื่อนั่งอยู่ ยืนอยู่ เดินอยู่ หรือนอนอยู่ จงรู้ตัวของท่านเอง<br /><br />๘. ผมควรจะทำอย่างไรครับเมื่อผมสงสัย บางวันผมวุ่นวายใจด้วยความสงสัยในเรื่องปฏิบัต หรือในความคืบหน้าของผม หรือในอาจารย์<br /><br />ความสงสัยนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทุกๆ คนเริ่มต้นด้วยความสงสัย ท่นอาจได้เรียนรู้อย่างมากจากความสงสัยนั้น ที่สำคัญก็คือ ถ้าท่านยังถือเอาความสงสัยนั้นเป็นตัวเป็นตน นั่นคืออย่าตกเป็นเหยื่อของความสงสัย ซึ่งจะทำให้จิตใจของท่านหมุนวนเป็นวัฏฏะ อันไม่มีที่สิ้นสุด แทนที่จะเป็นเช่นั้น จงเฝใดูกระบวนการเกิดดับของความสงสัย ของความฉงนสนเท่ห์ ดูว่าใครคือผู้ที่สงสัย ดูว่าความสงสัยนั้นเกิดขึ้นและ ดับไปอย่างไร และท่านจะไม่ตกเป็นเหยื่อของความสงสัยอีกต่อไป ท่านจะหลุดพ้นออกจากความสงสัยและจิตของท่านก็จะสงบ ท่านจะเห็นว่า สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไปอย่างไร จงปล่อยวางสิ่งต่างๆ ที่ท่านยังยึดมั่นอยู่ ปล่อยวางความสงสัยของท่านและเพียงแต่เฝ้าดู นี่คือสิ่งที่สิ้นสุดของควาสงสัย<br /><br />๙. ท่านอาจารย์มีความเห็นเกี่ยวแก่วิธีปฏิบัติ(วิธีภาวนา)วิธีอื่นๆ อย่างไรครับ ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าจะมีอาจารย์มากมาย และมีแนวทางการทำสมาธิ<br /><br />วิปัสสนาหลายแบบ จนทำให้สับสน มันก็เหมือนกับการจะเข้าไปในเมือง บางคนอาจจะเข้าเมืองทางทิศเหนือ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ฯลฯ ทางถนนหลายสาย โดยมากแล้วแนวทางภาวนาก็แตกต่างกันแต่เพียงรูปแบบเท่านั้น ไม่ว่าท่านจะเดินทาสายหนึ่งสายใด เดินช้าหรือเดินเร็ว ถ้าท่านมีสติอยู้เสมอ มันก็เหมือนกันทั้งนั้น ข้อสำคัญที่สุดก็คือแนวทางภาวนาที่ดีและถูกต้องจะต้องนำไปสู่การไม่ยึดมั่นถือมั่น ลงท้ายแล้ว ก็ต้องปล่อยแนวทางการภาวนาทุกรูปแบบด้วย ผู้ปฏิบัติต้องไม้ยึดมั่นแม้ในตัวอาจารย์แนวทางใดที่นำไปสู่การปล่อยวาง สู่การไม่ยึดมั่นถือมั่นก็เป็นทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ท่านอาจจะอยากเดินทางเพื่อศึกษาอาจารย์อื่นอีก และลองปฏิบัติตามแนวทางอื่นบ้างก็ได้ พวกท่านบางคนก็ทำเช่นนั้น นี้เป็นความต้องการ ตามธรรมชาติ ท่านจะรู้ว่าแม้ได้ถามคำถามนับพันคำถามก็แล้ว และมีความรู้เรื่องแนวทางปฏิบัติอื่นๆ ก็แล้ว ก็ไม่อาจจะนำท่านเข้าถึงสัจจะธรรมได้ในที่สุดท่านก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย ท่านจะรู้ว่าเพียงแต่หยุด และสำรวจตรวจสอบดูจิตใจของท่านเองเท่านั้น ท่านก็จะรู้ว่าพระพุทะเจ้าตรัสสอนอะไร ไม่มีประโยชน์ที่แสวงหาออกไปนอกตัวเอง ผลที่สุดท่านต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับสภาวะที่แท้จริงของตัวท่นเอง ตรงนี้แหละที่ท่านจะเข้าใจ ธรรมะได้<br /><br />๑๐. มีหลายครั้งหลายหนที่ดูเหมือนว่าพระหลายรูปที่นี่ไม่ฝึกปฏิบัติ ดูท่านไม่ใส่ใจธรรม หรือขาดสติ เรื่องนี้กวนใจผม<br /><br />มันไม่ถูกต้องที่จะคอยจับตาดูผู้อื่น นี้ไม่ช่วยการฝึกปฏิบัติของท่านเลย ถ้าท่านรำคาญใจก็จงเฝ้าดูความรำคาญในใจของท่านเลย ถ้าศีลของผู้อื่นบกพร่อง หรือเขาเหล่านั้นไม่ใช่พระที่ดี ก็ไม่ใช่เรื่องของท่านที่จะไปตัดสิน ท่านจะไม่เกิดปัญญา การจับตาดูผู้อื่น พระวินัยเป็นเครื่องช่วยในการทำสมาธิภาวนาของท่าน ไม่ใช่อาวุธสำหรับใช้ติเตียนหรือจับผิดผู้อื่น ไม่ใครสามารถฝึกปฏิบัติให้ท่านได้ หรือท่านก็ไม่สามารถปฏิบัติให้ผู้อื่นได้ จงมีสติใส่ใจในการฝึกปฏิบัติของตัวท่านเอง และนี่คือแนวทางของการปฏิบัติ<br /><br />๑๑. ผมระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะสำรวมอินทรีย์ ผมทอดสายตาลงต่ำเสมอ และกำหนดสติอยู่กับการกระทำทุกอย่าง แม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นขณะที่กำลังฉันอาหารอยู่ ผมใช้เวลานานและพยายามรู้สำผัสทุกอย่าง เป็นต้นว่า เคี้ยวรู้รส กลืน ฯลฯ ผมกำหนดรู้ด้วยความตั้งใจทุกขั้นตอนและระมัดระวังผม ผมปฏิบัติถูกต้องหรือไม่ครับ<br /><br />การสำรวอินทรีย์นั้นเป็นการปฏิบัติถูกต้องแล้ว เราจะต้องมีสติในการฝึกเช่นนั้นตลอดทั้งวัน แต่อย่าควบคุมให้มากเกินไป เดินฉัน และปฏิบัติตนให้เป็นธรรมชาติ ให้มีสติระลึกรู้ตามธรรมชาติ ถึงสิ่งที่กำลังเป็นไปในต้วท่าน อย่าบีบบังคับการทำสมาธิภาวานาของท่าน และอย่าบีบบังคับตนเองไปจนดูน่าขัน ซึ่งก็เป็นตัณหาอีกอย่างหนึ่งจงอดทน ความอดทนและความทนได้เป็นสิ่งจำเป็น ถ้าท่านปฏิบัติตนเป็นปกติตามธรรมชาติ และมีสติระลึกรู้อยู่เสมอปัญญาที่แท้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติด้วย<br /><br />จำเป็นไหมที่ต้องนั่งภาวนาให้นานๆ<br /><br />๑๒. จำเป็นไหมครับที่จะต้องนั่งภาวนาให้นานๆ<br /><br />ไม่จำเป็นต้องนั่งภาวนานานนับเป็นหลายชั่วโมง บางคนคิดว่ายิ่งนั่งภาวนานานเท่าใด ก็ยิ่งจะเกิดปัญญามากเท่านั้น ปัญญาที่แท้เกิดจากการที่เรามีสติในทุกๆ อิริยาบท การฝึกปฏิบัติของท่านต้องเริมขึ้นทันทีที่ท่านตื่นนอนตอนเช้า และต้องปฏิบัติให้ต่อเนื่องไปจนกระทั่งนอนหลับไปอย่าไปห่วงว่าท่านต้องนั่งภาวนาให้นานๆ สิ่งสำคัญก็คือ ท่านเพียงแต่เฝ้าดู ไม่ว่าท่านจะเดินอยู่หรือนั่งอยู่ หรือกำลังเข้าห้องน้ำอยู่แต่ละคนต่างก็มีทางชีวิตของตนเอง บางคนต้องตาย เมื่อมีอายุ ๕๐ ปี บางคนเมื่ออายุ ๖๕ ปี และบางคนเมื่ออายุ ๙๐ ปี ฉันใดก็ฉันนั้น ปฏิปทาของท่านทั้งหลาลก็ไม่เหมือนกัน อย่างคิดมากหรือิกังวลใจในเรื่องนี้เลย จงพยายามมีสติ และปล่อยทุกสิ่งให้เป็นไปตามปกติของมัน แล้วจิต ของท่านก็จะสงบมากขึ้นในสิ่งแวดล้อมทั้งปวงมันจะสงบนิ่งเหมือนหนองน้ำใสในป่าที่บรรดาสัตว์ป่าสวยงาม และหายากจะมาดื่มน้ำในสระนั้นท่านจะได้เห็นความมหัศจรรย์และแปลกประหลาดทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไปแต่ท่านก็จะสงบอยู่เช่นเดิม ปัญหาทั้งหลายจะบังเกิดขึ้นแต่ท่านจะรู้ทันมันได้ทันที นี่แหละคือศานติสุขของพระพุทธเจ้า<br /><br />๑๓. ผมยังคงมีความนึกคิดต่างๆ มากมาย จิตของผมฟุ้งซ่านมากทั้งๆ ที่ผมพยายามจะมีสติอยู่<br /><br />อย่างวิตกในเรื่องนี้เลย พยายามรักษาจิตของท่านให้อยู่กับปัจจุบัน เมื่อเกิดรู้สึกอะไรขึ้นมาภายในจิตก็ตาม จงเฝ้าดูมันและปล่อยวางแล้วจิตก็จะเข้าถึงสภาวะปกติตามธรรมชาติของมันไม่มีการแบ่งแยกระหว่างความดีและความชั่ว ร้อนและหนาว ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีจัวตนเลย อะไรอะไรก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น จงรู้จักตัวเองด้วนการปฏิบัติตนเป็นปกติตามธรรมชาติ และเฝ้าดู เมื่อเกิดาสงสัยจงเฝ้าดูมันเกิดขึ้นและดับไป มันก็ง่ายๆ อย่ายึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใดทั้งสิ้น เหมือนกับว่าท่านกำลังเดินไปตามถนน บางขณะท่านจะพบสิ่งกีดขวางอยู่ เมื่อท่านเกิดกิเลสเครื่องเศร้าหมองจงรู้ทันมันและเอาชนะมันโดยปล่อยให้มันผ่านไปเสีย อย่าไปคำนึงถึงกีดขวางที่ท่านได้ผ้านมากแล้วแย่าวิตกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่ได้พบ จงอยู่กับปัจจุบัน ไม่ว่าท่านผ่านอะไรไปอย่าไปยึดมั่นไว้ ในที่สุดจิตก็จะบรรลุถึงความสมดุล ตามธรรมชาติของจิตและเมื่อนั้นการปฏิบัติก็จะเป็นเองโดยอัตโนมัติ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นและดับไปในตัวของมันเอง<br /><br />๑๔. ท่านอาจารย์เคยพิจารณา "สูตรของเว่ยหลาง" ของพระสังฆปรินายก (นิกายเซ็น) องค์ที่หกบ้างไหมครับ (ท่านเว่ยหลางหรือท่านฮุยเหนิง)<br /><br />ท่านฮุยเหนิงมีปัญญาเฉียบแหลมมาก คำสอนของท่านลึกซึ้งยิ่งนักไม่ใช่ของง่ายที่ผู้เริ่มต้นปฏิบัติจะเข้าใจได้ ถ้าท่านปฏิบัติตามศีลและด้วยความอดทนท่านก็จะเข้าใจได้ในที่สุด ฤดูฝนนั้นวันหนึ่งพายุก็พัดเอาหลังคาโหว่ไปเขาไม่ขวนขวายที่จะมุงมันใหม่ จึงปล่อยให้ฝนรั่วอยู่อย่างนั้นหลายวันผ่านไปผมได้ไปถามถึงกุฏิของเขาเขาตอบว่า กำลังฝึกกานไม่ยึดมั่นถือมั่น นี่เป็นการไม่ยึดมั่นถือมั่นโดยไม่ใช้หัวสมองถ้าท่านมีความเป็นอยู่ดี และเป็นอยู่ง่ายๆ ถ้าท่านอดทนและไม่เห็นแก่ตัวท่านก็จะเข้าใจถึงปัญญาของท่ายฮุยเหนิงได้<br /><br />ในการปฏิบัติ จำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌาณไหม<br /><br />๑๖. ในการปฏิบัติของเราจำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌานหรือไม่ครับ<br /><br />ไม่ ฌานไม่เรื่องจำเป็น ท่านต้องฝึกจิตให้มีความสงบและมีอารมณ์เป็นหนึ่ง (เอกัคคตา) อาศัยอันนี้สำรวจตนเองถ้าท่านได้ฌานในขณะฝึกปฏิบัตินี้ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่อย่างไปติดหลงอยู่ในฌานหลายคนชะงักติดอยู่ในฌานมันทำให้เพลิดเพลินเมื่อไปเล่นกับมัน ท่านต้องรู้ขอบเขตที่สมควร ถ้าท่านฉลาดท่านก็จะเห็นประโยชน์และขอบเขยของฌาน<br /><br />๑๗. ทำไมเราต้องปฏิบัติตามธุดงควัตรเช่น ฉันอาหารเฉพาะแต่ในบาตรเท่านั้นเล่าครับ<br /><br />ธดงควัตรทั้งหลาย ล้วนเป็นเครื่องช่วยเราทำให้ลายกิเลสเครื่องเศร้าหมองการปฏิบัติตามข้อที่ว่าให้ฉันอาหารแต่ ในบาตรทำให้เรามีสติมากขึ้น ระลึกว่าอาหารนั้นเหมือนยารักษาโรค ถ้าเราไม่มีกิเลสเครื่องเศร้าหมองแล้วมันก็ไม่สำคัญ ว่าเราจะฉันอาย่างไรแต่เราอาศัยธุดงควัตรทำให้การปฏิบัติของเราเป็นไปอย่างง่ายๆ พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงบัญญัติธุดงควัตร ไว้ว่า เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพระภิกษุทุกองค์ แต่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติธุดงควัตรสำหรับพระภิกษุผู้ประสงค์จะปฏิบัติ อย่างเคร่งครัด ธุดงควัตรเป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาในศีลเพราะฉะนั้นช่วยเพิ่มความมั่นคงและความเข้มแข็งของจิตใจเรา ข้อวัตรทั้งหลายเหล่านี้มีไวให้ท่านปฏิบัติ อย่าคอยจับตาดูว่าผู้อื่นปฏิบัติอย่างไร จงเฝ้าดูจิตของตัวท่านเองและดูว่าอะไรจะเป็น ประโยชน์สำหรับท่าน กฏข้อที่ว่าเราต้องไปอยู่กุฏิ จะกุฏิใดก็ตามที่กำหนดไว้ให้เรา เป็นกฏที่เป็นประโยชน์เช่นเดียวกัน มันกันช่วยไม่ให้พระติดที่อยู่ถ้าผู้ใดจากไปแล้วกลับมาใหม่ก็จะ ต้องไปอยู่กุฏิใหม่ การปฏิบัติของพวกเราเช่นนี้ คือไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด<br /><br />๑๘. ถ้าหากการใส่อาหารทุกอย่างรวมลงในบาตรเป็นสิ่งจำเป็นแล้ว ทำไมท่านอาจารย์จึงม่ปฏิบัติด้วยเช่นเดียวกันครับ ท่านคิดว่าไม่สำคัญหรือครับ ที่ท่านอาจารย์ต้องทำเป็นตัวอย่างแก่ศิษย์<br /><br />ถูกแล้ว อาจารย์ควรทำเป็นตัวอย่างแก่ศิษย์ของตน ผมไม่ถือว่าท่านติผม ท่านซักถามได้ทุกอย่างที่อยากทราบ แต่ว่ามันก็สำคัญที่ท่านต้องไม่ยึดอยู่กับอาจารย์ ถ้าดูจากภายนอกผมปฏิบัติดีพร้อมหมดก็คงจะแย่มาก พวกท่านทุกคน ก็จะพากันยึดในตัวผมยิ่งขึ้น แม้พระพุทธเจ้าเอง บางครั้งก็ตรัสให้สาวกปฏิบัติอย่างหนึ่งและพระองค์ก็ปฏิบัติอย่างหนึ่ง ความไม่แน่ใจในอาจารย์ ของท่านก็ช่วยท่านได้ ท่านควรเฝ้าดูเกี่ยวกับปฏิกิริยาของตัวเอง ท่านไม่คิดบางหรือว่า อาจจะเป็นไปได้ที่ผมแบ่งอาหารจากบาตรใส่จาน เพื่อไว้เลี้ยงดูชาวบ้านที่มาช่วยทำงานวัด ปัญญา คือ สิ่งที่ท่านต้องเฝ้าดูและทำให้เจริญขึ้น รับเอาแต่สิ่งที่ดีจากอาจารย์ จงรู้เท่าทันการฝึกปฏิบัติของท่านเอง ถ้าผมพักผ่อนในขณะที่ทุกคนทำความเพียรแล้ว ท่านจะโกรธหรือไม่ ถ้าผมเรียกสีน้ำเงินว่าแดง หรือเรียกผู้ชายว่าผู้หญิง ก็อย่าเรียกตามผมอย่างหลับหูหลับตา อาจารย์องค์หนึ่งของผมฉันอาหารเร็วมากแต่ฉันเสียงดังท่านสอนให้พวกเราฉันช้า และฉันอย่างมีสติผมเคยเฝ้าดูท่าน รู้สึกขัดเคืองใจมาก ผมเป็นทุกข์ แต่ท่านไม่ทุกข์เลยผมเพ่งเล็ง แต่ลักษณะภายนอกอย่ายึดมั่นถือมั่นในกฎระเบียบและรูปแบบภายนอก การมองออกไปนอกตัวเป็นการเปรียบเทียบแบ่งเขาแบ่งเรา ท่านจะไม่พบความสุขโดยวิธีนี้ และท่านจะไม่พบความสงบเลย ถ้าท่านมัวเสียเวลาแสวงหาคนที่ดีพร้อมหรือครูที่ดีพร้อม พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราดูที่ธรรมะ ที่สัจจธรรม ไม่ใช่คอยจับตาดูผู้อื่น<br /><br />เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นได้อย่างไร<br /><br />๑๙. เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกปฏิบัติได้อย่างไรครับ บางครั้งผมรู้สึกเป็นทาสของความต้องการทางเพศ<br /><br />กามราคะจะบรรเทาลงได้ด้วยการเพ่งพิจารณาถึงความน่าเกลียดโสโครก (อสุภะ) การยึดติดอยู่กับรูปร่างกายเป็นสุดโต่งข้างหนึ่งจงพิจารณาร่างกายเหมือนซากศพ และเห็นการเปลี่ยนแปลง เน่าเปื่อย จำอันนี้ไว้และพิจารณาให้เห็นถึงความน่าเกลียดโสโครกของร่างกาย เมื่อมีกามราคะเกิดขึ้น ก็จะช่วยให้ท่านเอาชนะกามราคะได้<br /><br />๒๐. เช่นเมื่อผมโกรธผมควรทำอย่างไรครับ<br /><br />ท่านต้องแผ่เมตตา ถ้าท่านมีโทสะในขณะภาวนา ให้แก้ด้วยเมตตาจิต ถ้าใครทำให้โกรธอย่าโกรธตอบถ้าท่านโกรธตอบท่านจะยิ่งโง่กว่าเขา จงเป็นคนฉลาดสงสารเห็นใจเขาเพราะว่าเขากำลังได้ทุกข์ เพ่งอารมณ์เมตตาเป็นอารมณ์ภาวนาแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก เมตตาเท่านั้นที่จะเอาชนะโทสะและความเกลียดได้<br /><br />ความง่วงเหงาหาวนอน ทำให้ภาวนาลำบาก<br /><br />๒๑. ผมง่วงเหงาหาวนอนอยู่มากครับทำให้ภาวนาลำบาก<br /><br />มีวิธีเอาชนะความง่วงได้หลายวิธี ถ้าท่านอยู่ในที่มืดให้ย้ายไปอยู่ที่สว่าง ลืมตาขึ้น ลุกไปล้างหน้า ตบหน้าตัวเอง หรือไปอาบน้ำ ถ้าท่านยังง่วงอยู่อีกให้เปลี่ยนอิริยาบถ เดินจงกรมให้มาก หรือเดินถอยหลังความกลัวว่าจะเป็นชนอะไรเข้าจะทำให้ท่านหายง่วงถ้ายังง่วงอยุ่อีก ก็จงยืนนิ่งๆ ทำใจให้สดชื่น สมมติว่าขณะนั้นสว่างหรือนั่งริมหน้าผาสูงหรือบ่อลึก ท่านจะไม่กล้าหลับ ถ้าทำ อย่างไรก็ไม่หายง่วงก็จงนอนเสียเอนกายลงอย่างสำรวมและรู้ตัวอยู่จนกระทั่งท่านหลับไป เมื่อท่านรู้สึกตัวจงลุกขึ้นทันทีอย่ามองดูนาฬิกาหรือหลับต่ออีก เริ่มต้นมีสติระลึกรู้ทันเมื่อท่านตื่น ถ้าท่านง่วงอยู่ทุกวัน ลองฉันอาหารให้น้อยลงสำรวมตัวเองแล้วกลับไปนั่งดูใหม่อีกเฝ้าดูความง่วงและความหิว ท่านต้องกะฉันอาหารให้พอดี เมื่อปฏิบัติต่อไปอีกท่านจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น และฉันน้อยลง<br /><br />๒๒. ทำไมเราจึงต้องกราบกันบ่อยๆ ครับ ที่นี่<br /><br />การกราบนี้เป็นสิ่งสำคัญมากเป็นรูปแบบซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติ การกราบนี้ต้องทำให้ถูกต้อง ก้มลงจนหน้าผากจรดพื้นวางศอกให้ชิดกับเข่าฝ่ามือทั้งสองราบอยู่ที่พื้นห่างกประมาณสามนิ้ว กราบลงช้าๆ มีสติรู้อาการของกาย การกราบช่วยแก้การถือตัวของเราได้เป็นอย่างดี เราควรกราบบ่อยๆ เมื่อท่านกราบสามหนท่านควรตั้งจิตระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ นั่นคือคุณลักษณะแห่งจิตอันสะอาด สว่างและสงบดังนั้นเราจึงอาศัยรูปแบบนี้ฝึกฝนตนเอง กายและจิตจะประสานกลมกลืนกันอย่าได้หลงผิดไปจับตาดูว่าผู้อื่นกราบอย่างไร ถ้าสมาเณรน้อยดูไม่ใส่ใจ และพระผู้เฒ่าดูขาดสติก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะตัดสินใจบางคยอาจจะสอนยาก บางคนเรียนได้เร็ว บางคนเรียนได้ช้าการพิจารณาตัดสินผู้อื่นมีแต่จะเพิ่มความหยิ่งทนงตน จงเฝ้าดูตัวเองกราบบ่อยๆ ขจัดความหยิ่งทนงตนออกไป ผู้ที่เข้าถึงธรรมะได้อย่างแท้จริงแล้ว ท่านจะอยู่เหนือรูปแบบทุกๆ อย่างที่ท่านทำ ก็มีแต่กานอ่อน้อมถ่อมตน เดินก็ถ่อม ฉันก็ถ่อม ขับถ่ายก็ถ่อม ทั้งนี้ก็เพราะว่าท่านพ้นจากความเห็นแก่ตัวเสียแล้ว<br /><br />อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่คืออะไร<br /><br />๒๓. อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่ของท่านอาหารคืออะไรครับ<br /><br />ทิฐิ ความเห็นและความนึกคิดเกี่ยวกับสิ่งทั้งปวงเกี่ยวกับตัวเขาเอง เกี่ยวกับการปฏิบัติภาวนา เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า หลายๆ ท่านที่มาที่นี่ มีตำแหน่งการงานสูงในสังคมบางคนเป็นพ่อค้าสที่มั่งคั่ง หรือได้ปริญญาต่างๆ ครูและข้าราชการ สมองของเขาเต็มไปด้วยความคิดเห็นต่อสิ่งต่างๆ เขาฉลาดเกินกว่าที่จะฟังผู้อื่น เปรียบเหมือนน้ำในห้วย ถ้าถ้วยมีน้ำสกปรกอยู่เต็ยถ้วยน้ำก็ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ เมื่อได้เทน้ำเก่านั้นทิ้งไปแล้วเท่านั้น ถ้วยนั้นก็จะใช้ประโยชน์ไม่ได้ ท่านต้องทำจิตให้ว่างจากทิฐิ แล้วท่านจึงจะได้เรียนรู้การปฏิบัติ ของเรานั้นอยุ่เหนือความฉลาดหรือความโง่ ถ้าท่านคิดว่าแนเก่ง ฉันรวย ฉันเป็นคนใหญ่คนโตฉันเข้าใจพระพุทธศาสนาแจ่มแจ้งทั้งหมด เช่นนี้แล้ว ท่านจะไม่เห็นความจริงในเรื่องอนัตตาหรือความไม่ใช่ตัวตน ท่านจะมีแต่ตัวตน ตัวอันของฉันแต่พระพุทธศาสนาคือการละ ตัวตน เป็นความว่าง เป็นความไม่มีทุกข์ เป็นนิพพาน<br /><br />กิเลสเครื่องเศร้าหมองเป็นเพียงมายาหรือว่าของจริง<br /><br />๒๔. กิเลสเครื่องเศร้าหมอง เช่นความโลภหรือความโกรธ เป็นเพียงมายาหรือว่าเป็นของจริงครับ<br /><br />เป็นทั้งสองอย่าง กิเลสที่เราเรียกว่าราคะหรือความโลภ ความโกรธและความหลง นั้นเป็นเพียงแต่ชื่อ เป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นมา เช่นเดียวกับที่เราเรียกชามใหญ่ ชามเล็ก สวยหรืออะไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สภาพที่เป็นจริงแต่เป็นความคิดปรุงแต่งที่เราคิดปรุงขึ้นจากตัณหา ถ้าเราต้องการชามใหญ่ เราก็ว่าอันนี้เล็กไป ตัณหาทำให้เราแบ่งแยกความจริงก็คือ มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น ลองมามองแง่นี้บ้าง ท่านเป็นผู้ชายหรือเปล่า ถ้าตอบว่าเป็น นี่เป็นเพียงรูปร่างของสิ่งต่างๆ แท้จริงแล้วท่านเป็นส่วนประกอบของธาตุและขันธ์ ถ้าจิตเป็นอิสระแล้ว จิตจะไม่แบ่งแยก ไม่มีใหญ่ไม่มีเล็ก ไม่มีเขาไม่มีเรา ไม่มีอะไรจะเป็นอนัตตาหรือความไม่ใช่ตัวตน แท้จริงแล้วในบั้นปลาย ก็ไม่มีทั้งอัตตาและอนัตตา(เป็นแต่เพียงชื่อเรียก)<br /><br />๒๕. ขอความกรูณาท่านอาจารย์อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรรมด้วยครับ<br /><br />กรรมคือ การกระทำ กรรม คือ การยึดมั่นถือมั่นกาย วาจาและใจ ล้วนสร้างกรรมเมื่อมีการยึดมั่นถือมั่น เราทำการจนเกิดความเคยชินเป็นนิสัยซึ่งจะทำให้เราเป็นทุกข์ได้ในการข้างหน้า นี้เป็นผลของการยึดมั่นถือมั่น ของกิเลส เครื่องเศร้าหมองของเราที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต ความยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายจะทำให้เราสร้างกรรม สมมติว่าท่านเคยเป็นขโมยก่อนที่จะบวชเป็นพระ ท่านขโมยเขาทำให้เขาไม่เป็นสุข เมื่อท่านเป็นพระเวลาท่านนึกถึง เรื่องที่ท่านทำให้ผู้อื่นหมดสุขแล้ว ท่านก็ไม่สบายใจ จงจำไว้ว่า ทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม จะเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดผลในอนาคตได้ ถ้าท่านเคยนสร้างกรรมดี ไว้ในอดีต และวันนี้ก็ยังจำได้ ท่านก็เป็นสุข<br /><br />๒๖. บางครั้งดูเหมือนว่าตั้งแต่ผมบวชเป็นพระมานี้ผมประสบความยากลำบากและความทุกข์มากขึ้น<br /><br />ผมรู้ว่าพวกท่านบางคนมีภูมิหลังที่สะดวกสบายทางวัตถุมาก่อนและมีเสรีภาพ เมื่อเปรียบกันแล้ว ขณะนี้ท่านต้องเป็นผู้อยู่ อย่างสำรวมตนเอง และมักน้อยยิ่งนัก ซ้ำในการฝึกปฏิบัตินี้ ผมยังให้ท่านนั่งนานและคอยหลายชั่งโมง อาหารและดินฟ้าอากาศ ก็จะต่างกันไปกับบ้านเมืองของท่าน แต่ทุกคนต้องผ่านความทุกข์ยากกันบ้าง นี่คือความทุกข์ที่จะนำไปสู่ความดับทุกข์อย่างนี้แหละ ที่จะทำให้ท่านได้เรียนรู้ เมื่อท่านนึกโกรธ นึกสงสารตัวเอง นั่นแหละเป็น โอกาสเหมาะที่จะเข้าใจเรื่องของจิต พระพุทธเจ้าตรัสว่ากิเลสทั้งหลายเป็นครูของเรา ลูกศิษย์ทุกดคนก็เหมือนลูกของผมผมมีความเมตตาปราถนาดีต่อทุกคน ถ้าผมทำให้ทุกข์ยากก็เพื่อประโยชน์ของท่านเอง ผู้ที่มีการศึกษาน้อยมีความรู้ทางโลกน้อยจะฝึกปฏิบัติได้ง่าย<br /><br />๒๗. ผมเจริญสมาธิอภวานาจนจิตสงบผมควรทำอย่างไรต่อไป<br /><br />นี่ก็ดีแล้ว ทำจิตให้เป็นสมาธิ ใช้พิจารนาจิตและกาย ท่านจะรู้ถึงควาามสงบที่แท้จริง ถ้าท่านยึดติดอยู่กับภาวะจิตที่สงบ แล้วท่านจะเป็นทุกข์ เมื่อจิตไม่สงบฉะนั้นจึงปล่อยวางหมดทุกสิ่งแม้แต่ความสงบ<br /><br />๒๘. ผมได้ยินท่านอาจารย์พูดว่าท่านเป็นห่วงลูกศิษย์ที่พากเพียรมากใช่ไหมครับ<br /><br />ถูกแล้วผมเป็นห่วง ผมเป็นห่วงว่าเขาเอาจริงเอาจังจนเกินไป เขาพายายามจนเกินไปแต่ขาดปัญญา เขาเคี่ยวเข็ญตนเองไปสู่ความทุกข์โดยไม่จำเป็น อย่างนี้เป็นความพยายามมากเกินไปคนทั่วไปก็เช่นกัน พวกเขาไม่รู้ถึงสภาพเป็นจริงของสิ่งทั้งปวง สังขารทั้งปวง จิตและร่างกายล้วเป็นของไม่เที่ยง บางคนคิดว่าเขารู้ เขาวิพากษ์วิจารจับตามองและลงความเห็นเอาเอง อย่างงี้ก็ตามใจเขา ทิฐิของใครก็ปล่อยให้เป็นของคนนั้นถ้าเราคิดว่าคนอื่นด้อยกว่ากดรือดีกว่ากรือเสมอกันกับเราเราก็ตกทางโค้ง ถ้าเราแบ่งเขาแบ่งเราเราก็จะเป็นทุกข์<br /><br />๒๙. ผมได้เจริญสมาธิภาวนามาหลายปีแล้ว ใจผมเปิดกว้างและสงบระงับเกือบจะในทุกสภาพการ เวลานี้ผมอยากจะย้อนหลังและฝึกทำสมาธิชั้นสูงหรือฝึกฌานครับ<br /><br />จะทำอย่างนั้นก็ได้เป็นการฝึกจิตที่มีประโยชน์ ก็เหมือนกับอยากนั่งภาวนานานๆ ท่านจะไม่ยึดติดอยู่ในสมาธิจิต แต่จริงๆ แล้วการฝึกนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่วงท่าอิริยาบถต่างๆ แต่นี่เป็นการมองตรงเข้าไปในจิต นี่คือปัญญาเมื่อท่านพิจารณาในเรื่องของจิต แล้วท่านก็จะเกิดปัญญารู้ถึงของเขตของสมาธิ เมื่อท่านได้ฝึกปฏิบัติ และเข้าใจจริง เรื่องการไม่ยึดมั่นถือมั่น จะช่วยท่านในการสอนผู้อื่น หรือท่านจะหวนกลับไปฝึกฌานก็ได้ ถ้าท่านมีปัญญารู้แล้วที่จะไม่ยึดถือในสิ่งใด<br /><br />๓๐. ขอความกรุณาท่านอาจารย์ทบทวนใจความสำคัญของการสนทนานี้ด้วยครับ<br /><br />ท่านต้องสำรวจตัวเองรู้ว่าท่านเป็นใครรู้ทันกายและจิตใจของท่าน จงรู้ความพอดีพอเหมาะสำหรับตัวท่าน ใช้ปัญญาในการฝึกปฏิบัติจงมีสติรู้ว่าอะไรเป็นอยู่ท่านจะมองเห็นทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ และความดับไปแห่งทุกข์ แต่ท่านต้องมีความอดทน และต้องทนได้ ท่านจะค่อยๆ ได้เรียนรู้ อย่าปฏิบัติเคร่งเครียดจนเกินไป อย่ายึดติดอยู่กับรูปแบบภายนอก จงเป็นปกติตามธรรมชาติ พระวินัยของพระสงฆ์และกฎระเบียบของวัดสำคัญมาก ทำให้เกิดบรรยากาศที่เรียบง่ายและประสานกลมกลืน แต่จำไว้ว่า ความสำคัญของพระวินัยของพระสงฆ์ คือการเฝ้าดูเจตตนาและสำรวมจิต ท่านต้องใช้ปัญญา อย่าแบ่งเขาแบ่งเรา ดังนั้นจงอดทนและฝึกให้มีคุณธรรมมีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ เป็นปกติตามธรรมชาติ เฝ้าดูจิต นี่แหละคือการปฏิบัติของเรา ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่เห็นแก่ตัว และความสงบสันติNitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-67611413066643215812012-03-22T22:18:00.004-07:002012-03-22T22:25:40.265-07:00แนวทางการปฏิบัติธรรม พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)<a href="http://3.bp.blogspot.com/-esAco9nmXek/T2wIXQGbGfI/AAAAAAAAEC0/PWH4BkRFXBw/s1600/15.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-esAco9nmXek/T2wIXQGbGfI/AAAAAAAAEC0/PWH4BkRFXBw/s400/15.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5722958422032980466" /></a><br />แนวทางการปฏิบัติธรรม<br /><br />พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)<br /><br />วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี<br /><br />พระสุญฺโญฺภิกขุ พระภิกษุชาวอเมริกัน จดบันทึกเป็นภาษาอังกฤษ<br /><br />เมื่อลาสิกขาแล้ว ท่านได้พิมพ์ เผยแผ่เป็นธรรมทาน ต่อมามีผู้แปลเป็นภาษาไทย<br /><br />และหลวงพ่อชาให้พระวีรพล เตชปญฺโญ แห่งวัดหนองป่าพงสอบทาน แล้วจึงได้พิมพ์ภาษาไทย<br /><br /><br /><br />สารบัญธรรม<br /><br />● พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน<br />● ควรจะพักผ่อนนอนหลับมากน้อยเพียงใด<br />● ควรจะศึกษาพระไตรปิฎกด้วยหรือไม่ในการฝึกปฏิบัติ<br />● ทำไมจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวัน<br />● ควรทำอย่างไรเมื่อสงสัยเกิดขึ้น<br />● จำเป็นไหมที่ต้องนั่งภาวนาให้นานๆ หรือไม่<br />● ในการปฏิบัติ จำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌาณไหม<br />● เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นได้อย่างไร<br />● ความง่วงเหงาหาวนอน ทำให้ภาวนาลำบาก<br />● อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่คืออะไร<br />● กิเลสเครื่องเศร้าหมองเป็นเพียงมายาหรือว่าของจริง<br />● ของฝากท้ายเล่ม<br />พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน<br /><br />๑. ผมได้พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน แต่ยังไม่มีที่ท่าว่าจะได้ผลคืบหน้าเลย<br /><br />เรื่องนี้สำคัญมาก อย่าพยายามที่จะเอาอะไรๆ ในการปฏิบัติความอย่างแรงกล้าที่จะหลุดพ้นหรือรู้แจ้งนั้นจะเป็นความอยากที่ขวางกั้นท่านก็ได้ จะเร่งความเพียรทั่งกลางคืนกลางวันก็ได้ แต่ถ้าการฝึกปฏิบัตินั้นยังประกอบด้วยความที่อยากจะบรรลุเห็นแจ้งแล้ว ท่านจะพบความสงบไม่ได้เลย แรงอยากจะเป็นเหตุให้เกิดความสงสัยและความกระวนกระวายใจ ไม่ว่าท่านจะฝึกปฏิบัตินานเท่าใดหรือนานสักเพียงใด ปัญญา (ที่แท้) จะไม่เกิดขึ้นจากความอยากนั้น ดังนั้นจงเพียงแต่ละความอยากเสีย จงเฝ้าดูจิตและกายอย่างมีสติแต่อย่ามุ่งหวังที่จะบรรลุถึงอะไร อย่ายึดมั่นถือมั่นแม้ในเรื่องการฝึกปฏิบัติหรือในการรู้แจ้ง<br /><br />ควรจะพักผ่อนนอนหลับมากน้อยเพียงใด<br /><br />๒. เรื่องการหลับนอนล่ะครับ ผมควรจะนอนมากน้อยเพียงใด<br /><br />อย่าถามผมเลย ผมตอบให้ท่านไม่ได้ บางคนหลับนอนคืนละประมาณ ๔ ชั่วโมงวก็พอ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญก็คือ ท่านเฝ้าดูและรู้จักตัวของท่านเอง ถ้าท่านนอนน้อยจนเกินไป จิตก็จะตื้อเฉื่อยชาหรืซัดส่าย จงหาสภาวะที่พอเหมาะกับตัวท่านเอง ตั้งใจเฝ้าดูกายและจิตจนท่านรู้ระยะเวลาที่นอนหลับที่พอเหมาะสำหรับท่าน ถ้าท่านณู้สึกตื้นตัวแล้ว และยังซุกตัวของีบต่อไปอีก นี่เปผ็นกิเลสเครื่องเศร้าหมอง จงมีสติรู้ตัวทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้น<br /><br />๓. เรื่องการขับขบฉันล่ะครับ ผมควรจะฉันอาหาร มากน้อยเพียงใด<br /><br />การขบฉันก็เหมือนกับการหลับนอน ท่านต้องรู้จักตัวของท่านเอง อาหารต้องบริโภคให่เพียงพอตามความต้องการของ ร่างกาย จงมองอาหารเหมือนยารักษาโรค ท่านฉันมากเกินไปจยง่วงนอนหลังฉันอาหารหรือเปล่า และท่านอ้วนขึ้นทุกวัน หรือเปล่า จงหยุดแล้วสำรวจกายและจิตของท่านเอง ไม่จำเป็นต้องอดอาหาร จงทดลองฉันอาหารตามปรมาณมาก น้อยต่างๆ หาปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกายของท่านใส่อาหารที่จะฉันทั้งหมดลงในบาตรแบบธุดงควัตร แล้วท่านจะกะปริมาณ อาหารที่จะฉันได้ง่าย เฝ้าดูตัวท่านเองอย่างถี่ถ้วน ขณะที่ฉันจงรู้จักตัวเอง สาระสำคัญของการฝึกปฏิบัติของเราเป็นอย่างนี้ ไม่มีอะไรพิเศษที่ต้องทำมากกว่านี้ จงเฝ้าดูเท่านั้น สำรวจท่านเอง เฝ้าดูจิต แล้วท่านจะรู้ว่า อะไรคือสภาวะที่พอเหมาะสำหรับการฝึกปฏิบัติของท่าน<br /><br />ควรจะศึกษาพระไตรปิฎกด้วยหรือไม่ในการฝึกปฏิบัติ<br /><br />๔. จิตของชาวเอเชียและตะวันตกแตกต่างกันหรือไม่ครับ<br /><br />โดยพื้นฐานแล้วไม่แตกต่างกัน ดูจากภายนอกขบนธรรมเนียงประเพณีและภาษาที่ใช้อาจดูต่างกัน แต่จิตของมนุษย์นั้นเป็นธรรมชาติซึงเหมือนกันหมด ไม่ว่าชาติใด ภาษาใด ความโภลและความเกลียดก็มีเหมือนกัน ทั่งในจิตของชาวตะวันออกหรือชาวตะวันตก ความทุกข์และความดับททุกข์ก็เหมือนกันทุกๆ คน<br /><br />๕. เราควรอ่านตำรามากๆ หรือศึกษาพระไตรปิฏกด้วยหรือไม่ครับ ในการฝึกปฏิบัตินี่<br /><br />พระธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ไม่อาจค้นพบได้ด้วยตำราต่างๆ ถ้าท่านต้องการจะรู้เห็นจริงด้วยตัวของท่านเองว่าพระพุทธเจ้าทรง ตรัสสอนอะไร ท่านไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกับตำราเลย จงเฝ้าดูจิตของท่านเอง พิจารณาให้รู้เห็นว่า ความรู้สึกต่างๆ (เวทนา) เกิดขึ้น และดับไปได้อย่างไร ความนึกคิดเกิดขึ้นและดับอย่างไร อย่าได้ผูกพันอยู่กับสิ่งใดเลย จงมีสติอยู่เสมอ เมื่อมีอะไรๆ เกิดขึ้นให้ได้รู้ได้ เห็น นี่คือทางบรรลุถึงสัจธรรมของพระพุทธองค์ จงปฏิบัติธรรมดาตามธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอยางที่ท่านทำขณะที่นี่ เป็นโอกาสแห่ง การฝึกปฏิบัติ เป็นธรรมะทั้งหมด เมื่อท่านทำวัตรสวดมนต์อยู่ พยายามให้มีสติ ถ้าท่านกำลังเทกระโถนหรือล้างส้วมอยู่ อย่าคิดว่า ท่านกำลังทำบุญทำคุณให้กับผู้หนึ่งผู้ใด มีธรรมะอยู่ในการเทกระโถนนั้น อย่ารู้สึกว่าท่านกำลังฝึกปฏิบัติอยู่เฉพาะเวลานั่งขัดสมาธิเท่านั้น พวกท่านบางคนบ่นงว่าไม่มีเวลาพอท่จะทำสมาธิภาวนา แล้วเวลาหายใจเล่ามีเพียงพอไหม? การทำสมาธิภาวนาของท่าน คือการมีสติ ระลึกรู้ และการรักษาจิตให้เป็นปกติตามธรรมชาติในการกระทำทุกอิริยาบถ<br /><br />ทำไมจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวัน<br /><br />๖. ทำไมพวกเราจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวันเล่าครับ<br /><br />ถ้าท่านมีคำถาม เชิญมาถามได้ทุกเวลา แต่ท่นี้เราไม่จำเป็นจะต้องมีการสอบอารมณ์กันทุกวัน ถ้าผมตอบปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ทุกปัญหา ของท่าน ท่านก็จไม่มีทางรู้เท่าทันกับการเกิดดับของความสงสัยในใจของท่านเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ท่าน ต้องเรียนรู้ที่จะสำรวจตัวท่านเอง สอบถามตัวท่านเอง จงตั้งใจฟังพระธรรมเทศนาทุกๆ ครั้งแล้ว จงนำเอาคำสอนนี้ ไปเปรียบเทียบกับการฝึกปฏิบัติของท่านเองว่าเหมือนกันหรือไม่ ต่างกันหรือไม่ ทำไมท่านจึงมีความสงสัยอยู่ ใครคือผู้ที่สงสัยนั้น โดยการสำรวจตัวเองเท่านั้นจะทำให้ท่านเข้าใจได้<br /><br />๗. บางครั้งผมกังวลใจอยู่กับพระวินัยของพระสงฆ์ ถ้าผมฆ่าแมลงโดยบังเอิญแล้ว จะผิดไหมครับ<br /><br />ศีลหรือพระวินัยและศีลธรรม เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการฝึกปฏิบัติของเรา แต่ท่านต้องไม่ยึดมั่นถือมั่นในกฏเกณฑ์ต่างๆ อย่างงมงายในการฆ่าสัตว์ หรือการละเมิดข้อห้ามอื่นๆ นั้น มันสำคัญที่เจตนา ท่านย่อมรู้แก่ใจของท่านเอง อย่าได้กังวลกับเรื่องพระวินัยให้มากจนเกินไป ถ้านำมาปฏิบัติอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยส่งเสริมการปฏิบัติ และพระภิกษุบางรูปกังวลกับกฎเกณฑ์เล็กๆ น้อยๆ มากเกินไปจนนอนไม่เป็นสุข พระวินัยไม่ใช่ภาระที่ต้องแบก ในการปฎิบัติของเราที่นี้มีรากฐานคือพระวินัย พระวินัยรวมทั้งธุดงควัตรและการปฎิบัติภาวนา การมีสติและการสำรวมระวังในกฏระเบียบต่างๆ ตลอดจนในศีล ๒๒๗ ข้อนั้น ให้คุณประโยชน์อันใหญ่หลวง ทำให้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องพะวงว่าจะต้องทำตนอย่างไร ดังน้นท่านก็หมดเรื่องต้องครุ่นคิด และมีสติดำรงอยู่แทน พระวินัยทำให้พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน และชุมชนก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ลักษณะภายนอกทุกๆ คนดูเหมือนกัน และปฏิบัติอย่างเดียวกัน พระวินัยและศีลธรรม เป็นบันไดอันแข็งแกร่งนำไปสู่สมาธิยิ่งและปัญญายิ่ง โดยการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามพระวินัยของพระสงฆ์และธุดงควัตร ทำให้เรามีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ และต้องจำกัดจำนวน บริขารของเราด้วย ดังนั้นที่นี้เราจึงควรมีการปฏิบัติที่ครบถ้วนตามแบบของพระพุทธเจ้า คือ การงดเว้นจากความชั้วและทำความดี มีความ เป็นอยู่อย่างง่ายๆ ตามความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ชำระจิตให้บริสุทธิ์ โดยการเฝ้าดูจิตและกายของเราในทุกๆ อิริยาบท เมื่อนั่งอยู่ ยืนอยู่ เดินอยู่ หรือนอนอยู่ จงรู้ตัวของท่านเอง<br /><br />๘. ผมควรจะทำอย่างไรครับเมื่อผมสงสัย บางวันผมวุ่นวายใจด้วยความสงสัยในเรื่องปฏิบัต หรือในความคืบหน้าของผม หรือในอาจารย์<br /><br />ความสงสัยนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทุกๆ คนเริ่มต้นด้วยความสงสัย ท่นอาจได้เรียนรู้อย่างมากจากความสงสัยนั้น ที่สำคัญก็คือ ถ้าท่านยังถือเอาความสงสัยนั้นเป็นตัวเป็นตน นั่นคืออย่าตกเป็นเหยื่อของความสงสัย ซึ่งจะทำให้จิตใจของท่านหมุนวนเป็นวัฏฏะ อันไม่มีที่สิ้นสุด แทนที่จะเป็นเช่นั้น จงเฝใดูกระบวนการเกิดดับของความสงสัย ของความฉงนสนเท่ห์ ดูว่าใครคือผู้ที่สงสัย ดูว่าความสงสัยนั้นเกิดขึ้นและ ดับไปอย่างไร และท่านจะไม่ตกเป็นเหยื่อของความสงสัยอีกต่อไป ท่านจะหลุดพ้นออกจากความสงสัยและจิตของท่านก็จะสงบ ท่านจะเห็นว่า สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไปอย่างไร จงปล่อยวางสิ่งต่างๆ ที่ท่านยังยึดมั่นอยู่ ปล่อยวางความสงสัยของท่านและเพียงแต่เฝ้าดู นี่คือสิ่งที่สิ้นสุดของควาสงสัย<br /><br />๙. ท่านอาจารย์มีความเห็นเกี่ยวแก่วิธีปฏิบัติ(วิธีภาวนา)วิธีอื่นๆ อย่างไรครับ ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าจะมีอาจารย์มากมาย และมีแนวทางการทำสมาธิ<br /><br />วิปัสสนาหลายแบบ จนทำให้สับสน มันก็เหมือนกับการจะเข้าไปในเมือง บางคนอาจจะเข้าเมืองทางทิศเหนือ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ฯลฯ ทางถนนหลายสาย โดยมากแล้วแนวทางภาวนาก็แตกต่างกันแต่เพียงรูปแบบเท่านั้น ไม่ว่าท่านจะเดินทาสายหนึ่งสายใด เดินช้าหรือเดินเร็ว ถ้าท่านมีสติอยู้เสมอ มันก็เหมือนกันทั้งนั้น ข้อสำคัญที่สุดก็คือแนวทางภาวนาที่ดีและถูกต้องจะต้องนำไปสู่การไม่ยึดมั่นถือมั่น ลงท้ายแล้ว ก็ต้องปล่อยแนวทางการภาวนาทุกรูปแบบด้วย ผู้ปฏิบัติต้องไม้ยึดมั่นแม้ในตัวอาจารย์แนวทางใดที่นำไปสู่การปล่อยวาง สู่การไม่ยึดมั่นถือมั่นก็เป็นทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ท่านอาจจะอยากเดินทางเพื่อศึกษาอาจารย์อื่นอีก และลองปฏิบัติตามแนวทางอื่นบ้างก็ได้ พวกท่านบางคนก็ทำเช่นนั้น นี้เป็นความต้องการ ตามธรรมชาติ ท่านจะรู้ว่าแม้ได้ถามคำถามนับพันคำถามก็แล้ว และมีความรู้เรื่องแนวทางปฏิบัติอื่นๆ ก็แล้ว ก็ไม่อาจจะนำท่านเข้าถึงสัจจะธรรมได้ในที่สุดท่านก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย ท่านจะรู้ว่าเพียงแต่หยุด และสำรวจตรวจสอบดูจิตใจของท่านเองเท่านั้น ท่านก็จะรู้ว่าพระพุทะเจ้าตรัสสอนอะไร ไม่มีประโยชน์ที่แสวงหาออกไปนอกตัวเอง ผลที่สุดท่านต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับสภาวะที่แท้จริงของตัวท่นเอง ตรงนี้แหละที่ท่านจะเข้าใจ ธรรมะได้<br /><br />๑๐. มีหลายครั้งหลายหนที่ดูเหมือนว่าพระหลายรูปที่นี่ไม่ฝึกปฏิบัติ ดูท่านไม่ใส่ใจธรรม หรือขาดสติ เรื่องนี้กวนใจผม<br /><br />มันไม่ถูกต้องที่จะคอยจับตาดูผู้อื่น นี้ไม่ช่วยการฝึกปฏิบัติของท่านเลย ถ้าท่านรำคาญใจก็จงเฝ้าดูความรำคาญในใจของท่านเลย ถ้าศีลของผู้อื่นบกพร่อง หรือเขาเหล่านั้นไม่ใช่พระที่ดี ก็ไม่ใช่เรื่องของท่านที่จะไปตัดสิน ท่านจะไม่เกิดปัญญา การจับตาดูผู้อื่น พระวินัยเป็นเครื่องช่วยในการทำสมาธิภาวนาของท่าน ไม่ใช่อาวุธสำหรับใช้ติเตียนหรือจับผิดผู้อื่น ไม่ใครสามารถฝึกปฏิบัติให้ท่านได้ หรือท่านก็ไม่สามารถปฏิบัติให้ผู้อื่นได้ จงมีสติใส่ใจในการฝึกปฏิบัติของตัวท่านเอง และนี่คือแนวทางของการปฏิบัติ<br /><br />๑๑. ผมระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะสำรวมอินทรีย์ ผมทอดสายตาลงต่ำเสมอ และกำหนดสติอยู่กับการกระทำทุกอย่าง แม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นขณะที่กำลังฉันอาหารอยู่ ผมใช้เวลานานและพยายามรู้สำผัสทุกอย่าง เป็นต้นว่า เคี้ยวรู้รส กลืน ฯลฯ ผมกำหนดรู้ด้วยความตั้งใจทุกขั้นตอนและระมัดระวังผม ผมปฏิบัติถูกต้องหรือไม่ครับ<br /><br />การสำรวอินทรีย์นั้นเป็นการปฏิบัติถูกต้องแล้ว เราจะต้องมีสติในการฝึกเช่นนั้นตลอดทั้งวัน แต่อย่าควบคุมให้มากเกินไป เดินฉัน และปฏิบัติตนให้เป็นธรรมชาติ ให้มีสติระลึกรู้ตามธรรมชาติ ถึงสิ่งที่กำลังเป็นไปในต้วท่าน อย่าบีบบังคับการทำสมาธิภาวานาของท่าน และอย่าบีบบังคับตนเองไปจนดูน่าขัน ซึ่งก็เป็นตัณหาอีกอย่างหนึ่งจงอดทน ความอดทนและความทนได้เป็นสิ่งจำเป็น ถ้าท่านปฏิบัติตนเป็นปกติตามธรรมชาติ และมีสติระลึกรู้อยู่เสมอปัญญาที่แท้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติด้วย<br /><br />จำเป็นไหมที่ต้องนั่งภาวนาให้นานๆ<br /><br />๑๒. จำเป็นไหมครับที่จะต้องนั่งภาวนาให้นานๆ<br /><br />ไม่จำเป็นต้องนั่งภาวนานานนับเป็นหลายชั่วโมง บางคนคิดว่ายิ่งนั่งภาวนานานเท่าใด ก็ยิ่งจะเกิดปัญญามากเท่านั้น ปัญญาที่แท้เกิดจากการที่เรามีสติในทุกๆ อิริยาบท การฝึกปฏิบัติของท่านต้องเริมขึ้นทันทีที่ท่านตื่นนอนตอนเช้า และต้องปฏิบัติให้ต่อเนื่องไปจนกระทั่งนอนหลับไปอย่าไปห่วงว่าท่านต้องนั่งภาวนาให้นานๆ สิ่งสำคัญก็คือ ท่านเพียงแต่เฝ้าดู ไม่ว่าท่านจะเดินอยู่หรือนั่งอยู่ หรือกำลังเข้าห้องน้ำอยู่แต่ละคนต่างก็มีทางชีวิตของตนเอง บางคนต้องตาย เมื่อมีอายุ ๕๐ ปี บางคนเมื่ออายุ ๖๕ ปี และบางคนเมื่ออายุ ๙๐ ปี ฉันใดก็ฉันนั้น ปฏิปทาของท่านทั้งหลาลก็ไม่เหมือนกัน อย่างคิดมากหรือิกังวลใจในเรื่องนี้เลย จงพยายามมีสติ และปล่อยทุกสิ่งให้เป็นไปตามปกติของมัน แล้วจิต ของท่านก็จะสงบมากขึ้นในสิ่งแวดล้อมทั้งปวงมันจะสงบนิ่งเหมือนหนองน้ำใสในป่าที่บรรดาสัตว์ป่าสวยงาม และหายากจะมาดื่มน้ำในสระนั้นท่านจะได้เห็นความมหัศจรรย์และแปลกประหลาดทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไปแต่ท่านก็จะสงบอยู่เช่นเดิม ปัญหาทั้งหลายจะบังเกิดขึ้นแต่ท่านจะรู้ทันมันได้ทันที นี่แหละคือศานติสุขของพระพุทธเจ้า<br /><br />๑๓. ผมยังคงมีความนึกคิดต่างๆ มากมาย จิตของผมฟุ้งซ่านมากทั้งๆ ที่ผมพยายามจะมีสติอยู่<br /><br />อย่างวิตกในเรื่องนี้เลย พยายามรักษาจิตของท่านให้อยู่กับปัจจุบัน เมื่อเกิดรู้สึกอะไรขึ้นมาภายในจิตก็ตาม จงเฝ้าดูมันและปล่อยวางแล้วจิตก็จะเข้าถึงสภาวะปกติตามธรรมชาติของมันไม่มีการแบ่งแยกระหว่างความดีและความชั่ว ร้อนและหนาว ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีจัวตนเลย อะไรอะไรก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น จงรู้จักตัวเองด้วนการปฏิบัติตนเป็นปกติตามธรรมชาติ และเฝ้าดู เมื่อเกิดาสงสัยจงเฝ้าดูมันเกิดขึ้นและดับไป มันก็ง่ายๆ อย่ายึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใดทั้งสิ้น เหมือนกับว่าท่านกำลังเดินไปตามถนน บางขณะท่านจะพบสิ่งกีดขวางอยู่ เมื่อท่านเกิดกิเลสเครื่องเศร้าหมองจงรู้ทันมันและเอาชนะมันโดยปล่อยให้มันผ่านไปเสีย อย่าไปคำนึงถึงกีดขวางที่ท่านได้ผ้านมากแล้วแย่าวิตกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่ได้พบ จงอยู่กับปัจจุบัน ไม่ว่าท่านผ่านอะไรไปอย่าไปยึดมั่นไว้ ในที่สุดจิตก็จะบรรลุถึงความสมดุล ตามธรรมชาติของจิตและเมื่อนั้นการปฏิบัติก็จะเป็นเองโดยอัตโนมัติ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นและดับไปในตัวของมันเอง<br /><br />๑๔. ท่านอาจารย์เคยพิจารณา "สูตรของเว่ยหลาง" ของพระสังฆปรินายก (นิกายเซ็น) องค์ที่หกบ้างไหมครับ (ท่านเว่ยหลางหรือท่านฮุยเหนิง)<br /><br />ท่านฮุยเหนิงมีปัญญาเฉียบแหลมมาก คำสอนของท่านลึกซึ้งยิ่งนักไม่ใช่ของง่ายที่ผู้เริ่มต้นปฏิบัติจะเข้าใจได้ ถ้าท่านปฏิบัติตามศีลและด้วยความอดทนท่านก็จะเข้าใจได้ในที่สุด ฤดูฝนนั้นวันหนึ่งพายุก็พัดเอาหลังคาโหว่ไปเขาไม่ขวนขวายที่จะมุงมันใหม่ จึงปล่อยให้ฝนรั่วอยู่อย่างนั้นหลายวันผ่านไปผมได้ไปถามถึงกุฏิของเขาเขาตอบว่า กำลังฝึกกานไม่ยึดมั่นถือมั่น นี่เป็นการไม่ยึดมั่นถือมั่นโดยไม่ใช้หัวสมองถ้าท่านมีความเป็นอยู่ดี และเป็นอยู่ง่ายๆ ถ้าท่านอดทนและไม่เห็นแก่ตัวท่านก็จะเข้าใจถึงปัญญาของท่ายฮุยเหนิงได้<br /><br />ในการปฏิบัติ จำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌาณไหม<br /><br />๑๖. ในการปฏิบัติของเราจำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌานหรือไม่ครับ<br /><br />ไม่ ฌานไม่เรื่องจำเป็น ท่านต้องฝึกจิตให้มีความสงบและมีอารมณ์เป็นหนึ่ง (เอกัคคตา) อาศัยอันนี้สำรวจตนเองถ้าท่านได้ฌานในขณะฝึกปฏิบัตินี้ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่อย่างไปติดหลงอยู่ในฌานหลายคนชะงักติดอยู่ในฌานมันทำให้เพลิดเพลินเมื่อไปเล่นกับมัน ท่านต้องรู้ขอบเขตที่สมควร ถ้าท่านฉลาดท่านก็จะเห็นประโยชน์และขอบเขยของฌาน<br /><br />๑๗. ทำไมเราต้องปฏิบัติตามธุดงควัตรเช่น ฉันอาหารเฉพาะแต่ในบาตรเท่านั้นเล่าครับ<br /><br />ธดงควัตรทั้งหลาย ล้วนเป็นเครื่องช่วยเราทำให้ลายกิเลสเครื่องเศร้าหมองการปฏิบัติตามข้อที่ว่าให้ฉันอาหารแต่ ในบาตรทำให้เรามีสติมากขึ้น ระลึกว่าอาหารนั้นเหมือนยารักษาโรค ถ้าเราไม่มีกิเลสเครื่องเศร้าหมองแล้วมันก็ไม่สำคัญ ว่าเราจะฉันอาย่างไรแต่เราอาศัยธุดงควัตรทำให้การปฏิบัติของเราเป็นไปอย่างง่ายๆ พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงบัญญัติธุดงควัตร ไว้ว่า เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพระภิกษุทุกองค์ แต่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติธุดงควัตรสำหรับพระภิกษุผู้ประสงค์จะปฏิบัติ อย่างเคร่งครัด ธุดงควัตรเป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาในศีลเพราะฉะนั้นช่วยเพิ่มความมั่นคงและความเข้มแข็งของจิตใจเรา ข้อวัตรทั้งหลายเหล่านี้มีไวให้ท่านปฏิบัติ อย่าคอยจับตาดูว่าผู้อื่นปฏิบัติอย่างไร จงเฝ้าดูจิตของตัวท่านเองและดูว่าอะไรจะเป็น ประโยชน์สำหรับท่าน กฏข้อที่ว่าเราต้องไปอยู่กุฏิ จะกุฏิใดก็ตามที่กำหนดไว้ให้เรา เป็นกฏที่เป็นประโยชน์เช่นเดียวกัน มันกันช่วยไม่ให้พระติดที่อยู่ถ้าผู้ใดจากไปแล้วกลับมาใหม่ก็จะ ต้องไปอยู่กุฏิใหม่ การปฏิบัติของพวกเราเช่นนี้ คือไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด<br /><br />๑๘. ถ้าหากการใส่อาหารทุกอย่างรวมลงในบาตรเป็นสิ่งจำเป็นแล้ว ทำไมท่านอาจารย์จึงม่ปฏิบัติด้วยเช่นเดียวกันครับ ท่านคิดว่าไม่สำคัญหรือครับ ที่ท่านอาจารย์ต้องทำเป็นตัวอย่างแก่ศิษย์<br /><br />ถูกแล้ว อาจารย์ควรทำเป็นตัวอย่างแก่ศิษย์ของตน ผมไม่ถือว่าท่านติผม ท่านซักถามได้ทุกอย่างที่อยากทราบ แต่ว่ามันก็สำคัญที่ท่านต้องไม่ยึดอยู่กับอาจารย์ ถ้าดูจากภายนอกผมปฏิบัติดีพร้อมหมดก็คงจะแย่มาก พวกท่านทุกคน ก็จะพากันยึดในตัวผมยิ่งขึ้น แม้พระพุทธเจ้าเอง บางครั้งก็ตรัสให้สาวกปฏิบัติอย่างหนึ่งและพระองค์ก็ปฏิบัติอย่างหนึ่ง ความไม่แน่ใจในอาจารย์ ของท่านก็ช่วยท่านได้ ท่านควรเฝ้าดูเกี่ยวกับปฏิกิริยาของตัวเอง ท่านไม่คิดบางหรือว่า อาจจะเป็นไปได้ที่ผมแบ่งอาหารจากบาตรใส่จาน เพื่อไว้เลี้ยงดูชาวบ้านที่มาช่วยทำงานวัด ปัญญา คือ สิ่งที่ท่านต้องเฝ้าดูและทำให้เจริญขึ้น รับเอาแต่สิ่งที่ดีจากอาจารย์ จงรู้เท่าทันการฝึกปฏิบัติของท่านเอง ถ้าผมพักผ่อนในขณะที่ทุกคนทำความเพียรแล้ว ท่านจะโกรธหรือไม่ ถ้าผมเรียกสีน้ำเงินว่าแดง หรือเรียกผู้ชายว่าผู้หญิง ก็อย่าเรียกตามผมอย่างหลับหูหลับตา อาจารย์องค์หนึ่งของผมฉันอาหารเร็วมากแต่ฉันเสียงดังท่านสอนให้พวกเราฉันช้า และฉันอย่างมีสติผมเคยเฝ้าดูท่าน รู้สึกขัดเคืองใจมาก ผมเป็นทุกข์ แต่ท่านไม่ทุกข์เลยผมเพ่งเล็ง แต่ลักษณะภายนอกอย่ายึดมั่นถือมั่นในกฎระเบียบและรูปแบบภายนอก การมองออกไปนอกตัวเป็นการเปรียบเทียบแบ่งเขาแบ่งเรา ท่านจะไม่พบความสุขโดยวิธีนี้ และท่านจะไม่พบความสงบเลย ถ้าท่านมัวเสียเวลาแสวงหาคนที่ดีพร้อมหรือครูที่ดีพร้อม พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราดูที่ธรรมะ ที่สัจจธรรม ไม่ใช่คอยจับตาดูผู้อื่น<br /><br />เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นได้อย่างไร<br /><br />๑๙. เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกปฏิบัติได้อย่างไรครับ บางครั้งผมรู้สึกเป็นทาสของความต้องการทางเพศ<br /><br />กามราคะจะบรรเทาลงได้ด้วยการเพ่งพิจารณาถึงความน่าเกลียดโสโครก (อสุภะ) การยึดติดอยู่กับรูปร่างกายเป็นสุดโต่งข้างหนึ่งจงพิจารณาร่างกายเหมือนซากศพ และเห็นการเปลี่ยนแปลง เน่าเปื่อย จำอันนี้ไว้และพิจารณาให้เห็นถึงความน่าเกลียดโสโครกของร่างกาย เมื่อมีกามราคะเกิดขึ้น ก็จะช่วยให้ท่านเอาชนะกามราคะได้<br /><br />๒๐. เช่นเมื่อผมโกรธผมควรทำอย่างไรครับ<br /><br />ท่านต้องแผ่เมตตา ถ้าท่านมีโทสะในขณะภาวนา ให้แก้ด้วยเมตตาจิต ถ้าใครทำให้โกรธอย่าโกรธตอบถ้าท่านโกรธตอบท่านจะยิ่งโง่กว่าเขา จงเป็นคนฉลาดสงสารเห็นใจเขาเพราะว่าเขากำลังได้ทุกข์ เพ่งอารมณ์เมตตาเป็นอารมณ์ภาวนาแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก เมตตาเท่านั้นที่จะเอาชนะโทสะและความเกลียดได้<br /><br />ความง่วงเหงาหาวนอน ทำให้ภาวนาลำบาก<br /><br />๒๑. ผมง่วงเหงาหาวนอนอยู่มากครับทำให้ภาวนาลำบาก<br /><br />มีวิธีเอาชนะความง่วงได้หลายวิธี ถ้าท่านอยู่ในที่มืดให้ย้ายไปอยู่ที่สว่าง ลืมตาขึ้น ลุกไปล้างหน้า ตบหน้าตัวเอง หรือไปอาบน้ำ ถ้าท่านยังง่วงอยู่อีกให้เปลี่ยนอิริยาบถ เดินจงกรมให้มาก หรือเดินถอยหลังความกลัวว่าจะเป็นชนอะไรเข้าจะทำให้ท่านหายง่วงถ้ายังง่วงอยุ่อีก ก็จงยืนนิ่งๆ ทำใจให้สดชื่น สมมติว่าขณะนั้นสว่างหรือนั่งริมหน้าผาสูงหรือบ่อลึก ท่านจะไม่กล้าหลับ ถ้าทำ อย่างไรก็ไม่หายง่วงก็จงนอนเสียเอนกายลงอย่างสำรวมและรู้ตัวอยู่จนกระทั่งท่านหลับไป เมื่อท่านรู้สึกตัวจงลุกขึ้นทันทีอย่ามองดูนาฬิกาหรือหลับต่ออีก เริ่มต้นมีสติระลึกรู้ทันเมื่อท่านตื่น ถ้าท่านง่วงอยู่ทุกวัน ลองฉันอาหารให้น้อยลงสำรวมตัวเองแล้วกลับไปนั่งดูใหม่อีกเฝ้าดูความง่วงและความหิว ท่านต้องกะฉันอาหารให้พอดี เมื่อปฏิบัติต่อไปอีกท่านจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น และฉันน้อยลง<br /><br />๒๒. ทำไมเราจึงต้องกราบกันบ่อยๆ ครับ ที่นี่<br /><br />การกราบนี้เป็นสิ่งสำคัญมากเป็นรูปแบบซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติ การกราบนี้ต้องทำให้ถูกต้อง ก้มลงจนหน้าผากจรดพื้นวางศอกให้ชิดกับเข่าฝ่ามือทั้งสองราบอยู่ที่พื้นห่างกประมาณสามนิ้ว กราบลงช้าๆ มีสติรู้อาการของกาย การกราบช่วยแก้การถือตัวของเราได้เป็นอย่างดี เราควรกราบบ่อยๆ เมื่อท่านกราบสามหนท่านควรตั้งจิตระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ นั่นคือคุณลักษณะแห่งจิตอันสะอาด สว่างและสงบดังนั้นเราจึงอาศัยรูปแบบนี้ฝึกฝนตนเอง กายและจิตจะประสานกลมกลืนกันอย่าได้หลงผิดไปจับตาดูว่าผู้อื่นกราบอย่างไร ถ้าสมาเณรน้อยดูไม่ใส่ใจ และพระผู้เฒ่าดูขาดสติก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะตัดสินใจบางคยอาจจะสอนยาก บางคนเรียนได้เร็ว บางคนเรียนได้ช้าการพิจารณาตัดสินผู้อื่นมีแต่จะเพิ่มความหยิ่งทนงตน จงเฝ้าดูตัวเองกราบบ่อยๆ ขจัดความหยิ่งทนงตนออกไป ผู้ที่เข้าถึงธรรมะได้อย่างแท้จริงแล้ว ท่านจะอยู่เหนือรูปแบบทุกๆ อย่างที่ท่านทำ ก็มีแต่กานอ่อน้อมถ่อมตน เดินก็ถ่อม ฉันก็ถ่อม ขับถ่ายก็ถ่อม ทั้งนี้ก็เพราะว่าท่านพ้นจากความเห็นแก่ตัวเสียแล้ว<br /><br />อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่คืออะไร<br /><br />๒๓. อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่ของท่านอาหารคืออะไรครับ<br /><br />ทิฐิ ความเห็นและความนึกคิดเกี่ยวกับสิ่งทั้งปวงเกี่ยวกับตัวเขาเอง เกี่ยวกับการปฏิบัติภาวนา เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า หลายๆ ท่านที่มาที่นี่ มีตำแหน่งการงานสูงในสังคมบางคนเป็นพ่อค้าสที่มั่งคั่ง หรือได้ปริญญาต่างๆ ครูและข้าราชการ สมองของเขาเต็มไปด้วยความคิดเห็นต่อสิ่งต่างๆ เขาฉลาดเกินกว่าที่จะฟังผู้อื่น เปรียบเหมือนน้ำในห้วย ถ้าถ้วยมีน้ำสกปรกอยู่เต็ยถ้วยน้ำก็ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ เมื่อได้เทน้ำเก่านั้นทิ้งไปแล้วเท่านั้น ถ้วยนั้นก็จะใช้ประโยชน์ไม่ได้ ท่านต้องทำจิตให้ว่างจากทิฐิ แล้วท่านจึงจะได้เรียนรู้การปฏิบัติ ของเรานั้นอยุ่เหนือความฉลาดหรือความโง่ ถ้าท่านคิดว่าแนเก่ง ฉันรวย ฉันเป็นคนใหญ่คนโตฉันเข้าใจพระพุทธศาสนาแจ่มแจ้งทั้งหมด เช่นนี้แล้ว ท่านจะไม่เห็นความจริงในเรื่องอนัตตาหรือความไม่ใช่ตัวตน ท่านจะมีแต่ตัวตน ตัวอันของฉันแต่พระพุทธศาสนาคือการละ ตัวตน เป็นความว่าง เป็นความไม่มีทุกข์ เป็นนิพพาน<br /><br />กิเลสเครื่องเศร้าหมองเป็นเพียงมายาหรือว่าของจริง<br /><br />๒๔. กิเลสเครื่องเศร้าหมอง เช่นความโลภหรือความโกรธ เป็นเพียงมายาหรือว่าเป็นของจริงครับ<br /><br />เป็นทั้งสองอย่าง กิเลสที่เราเรียกว่าราคะหรือความโลภ ความโกรธและความหลง นั้นเป็นเพียงแต่ชื่อ เป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นมา เช่นเดียวกับที่เราเรียกชามใหญ่ ชามเล็ก สวยหรืออะไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สภาพที่เป็นจริงแต่เป็นความคิดปรุงแต่งที่เราคิดปรุงขึ้นจากตัณหา ถ้าเราต้องการชามใหญ่ เราก็ว่าอันนี้เล็กไป ตัณหาทำให้เราแบ่งแยกความจริงก็คือ มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น ลองมามองแง่นี้บ้าง ท่านเป็นผู้ชายหรือเปล่า ถ้าตอบว่าเป็น นี่เป็นเพียงรูปร่างของสิ่งต่างๆ แท้จริงแล้วท่านเป็นส่วนประกอบของธาตุและขันธ์ ถ้าจิตเป็นอิสระแล้ว จิตจะไม่แบ่งแยก ไม่มีใหญ่ไม่มีเล็ก ไม่มีเขาไม่มีเรา ไม่มีอะไรจะเป็นอนัตตาหรือความไม่ใช่ตัวตน แท้จริงแล้วในบั้นปลาย ก็ไม่มีทั้งอัตตาและอนัตตา(เป็นแต่เพียงชื่อเรียก)<br /><br />๒๕. ขอความกรูณาท่านอาจารย์อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรรมด้วยครับ<br /><br />กรรมคือ การกระทำ กรรม คือ การยึดมั่นถือมั่นกาย วาจาและใจ ล้วนสร้างกรรมเมื่อมีการยึดมั่นถือมั่น เราทำการจนเกิดความเคยชินเป็นนิสัยซึ่งจะทำให้เราเป็นทุกข์ได้ในการข้างหน้า นี้เป็นผลของการยึดมั่นถือมั่น ของกิเลส เครื่องเศร้าหมองของเราที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต ความยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายจะทำให้เราสร้างกรรม สมมติว่าท่านเคยเป็นขโมยก่อนที่จะบวชเป็นพระ ท่านขโมยเขาทำให้เขาไม่เป็นสุข เมื่อท่านเป็นพระเวลาท่านนึกถึง เรื่องที่ท่านทำให้ผู้อื่นหมดสุขแล้ว ท่านก็ไม่สบายใจ จงจำไว้ว่า ทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม จะเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดผลในอนาคตได้ ถ้าท่านเคยนสร้างกรรมดี ไว้ในอดีต และวันนี้ก็ยังจำได้ ท่านก็เป็นสุข<br /><br />๒๖. บางครั้งดูเหมือนว่าตั้งแต่ผมบวชเป็นพระมานี้ผมประสบความยากลำบากและความทุกข์มากขึ้น<br /><br />ผมรู้ว่าพวกท่านบางคนมีภูมิหลังที่สะดวกสบายทางวัตถุมาก่อนและมีเสรีภาพ เมื่อเปรียบกันแล้ว ขณะนี้ท่านต้องเป็นผู้อยู่ อย่างสำรวมตนเอง และมักน้อยยิ่งนัก ซ้ำในการฝึกปฏิบัตินี้ ผมยังให้ท่านนั่งนานและคอยหลายชั่งโมง อาหารและดินฟ้าอากาศ ก็จะต่างกันไปกับบ้านเมืองของท่าน แต่ทุกคนต้องผ่านความทุกข์ยากกันบ้าง นี่คือความทุกข์ที่จะนำไปสู่ความดับทุกข์อย่างนี้แหละ ที่จะทำให้ท่านได้เรียนรู้ เมื่อท่านนึกโกรธ นึกสงสารตัวเอง นั่นแหละเป็น โอกาสเหมาะที่จะเข้าใจเรื่องของจิต พระพุทธเจ้าตรัสว่ากิเลสทั้งหลายเป็นครูของเรา ลูกศิษย์ทุกดคนก็เหมือนลูกของผมผมมีความเมตตาปราถนาดีต่อทุกคน ถ้าผมทำให้ทุกข์ยากก็เพื่อประโยชน์ของท่านเอง ผู้ที่มีการศึกษาน้อยมีความรู้ทางโลกน้อยจะฝึกปฏิบัติได้ง่าย<br /><br />๒๗. ผมเจริญสมาธิอภวานาจนจิตสงบผมควรทำอย่างไรต่อไป<br /><br />นี่ก็ดีแล้ว ทำจิตให้เป็นสมาธิ ใช้พิจารนาจิตและกาย ท่านจะรู้ถึงควาามสงบที่แท้จริง ถ้าท่านยึดติดอยู่กับภาวะจิตที่สงบ แล้วท่านจะเป็นทุกข์ เมื่อจิตไม่สงบฉะนั้นจึงปล่อยวางหมดทุกสิ่งแม้แต่ความสงบ<br /><br />๒๘. ผมได้ยินท่านอาจารย์พูดว่าท่านเป็นห่วงลูกศิษย์ที่พากเพียรมากใช่ไหมครับ<br /><br />ถูกแล้วผมเป็นห่วง ผมเป็นห่วงว่าเขาเอาจริงเอาจังจนเกินไป เขาพายายามจนเกินไปแต่ขาดปัญญา เขาเคี่ยวเข็ญตนเองไปสู่ความทุกข์โดยไม่จำเป็น อย่างนี้เป็นความพยายามมากเกินไปคนทั่วไปก็เช่นกัน พวกเขาไม่รู้ถึงสภาพเป็นจริงของสิ่งทั้งปวง สังขารทั้งปวง จิตและร่างกายล้วเป็นของไม่เที่ยง บางคนคิดว่าเขารู้ เขาวิพากษ์วิจารจับตามองและลงความเห็นเอาเอง อย่างงี้ก็ตามใจเขา ทิฐิของใครก็ปล่อยให้เป็นของคนนั้นถ้าเราคิดว่าคนอื่นด้อยกว่ากดรือดีกว่ากรือเสมอกันกับเราเราก็ตกทางโค้ง ถ้าเราแบ่งเขาแบ่งเราเราก็จะเป็นทุกข์<br /><br />๒๙. ผมได้เจริญสมาธิภาวนามาหลายปีแล้ว ใจผมเปิดกว้างและสงบระงับเกือบจะในทุกสภาพการ เวลานี้ผมอยากจะย้อนหลังและฝึกทำสมาธิชั้นสูงหรือฝึกฌานครับ<br /><br />จะทำอย่างนั้นก็ได้เป็นการฝึกจิตที่มีประโยชน์ ก็เหมือนกับอยากนั่งภาวนานานๆ ท่านจะไม่ยึดติดอยู่ในสมาธิจิต แต่จริงๆ แล้วการฝึกนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่วงท่าอิริยาบถต่างๆ แต่นี่เป็นการมองตรงเข้าไปในจิต นี่คือปัญญาเมื่อท่านพิจารณาในเรื่องของจิต แล้วท่านก็จะเกิดปัญญารู้ถึงของเขตของสมาธิ เมื่อท่านได้ฝึกปฏิบัติ และเข้าใจจริง เรื่องการไม่ยึดมั่นถือมั่น จะช่วยท่านในการสอนผู้อื่น หรือท่านจะหวนกลับไปฝึกฌานก็ได้ ถ้าท่านมีปัญญารู้แล้วที่จะไม่ยึดถือในสิ่งใด<br /><br />๓๐. ขอความกรุณาท่านอาจารย์ทบทวนใจความสำคัญของการสนทนานี้ด้วยครับ<br /><br />ท่านต้องสำรวจตัวเองรู้ว่าท่านเป็นใครรู้ทันกายและจิตใจของท่าน จงรู้ความพอดีพอเหมาะสำหรับตัวท่าน ใช้ปัญญาในการฝึกปฏิบัติจงมีสติรู้ว่าอะไรเป็นอยู่ท่านจะมองเห็นทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ และความดับไปแห่งทุกข์ แต่ท่านต้องมีความอดทน และต้องทนได้ ท่านจะค่อยๆ ได้เรียนรู้ อย่าปฏิบัติเคร่งเครียดจนเกินไป อย่ายึดติดอยู่กับรูปแบบภายนอก จงเป็นปกติตามธรรมชาติ พระวินัยของพระสงฆ์และกฎระเบียบของวัดสำคัญมาก ทำให้เกิดบรรยากาศที่เรียบง่ายและประสานกลมกลืน แต่จำไว้ว่า ความสำคัญของพระวินัยของพระสงฆ์ คือการเฝ้าดูเจตตนาและสำรวมจิต ท่านต้องใช้ปัญญา อย่าแบ่งเขาแบ่งเรา ดังนั้นจงอดทนและฝึกให้มีคุณธรรมมีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ เป็นปกติตามธรรมชาติ เฝ้าดูจิต นี่แหละคือการปฏิบัติของเรา ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่เห็นแก่ตัว และความสงบสันติNitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-27460736505434070022012-03-22T22:18:00.003-07:002012-03-22T22:24:24.426-07:00แนวทางการปฏิบัติธรรม พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)<a href="http://3.bp.blogspot.com/-esAco9nmXek/T2wIXQGbGfI/AAAAAAAAEC0/PWH4BkRFXBw/s1600/15.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-esAco9nmXek/T2wIXQGbGfI/AAAAAAAAEC0/PWH4BkRFXBw/s400/15.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5722958422032980466" /></a><br />แนวทางการปฏิบัติธรรม<br /><br />พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)<br /><br />วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี<br /><br />พระสุญฺโญฺภิกขุ พระภิกษุชาวอเมริกัน จดบันทึกเป็นภาษาอังกฤษ<br /><br />เมื่อลาสิกขาแล้ว ท่านได้พิมพ์ เผยแผ่เป็นธรรมทาน ต่อมามีผู้แปลเป็นภาษาไทย<br /><br />และหลวงพ่อชาให้พระวีรพล เตชปญฺโญ แห่งวัดหนองป่าพงสอบทาน แล้วจึงได้พิมพ์ภาษาไทย<br /><br /><br /><br />สารบัญธรรม<br /><br />● พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน<br />● ควรจะพักผ่อนนอนหลับมากน้อยเพียงใด<br />● ควรจะศึกษาพระไตรปิฎกด้วยหรือไม่ในการฝึกปฏิบัติ<br />● ทำไมจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวัน<br />● ควรทำอย่างไรเมื่อสงสัยเกิดขึ้น<br />● จำเป็นไหมที่ต้องนั่งภาวนาให้นานๆ หรือไม่<br />● ในการปฏิบัติ จำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌาณไหม<br />● เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นได้อย่างไร<br />● ความง่วงเหงาหาวนอน ทำให้ภาวนาลำบาก<br />● อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่คืออะไร<br />● กิเลสเครื่องเศร้าหมองเป็นเพียงมายาหรือว่าของจริง<br />● ของฝากท้ายเล่ม<br />พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน<br /><br />๑. ผมได้พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน แต่ยังไม่มีที่ท่าว่าจะได้ผลคืบหน้าเลย<br /><br />เรื่องนี้สำคัญมาก อย่าพยายามที่จะเอาอะไรๆ ในการปฏิบัติความอย่างแรงกล้าที่จะหลุดพ้นหรือรู้แจ้งนั้นจะเป็นความอยากที่ขวางกั้นท่านก็ได้ จะเร่งความเพียรทั่งกลางคืนกลางวันก็ได้ แต่ถ้าการฝึกปฏิบัตินั้นยังประกอบด้วยความที่อยากจะบรรลุเห็นแจ้งแล้ว ท่านจะพบความสงบไม่ได้เลย แรงอยากจะเป็นเหตุให้เกิดความสงสัยและความกระวนกระวายใจ ไม่ว่าท่านจะฝึกปฏิบัตินานเท่าใดหรือนานสักเพียงใด ปัญญา (ที่แท้) จะไม่เกิดขึ้นจากความอยากนั้น ดังนั้นจงเพียงแต่ละความอยากเสีย จงเฝ้าดูจิตและกายอย่างมีสติแต่อย่ามุ่งหวังที่จะบรรลุถึงอะไร อย่ายึดมั่นถือมั่นแม้ในเรื่องการฝึกปฏิบัติหรือในการรู้แจ้ง<br /><br />ควรจะพักผ่อนนอนหลับมากน้อยเพียงใด<br /><br />๒. เรื่องการหลับนอนล่ะครับ ผมควรจะนอนมากน้อยเพียงใด<br /><br />อย่าถามผมเลย ผมตอบให้ท่านไม่ได้ บางคนหลับนอนคืนละประมาณ ๔ ชั่วโมงวก็พอ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญก็คือ ท่านเฝ้าดูและรู้จักตัวของท่านเอง ถ้าท่านนอนน้อยจนเกินไป จิตก็จะตื้อเฉื่อยชาหรืซัดส่าย จงหาสภาวะที่พอเหมาะกับตัวท่านเอง ตั้งใจเฝ้าดูกายและจิตจนท่านรู้ระยะเวลาที่นอนหลับที่พอเหมาะสำหรับท่าน ถ้าท่านณู้สึกตื้นตัวแล้ว และยังซุกตัวของีบต่อไปอีก นี่เปผ็นกิเลสเครื่องเศร้าหมอง จงมีสติรู้ตัวทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้น<br /><br />๓. เรื่องการขับขบฉันล่ะครับ ผมควรจะฉันอาหาร มากน้อยเพียงใด<br /><br />การขบฉันก็เหมือนกับการหลับนอน ท่านต้องรู้จักตัวของท่านเอง อาหารต้องบริโภคให่เพียงพอตามความต้องการของ ร่างกาย จงมองอาหารเหมือนยารักษาโรค ท่านฉันมากเกินไปจยง่วงนอนหลังฉันอาหารหรือเปล่า และท่านอ้วนขึ้นทุกวัน หรือเปล่า จงหยุดแล้วสำรวจกายและจิตของท่านเอง ไม่จำเป็นต้องอดอาหาร จงทดลองฉันอาหารตามปรมาณมาก น้อยต่างๆ หาปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกายของท่านใส่อาหารที่จะฉันทั้งหมดลงในบาตรแบบธุดงควัตร แล้วท่านจะกะปริมาณ อาหารที่จะฉันได้ง่าย เฝ้าดูตัวท่านเองอย่างถี่ถ้วน ขณะที่ฉันจงรู้จักตัวเอง สาระสำคัญของการฝึกปฏิบัติของเราเป็นอย่างนี้ ไม่มีอะไรพิเศษที่ต้องทำมากกว่านี้ จงเฝ้าดูเท่านั้น สำรวจท่านเอง เฝ้าดูจิต แล้วท่านจะรู้ว่า อะไรคือสภาวะที่พอเหมาะสำหรับการฝึกปฏิบัติของท่าน<br /><br />ควรจะศึกษาพระไตรปิฎกด้วยหรือไม่ในการฝึกปฏิบัติ<br /><br />๔. จิตของชาวเอเชียและตะวันตกแตกต่างกันหรือไม่ครับ<br /><br />โดยพื้นฐานแล้วไม่แตกต่างกัน ดูจากภายนอกขบนธรรมเนียงประเพณีและภาษาที่ใช้อาจดูต่างกัน แต่จิตของมนุษย์นั้นเป็นธรรมชาติซึงเหมือนกันหมด ไม่ว่าชาติใด ภาษาใด ความโภลและความเกลียดก็มีเหมือนกัน ทั่งในจิตของชาวตะวันออกหรือชาวตะวันตก ความทุกข์และความดับททุกข์ก็เหมือนกันทุกๆ คน<br /><br />๕. เราควรอ่านตำรามากๆ หรือศึกษาพระไตรปิฏกด้วยหรือไม่ครับ ในการฝึกปฏิบัตินี่<br /><br />พระธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ไม่อาจค้นพบได้ด้วยตำราต่างๆ ถ้าท่านต้องการจะรู้เห็นจริงด้วยตัวของท่านเองว่าพระพุทธเจ้าทรง ตรัสสอนอะไร ท่านไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกับตำราเลย จงเฝ้าดูจิตของท่านเอง พิจารณาให้รู้เห็นว่า ความรู้สึกต่างๆ (เวทนา) เกิดขึ้น และดับไปได้อย่างไร ความนึกคิดเกิดขึ้นและดับอย่างไร อย่าได้ผูกพันอยู่กับสิ่งใดเลย จงมีสติอยู่เสมอ เมื่อมีอะไรๆ เกิดขึ้นให้ได้รู้ได้ เห็น นี่คือทางบรรลุถึงสัจธรรมของพระพุทธองค์ จงปฏิบัติธรรมดาตามธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอยางที่ท่านทำขณะที่นี่ เป็นโอกาสแห่ง การฝึกปฏิบัติ เป็นธรรมะทั้งหมด เมื่อท่านทำวัตรสวดมนต์อยู่ พยายามให้มีสติ ถ้าท่านกำลังเทกระโถนหรือล้างส้วมอยู่ อย่าคิดว่า ท่านกำลังทำบุญทำคุณให้กับผู้หนึ่งผู้ใด มีธรรมะอยู่ในการเทกระโถนนั้น อย่ารู้สึกว่าท่านกำลังฝึกปฏิบัติอยู่เฉพาะเวลานั่งขัดสมาธิเท่านั้น พวกท่านบางคนบ่นงว่าไม่มีเวลาพอท่จะทำสมาธิภาวนา แล้วเวลาหายใจเล่ามีเพียงพอไหม? การทำสมาธิภาวนาของท่าน คือการมีสติ ระลึกรู้ และการรักษาจิตให้เป็นปกติตามธรรมชาติในการกระทำทุกอิริยาบถ<br /><br />ทำไมจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวัน<br /><br />๖. ทำไมพวกเราจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวันเล่าครับ<br /><br />ถ้าท่านมีคำถาม เชิญมาถามได้ทุกเวลา แต่ท่นี้เราไม่จำเป็นจะต้องมีการสอบอารมณ์กันทุกวัน ถ้าผมตอบปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ทุกปัญหา ของท่าน ท่านก็จไม่มีทางรู้เท่าทันกับการเกิดดับของความสงสัยในใจของท่านเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ท่าน ต้องเรียนรู้ที่จะสำรวจตัวท่านเอง สอบถามตัวท่านเอง จงตั้งใจฟังพระธรรมเทศนาทุกๆ ครั้งแล้ว จงนำเอาคำสอนนี้ ไปเปรียบเทียบกับการฝึกปฏิบัติของท่านเองว่าเหมือนกันหรือไม่ ต่างกันหรือไม่ ทำไมท่านจึงมีความสงสัยอยู่ ใครคือผู้ที่สงสัยนั้น โดยการสำรวจตัวเองเท่านั้นจะทำให้ท่านเข้าใจได้<br /><br />๗. บางครั้งผมกังวลใจอยู่กับพระวินัยของพระสงฆ์ ถ้าผมฆ่าแมลงโดยบังเอิญแล้ว จะผิดไหมครับ<br /><br />ศีลหรือพระวินัยและศีลธรรม เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการฝึกปฏิบัติของเรา แต่ท่านต้องไม่ยึดมั่นถือมั่นในกฏเกณฑ์ต่างๆ อย่างงมงายในการฆ่าสัตว์ หรือการละเมิดข้อห้ามอื่นๆ นั้น มันสำคัญที่เจตนา ท่านย่อมรู้แก่ใจของท่านเอง อย่าได้กังวลกับเรื่องพระวินัยให้มากจนเกินไป ถ้านำมาปฏิบัติอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยส่งเสริมการปฏิบัติ และพระภิกษุบางรูปกังวลกับกฎเกณฑ์เล็กๆ น้อยๆ มากเกินไปจนนอนไม่เป็นสุข พระวินัยไม่ใช่ภาระที่ต้องแบก ในการปฎิบัติของเราที่นี้มีรากฐานคือพระวินัย พระวินัยรวมทั้งธุดงควัตรและการปฎิบัติภาวนา การมีสติและการสำรวมระวังในกฏระเบียบต่างๆ ตลอดจนในศีล ๒๒๗ ข้อนั้น ให้คุณประโยชน์อันใหญ่หลวง ทำให้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องพะวงว่าจะต้องทำตนอย่างไร ดังน้นท่านก็หมดเรื่องต้องครุ่นคิด และมีสติดำรงอยู่แทน พระวินัยทำให้พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน และชุมชนก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ลักษณะภายนอกทุกๆ คนดูเหมือนกัน และปฏิบัติอย่างเดียวกัน พระวินัยและศีลธรรม เป็นบันไดอันแข็งแกร่งนำไปสู่สมาธิยิ่งและปัญญายิ่ง โดยการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามพระวินัยของพระสงฆ์และธุดงควัตร ทำให้เรามีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ และต้องจำกัดจำนวน บริขารของเราด้วย ดังนั้นที่นี้เราจึงควรมีการปฏิบัติที่ครบถ้วนตามแบบของพระพุทธเจ้า คือ การงดเว้นจากความชั้วและทำความดี มีความ เป็นอยู่อย่างง่ายๆ ตามความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ชำระจิตให้บริสุทธิ์ โดยการเฝ้าดูจิตและกายของเราในทุกๆ อิริยาบท เมื่อนั่งอยู่ ยืนอยู่ เดินอยู่ หรือนอนอยู่ จงรู้ตัวของท่านเอง<br /><br />๘. ผมควรจะทำอย่างไรครับเมื่อผมสงสัย บางวันผมวุ่นวายใจด้วยความสงสัยในเรื่องปฏิบัต หรือในความคืบหน้าของผม หรือในอาจารย์<br /><br />ความสงสัยนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทุกๆ คนเริ่มต้นด้วยความสงสัย ท่นอาจได้เรียนรู้อย่างมากจากความสงสัยนั้น ที่สำคัญก็คือ ถ้าท่านยังถือเอาความสงสัยนั้นเป็นตัวเป็นตน นั่นคืออย่าตกเป็นเหยื่อของความสงสัย ซึ่งจะทำให้จิตใจของท่านหมุนวนเป็นวัฏฏะ อันไม่มีที่สิ้นสุด แทนที่จะเป็นเช่นั้น จงเฝใดูกระบวนการเกิดดับของความสงสัย ของความฉงนสนเท่ห์ ดูว่าใครคือผู้ที่สงสัย ดูว่าความสงสัยนั้นเกิดขึ้นและ ดับไปอย่างไร และท่านจะไม่ตกเป็นเหยื่อของความสงสัยอีกต่อไป ท่านจะหลุดพ้นออกจากความสงสัยและจิตของท่านก็จะสงบ ท่านจะเห็นว่า สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไปอย่างไร จงปล่อยวางสิ่งต่างๆ ที่ท่านยังยึดมั่นอยู่ ปล่อยวางความสงสัยของท่านและเพียงแต่เฝ้าดู นี่คือสิ่งที่สิ้นสุดของควาสงสัย<br /><br />๙. ท่านอาจารย์มีความเห็นเกี่ยวแก่วิธีปฏิบัติ(วิธีภาวนา)วิธีอื่นๆ อย่างไรครับ ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าจะมีอาจารย์มากมาย และมีแนวทางการทำสมาธิ<br /><br />วิปัสสนาหลายแบบ จนทำให้สับสน มันก็เหมือนกับการจะเข้าไปในเมือง บางคนอาจจะเข้าเมืองทางทิศเหนือ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ฯลฯ ทางถนนหลายสาย โดยมากแล้วแนวทางภาวนาก็แตกต่างกันแต่เพียงรูปแบบเท่านั้น ไม่ว่าท่านจะเดินทาสายหนึ่งสายใด เดินช้าหรือเดินเร็ว ถ้าท่านมีสติอยู้เสมอ มันก็เหมือนกันทั้งนั้น ข้อสำคัญที่สุดก็คือแนวทางภาวนาที่ดีและถูกต้องจะต้องนำไปสู่การไม่ยึดมั่นถือมั่น ลงท้ายแล้ว ก็ต้องปล่อยแนวทางการภาวนาทุกรูปแบบด้วย ผู้ปฏิบัติต้องไม้ยึดมั่นแม้ในตัวอาจารย์แนวทางใดที่นำไปสู่การปล่อยวาง สู่การไม่ยึดมั่นถือมั่นก็เป็นทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ท่านอาจจะอยากเดินทางเพื่อศึกษาอาจารย์อื่นอีก และลองปฏิบัติตามแนวทางอื่นบ้างก็ได้ พวกท่านบางคนก็ทำเช่นนั้น นี้เป็นความต้องการ ตามธรรมชาติ ท่านจะรู้ว่าแม้ได้ถามคำถามนับพันคำถามก็แล้ว และมีความรู้เรื่องแนวทางปฏิบัติอื่นๆ ก็แล้ว ก็ไม่อาจจะนำท่านเข้าถึงสัจจะธรรมได้ในที่สุดท่านก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย ท่านจะรู้ว่าเพียงแต่หยุด และสำรวจตรวจสอบดูจิตใจของท่านเองเท่านั้น ท่านก็จะรู้ว่าพระพุทะเจ้าตรัสสอนอะไร ไม่มีประโยชน์ที่แสวงหาออกไปนอกตัวเอง ผลที่สุดท่านต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับสภาวะที่แท้จริงของตัวท่นเอง ตรงนี้แหละที่ท่านจะเข้าใจ ธรรมะได้<br /><br />๑๐. มีหลายครั้งหลายหนที่ดูเหมือนว่าพระหลายรูปที่นี่ไม่ฝึกปฏิบัติ ดูท่านไม่ใส่ใจธรรม หรือขาดสติ เรื่องนี้กวนใจผม<br /><br />มันไม่ถูกต้องที่จะคอยจับตาดูผู้อื่น นี้ไม่ช่วยการฝึกปฏิบัติของท่านเลย ถ้าท่านรำคาญใจก็จงเฝ้าดูความรำคาญในใจของท่านเลย ถ้าศีลของผู้อื่นบกพร่อง หรือเขาเหล่านั้นไม่ใช่พระที่ดี ก็ไม่ใช่เรื่องของท่านที่จะไปตัดสิน ท่านจะไม่เกิดปัญญา การจับตาดูผู้อื่น พระวินัยเป็นเครื่องช่วยในการทำสมาธิภาวนาของท่าน ไม่ใช่อาวุธสำหรับใช้ติเตียนหรือจับผิดผู้อื่น ไม่ใครสามารถฝึกปฏิบัติให้ท่านได้ หรือท่านก็ไม่สามารถปฏิบัติให้ผู้อื่นได้ จงมีสติใส่ใจในการฝึกปฏิบัติของตัวท่านเอง และนี่คือแนวทางของการปฏิบัติ<br /><br />๑๑. ผมระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะสำรวมอินทรีย์ ผมทอดสายตาลงต่ำเสมอ และกำหนดสติอยู่กับการกระทำทุกอย่าง แม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นขณะที่กำลังฉันอาหารอยู่ ผมใช้เวลานานและพยายามรู้สำผัสทุกอย่าง เป็นต้นว่า เคี้ยวรู้รส กลืน ฯลฯ ผมกำหนดรู้ด้วยความตั้งใจทุกขั้นตอนและระมัดระวังผม ผมปฏิบัติถูกต้องหรือไม่ครับ<br /><br />การสำรวอินทรีย์นั้นเป็นการปฏิบัติถูกต้องแล้ว เราจะต้องมีสติในการฝึกเช่นนั้นตลอดทั้งวัน แต่อย่าควบคุมให้มากเกินไป เดินฉัน และปฏิบัติตนให้เป็นธรรมชาติ ให้มีสติระลึกรู้ตามธรรมชาติ ถึงสิ่งที่กำลังเป็นไปในต้วท่าน อย่าบีบบังคับการทำสมาธิภาวานาของท่าน และอย่าบีบบังคับตนเองไปจนดูน่าขัน ซึ่งก็เป็นตัณหาอีกอย่างหนึ่งจงอดทน ความอดทนและความทนได้เป็นสิ่งจำเป็น ถ้าท่านปฏิบัติตนเป็นปกติตามธรรมชาติ และมีสติระลึกรู้อยู่เสมอปัญญาที่แท้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติด้วย<br /><br />จำเป็นไหมที่ต้องนั่งภาวนาให้นานๆ<br /><br />๑๒. จำเป็นไหมครับที่จะต้องนั่งภาวนาให้นานๆ<br /><br />ไม่จำเป็นต้องนั่งภาวนานานนับเป็นหลายชั่วโมง บางคนคิดว่ายิ่งนั่งภาวนานานเท่าใด ก็ยิ่งจะเกิดปัญญามากเท่านั้น ปัญญาที่แท้เกิดจากการที่เรามีสติในทุกๆ อิริยาบท การฝึกปฏิบัติของท่านต้องเริมขึ้นทันทีที่ท่านตื่นนอนตอนเช้า และต้องปฏิบัติให้ต่อเนื่องไปจนกระทั่งนอนหลับไปอย่าไปห่วงว่าท่านต้องนั่งภาวนาให้นานๆ สิ่งสำคัญก็คือ ท่านเพียงแต่เฝ้าดู ไม่ว่าท่านจะเดินอยู่หรือนั่งอยู่ หรือกำลังเข้าห้องน้ำอยู่แต่ละคนต่างก็มีทางชีวิตของตนเอง บางคนต้องตาย เมื่อมีอายุ ๕๐ ปี บางคนเมื่ออายุ ๖๕ ปี และบางคนเมื่ออายุ ๙๐ ปี ฉันใดก็ฉันนั้น ปฏิปทาของท่านทั้งหลาลก็ไม่เหมือนกัน อย่างคิดมากหรือิกังวลใจในเรื่องนี้เลย จงพยายามมีสติ และปล่อยทุกสิ่งให้เป็นไปตามปกติของมัน แล้วจิต ของท่านก็จะสงบมากขึ้นในสิ่งแวดล้อมทั้งปวงมันจะสงบนิ่งเหมือนหนองน้ำใสในป่าที่บรรดาสัตว์ป่าสวยงาม และหายากจะมาดื่มน้ำในสระนั้นท่านจะได้เห็นความมหัศจรรย์และแปลกประหลาดทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไปแต่ท่านก็จะสงบอยู่เช่นเดิม ปัญหาทั้งหลายจะบังเกิดขึ้นแต่ท่านจะรู้ทันมันได้ทันที นี่แหละคือศานติสุขของพระพุทธเจ้า<br /><br />๑๓. ผมยังคงมีความนึกคิดต่างๆ มากมาย จิตของผมฟุ้งซ่านมากทั้งๆ ที่ผมพยายามจะมีสติอยู่<br /><br />อย่างวิตกในเรื่องนี้เลย พยายามรักษาจิตของท่านให้อยู่กับปัจจุบัน เมื่อเกิดรู้สึกอะไรขึ้นมาภายในจิตก็ตาม จงเฝ้าดูมันและปล่อยวางแล้วจิตก็จะเข้าถึงสภาวะปกติตามธรรมชาติของมันไม่มีการแบ่งแยกระหว่างความดีและความชั่ว ร้อนและหนาว ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีจัวตนเลย อะไรอะไรก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น จงรู้จักตัวเองด้วนการปฏิบัติตนเป็นปกติตามธรรมชาติ และเฝ้าดู เมื่อเกิดาสงสัยจงเฝ้าดูมันเกิดขึ้นและดับไป มันก็ง่ายๆ อย่ายึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใดทั้งสิ้น เหมือนกับว่าท่านกำลังเดินไปตามถนน บางขณะท่านจะพบสิ่งกีดขวางอยู่ เมื่อท่านเกิดกิเลสเครื่องเศร้าหมองจงรู้ทันมันและเอาชนะมันโดยปล่อยให้มันผ่านไปเสีย อย่าไปคำนึงถึงกีดขวางที่ท่านได้ผ้านมากแล้วแย่าวิตกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่ได้พบ จงอยู่กับปัจจุบัน ไม่ว่าท่านผ่านอะไรไปอย่าไปยึดมั่นไว้ ในที่สุดจิตก็จะบรรลุถึงความสมดุล ตามธรรมชาติของจิตและเมื่อนั้นการปฏิบัติก็จะเป็นเองโดยอัตโนมัติ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นและดับไปในตัวของมันเอง<br /><br />๑๔. ท่านอาจารย์เคยพิจารณา "สูตรของเว่ยหลาง" ของพระสังฆปรินายก (นิกายเซ็น) องค์ที่หกบ้างไหมครับ (ท่านเว่ยหลางหรือท่านฮุยเหนิง)<br /><br />ท่านฮุยเหนิงมีปัญญาเฉียบแหลมมาก คำสอนของท่านลึกซึ้งยิ่งนักไม่ใช่ของง่ายที่ผู้เริ่มต้นปฏิบัติจะเข้าใจได้ ถ้าท่านปฏิบัติตามศีลและด้วยความอดทนท่านก็จะเข้าใจได้ในที่สุด ฤดูฝนนั้นวันหนึ่งพายุก็พัดเอาหลังคาโหว่ไปเขาไม่ขวนขวายที่จะมุงมันใหม่ จึงปล่อยให้ฝนรั่วอยู่อย่างนั้นหลายวันผ่านไปผมได้ไปถามถึงกุฏิของเขาเขาตอบว่า กำลังฝึกกานไม่ยึดมั่นถือมั่น นี่เป็นการไม่ยึดมั่นถือมั่นโดยไม่ใช้หัวสมองถ้าท่านมีความเป็นอยู่ดี และเป็นอยู่ง่ายๆ ถ้าท่านอดทนและไม่เห็นแก่ตัวท่านก็จะเข้าใจถึงปัญญาของท่ายฮุยเหนิงได้<br /><br />ในการปฏิบัติ จำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌาณไหม<br /><br />๑๖. ในการปฏิบัติของเราจำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌานหรือไม่ครับ<br /><br />ไม่ ฌานไม่เรื่องจำเป็น ท่านต้องฝึกจิตให้มีความสงบและมีอารมณ์เป็นหนึ่ง (เอกัคคตา) อาศัยอันนี้สำรวจตนเองถ้าท่านได้ฌานในขณะฝึกปฏิบัตินี้ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่อย่างไปติดหลงอยู่ในฌานหลายคนชะงักติดอยู่ในฌานมันทำให้เพลิดเพลินเมื่อไปเล่นกับมัน ท่านต้องรู้ขอบเขตที่สมควร ถ้าท่านฉลาดท่านก็จะเห็นประโยชน์และขอบเขยของฌาน<br /><br />๑๗. ทำไมเราต้องปฏิบัติตามธุดงควัตรเช่น ฉันอาหารเฉพาะแต่ในบาตรเท่านั้นเล่าครับ<br /><br />ธดงควัตรทั้งหลาย ล้วนเป็นเครื่องช่วยเราทำให้ลายกิเลสเครื่องเศร้าหมองการปฏิบัติตามข้อที่ว่าให้ฉันอาหารแต่ ในบาตรทำให้เรามีสติมากขึ้น ระลึกว่าอาหารนั้นเหมือนยารักษาโรค ถ้าเราไม่มีกิเลสเครื่องเศร้าหมองแล้วมันก็ไม่สำคัญ ว่าเราจะฉันอาย่างไรแต่เราอาศัยธุดงควัตรทำให้การปฏิบัติของเราเป็นไปอย่างง่ายๆ พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงบัญญัติธุดงควัตร ไว้ว่า เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพระภิกษุทุกองค์ แต่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติธุดงควัตรสำหรับพระภิกษุผู้ประสงค์จะปฏิบัติ อย่างเคร่งครัด ธุดงควัตรเป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาในศีลเพราะฉะนั้นช่วยเพิ่มความมั่นคงและความเข้มแข็งของจิตใจเรา ข้อวัตรทั้งหลายเหล่านี้มีไวให้ท่านปฏิบัติ อย่าคอยจับตาดูว่าผู้อื่นปฏิบัติอย่างไร จงเฝ้าดูจิตของตัวท่านเองและดูว่าอะไรจะเป็น ประโยชน์สำหรับท่าน กฏข้อที่ว่าเราต้องไปอยู่กุฏิ จะกุฏิใดก็ตามที่กำหนดไว้ให้เรา เป็นกฏที่เป็นประโยชน์เช่นเดียวกัน มันกันช่วยไม่ให้พระติดที่อยู่ถ้าผู้ใดจากไปแล้วกลับมาใหม่ก็จะ ต้องไปอยู่กุฏิใหม่ การปฏิบัติของพวกเราเช่นนี้ คือไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด<br /><br />๑๘. ถ้าหากการใส่อาหารทุกอย่างรวมลงในบาตรเป็นสิ่งจำเป็นแล้ว ทำไมท่านอาจารย์จึงม่ปฏิบัติด้วยเช่นเดียวกันครับ ท่านคิดว่าไม่สำคัญหรือครับ ที่ท่านอาจารย์ต้องทำเป็นตัวอย่างแก่ศิษย์<br /><br />ถูกแล้ว อาจารย์ควรทำเป็นตัวอย่างแก่ศิษย์ของตน ผมไม่ถือว่าท่านติผม ท่านซักถามได้ทุกอย่างที่อยากทราบ แต่ว่ามันก็สำคัญที่ท่านต้องไม่ยึดอยู่กับอาจารย์ ถ้าดูจากภายนอกผมปฏิบัติดีพร้อมหมดก็คงจะแย่มาก พวกท่านทุกคน ก็จะพากันยึดในตัวผมยิ่งขึ้น แม้พระพุทธเจ้าเอง บางครั้งก็ตรัสให้สาวกปฏิบัติอย่างหนึ่งและพระองค์ก็ปฏิบัติอย่างหนึ่ง ความไม่แน่ใจในอาจารย์ ของท่านก็ช่วยท่านได้ ท่านควรเฝ้าดูเกี่ยวกับปฏิกิริยาของตัวเอง ท่านไม่คิดบางหรือว่า อาจจะเป็นไปได้ที่ผมแบ่งอาหารจากบาตรใส่จาน เพื่อไว้เลี้ยงดูชาวบ้านที่มาช่วยทำงานวัด ปัญญา คือ สิ่งที่ท่านต้องเฝ้าดูและทำให้เจริญขึ้น รับเอาแต่สิ่งที่ดีจากอาจารย์ จงรู้เท่าทันการฝึกปฏิบัติของท่านเอง ถ้าผมพักผ่อนในขณะที่ทุกคนทำความเพียรแล้ว ท่านจะโกรธหรือไม่ ถ้าผมเรียกสีน้ำเงินว่าแดง หรือเรียกผู้ชายว่าผู้หญิง ก็อย่าเรียกตามผมอย่างหลับหูหลับตา อาจารย์องค์หนึ่งของผมฉันอาหารเร็วมากแต่ฉันเสียงดังท่านสอนให้พวกเราฉันช้า และฉันอย่างมีสติผมเคยเฝ้าดูท่าน รู้สึกขัดเคืองใจมาก ผมเป็นทุกข์ แต่ท่านไม่ทุกข์เลยผมเพ่งเล็ง แต่ลักษณะภายนอกอย่ายึดมั่นถือมั่นในกฎระเบียบและรูปแบบภายนอก การมองออกไปนอกตัวเป็นการเปรียบเทียบแบ่งเขาแบ่งเรา ท่านจะไม่พบความสุขโดยวิธีนี้ และท่านจะไม่พบความสงบเลย ถ้าท่านมัวเสียเวลาแสวงหาคนที่ดีพร้อมหรือครูที่ดีพร้อม พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราดูที่ธรรมะ ที่สัจจธรรม ไม่ใช่คอยจับตาดูผู้อื่น<br /><br />เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นได้อย่างไร<br /><br />๑๙. เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกปฏิบัติได้อย่างไรครับ บางครั้งผมรู้สึกเป็นทาสของความต้องการทางเพศ<br /><br />กามราคะจะบรรเทาลงได้ด้วยการเพ่งพิจารณาถึงความน่าเกลียดโสโครก (อสุภะ) การยึดติดอยู่กับรูปร่างกายเป็นสุดโต่งข้างหนึ่งจงพิจารณาร่างกายเหมือนซากศพ และเห็นการเปลี่ยนแปลง เน่าเปื่อย จำอันนี้ไว้และพิจารณาให้เห็นถึงความน่าเกลียดโสโครกของร่างกาย เมื่อมีกามราคะเกิดขึ้น ก็จะช่วยให้ท่านเอาชนะกามราคะได้<br /><br />๒๐. เช่นเมื่อผมโกรธผมควรทำอย่างไรครับ<br /><br />ท่านต้องแผ่เมตตา ถ้าท่านมีโทสะในขณะภาวนา ให้แก้ด้วยเมตตาจิต ถ้าใครทำให้โกรธอย่าโกรธตอบถ้าท่านโกรธตอบท่านจะยิ่งโง่กว่าเขา จงเป็นคนฉลาดสงสารเห็นใจเขาเพราะว่าเขากำลังได้ทุกข์ เพ่งอารมณ์เมตตาเป็นอารมณ์ภาวนาแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก เมตตาเท่านั้นที่จะเอาชนะโทสะและความเกลียดได้<br /><br />ความง่วงเหงาหาวนอน ทำให้ภาวนาลำบาก<br /><br />๒๑. ผมง่วงเหงาหาวนอนอยู่มากครับทำให้ภาวนาลำบาก<br /><br />มีวิธีเอาชนะความง่วงได้หลายวิธี ถ้าท่านอยู่ในที่มืดให้ย้ายไปอยู่ที่สว่าง ลืมตาขึ้น ลุกไปล้างหน้า ตบหน้าตัวเอง หรือไปอาบน้ำ ถ้าท่านยังง่วงอยู่อีกให้เปลี่ยนอิริยาบถ เดินจงกรมให้มาก หรือเดินถอยหลังความกลัวว่าจะเป็นชนอะไรเข้าจะทำให้ท่านหายง่วงถ้ายังง่วงอยุ่อีก ก็จงยืนนิ่งๆ ทำใจให้สดชื่น สมมติว่าขณะนั้นสว่างหรือนั่งริมหน้าผาสูงหรือบ่อลึก ท่านจะไม่กล้าหลับ ถ้าทำ อย่างไรก็ไม่หายง่วงก็จงนอนเสียเอนกายลงอย่างสำรวมและรู้ตัวอยู่จนกระทั่งท่านหลับไป เมื่อท่านรู้สึกตัวจงลุกขึ้นทันทีอย่ามองดูนาฬิกาหรือหลับต่ออีก เริ่มต้นมีสติระลึกรู้ทันเมื่อท่านตื่น ถ้าท่านง่วงอยู่ทุกวัน ลองฉันอาหารให้น้อยลงสำรวมตัวเองแล้วกลับไปนั่งดูใหม่อีกเฝ้าดูความง่วงและความหิว ท่านต้องกะฉันอาหารให้พอดี เมื่อปฏิบัติต่อไปอีกท่านจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น และฉันน้อยลง<br /><br />๒๒. ทำไมเราจึงต้องกราบกันบ่อยๆ ครับ ที่นี่<br /><br />การกราบนี้เป็นสิ่งสำคัญมากเป็นรูปแบบซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติ การกราบนี้ต้องทำให้ถูกต้อง ก้มลงจนหน้าผากจรดพื้นวางศอกให้ชิดกับเข่าฝ่ามือทั้งสองราบอยู่ที่พื้นห่างกประมาณสามนิ้ว กราบลงช้าๆ มีสติรู้อาการของกาย การกราบช่วยแก้การถือตัวของเราได้เป็นอย่างดี เราควรกราบบ่อยๆ เมื่อท่านกราบสามหนท่านควรตั้งจิตระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ นั่นคือคุณลักษณะแห่งจิตอันสะอาด สว่างและสงบดังนั้นเราจึงอาศัยรูปแบบนี้ฝึกฝนตนเอง กายและจิตจะประสานกลมกลืนกันอย่าได้หลงผิดไปจับตาดูว่าผู้อื่นกราบอย่างไร ถ้าสมาเณรน้อยดูไม่ใส่ใจ และพระผู้เฒ่าดูขาดสติก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะตัดสินใจบางคยอาจจะสอนยาก บางคนเรียนได้เร็ว บางคนเรียนได้ช้าการพิจารณาตัดสินผู้อื่นมีแต่จะเพิ่มความหยิ่งทนงตน จงเฝ้าดูตัวเองกราบบ่อยๆ ขจัดความหยิ่งทนงตนออกไป ผู้ที่เข้าถึงธรรมะได้อย่างแท้จริงแล้ว ท่านจะอยู่เหนือรูปแบบทุกๆ อย่างที่ท่านทำ ก็มีแต่กานอ่อน้อมถ่อมตน เดินก็ถ่อม ฉันก็ถ่อม ขับถ่ายก็ถ่อม ทั้งนี้ก็เพราะว่าท่านพ้นจากความเห็นแก่ตัวเสียแล้ว<br /><br />อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่คืออะไร<br /><br />๒๓. อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่ของท่านอาหารคืออะไรครับ<br /><br />ทิฐิ ความเห็นและความนึกคิดเกี่ยวกับสิ่งทั้งปวงเกี่ยวกับตัวเขาเอง เกี่ยวกับการปฏิบัติภาวนา เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า หลายๆ ท่านที่มาที่นี่ มีตำแหน่งการงานสูงในสังคมบางคนเป็นพ่อค้าสที่มั่งคั่ง หรือได้ปริญญาต่างๆ ครูและข้าราชการ สมองของเขาเต็มไปด้วยความคิดเห็นต่อสิ่งต่างๆ เขาฉลาดเกินกว่าที่จะฟังผู้อื่น เปรียบเหมือนน้ำในห้วย ถ้าถ้วยมีน้ำสกปรกอยู่เต็ยถ้วยน้ำก็ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ เมื่อได้เทน้ำเก่านั้นทิ้งไปแล้วเท่านั้น ถ้วยนั้นก็จะใช้ประโยชน์ไม่ได้ ท่านต้องทำจิตให้ว่างจากทิฐิ แล้วท่านจึงจะได้เรียนรู้การปฏิบัติ ของเรานั้นอยุ่เหนือความฉลาดหรือความโง่ ถ้าท่านคิดว่าแนเก่ง ฉันรวย ฉันเป็นคนใหญ่คนโตฉันเข้าใจพระพุทธศาสนาแจ่มแจ้งทั้งหมด เช่นนี้แล้ว ท่านจะไม่เห็นความจริงในเรื่องอนัตตาหรือความไม่ใช่ตัวตน ท่านจะมีแต่ตัวตน ตัวอันของฉันแต่พระพุทธศาสนาคือการละ ตัวตน เป็นความว่าง เป็นความไม่มีทุกข์ เป็นนิพพาน<br /><br />กิเลสเครื่องเศร้าหมองเป็นเพียงมายาหรือว่าของจริง<br /><br />๒๔. กิเลสเครื่องเศร้าหมอง เช่นความโลภหรือความโกรธ เป็นเพียงมายาหรือว่าเป็นของจริงครับ<br /><br />เป็นทั้งสองอย่าง กิเลสที่เราเรียกว่าราคะหรือความโลภ ความโกรธและความหลง นั้นเป็นเพียงแต่ชื่อ เป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นมา เช่นเดียวกับที่เราเรียกชามใหญ่ ชามเล็ก สวยหรืออะไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สภาพที่เป็นจริงแต่เป็นความคิดปรุงแต่งที่เราคิดปรุงขึ้นจากตัณหา ถ้าเราต้องการชามใหญ่ เราก็ว่าอันนี้เล็กไป ตัณหาทำให้เราแบ่งแยกความจริงก็คือ มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น ลองมามองแง่นี้บ้าง ท่านเป็นผู้ชายหรือเปล่า ถ้าตอบว่าเป็น นี่เป็นเพียงรูปร่างของสิ่งต่างๆ แท้จริงแล้วท่านเป็นส่วนประกอบของธาตุและขันธ์ ถ้าจิตเป็นอิสระแล้ว จิตจะไม่แบ่งแยก ไม่มีใหญ่ไม่มีเล็ก ไม่มีเขาไม่มีเรา ไม่มีอะไรจะเป็นอนัตตาหรือความไม่ใช่ตัวตน แท้จริงแล้วในบั้นปลาย ก็ไม่มีทั้งอัตตาและอนัตตา(เป็นแต่เพียงชื่อเรียก)<br /><br />๒๕. ขอความกรูณาท่านอาจารย์อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรรมด้วยครับ<br /><br />กรรมคือ การกระทำ กรรม คือ การยึดมั่นถือมั่นกาย วาจาและใจ ล้วนสร้างกรรมเมื่อมีการยึดมั่นถือมั่น เราทำการจนเกิดความเคยชินเป็นนิสัยซึ่งจะทำให้เราเป็นทุกข์ได้ในการข้างหน้า นี้เป็นผลของการยึดมั่นถือมั่น ของกิเลส เครื่องเศร้าหมองของเราที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต ความยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายจะทำให้เราสร้างกรรม สมมติว่าท่านเคยเป็นขโมยก่อนที่จะบวชเป็นพระ ท่านขโมยเขาทำให้เขาไม่เป็นสุข เมื่อท่านเป็นพระเวลาท่านนึกถึง เรื่องที่ท่านทำให้ผู้อื่นหมดสุขแล้ว ท่านก็ไม่สบายใจ จงจำไว้ว่า ทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม จะเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดผลในอนาคตได้ ถ้าท่านเคยนสร้างกรรมดี ไว้ในอดีต และวันนี้ก็ยังจำได้ ท่านก็เป็นสุข<br /><br />๒๖. บางครั้งดูเหมือนว่าตั้งแต่ผมบวชเป็นพระมานี้ผมประสบความยากลำบากและความทุกข์มากขึ้น<br /><br />ผมรู้ว่าพวกท่านบางคนมีภูมิหลังที่สะดวกสบายทางวัตถุมาก่อนและมีเสรีภาพ เมื่อเปรียบกันแล้ว ขณะนี้ท่านต้องเป็นผู้อยู่ อย่างสำรวมตนเอง และมักน้อยยิ่งนัก ซ้ำในการฝึกปฏิบัตินี้ ผมยังให้ท่านนั่งนานและคอยหลายชั่งโมง อาหารและดินฟ้าอากาศ ก็จะต่างกันไปกับบ้านเมืองของท่าน แต่ทุกคนต้องผ่านความทุกข์ยากกันบ้าง นี่คือความทุกข์ที่จะนำไปสู่ความดับทุกข์อย่างนี้แหละ ที่จะทำให้ท่านได้เรียนรู้ เมื่อท่านนึกโกรธ นึกสงสารตัวเอง นั่นแหละเป็น โอกาสเหมาะที่จะเข้าใจเรื่องของจิต พระพุทธเจ้าตรัสว่ากิเลสทั้งหลายเป็นครูของเรา ลูกศิษย์ทุกดคนก็เหมือนลูกของผมผมมีความเมตตาปราถนาดีต่อทุกคน ถ้าผมทำให้ทุกข์ยากก็เพื่อประโยชน์ของท่านเอง ผู้ที่มีการศึกษาน้อยมีความรู้ทางโลกน้อยจะฝึกปฏิบัติได้ง่าย<br /><br />๒๗. ผมเจริญสมาธิอภวานาจนจิตสงบผมควรทำอย่างไรต่อไป<br /><br />นี่ก็ดีแล้ว ทำจิตให้เป็นสมาธิ ใช้พิจารนาจิตและกาย ท่านจะรู้ถึงควาามสงบที่แท้จริง ถ้าท่านยึดติดอยู่กับภาวะจิตที่สงบ แล้วท่านจะเป็นทุกข์ เมื่อจิตไม่สงบฉะนั้นจึงปล่อยวางหมดทุกสิ่งแม้แต่ความสงบ<br /><br />๒๘. ผมได้ยินท่านอาจารย์พูดว่าท่านเป็นห่วงลูกศิษย์ที่พากเพียรมากใช่ไหมครับ<br /><br />ถูกแล้วผมเป็นห่วง ผมเป็นห่วงว่าเขาเอาจริงเอาจังจนเกินไป เขาพายายามจนเกินไปแต่ขาดปัญญา เขาเคี่ยวเข็ญตนเองไปสู่ความทุกข์โดยไม่จำเป็น อย่างนี้เป็นความพยายามมากเกินไปคนทั่วไปก็เช่นกัน พวกเขาไม่รู้ถึงสภาพเป็นจริงของสิ่งทั้งปวง สังขารทั้งปวง จิตและร่างกายล้วเป็นของไม่เที่ยง บางคนคิดว่าเขารู้ เขาวิพากษ์วิจารจับตามองและลงความเห็นเอาเอง อย่างงี้ก็ตามใจเขา ทิฐิของใครก็ปล่อยให้เป็นของคนนั้นถ้าเราคิดว่าคนอื่นด้อยกว่ากดรือดีกว่ากรือเสมอกันกับเราเราก็ตกทางโค้ง ถ้าเราแบ่งเขาแบ่งเราเราก็จะเป็นทุกข์<br /><br />๒๙. ผมได้เจริญสมาธิภาวนามาหลายปีแล้ว ใจผมเปิดกว้างและสงบระงับเกือบจะในทุกสภาพการ เวลานี้ผมอยากจะย้อนหลังและฝึกทำสมาธิชั้นสูงหรือฝึกฌานครับ<br /><br />จะทำอย่างนั้นก็ได้เป็นการฝึกจิตที่มีประโยชน์ ก็เหมือนกับอยากนั่งภาวนานานๆ ท่านจะไม่ยึดติดอยู่ในสมาธิจิต แต่จริงๆ แล้วการฝึกนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่วงท่าอิริยาบถต่างๆ แต่นี่เป็นการมองตรงเข้าไปในจิต นี่คือปัญญาเมื่อท่านพิจารณาในเรื่องของจิต แล้วท่านก็จะเกิดปัญญารู้ถึงของเขตของสมาธิ เมื่อท่านได้ฝึกปฏิบัติ และเข้าใจจริง เรื่องการไม่ยึดมั่นถือมั่น จะช่วยท่านในการสอนผู้อื่น หรือท่านจะหวนกลับไปฝึกฌานก็ได้ ถ้าท่านมีปัญญารู้แล้วที่จะไม่ยึดถือในสิ่งใด<br /><br />๓๐. ขอความกรุณาท่านอาจารย์ทบทวนใจความสำคัญของการสนทนานี้ด้วยครับ<br /><br />ท่านต้องสำรวจตัวเองรู้ว่าท่านเป็นใครรู้ทันกายและจิตใจของท่าน จงรู้ความพอดีพอเหมาะสำหรับตัวท่าน ใช้ปัญญาในการฝึกปฏิบัติจงมีสติรู้ว่าอะไรเป็นอยู่ท่านจะมองเห็นทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ และความดับไปแห่งทุกข์ แต่ท่านต้องมีความอดทน และต้องทนได้ ท่านจะค่อยๆ ได้เรียนรู้ อย่าปฏิบัติเคร่งเครียดจนเกินไป อย่ายึดติดอยู่กับรูปแบบภายนอก จงเป็นปกติตามธรรมชาติ พระวินัยของพระสงฆ์และกฎระเบียบของวัดสำคัญมาก ทำให้เกิดบรรยากาศที่เรียบง่ายและประสานกลมกลืน แต่จำไว้ว่า ความสำคัญของพระวินัยของพระสงฆ์ คือการเฝ้าดูเจตตนาและสำรวมจิต ท่านต้องใช้ปัญญา อย่าแบ่งเขาแบ่งเรา ดังนั้นจงอดทนและฝึกให้มีคุณธรรมมีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ เป็นปกติตามธรรมชาติ เฝ้าดูจิต นี่แหละคือการปฏิบัติของเรา ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่เห็นแก่ตัว และความสงบสันติNitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-67922210569288724392012-03-22T22:18:00.002-07:002012-03-22T22:23:44.981-07:00แนวทางการปฏิบัติธรรม พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)<a href="http://3.bp.blogspot.com/-esAco9nmXek/T2wIXQGbGfI/AAAAAAAAEC0/PWH4BkRFXBw/s1600/15.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-esAco9nmXek/T2wIXQGbGfI/AAAAAAAAEC0/PWH4BkRFXBw/s400/15.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5722958422032980466" /></a><br />แนวทางการปฏิบัติธรรม<br /><br />พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)<br /><br />วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี<br /><br />พระสุญฺโญฺภิกขุ พระภิกษุชาวอเมริกัน จดบันทึกเป็นภาษาอังกฤษ<br /><br />เมื่อลาสิกขาแล้ว ท่านได้พิมพ์ เผยแผ่เป็นธรรมทาน ต่อมามีผู้แปลเป็นภาษาไทย<br /><br />และหลวงพ่อชาให้พระวีรพล เตชปญฺโญ แห่งวัดหนองป่าพงสอบทาน แล้วจึงได้พิมพ์ภาษาไทย<br /><br /><br /><br />สารบัญธรรม<br /><br />● พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน<br />● ควรจะพักผ่อนนอนหลับมากน้อยเพียงใด<br />● ควรจะศึกษาพระไตรปิฎกด้วยหรือไม่ในการฝึกปฏิบัติ<br />● ทำไมจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวัน<br />● ควรทำอย่างไรเมื่อสงสัยเกิดขึ้น<br />● จำเป็นไหมที่ต้องนั่งภาวนาให้นานๆ หรือไม่<br />● ในการปฏิบัติ จำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌาณไหม<br />● เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นได้อย่างไร<br />● ความง่วงเหงาหาวนอน ทำให้ภาวนาลำบาก<br />● อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่คืออะไร<br />● กิเลสเครื่องเศร้าหมองเป็นเพียงมายาหรือว่าของจริง<br />● ของฝากท้ายเล่ม<br />พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน<br /><br />๑. ผมได้พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน แต่ยังไม่มีที่ท่าว่าจะได้ผลคืบหน้าเลย<br /><br />เรื่องนี้สำคัญมาก อย่าพยายามที่จะเอาอะไรๆ ในการปฏิบัติความอย่างแรงกล้าที่จะหลุดพ้นหรือรู้แจ้งนั้นจะเป็นความอยากที่ขวางกั้นท่านก็ได้ จะเร่งความเพียรทั่งกลางคืนกลางวันก็ได้ แต่ถ้าการฝึกปฏิบัตินั้นยังประกอบด้วยความที่อยากจะบรรลุเห็นแจ้งแล้ว ท่านจะพบความสงบไม่ได้เลย แรงอยากจะเป็นเหตุให้เกิดความสงสัยและความกระวนกระวายใจ ไม่ว่าท่านจะฝึกปฏิบัตินานเท่าใดหรือนานสักเพียงใด ปัญญา (ที่แท้) จะไม่เกิดขึ้นจากความอยากนั้น ดังนั้นจงเพียงแต่ละความอยากเสีย จงเฝ้าดูจิตและกายอย่างมีสติแต่อย่ามุ่งหวังที่จะบรรลุถึงอะไร อย่ายึดมั่นถือมั่นแม้ในเรื่องการฝึกปฏิบัติหรือในการรู้แจ้ง<br /><br />ควรจะพักผ่อนนอนหลับมากน้อยเพียงใด<br /><br />๒. เรื่องการหลับนอนล่ะครับ ผมควรจะนอนมากน้อยเพียงใด<br /><br />อย่าถามผมเลย ผมตอบให้ท่านไม่ได้ บางคนหลับนอนคืนละประมาณ ๔ ชั่วโมงวก็พอ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญก็คือ ท่านเฝ้าดูและรู้จักตัวของท่านเอง ถ้าท่านนอนน้อยจนเกินไป จิตก็จะตื้อเฉื่อยชาหรืซัดส่าย จงหาสภาวะที่พอเหมาะกับตัวท่านเอง ตั้งใจเฝ้าดูกายและจิตจนท่านรู้ระยะเวลาที่นอนหลับที่พอเหมาะสำหรับท่าน ถ้าท่านณู้สึกตื้นตัวแล้ว และยังซุกตัวของีบต่อไปอีก นี่เปผ็นกิเลสเครื่องเศร้าหมอง จงมีสติรู้ตัวทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้น<br /><br />๓. เรื่องการขับขบฉันล่ะครับ ผมควรจะฉันอาหาร มากน้อยเพียงใด<br /><br />การขบฉันก็เหมือนกับการหลับนอน ท่านต้องรู้จักตัวของท่านเอง อาหารต้องบริโภคให่เพียงพอตามความต้องการของ ร่างกาย จงมองอาหารเหมือนยารักษาโรค ท่านฉันมากเกินไปจยง่วงนอนหลังฉันอาหารหรือเปล่า และท่านอ้วนขึ้นทุกวัน หรือเปล่า จงหยุดแล้วสำรวจกายและจิตของท่านเอง ไม่จำเป็นต้องอดอาหาร จงทดลองฉันอาหารตามปรมาณมาก น้อยต่างๆ หาปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกายของท่านใส่อาหารที่จะฉันทั้งหมดลงในบาตรแบบธุดงควัตร แล้วท่านจะกะปริมาณ อาหารที่จะฉันได้ง่าย เฝ้าดูตัวท่านเองอย่างถี่ถ้วน ขณะที่ฉันจงรู้จักตัวเอง สาระสำคัญของการฝึกปฏิบัติของเราเป็นอย่างนี้ ไม่มีอะไรพิเศษที่ต้องทำมากกว่านี้ จงเฝ้าดูเท่านั้น สำรวจท่านเอง เฝ้าดูจิต แล้วท่านจะรู้ว่า อะไรคือสภาวะที่พอเหมาะสำหรับการฝึกปฏิบัติของท่าน<br /><br />ควรจะศึกษาพระไตรปิฎกด้วยหรือไม่ในการฝึกปฏิบัติ<br /><br />๔. จิตของชาวเอเชียและตะวันตกแตกต่างกันหรือไม่ครับ<br /><br />โดยพื้นฐานแล้วไม่แตกต่างกัน ดูจากภายนอกขบนธรรมเนียงประเพณีและภาษาที่ใช้อาจดูต่างกัน แต่จิตของมนุษย์นั้นเป็นธรรมชาติซึงเหมือนกันหมด ไม่ว่าชาติใด ภาษาใด ความโภลและความเกลียดก็มีเหมือนกัน ทั่งในจิตของชาวตะวันออกหรือชาวตะวันตก ความทุกข์และความดับททุกข์ก็เหมือนกันทุกๆ คน<br /><br />๕. เราควรอ่านตำรามากๆ หรือศึกษาพระไตรปิฏกด้วยหรือไม่ครับ ในการฝึกปฏิบัตินี่<br /><br />พระธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ไม่อาจค้นพบได้ด้วยตำราต่างๆ ถ้าท่านต้องการจะรู้เห็นจริงด้วยตัวของท่านเองว่าพระพุทธเจ้าทรง ตรัสสอนอะไร ท่านไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกับตำราเลย จงเฝ้าดูจิตของท่านเอง พิจารณาให้รู้เห็นว่า ความรู้สึกต่างๆ (เวทนา) เกิดขึ้น และดับไปได้อย่างไร ความนึกคิดเกิดขึ้นและดับอย่างไร อย่าได้ผูกพันอยู่กับสิ่งใดเลย จงมีสติอยู่เสมอ เมื่อมีอะไรๆ เกิดขึ้นให้ได้รู้ได้ เห็น นี่คือทางบรรลุถึงสัจธรรมของพระพุทธองค์ จงปฏิบัติธรรมดาตามธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอยางที่ท่านทำขณะที่นี่ เป็นโอกาสแห่ง การฝึกปฏิบัติ เป็นธรรมะทั้งหมด เมื่อท่านทำวัตรสวดมนต์อยู่ พยายามให้มีสติ ถ้าท่านกำลังเทกระโถนหรือล้างส้วมอยู่ อย่าคิดว่า ท่านกำลังทำบุญทำคุณให้กับผู้หนึ่งผู้ใด มีธรรมะอยู่ในการเทกระโถนนั้น อย่ารู้สึกว่าท่านกำลังฝึกปฏิบัติอยู่เฉพาะเวลานั่งขัดสมาธิเท่านั้น พวกท่านบางคนบ่นงว่าไม่มีเวลาพอท่จะทำสมาธิภาวนา แล้วเวลาหายใจเล่ามีเพียงพอไหม? การทำสมาธิภาวนาของท่าน คือการมีสติ ระลึกรู้ และการรักษาจิตให้เป็นปกติตามธรรมชาติในการกระทำทุกอิริยาบถ<br /><br />ทำไมจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวัน<br /><br />๖. ทำไมพวกเราจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวันเล่าครับ<br /><br />ถ้าท่านมีคำถาม เชิญมาถามได้ทุกเวลา แต่ท่นี้เราไม่จำเป็นจะต้องมีการสอบอารมณ์กันทุกวัน ถ้าผมตอบปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ทุกปัญหา ของท่าน ท่านก็จไม่มีทางรู้เท่าทันกับการเกิดดับของความสงสัยในใจของท่านเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ท่าน ต้องเรียนรู้ที่จะสำรวจตัวท่านเอง สอบถามตัวท่านเอง จงตั้งใจฟังพระธรรมเทศนาทุกๆ ครั้งแล้ว จงนำเอาคำสอนนี้ ไปเปรียบเทียบกับการฝึกปฏิบัติของท่านเองว่าเหมือนกันหรือไม่ ต่างกันหรือไม่ ทำไมท่านจึงมีความสงสัยอยู่ ใครคือผู้ที่สงสัยนั้น โดยการสำรวจตัวเองเท่านั้นจะทำให้ท่านเข้าใจได้<br /><br />๗. บางครั้งผมกังวลใจอยู่กับพระวินัยของพระสงฆ์ ถ้าผมฆ่าแมลงโดยบังเอิญแล้ว จะผิดไหมครับ<br /><br />ศีลหรือพระวินัยและศีลธรรม เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการฝึกปฏิบัติของเรา แต่ท่านต้องไม่ยึดมั่นถือมั่นในกฏเกณฑ์ต่างๆ อย่างงมงายในการฆ่าสัตว์ หรือการละเมิดข้อห้ามอื่นๆ นั้น มันสำคัญที่เจตนา ท่านย่อมรู้แก่ใจของท่านเอง อย่าได้กังวลกับเรื่องพระวินัยให้มากจนเกินไป ถ้านำมาปฏิบัติอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยส่งเสริมการปฏิบัติ และพระภิกษุบางรูปกังวลกับกฎเกณฑ์เล็กๆ น้อยๆ มากเกินไปจนนอนไม่เป็นสุข พระวินัยไม่ใช่ภาระที่ต้องแบก ในการปฎิบัติของเราที่นี้มีรากฐานคือพระวินัย พระวินัยรวมทั้งธุดงควัตรและการปฎิบัติภาวนา การมีสติและการสำรวมระวังในกฏระเบียบต่างๆ ตลอดจนในศีล ๒๒๗ ข้อนั้น ให้คุณประโยชน์อันใหญ่หลวง ทำให้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องพะวงว่าจะต้องทำตนอย่างไร ดังน้นท่านก็หมดเรื่องต้องครุ่นคิด และมีสติดำรงอยู่แทน พระวินัยทำให้พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน และชุมชนก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ลักษณะภายนอกทุกๆ คนดูเหมือนกัน และปฏิบัติอย่างเดียวกัน พระวินัยและศีลธรรม เป็นบันไดอันแข็งแกร่งนำไปสู่สมาธิยิ่งและปัญญายิ่ง โดยการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามพระวินัยของพระสงฆ์และธุดงควัตร ทำให้เรามีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ และต้องจำกัดจำนวน บริขารของเราด้วย ดังนั้นที่นี้เราจึงควรมีการปฏิบัติที่ครบถ้วนตามแบบของพระพุทธเจ้า คือ การงดเว้นจากความชั้วและทำความดี มีความ เป็นอยู่อย่างง่ายๆ ตามความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ชำระจิตให้บริสุทธิ์ โดยการเฝ้าดูจิตและกายของเราในทุกๆ อิริยาบท เมื่อนั่งอยู่ ยืนอยู่ เดินอยู่ หรือนอนอยู่ จงรู้ตัวของท่านเอง<br /><br />๘. ผมควรจะทำอย่างไรครับเมื่อผมสงสัย บางวันผมวุ่นวายใจด้วยความสงสัยในเรื่องปฏิบัต หรือในความคืบหน้าของผม หรือในอาจารย์<br /><br />ความสงสัยนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทุกๆ คนเริ่มต้นด้วยความสงสัย ท่นอาจได้เรียนรู้อย่างมากจากความสงสัยนั้น ที่สำคัญก็คือ ถ้าท่านยังถือเอาความสงสัยนั้นเป็นตัวเป็นตน นั่นคืออย่าตกเป็นเหยื่อของความสงสัย ซึ่งจะทำให้จิตใจของท่านหมุนวนเป็นวัฏฏะ อันไม่มีที่สิ้นสุด แทนที่จะเป็นเช่นั้น จงเฝใดูกระบวนการเกิดดับของความสงสัย ของความฉงนสนเท่ห์ ดูว่าใครคือผู้ที่สงสัย ดูว่าความสงสัยนั้นเกิดขึ้นและ ดับไปอย่างไร และท่านจะไม่ตกเป็นเหยื่อของความสงสัยอีกต่อไป ท่านจะหลุดพ้นออกจากความสงสัยและจิตของท่านก็จะสงบ ท่านจะเห็นว่า สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไปอย่างไร จงปล่อยวางสิ่งต่างๆ ที่ท่านยังยึดมั่นอยู่ ปล่อยวางความสงสัยของท่านและเพียงแต่เฝ้าดู นี่คือสิ่งที่สิ้นสุดของควาสงสัย<br /><br />๙. ท่านอาจารย์มีความเห็นเกี่ยวแก่วิธีปฏิบัติ(วิธีภาวนา)วิธีอื่นๆ อย่างไรครับ ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าจะมีอาจารย์มากมาย และมีแนวทางการทำสมาธิ<br /><br />วิปัสสนาหลายแบบ จนทำให้สับสน มันก็เหมือนกับการจะเข้าไปในเมือง บางคนอาจจะเข้าเมืองทางทิศเหนือ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ฯลฯ ทางถนนหลายสาย โดยมากแล้วแนวทางภาวนาก็แตกต่างกันแต่เพียงรูปแบบเท่านั้น ไม่ว่าท่านจะเดินทาสายหนึ่งสายใด เดินช้าหรือเดินเร็ว ถ้าท่านมีสติอยู้เสมอ มันก็เหมือนกันทั้งนั้น ข้อสำคัญที่สุดก็คือแนวทางภาวนาที่ดีและถูกต้องจะต้องนำไปสู่การไม่ยึดมั่นถือมั่น ลงท้ายแล้ว ก็ต้องปล่อยแนวทางการภาวนาทุกรูปแบบด้วย ผู้ปฏิบัติต้องไม้ยึดมั่นแม้ในตัวอาจารย์แนวทางใดที่นำไปสู่การปล่อยวาง สู่การไม่ยึดมั่นถือมั่นก็เป็นทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ท่านอาจจะอยากเดินทางเพื่อศึกษาอาจารย์อื่นอีก และลองปฏิบัติตามแนวทางอื่นบ้างก็ได้ พวกท่านบางคนก็ทำเช่นนั้น นี้เป็นความต้องการ ตามธรรมชาติ ท่านจะรู้ว่าแม้ได้ถามคำถามนับพันคำถามก็แล้ว และมีความรู้เรื่องแนวทางปฏิบัติอื่นๆ ก็แล้ว ก็ไม่อาจจะนำท่านเข้าถึงสัจจะธรรมได้ในที่สุดท่านก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย ท่านจะรู้ว่าเพียงแต่หยุด และสำรวจตรวจสอบดูจิตใจของท่านเองเท่านั้น ท่านก็จะรู้ว่าพระพุทะเจ้าตรัสสอนอะไร ไม่มีประโยชน์ที่แสวงหาออกไปนอกตัวเอง ผลที่สุดท่านต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับสภาวะที่แท้จริงของตัวท่นเอง ตรงนี้แหละที่ท่านจะเข้าใจ ธรรมะได้<br /><br />๑๐. มีหลายครั้งหลายหนที่ดูเหมือนว่าพระหลายรูปที่นี่ไม่ฝึกปฏิบัติ ดูท่านไม่ใส่ใจธรรม หรือขาดสติ เรื่องนี้กวนใจผม<br /><br />มันไม่ถูกต้องที่จะคอยจับตาดูผู้อื่น นี้ไม่ช่วยการฝึกปฏิบัติของท่านเลย ถ้าท่านรำคาญใจก็จงเฝ้าดูความรำคาญในใจของท่านเลย ถ้าศีลของผู้อื่นบกพร่อง หรือเขาเหล่านั้นไม่ใช่พระที่ดี ก็ไม่ใช่เรื่องของท่านที่จะไปตัดสิน ท่านจะไม่เกิดปัญญา การจับตาดูผู้อื่น พระวินัยเป็นเครื่องช่วยในการทำสมาธิภาวนาของท่าน ไม่ใช่อาวุธสำหรับใช้ติเตียนหรือจับผิดผู้อื่น ไม่ใครสามารถฝึกปฏิบัติให้ท่านได้ หรือท่านก็ไม่สามารถปฏิบัติให้ผู้อื่นได้ จงมีสติใส่ใจในการฝึกปฏิบัติของตัวท่านเอง และนี่คือแนวทางของการปฏิบัติ<br /><br />๑๑. ผมระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะสำรวมอินทรีย์ ผมทอดสายตาลงต่ำเสมอ และกำหนดสติอยู่กับการกระทำทุกอย่าง แม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นขณะที่กำลังฉันอาหารอยู่ ผมใช้เวลานานและพยายามรู้สำผัสทุกอย่าง เป็นต้นว่า เคี้ยวรู้รส กลืน ฯลฯ ผมกำหนดรู้ด้วยความตั้งใจทุกขั้นตอนและระมัดระวังผม ผมปฏิบัติถูกต้องหรือไม่ครับ<br /><br />การสำรวอินทรีย์นั้นเป็นการปฏิบัติถูกต้องแล้ว เราจะต้องมีสติในการฝึกเช่นนั้นตลอดทั้งวัน แต่อย่าควบคุมให้มากเกินไป เดินฉัน และปฏิบัติตนให้เป็นธรรมชาติ ให้มีสติระลึกรู้ตามธรรมชาติ ถึงสิ่งที่กำลังเป็นไปในต้วท่าน อย่าบีบบังคับการทำสมาธิภาวานาของท่าน และอย่าบีบบังคับตนเองไปจนดูน่าขัน ซึ่งก็เป็นตัณหาอีกอย่างหนึ่งจงอดทน ความอดทนและความทนได้เป็นสิ่งจำเป็น ถ้าท่านปฏิบัติตนเป็นปกติตามธรรมชาติ และมีสติระลึกรู้อยู่เสมอปัญญาที่แท้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติด้วย<br /><br />จำเป็นไหมที่ต้องนั่งภาวนาให้นานๆ<br /><br />๑๒. จำเป็นไหมครับที่จะต้องนั่งภาวนาให้นานๆ<br /><br />ไม่จำเป็นต้องนั่งภาวนานานนับเป็นหลายชั่วโมง บางคนคิดว่ายิ่งนั่งภาวนานานเท่าใด ก็ยิ่งจะเกิดปัญญามากเท่านั้น ปัญญาที่แท้เกิดจากการที่เรามีสติในทุกๆ อิริยาบท การฝึกปฏิบัติของท่านต้องเริมขึ้นทันทีที่ท่านตื่นนอนตอนเช้า และต้องปฏิบัติให้ต่อเนื่องไปจนกระทั่งนอนหลับไปอย่าไปห่วงว่าท่านต้องนั่งภาวนาให้นานๆ สิ่งสำคัญก็คือ ท่านเพียงแต่เฝ้าดู ไม่ว่าท่านจะเดินอยู่หรือนั่งอยู่ หรือกำลังเข้าห้องน้ำอยู่แต่ละคนต่างก็มีทางชีวิตของตนเอง บางคนต้องตาย เมื่อมีอายุ ๕๐ ปี บางคนเมื่ออายุ ๖๕ ปี และบางคนเมื่ออายุ ๙๐ ปี ฉันใดก็ฉันนั้น ปฏิปทาของท่านทั้งหลาลก็ไม่เหมือนกัน อย่างคิดมากหรือิกังวลใจในเรื่องนี้เลย จงพยายามมีสติ และปล่อยทุกสิ่งให้เป็นไปตามปกติของมัน แล้วจิต ของท่านก็จะสงบมากขึ้นในสิ่งแวดล้อมทั้งปวงมันจะสงบนิ่งเหมือนหนองน้ำใสในป่าที่บรรดาสัตว์ป่าสวยงาม และหายากจะมาดื่มน้ำในสระนั้นท่านจะได้เห็นความมหัศจรรย์และแปลกประหลาดทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไปแต่ท่านก็จะสงบอยู่เช่นเดิม ปัญหาทั้งหลายจะบังเกิดขึ้นแต่ท่านจะรู้ทันมันได้ทันที นี่แหละคือศานติสุขของพระพุทธเจ้า<br /><br />๑๓. ผมยังคงมีความนึกคิดต่างๆ มากมาย จิตของผมฟุ้งซ่านมากทั้งๆ ที่ผมพยายามจะมีสติอยู่<br /><br />อย่างวิตกในเรื่องนี้เลย พยายามรักษาจิตของท่านให้อยู่กับปัจจุบัน เมื่อเกิดรู้สึกอะไรขึ้นมาภายในจิตก็ตาม จงเฝ้าดูมันและปล่อยวางแล้วจิตก็จะเข้าถึงสภาวะปกติตามธรรมชาติของมันไม่มีการแบ่งแยกระหว่างความดีและความชั่ว ร้อนและหนาว ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีจัวตนเลย อะไรอะไรก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น จงรู้จักตัวเองด้วนการปฏิบัติตนเป็นปกติตามธรรมชาติ และเฝ้าดู เมื่อเกิดาสงสัยจงเฝ้าดูมันเกิดขึ้นและดับไป มันก็ง่ายๆ อย่ายึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใดทั้งสิ้น เหมือนกับว่าท่านกำลังเดินไปตามถนน บางขณะท่านจะพบสิ่งกีดขวางอยู่ เมื่อท่านเกิดกิเลสเครื่องเศร้าหมองจงรู้ทันมันและเอาชนะมันโดยปล่อยให้มันผ่านไปเสีย อย่าไปคำนึงถึงกีดขวางที่ท่านได้ผ้านมากแล้วแย่าวิตกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่ได้พบ จงอยู่กับปัจจุบัน ไม่ว่าท่านผ่านอะไรไปอย่าไปยึดมั่นไว้ ในที่สุดจิตก็จะบรรลุถึงความสมดุล ตามธรรมชาติของจิตและเมื่อนั้นการปฏิบัติก็จะเป็นเองโดยอัตโนมัติ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นและดับไปในตัวของมันเอง<br /><br />๑๔. ท่านอาจารย์เคยพิจารณา "สูตรของเว่ยหลาง" ของพระสังฆปรินายก (นิกายเซ็น) องค์ที่หกบ้างไหมครับ (ท่านเว่ยหลางหรือท่านฮุยเหนิง)<br /><br />ท่านฮุยเหนิงมีปัญญาเฉียบแหลมมาก คำสอนของท่านลึกซึ้งยิ่งนักไม่ใช่ของง่ายที่ผู้เริ่มต้นปฏิบัติจะเข้าใจได้ ถ้าท่านปฏิบัติตามศีลและด้วยความอดทนท่านก็จะเข้าใจได้ในที่สุด ฤดูฝนนั้นวันหนึ่งพายุก็พัดเอาหลังคาโหว่ไปเขาไม่ขวนขวายที่จะมุงมันใหม่ จึงปล่อยให้ฝนรั่วอยู่อย่างนั้นหลายวันผ่านไปผมได้ไปถามถึงกุฏิของเขาเขาตอบว่า กำลังฝึกกานไม่ยึดมั่นถือมั่น นี่เป็นการไม่ยึดมั่นถือมั่นโดยไม่ใช้หัวสมองถ้าท่านมีความเป็นอยู่ดี และเป็นอยู่ง่ายๆ ถ้าท่านอดทนและไม่เห็นแก่ตัวท่านก็จะเข้าใจถึงปัญญาของท่ายฮุยเหนิงได้<br /><br />ในการปฏิบัติ จำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌาณไหม<br /><br />๑๖. ในการปฏิบัติของเราจำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌานหรือไม่ครับ<br /><br />ไม่ ฌานไม่เรื่องจำเป็น ท่านต้องฝึกจิตให้มีความสงบและมีอารมณ์เป็นหนึ่ง (เอกัคคตา) อาศัยอันนี้สำรวจตนเองถ้าท่านได้ฌานในขณะฝึกปฏิบัตินี้ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่อย่างไปติดหลงอยู่ในฌานหลายคนชะงักติดอยู่ในฌานมันทำให้เพลิดเพลินเมื่อไปเล่นกับมัน ท่านต้องรู้ขอบเขตที่สมควร ถ้าท่านฉลาดท่านก็จะเห็นประโยชน์และขอบเขยของฌาน<br /><br />๑๗. ทำไมเราต้องปฏิบัติตามธุดงควัตรเช่น ฉันอาหารเฉพาะแต่ในบาตรเท่านั้นเล่าครับ<br /><br />ธดงควัตรทั้งหลาย ล้วนเป็นเครื่องช่วยเราทำให้ลายกิเลสเครื่องเศร้าหมองการปฏิบัติตามข้อที่ว่าให้ฉันอาหารแต่ ในบาตรทำให้เรามีสติมากขึ้น ระลึกว่าอาหารนั้นเหมือนยารักษาโรค ถ้าเราไม่มีกิเลสเครื่องเศร้าหมองแล้วมันก็ไม่สำคัญ ว่าเราจะฉันอาย่างไรแต่เราอาศัยธุดงควัตรทำให้การปฏิบัติของเราเป็นไปอย่างง่ายๆ พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงบัญญัติธุดงควัตร ไว้ว่า เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพระภิกษุทุกองค์ แต่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติธุดงควัตรสำหรับพระภิกษุผู้ประสงค์จะปฏิบัติ อย่างเคร่งครัด ธุดงควัตรเป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาในศีลเพราะฉะนั้นช่วยเพิ่มความมั่นคงและความเข้มแข็งของจิตใจเรา ข้อวัตรทั้งหลายเหล่านี้มีไวให้ท่านปฏิบัติ อย่าคอยจับตาดูว่าผู้อื่นปฏิบัติอย่างไร จงเฝ้าดูจิตของตัวท่านเองและดูว่าอะไรจะเป็น ประโยชน์สำหรับท่าน กฏข้อที่ว่าเราต้องไปอยู่กุฏิ จะกุฏิใดก็ตามที่กำหนดไว้ให้เรา เป็นกฏที่เป็นประโยชน์เช่นเดียวกัน มันกันช่วยไม่ให้พระติดที่อยู่ถ้าผู้ใดจากไปแล้วกลับมาใหม่ก็จะ ต้องไปอยู่กุฏิใหม่ การปฏิบัติของพวกเราเช่นนี้ คือไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด<br /><br />๑๘. ถ้าหากการใส่อาหารทุกอย่างรวมลงในบาตรเป็นสิ่งจำเป็นแล้ว ทำไมท่านอาจารย์จึงม่ปฏิบัติด้วยเช่นเดียวกันครับ ท่านคิดว่าไม่สำคัญหรือครับ ที่ท่านอาจารย์ต้องทำเป็นตัวอย่างแก่ศิษย์<br /><br />ถูกแล้ว อาจารย์ควรทำเป็นตัวอย่างแก่ศิษย์ของตน ผมไม่ถือว่าท่านติผม ท่านซักถามได้ทุกอย่างที่อยากทราบ แต่ว่ามันก็สำคัญที่ท่านต้องไม่ยึดอยู่กับอาจารย์ ถ้าดูจากภายนอกผมปฏิบัติดีพร้อมหมดก็คงจะแย่มาก พวกท่านทุกคน ก็จะพากันยึดในตัวผมยิ่งขึ้น แม้พระพุทธเจ้าเอง บางครั้งก็ตรัสให้สาวกปฏิบัติอย่างหนึ่งและพระองค์ก็ปฏิบัติอย่างหนึ่ง ความไม่แน่ใจในอาจารย์ ของท่านก็ช่วยท่านได้ ท่านควรเฝ้าดูเกี่ยวกับปฏิกิริยาของตัวเอง ท่านไม่คิดบางหรือว่า อาจจะเป็นไปได้ที่ผมแบ่งอาหารจากบาตรใส่จาน เพื่อไว้เลี้ยงดูชาวบ้านที่มาช่วยทำงานวัด ปัญญา คือ สิ่งที่ท่านต้องเฝ้าดูและทำให้เจริญขึ้น รับเอาแต่สิ่งที่ดีจากอาจารย์ จงรู้เท่าทันการฝึกปฏิบัติของท่านเอง ถ้าผมพักผ่อนในขณะที่ทุกคนทำความเพียรแล้ว ท่านจะโกรธหรือไม่ ถ้าผมเรียกสีน้ำเงินว่าแดง หรือเรียกผู้ชายว่าผู้หญิง ก็อย่าเรียกตามผมอย่างหลับหูหลับตา อาจารย์องค์หนึ่งของผมฉันอาหารเร็วมากแต่ฉันเสียงดังท่านสอนให้พวกเราฉันช้า และฉันอย่างมีสติผมเคยเฝ้าดูท่าน รู้สึกขัดเคืองใจมาก ผมเป็นทุกข์ แต่ท่านไม่ทุกข์เลยผมเพ่งเล็ง แต่ลักษณะภายนอกอย่ายึดมั่นถือมั่นในกฎระเบียบและรูปแบบภายนอก การมองออกไปนอกตัวเป็นการเปรียบเทียบแบ่งเขาแบ่งเรา ท่านจะไม่พบความสุขโดยวิธีนี้ และท่านจะไม่พบความสงบเลย ถ้าท่านมัวเสียเวลาแสวงหาคนที่ดีพร้อมหรือครูที่ดีพร้อม พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราดูที่ธรรมะ ที่สัจจธรรม ไม่ใช่คอยจับตาดูผู้อื่น<br /><br />เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นได้อย่างไร<br /><br />๑๙. เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกปฏิบัติได้อย่างไรครับ บางครั้งผมรู้สึกเป็นทาสของความต้องการทางเพศ<br /><br />กามราคะจะบรรเทาลงได้ด้วยการเพ่งพิจารณาถึงความน่าเกลียดโสโครก (อสุภะ) การยึดติดอยู่กับรูปร่างกายเป็นสุดโต่งข้างหนึ่งจงพิจารณาร่างกายเหมือนซากศพ และเห็นการเปลี่ยนแปลง เน่าเปื่อย จำอันนี้ไว้และพิจารณาให้เห็นถึงความน่าเกลียดโสโครกของร่างกาย เมื่อมีกามราคะเกิดขึ้น ก็จะช่วยให้ท่านเอาชนะกามราคะได้<br /><br />๒๐. เช่นเมื่อผมโกรธผมควรทำอย่างไรครับ<br /><br />ท่านต้องแผ่เมตตา ถ้าท่านมีโทสะในขณะภาวนา ให้แก้ด้วยเมตตาจิต ถ้าใครทำให้โกรธอย่าโกรธตอบถ้าท่านโกรธตอบท่านจะยิ่งโง่กว่าเขา จงเป็นคนฉลาดสงสารเห็นใจเขาเพราะว่าเขากำลังได้ทุกข์ เพ่งอารมณ์เมตตาเป็นอารมณ์ภาวนาแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก เมตตาเท่านั้นที่จะเอาชนะโทสะและความเกลียดได้<br /><br />ความง่วงเหงาหาวนอน ทำให้ภาวนาลำบาก<br /><br />๒๑. ผมง่วงเหงาหาวนอนอยู่มากครับทำให้ภาวนาลำบาก<br /><br />มีวิธีเอาชนะความง่วงได้หลายวิธี ถ้าท่านอยู่ในที่มืดให้ย้ายไปอยู่ที่สว่าง ลืมตาขึ้น ลุกไปล้างหน้า ตบหน้าตัวเอง หรือไปอาบน้ำ ถ้าท่านยังง่วงอยู่อีกให้เปลี่ยนอิริยาบถ เดินจงกรมให้มาก หรือเดินถอยหลังความกลัวว่าจะเป็นชนอะไรเข้าจะทำให้ท่านหายง่วงถ้ายังง่วงอยุ่อีก ก็จงยืนนิ่งๆ ทำใจให้สดชื่น สมมติว่าขณะนั้นสว่างหรือนั่งริมหน้าผาสูงหรือบ่อลึก ท่านจะไม่กล้าหลับ ถ้าทำ อย่างไรก็ไม่หายง่วงก็จงนอนเสียเอนกายลงอย่างสำรวมและรู้ตัวอยู่จนกระทั่งท่านหลับไป เมื่อท่านรู้สึกตัวจงลุกขึ้นทันทีอย่ามองดูนาฬิกาหรือหลับต่ออีก เริ่มต้นมีสติระลึกรู้ทันเมื่อท่านตื่น ถ้าท่านง่วงอยู่ทุกวัน ลองฉันอาหารให้น้อยลงสำรวมตัวเองแล้วกลับไปนั่งดูใหม่อีกเฝ้าดูความง่วงและความหิว ท่านต้องกะฉันอาหารให้พอดี เมื่อปฏิบัติต่อไปอีกท่านจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น และฉันน้อยลง<br /><br />๒๒. ทำไมเราจึงต้องกราบกันบ่อยๆ ครับ ที่นี่<br /><br />การกราบนี้เป็นสิ่งสำคัญมากเป็นรูปแบบซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติ การกราบนี้ต้องทำให้ถูกต้อง ก้มลงจนหน้าผากจรดพื้นวางศอกให้ชิดกับเข่าฝ่ามือทั้งสองราบอยู่ที่พื้นห่างกประมาณสามนิ้ว กราบลงช้าๆ มีสติรู้อาการของกาย การกราบช่วยแก้การถือตัวของเราได้เป็นอย่างดี เราควรกราบบ่อยๆ เมื่อท่านกราบสามหนท่านควรตั้งจิตระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ นั่นคือคุณลักษณะแห่งจิตอันสะอาด สว่างและสงบดังนั้นเราจึงอาศัยรูปแบบนี้ฝึกฝนตนเอง กายและจิตจะประสานกลมกลืนกันอย่าได้หลงผิดไปจับตาดูว่าผู้อื่นกราบอย่างไร ถ้าสมาเณรน้อยดูไม่ใส่ใจ และพระผู้เฒ่าดูขาดสติก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะตัดสินใจบางคยอาจจะสอนยาก บางคนเรียนได้เร็ว บางคนเรียนได้ช้าการพิจารณาตัดสินผู้อื่นมีแต่จะเพิ่มความหยิ่งทนงตน จงเฝ้าดูตัวเองกราบบ่อยๆ ขจัดความหยิ่งทนงตนออกไป ผู้ที่เข้าถึงธรรมะได้อย่างแท้จริงแล้ว ท่านจะอยู่เหนือรูปแบบทุกๆ อย่างที่ท่านทำ ก็มีแต่กานอ่อน้อมถ่อมตน เดินก็ถ่อม ฉันก็ถ่อม ขับถ่ายก็ถ่อม ทั้งนี้ก็เพราะว่าท่านพ้นจากความเห็นแก่ตัวเสียแล้ว<br /><br />อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่คืออะไร<br /><br />๒๓. อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่ของท่านอาหารคืออะไรครับ<br /><br />ทิฐิ ความเห็นและความนึกคิดเกี่ยวกับสิ่งทั้งปวงเกี่ยวกับตัวเขาเอง เกี่ยวกับการปฏิบัติภาวนา เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า หลายๆ ท่านที่มาที่นี่ มีตำแหน่งการงานสูงในสังคมบางคนเป็นพ่อค้าสที่มั่งคั่ง หรือได้ปริญญาต่างๆ ครูและข้าราชการ สมองของเขาเต็มไปด้วยความคิดเห็นต่อสิ่งต่างๆ เขาฉลาดเกินกว่าที่จะฟังผู้อื่น เปรียบเหมือนน้ำในห้วย ถ้าถ้วยมีน้ำสกปรกอยู่เต็ยถ้วยน้ำก็ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ เมื่อได้เทน้ำเก่านั้นทิ้งไปแล้วเท่านั้น ถ้วยนั้นก็จะใช้ประโยชน์ไม่ได้ ท่านต้องทำจิตให้ว่างจากทิฐิ แล้วท่านจึงจะได้เรียนรู้การปฏิบัติ ของเรานั้นอยุ่เหนือความฉลาดหรือความโง่ ถ้าท่านคิดว่าแนเก่ง ฉันรวย ฉันเป็นคนใหญ่คนโตฉันเข้าใจพระพุทธศาสนาแจ่มแจ้งทั้งหมด เช่นนี้แล้ว ท่านจะไม่เห็นความจริงในเรื่องอนัตตาหรือความไม่ใช่ตัวตน ท่านจะมีแต่ตัวตน ตัวอันของฉันแต่พระพุทธศาสนาคือการละ ตัวตน เป็นความว่าง เป็นความไม่มีทุกข์ เป็นนิพพาน<br /><br />กิเลสเครื่องเศร้าหมองเป็นเพียงมายาหรือว่าของจริง<br /><br />๒๔. กิเลสเครื่องเศร้าหมอง เช่นความโลภหรือความโกรธ เป็นเพียงมายาหรือว่าเป็นของจริงครับ<br /><br />เป็นทั้งสองอย่าง กิเลสที่เราเรียกว่าราคะหรือความโลภ ความโกรธและความหลง นั้นเป็นเพียงแต่ชื่อ เป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นมา เช่นเดียวกับที่เราเรียกชามใหญ่ ชามเล็ก สวยหรืออะไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สภาพที่เป็นจริงแต่เป็นความคิดปรุงแต่งที่เราคิดปรุงขึ้นจากตัณหา ถ้าเราต้องการชามใหญ่ เราก็ว่าอันนี้เล็กไป ตัณหาทำให้เราแบ่งแยกความจริงก็คือ มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น ลองมามองแง่นี้บ้าง ท่านเป็นผู้ชายหรือเปล่า ถ้าตอบว่าเป็น นี่เป็นเพียงรูปร่างของสิ่งต่างๆ แท้จริงแล้วท่านเป็นส่วนประกอบของธาตุและขันธ์ ถ้าจิตเป็นอิสระแล้ว จิตจะไม่แบ่งแยก ไม่มีใหญ่ไม่มีเล็ก ไม่มีเขาไม่มีเรา ไม่มีอะไรจะเป็นอนัตตาหรือความไม่ใช่ตัวตน แท้จริงแล้วในบั้นปลาย ก็ไม่มีทั้งอัตตาและอนัตตา(เป็นแต่เพียงชื่อเรียก)<br /><br />๒๕. ขอความกรูณาท่านอาจารย์อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรรมด้วยครับ<br /><br />กรรมคือ การกระทำ กรรม คือ การยึดมั่นถือมั่นกาย วาจาและใจ ล้วนสร้างกรรมเมื่อมีการยึดมั่นถือมั่น เราทำการจนเกิดความเคยชินเป็นนิสัยซึ่งจะทำให้เราเป็นทุกข์ได้ในการข้างหน้า นี้เป็นผลของการยึดมั่นถือมั่น ของกิเลส เครื่องเศร้าหมองของเราที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต ความยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายจะทำให้เราสร้างกรรม สมมติว่าท่านเคยเป็นขโมยก่อนที่จะบวชเป็นพระ ท่านขโมยเขาทำให้เขาไม่เป็นสุข เมื่อท่านเป็นพระเวลาท่านนึกถึง เรื่องที่ท่านทำให้ผู้อื่นหมดสุขแล้ว ท่านก็ไม่สบายใจ จงจำไว้ว่า ทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม จะเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดผลในอนาคตได้ ถ้าท่านเคยนสร้างกรรมดี ไว้ในอดีต และวันนี้ก็ยังจำได้ ท่านก็เป็นสุข<br /><br />๒๖. บางครั้งดูเหมือนว่าตั้งแต่ผมบวชเป็นพระมานี้ผมประสบความยากลำบากและความทุกข์มากขึ้น<br /><br />ผมรู้ว่าพวกท่านบางคนมีภูมิหลังที่สะดวกสบายทางวัตถุมาก่อนและมีเสรีภาพ เมื่อเปรียบกันแล้ว ขณะนี้ท่านต้องเป็นผู้อยู่ อย่างสำรวมตนเอง และมักน้อยยิ่งนัก ซ้ำในการฝึกปฏิบัตินี้ ผมยังให้ท่านนั่งนานและคอยหลายชั่งโมง อาหารและดินฟ้าอากาศ ก็จะต่างกันไปกับบ้านเมืองของท่าน แต่ทุกคนต้องผ่านความทุกข์ยากกันบ้าง นี่คือความทุกข์ที่จะนำไปสู่ความดับทุกข์อย่างนี้แหละ ที่จะทำให้ท่านได้เรียนรู้ เมื่อท่านนึกโกรธ นึกสงสารตัวเอง นั่นแหละเป็น โอกาสเหมาะที่จะเข้าใจเรื่องของจิต พระพุทธเจ้าตรัสว่ากิเลสทั้งหลายเป็นครูของเรา ลูกศิษย์ทุกดคนก็เหมือนลูกของผมผมมีความเมตตาปราถนาดีต่อทุกคน ถ้าผมทำให้ทุกข์ยากก็เพื่อประโยชน์ของท่านเอง ผู้ที่มีการศึกษาน้อยมีความรู้ทางโลกน้อยจะฝึกปฏิบัติได้ง่าย<br /><br />๒๗. ผมเจริญสมาธิอภวานาจนจิตสงบผมควรทำอย่างไรต่อไป<br /><br />นี่ก็ดีแล้ว ทำจิตให้เป็นสมาธิ ใช้พิจารนาจิตและกาย ท่านจะรู้ถึงควาามสงบที่แท้จริง ถ้าท่านยึดติดอยู่กับภาวะจิตที่สงบ แล้วท่านจะเป็นทุกข์ เมื่อจิตไม่สงบฉะนั้นจึงปล่อยวางหมดทุกสิ่งแม้แต่ความสงบ<br /><br />๒๘. ผมได้ยินท่านอาจารย์พูดว่าท่านเป็นห่วงลูกศิษย์ที่พากเพียรมากใช่ไหมครับ<br /><br />ถูกแล้วผมเป็นห่วง ผมเป็นห่วงว่าเขาเอาจริงเอาจังจนเกินไป เขาพายายามจนเกินไปแต่ขาดปัญญา เขาเคี่ยวเข็ญตนเองไปสู่ความทุกข์โดยไม่จำเป็น อย่างนี้เป็นความพยายามมากเกินไปคนทั่วไปก็เช่นกัน พวกเขาไม่รู้ถึงสภาพเป็นจริงของสิ่งทั้งปวง สังขารทั้งปวง จิตและร่างกายล้วเป็นของไม่เที่ยง บางคนคิดว่าเขารู้ เขาวิพากษ์วิจารจับตามองและลงความเห็นเอาเอง อย่างงี้ก็ตามใจเขา ทิฐิของใครก็ปล่อยให้เป็นของคนนั้นถ้าเราคิดว่าคนอื่นด้อยกว่ากดรือดีกว่ากรือเสมอกันกับเราเราก็ตกทางโค้ง ถ้าเราแบ่งเขาแบ่งเราเราก็จะเป็นทุกข์<br /><br />๒๙. ผมได้เจริญสมาธิภาวนามาหลายปีแล้ว ใจผมเปิดกว้างและสงบระงับเกือบจะในทุกสภาพการ เวลานี้ผมอยากจะย้อนหลังและฝึกทำสมาธิชั้นสูงหรือฝึกฌานครับ<br /><br />จะทำอย่างนั้นก็ได้เป็นการฝึกจิตที่มีประโยชน์ ก็เหมือนกับอยากนั่งภาวนานานๆ ท่านจะไม่ยึดติดอยู่ในสมาธิจิต แต่จริงๆ แล้วการฝึกนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่วงท่าอิริยาบถต่างๆ แต่นี่เป็นการมองตรงเข้าไปในจิต นี่คือปัญญาเมื่อท่านพิจารณาในเรื่องของจิต แล้วท่านก็จะเกิดปัญญารู้ถึงของเขตของสมาธิ เมื่อท่านได้ฝึกปฏิบัติ และเข้าใจจริง เรื่องการไม่ยึดมั่นถือมั่น จะช่วยท่านในการสอนผู้อื่น หรือท่านจะหวนกลับไปฝึกฌานก็ได้ ถ้าท่านมีปัญญารู้แล้วที่จะไม่ยึดถือในสิ่งใด<br /><br />๓๐. ขอความกรุณาท่านอาจารย์ทบทวนใจความสำคัญของการสนทนานี้ด้วยครับ<br /><br />ท่านต้องสำรวจตัวเองรู้ว่าท่านเป็นใครรู้ทันกายและจิตใจของท่าน จงรู้ความพอดีพอเหมาะสำหรับตัวท่าน ใช้ปัญญาในการฝึกปฏิบัติจงมีสติรู้ว่าอะไรเป็นอยู่ท่านจะมองเห็นทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ และความดับไปแห่งทุกข์ แต่ท่านต้องมีความอดทน และต้องทนได้ ท่านจะค่อยๆ ได้เรียนรู้ อย่าปฏิบัติเคร่งเครียดจนเกินไป อย่ายึดติดอยู่กับรูปแบบภายนอก จงเป็นปกติตามธรรมชาติ พระวินัยของพระสงฆ์และกฎระเบียบของวัดสำคัญมาก ทำให้เกิดบรรยากาศที่เรียบง่ายและประสานกลมกลืน แต่จำไว้ว่า ความสำคัญของพระวินัยของพระสงฆ์ คือการเฝ้าดูเจตตนาและสำรวมจิต ท่านต้องใช้ปัญญา อย่าแบ่งเขาแบ่งเรา ดังนั้นจงอดทนและฝึกให้มีคุณธรรมมีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ เป็นปกติตามธรรมชาติ เฝ้าดูจิต นี่แหละคือการปฏิบัติของเรา ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่เห็นแก่ตัว และความสงบสันติNitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-59983661154602975202012-03-22T22:18:00.001-07:002012-03-22T22:23:35.536-07:00แนวทางการปฏิบัติธรรม พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)<a href="http://3.bp.blogspot.com/-esAco9nmXek/T2wIXQGbGfI/AAAAAAAAEC0/PWH4BkRFXBw/s1600/15.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-esAco9nmXek/T2wIXQGbGfI/AAAAAAAAEC0/PWH4BkRFXBw/s400/15.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5722958422032980466" /></a><br />แนวทางการปฏิบัติธรรม<br /><br />พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)<br /><br />วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี<br /><br />พระสุญฺโญฺภิกขุ พระภิกษุชาวอเมริกัน จดบันทึกเป็นภาษาอังกฤษ<br /><br />เมื่อลาสิกขาแล้ว ท่านได้พิมพ์ เผยแผ่เป็นธรรมทาน ต่อมามีผู้แปลเป็นภาษาไทย<br /><br />และหลวงพ่อชาให้พระวีรพล เตชปญฺโญ แห่งวัดหนองป่าพงสอบทาน แล้วจึงได้พิมพ์ภาษาไทย<br /><br /><br /><br />สารบัญธรรม<br /><br />● พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน<br />● ควรจะพักผ่อนนอนหลับมากน้อยเพียงใด<br />● ควรจะศึกษาพระไตรปิฎกด้วยหรือไม่ในการฝึกปฏิบัติ<br />● ทำไมจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวัน<br />● ควรทำอย่างไรเมื่อสงสัยเกิดขึ้น<br />● จำเป็นไหมที่ต้องนั่งภาวนาให้นานๆ หรือไม่<br />● ในการปฏิบัติ จำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌาณไหม<br />● เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นได้อย่างไร<br />● ความง่วงเหงาหาวนอน ทำให้ภาวนาลำบาก<br />● อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่คืออะไร<br />● กิเลสเครื่องเศร้าหมองเป็นเพียงมายาหรือว่าของจริง<br />● ของฝากท้ายเล่ม<br />พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน<br /><br />๑. ผมได้พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน แต่ยังไม่มีที่ท่าว่าจะได้ผลคืบหน้าเลย<br /><br />เรื่องนี้สำคัญมาก อย่าพยายามที่จะเอาอะไรๆ ในการปฏิบัติความอย่างแรงกล้าที่จะหลุดพ้นหรือรู้แจ้งนั้นจะเป็นความอยากที่ขวางกั้นท่านก็ได้ จะเร่งความเพียรทั่งกลางคืนกลางวันก็ได้ แต่ถ้าการฝึกปฏิบัตินั้นยังประกอบด้วยความที่อยากจะบรรลุเห็นแจ้งแล้ว ท่านจะพบความสงบไม่ได้เลย แรงอยากจะเป็นเหตุให้เกิดความสงสัยและความกระวนกระวายใจ ไม่ว่าท่านจะฝึกปฏิบัตินานเท่าใดหรือนานสักเพียงใด ปัญญา (ที่แท้) จะไม่เกิดขึ้นจากความอยากนั้น ดังนั้นจงเพียงแต่ละความอยากเสีย จงเฝ้าดูจิตและกายอย่างมีสติแต่อย่ามุ่งหวังที่จะบรรลุถึงอะไร อย่ายึดมั่นถือมั่นแม้ในเรื่องการฝึกปฏิบัติหรือในการรู้แจ้ง<br /><br />ควรจะพักผ่อนนอนหลับมากน้อยเพียงใด<br /><br />๒. เรื่องการหลับนอนล่ะครับ ผมควรจะนอนมากน้อยเพียงใด<br /><br />อย่าถามผมเลย ผมตอบให้ท่านไม่ได้ บางคนหลับนอนคืนละประมาณ ๔ ชั่วโมงวก็พอ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญก็คือ ท่านเฝ้าดูและรู้จักตัวของท่านเอง ถ้าท่านนอนน้อยจนเกินไป จิตก็จะตื้อเฉื่อยชาหรืซัดส่าย จงหาสภาวะที่พอเหมาะกับตัวท่านเอง ตั้งใจเฝ้าดูกายและจิตจนท่านรู้ระยะเวลาที่นอนหลับที่พอเหมาะสำหรับท่าน ถ้าท่านณู้สึกตื้นตัวแล้ว และยังซุกตัวของีบต่อไปอีก นี่เปผ็นกิเลสเครื่องเศร้าหมอง จงมีสติรู้ตัวทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้น<br /><br />๓. เรื่องการขับขบฉันล่ะครับ ผมควรจะฉันอาหาร มากน้อยเพียงใด<br /><br />การขบฉันก็เหมือนกับการหลับนอน ท่านต้องรู้จักตัวของท่านเอง อาหารต้องบริโภคให่เพียงพอตามความต้องการของ ร่างกาย จงมองอาหารเหมือนยารักษาโรค ท่านฉันมากเกินไปจยง่วงนอนหลังฉันอาหารหรือเปล่า และท่านอ้วนขึ้นทุกวัน หรือเปล่า จงหยุดแล้วสำรวจกายและจิตของท่านเอง ไม่จำเป็นต้องอดอาหาร จงทดลองฉันอาหารตามปรมาณมาก น้อยต่างๆ หาปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกายของท่านใส่อาหารที่จะฉันทั้งหมดลงในบาตรแบบธุดงควัตร แล้วท่านจะกะปริมาณ อาหารที่จะฉันได้ง่าย เฝ้าดูตัวท่านเองอย่างถี่ถ้วน ขณะที่ฉันจงรู้จักตัวเอง สาระสำคัญของการฝึกปฏิบัติของเราเป็นอย่างนี้ ไม่มีอะไรพิเศษที่ต้องทำมากกว่านี้ จงเฝ้าดูเท่านั้น สำรวจท่านเอง เฝ้าดูจิต แล้วท่านจะรู้ว่า อะไรคือสภาวะที่พอเหมาะสำหรับการฝึกปฏิบัติของท่าน<br /><br />ควรจะศึกษาพระไตรปิฎกด้วยหรือไม่ในการฝึกปฏิบัติ<br /><br />๔. จิตของชาวเอเชียและตะวันตกแตกต่างกันหรือไม่ครับ<br /><br />โดยพื้นฐานแล้วไม่แตกต่างกัน ดูจากภายนอกขบนธรรมเนียงประเพณีและภาษาที่ใช้อาจดูต่างกัน แต่จิตของมนุษย์นั้นเป็นธรรมชาติซึงเหมือนกันหมด ไม่ว่าชาติใด ภาษาใด ความโภลและความเกลียดก็มีเหมือนกัน ทั่งในจิตของชาวตะวันออกหรือชาวตะวันตก ความทุกข์และความดับททุกข์ก็เหมือนกันทุกๆ คน<br /><br />๕. เราควรอ่านตำรามากๆ หรือศึกษาพระไตรปิฏกด้วยหรือไม่ครับ ในการฝึกปฏิบัตินี่<br /><br />พระธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ไม่อาจค้นพบได้ด้วยตำราต่างๆ ถ้าท่านต้องการจะรู้เห็นจริงด้วยตัวของท่านเองว่าพระพุทธเจ้าทรง ตรัสสอนอะไร ท่านไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกับตำราเลย จงเฝ้าดูจิตของท่านเอง พิจารณาให้รู้เห็นว่า ความรู้สึกต่างๆ (เวทนา) เกิดขึ้น และดับไปได้อย่างไร ความนึกคิดเกิดขึ้นและดับอย่างไร อย่าได้ผูกพันอยู่กับสิ่งใดเลย จงมีสติอยู่เสมอ เมื่อมีอะไรๆ เกิดขึ้นให้ได้รู้ได้ เห็น นี่คือทางบรรลุถึงสัจธรรมของพระพุทธองค์ จงปฏิบัติธรรมดาตามธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอยางที่ท่านทำขณะที่นี่ เป็นโอกาสแห่ง การฝึกปฏิบัติ เป็นธรรมะทั้งหมด เมื่อท่านทำวัตรสวดมนต์อยู่ พยายามให้มีสติ ถ้าท่านกำลังเทกระโถนหรือล้างส้วมอยู่ อย่าคิดว่า ท่านกำลังทำบุญทำคุณให้กับผู้หนึ่งผู้ใด มีธรรมะอยู่ในการเทกระโถนนั้น อย่ารู้สึกว่าท่านกำลังฝึกปฏิบัติอยู่เฉพาะเวลานั่งขัดสมาธิเท่านั้น พวกท่านบางคนบ่นงว่าไม่มีเวลาพอท่จะทำสมาธิภาวนา แล้วเวลาหายใจเล่ามีเพียงพอไหม? การทำสมาธิภาวนาของท่าน คือการมีสติ ระลึกรู้ และการรักษาจิตให้เป็นปกติตามธรรมชาติในการกระทำทุกอิริยาบถ<br /><br />ทำไมจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวัน<br /><br />๖. ทำไมพวกเราจึงไม่มีการสอบอารมณ์กับอาจารย์ทุกวันเล่าครับ<br /><br />ถ้าท่านมีคำถาม เชิญมาถามได้ทุกเวลา แต่ท่นี้เราไม่จำเป็นจะต้องมีการสอบอารมณ์กันทุกวัน ถ้าผมตอบปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ทุกปัญหา ของท่าน ท่านก็จไม่มีทางรู้เท่าทันกับการเกิดดับของความสงสัยในใจของท่านเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ท่าน ต้องเรียนรู้ที่จะสำรวจตัวท่านเอง สอบถามตัวท่านเอง จงตั้งใจฟังพระธรรมเทศนาทุกๆ ครั้งแล้ว จงนำเอาคำสอนนี้ ไปเปรียบเทียบกับการฝึกปฏิบัติของท่านเองว่าเหมือนกันหรือไม่ ต่างกันหรือไม่ ทำไมท่านจึงมีความสงสัยอยู่ ใครคือผู้ที่สงสัยนั้น โดยการสำรวจตัวเองเท่านั้นจะทำให้ท่านเข้าใจได้<br /><br />๗. บางครั้งผมกังวลใจอยู่กับพระวินัยของพระสงฆ์ ถ้าผมฆ่าแมลงโดยบังเอิญแล้ว จะผิดไหมครับ<br /><br />ศีลหรือพระวินัยและศีลธรรม เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการฝึกปฏิบัติของเรา แต่ท่านต้องไม่ยึดมั่นถือมั่นในกฏเกณฑ์ต่างๆ อย่างงมงายในการฆ่าสัตว์ หรือการละเมิดข้อห้ามอื่นๆ นั้น มันสำคัญที่เจตนา ท่านย่อมรู้แก่ใจของท่านเอง อย่าได้กังวลกับเรื่องพระวินัยให้มากจนเกินไป ถ้านำมาปฏิบัติอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยส่งเสริมการปฏิบัติ และพระภิกษุบางรูปกังวลกับกฎเกณฑ์เล็กๆ น้อยๆ มากเกินไปจนนอนไม่เป็นสุข พระวินัยไม่ใช่ภาระที่ต้องแบก ในการปฎิบัติของเราที่นี้มีรากฐานคือพระวินัย พระวินัยรวมทั้งธุดงควัตรและการปฎิบัติภาวนา การมีสติและการสำรวมระวังในกฏระเบียบต่างๆ ตลอดจนในศีล ๒๒๗ ข้อนั้น ให้คุณประโยชน์อันใหญ่หลวง ทำให้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องพะวงว่าจะต้องทำตนอย่างไร ดังน้นท่านก็หมดเรื่องต้องครุ่นคิด และมีสติดำรงอยู่แทน พระวินัยทำให้พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน และชุมชนก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ลักษณะภายนอกทุกๆ คนดูเหมือนกัน และปฏิบัติอย่างเดียวกัน พระวินัยและศีลธรรม เป็นบันไดอันแข็งแกร่งนำไปสู่สมาธิยิ่งและปัญญายิ่ง โดยการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามพระวินัยของพระสงฆ์และธุดงควัตร ทำให้เรามีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ และต้องจำกัดจำนวน บริขารของเราด้วย ดังนั้นที่นี้เราจึงควรมีการปฏิบัติที่ครบถ้วนตามแบบของพระพุทธเจ้า คือ การงดเว้นจากความชั้วและทำความดี มีความ เป็นอยู่อย่างง่ายๆ ตามความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ชำระจิตให้บริสุทธิ์ โดยการเฝ้าดูจิตและกายของเราในทุกๆ อิริยาบท เมื่อนั่งอยู่ ยืนอยู่ เดินอยู่ หรือนอนอยู่ จงรู้ตัวของท่านเอง<br /><br />๘. ผมควรจะทำอย่างไรครับเมื่อผมสงสัย บางวันผมวุ่นวายใจด้วยความสงสัยในเรื่องปฏิบัต หรือในความคืบหน้าของผม หรือในอาจารย์<br /><br />ความสงสัยนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทุกๆ คนเริ่มต้นด้วยความสงสัย ท่นอาจได้เรียนรู้อย่างมากจากความสงสัยนั้น ที่สำคัญก็คือ ถ้าท่านยังถือเอาความสงสัยนั้นเป็นตัวเป็นตน นั่นคืออย่าตกเป็นเหยื่อของความสงสัย ซึ่งจะทำให้จิตใจของท่านหมุนวนเป็นวัฏฏะ อันไม่มีที่สิ้นสุด แทนที่จะเป็นเช่นั้น จงเฝใดูกระบวนการเกิดดับของความสงสัย ของความฉงนสนเท่ห์ ดูว่าใครคือผู้ที่สงสัย ดูว่าความสงสัยนั้นเกิดขึ้นและ ดับไปอย่างไร และท่านจะไม่ตกเป็นเหยื่อของความสงสัยอีกต่อไป ท่านจะหลุดพ้นออกจากความสงสัยและจิตของท่านก็จะสงบ ท่านจะเห็นว่า สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไปอย่างไร จงปล่อยวางสิ่งต่างๆ ที่ท่านยังยึดมั่นอยู่ ปล่อยวางความสงสัยของท่านและเพียงแต่เฝ้าดู นี่คือสิ่งที่สิ้นสุดของควาสงสัย<br /><br />๙. ท่านอาจารย์มีความเห็นเกี่ยวแก่วิธีปฏิบัติ(วิธีภาวนา)วิธีอื่นๆ อย่างไรครับ ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าจะมีอาจารย์มากมาย และมีแนวทางการทำสมาธิ<br /><br />วิปัสสนาหลายแบบ จนทำให้สับสน มันก็เหมือนกับการจะเข้าไปในเมือง บางคนอาจจะเข้าเมืองทางทิศเหนือ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ฯลฯ ทางถนนหลายสาย โดยมากแล้วแนวทางภาวนาก็แตกต่างกันแต่เพียงรูปแบบเท่านั้น ไม่ว่าท่านจะเดินทาสายหนึ่งสายใด เดินช้าหรือเดินเร็ว ถ้าท่านมีสติอยู้เสมอ มันก็เหมือนกันทั้งนั้น ข้อสำคัญที่สุดก็คือแนวทางภาวนาที่ดีและถูกต้องจะต้องนำไปสู่การไม่ยึดมั่นถือมั่น ลงท้ายแล้ว ก็ต้องปล่อยแนวทางการภาวนาทุกรูปแบบด้วย ผู้ปฏิบัติต้องไม้ยึดมั่นแม้ในตัวอาจารย์แนวทางใดที่นำไปสู่การปล่อยวาง สู่การไม่ยึดมั่นถือมั่นก็เป็นทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ท่านอาจจะอยากเดินทางเพื่อศึกษาอาจารย์อื่นอีก และลองปฏิบัติตามแนวทางอื่นบ้างก็ได้ พวกท่านบางคนก็ทำเช่นนั้น นี้เป็นความต้องการ ตามธรรมชาติ ท่านจะรู้ว่าแม้ได้ถามคำถามนับพันคำถามก็แล้ว และมีความรู้เรื่องแนวทางปฏิบัติอื่นๆ ก็แล้ว ก็ไม่อาจจะนำท่านเข้าถึงสัจจะธรรมได้ในที่สุดท่านก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย ท่านจะรู้ว่าเพียงแต่หยุด และสำรวจตรวจสอบดูจิตใจของท่านเองเท่านั้น ท่านก็จะรู้ว่าพระพุทะเจ้าตรัสสอนอะไร ไม่มีประโยชน์ที่แสวงหาออกไปนอกตัวเอง ผลที่สุดท่านต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับสภาวะที่แท้จริงของตัวท่นเอง ตรงนี้แหละที่ท่านจะเข้าใจ ธรรมะได้<br /><br />๑๐. มีหลายครั้งหลายหนที่ดูเหมือนว่าพระหลายรูปที่นี่ไม่ฝึกปฏิบัติ ดูท่านไม่ใส่ใจธรรม หรือขาดสติ เรื่องนี้กวนใจผม<br /><br />มันไม่ถูกต้องที่จะคอยจับตาดูผู้อื่น นี้ไม่ช่วยการฝึกปฏิบัติของท่านเลย ถ้าท่านรำคาญใจก็จงเฝ้าดูความรำคาญในใจของท่านเลย ถ้าศีลของผู้อื่นบกพร่อง หรือเขาเหล่านั้นไม่ใช่พระที่ดี ก็ไม่ใช่เรื่องของท่านที่จะไปตัดสิน ท่านจะไม่เกิดปัญญา การจับตาดูผู้อื่น พระวินัยเป็นเครื่องช่วยในการทำสมาธิภาวนาของท่าน ไม่ใช่อาวุธสำหรับใช้ติเตียนหรือจับผิดผู้อื่น ไม่ใครสามารถฝึกปฏิบัติให้ท่านได้ หรือท่านก็ไม่สามารถปฏิบัติให้ผู้อื่นได้ จงมีสติใส่ใจในการฝึกปฏิบัติของตัวท่านเอง และนี่คือแนวทางของการปฏิบัติ<br /><br />๑๑. ผมระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะสำรวมอินทรีย์ ผมทอดสายตาลงต่ำเสมอ และกำหนดสติอยู่กับการกระทำทุกอย่าง แม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นขณะที่กำลังฉันอาหารอยู่ ผมใช้เวลานานและพยายามรู้สำผัสทุกอย่าง เป็นต้นว่า เคี้ยวรู้รส กลืน ฯลฯ ผมกำหนดรู้ด้วยความตั้งใจทุกขั้นตอนและระมัดระวังผม ผมปฏิบัติถูกต้องหรือไม่ครับ<br /><br />การสำรวอินทรีย์นั้นเป็นการปฏิบัติถูกต้องแล้ว เราจะต้องมีสติในการฝึกเช่นนั้นตลอดทั้งวัน แต่อย่าควบคุมให้มากเกินไป เดินฉัน และปฏิบัติตนให้เป็นธรรมชาติ ให้มีสติระลึกรู้ตามธรรมชาติ ถึงสิ่งที่กำลังเป็นไปในต้วท่าน อย่าบีบบังคับการทำสมาธิภาวานาของท่าน และอย่าบีบบังคับตนเองไปจนดูน่าขัน ซึ่งก็เป็นตัณหาอีกอย่างหนึ่งจงอดทน ความอดทนและความทนได้เป็นสิ่งจำเป็น ถ้าท่านปฏิบัติตนเป็นปกติตามธรรมชาติ และมีสติระลึกรู้อยู่เสมอปัญญาที่แท้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติด้วย<br /><br />จำเป็นไหมที่ต้องนั่งภาวนาให้นานๆ<br /><br />๑๒. จำเป็นไหมครับที่จะต้องนั่งภาวนาให้นานๆ<br /><br />ไม่จำเป็นต้องนั่งภาวนานานนับเป็นหลายชั่วโมง บางคนคิดว่ายิ่งนั่งภาวนานานเท่าใด ก็ยิ่งจะเกิดปัญญามากเท่านั้น ปัญญาที่แท้เกิดจากการที่เรามีสติในทุกๆ อิริยาบท การฝึกปฏิบัติของท่านต้องเริมขึ้นทันทีที่ท่านตื่นนอนตอนเช้า และต้องปฏิบัติให้ต่อเนื่องไปจนกระทั่งนอนหลับไปอย่าไปห่วงว่าท่านต้องนั่งภาวนาให้นานๆ สิ่งสำคัญก็คือ ท่านเพียงแต่เฝ้าดู ไม่ว่าท่านจะเดินอยู่หรือนั่งอยู่ หรือกำลังเข้าห้องน้ำอยู่แต่ละคนต่างก็มีทางชีวิตของตนเอง บางคนต้องตาย เมื่อมีอายุ ๕๐ ปี บางคนเมื่ออายุ ๖๕ ปี และบางคนเมื่ออายุ ๙๐ ปี ฉันใดก็ฉันนั้น ปฏิปทาของท่านทั้งหลาลก็ไม่เหมือนกัน อย่างคิดมากหรือิกังวลใจในเรื่องนี้เลย จงพยายามมีสติ และปล่อยทุกสิ่งให้เป็นไปตามปกติของมัน แล้วจิต ของท่านก็จะสงบมากขึ้นในสิ่งแวดล้อมทั้งปวงมันจะสงบนิ่งเหมือนหนองน้ำใสในป่าที่บรรดาสัตว์ป่าสวยงาม และหายากจะมาดื่มน้ำในสระนั้นท่านจะได้เห็นความมหัศจรรย์และแปลกประหลาดทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไปแต่ท่านก็จะสงบอยู่เช่นเดิม ปัญหาทั้งหลายจะบังเกิดขึ้นแต่ท่านจะรู้ทันมันได้ทันที นี่แหละคือศานติสุขของพระพุทธเจ้า<br /><br />๑๓. ผมยังคงมีความนึกคิดต่างๆ มากมาย จิตของผมฟุ้งซ่านมากทั้งๆ ที่ผมพยายามจะมีสติอยู่<br /><br />อย่างวิตกในเรื่องนี้เลย พยายามรักษาจิตของท่านให้อยู่กับปัจจุบัน เมื่อเกิดรู้สึกอะไรขึ้นมาภายในจิตก็ตาม จงเฝ้าดูมันและปล่อยวางแล้วจิตก็จะเข้าถึงสภาวะปกติตามธรรมชาติของมันไม่มีการแบ่งแยกระหว่างความดีและความชั่ว ร้อนและหนาว ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีจัวตนเลย อะไรอะไรก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น จงรู้จักตัวเองด้วนการปฏิบัติตนเป็นปกติตามธรรมชาติ และเฝ้าดู เมื่อเกิดาสงสัยจงเฝ้าดูมันเกิดขึ้นและดับไป มันก็ง่ายๆ อย่ายึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใดทั้งสิ้น เหมือนกับว่าท่านกำลังเดินไปตามถนน บางขณะท่านจะพบสิ่งกีดขวางอยู่ เมื่อท่านเกิดกิเลสเครื่องเศร้าหมองจงรู้ทันมันและเอาชนะมันโดยปล่อยให้มันผ่านไปเสีย อย่าไปคำนึงถึงกีดขวางที่ท่านได้ผ้านมากแล้วแย่าวิตกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่ได้พบ จงอยู่กับปัจจุบัน ไม่ว่าท่านผ่านอะไรไปอย่าไปยึดมั่นไว้ ในที่สุดจิตก็จะบรรลุถึงความสมดุล ตามธรรมชาติของจิตและเมื่อนั้นการปฏิบัติก็จะเป็นเองโดยอัตโนมัติ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นและดับไปในตัวของมันเอง<br /><br />๑๔. ท่านอาจารย์เคยพิจารณา "สูตรของเว่ยหลาง" ของพระสังฆปรินายก (นิกายเซ็น) องค์ที่หกบ้างไหมครับ (ท่านเว่ยหลางหรือท่านฮุยเหนิง)<br /><br />ท่านฮุยเหนิงมีปัญญาเฉียบแหลมมาก คำสอนของท่านลึกซึ้งยิ่งนักไม่ใช่ของง่ายที่ผู้เริ่มต้นปฏิบัติจะเข้าใจได้ ถ้าท่านปฏิบัติตามศีลและด้วยความอดทนท่านก็จะเข้าใจได้ในที่สุด ฤดูฝนนั้นวันหนึ่งพายุก็พัดเอาหลังคาโหว่ไปเขาไม่ขวนขวายที่จะมุงมันใหม่ จึงปล่อยให้ฝนรั่วอยู่อย่างนั้นหลายวันผ่านไปผมได้ไปถามถึงกุฏิของเขาเขาตอบว่า กำลังฝึกกานไม่ยึดมั่นถือมั่น นี่เป็นการไม่ยึดมั่นถือมั่นโดยไม่ใช้หัวสมองถ้าท่านมีความเป็นอยู่ดี และเป็นอยู่ง่ายๆ ถ้าท่านอดทนและไม่เห็นแก่ตัวท่านก็จะเข้าใจถึงปัญญาของท่ายฮุยเหนิงได้<br /><br />ในการปฏิบัติ จำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌาณไหม<br /><br />๑๖. ในการปฏิบัติของเราจำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌานหรือไม่ครับ<br /><br />ไม่ ฌานไม่เรื่องจำเป็น ท่านต้องฝึกจิตให้มีความสงบและมีอารมณ์เป็นหนึ่ง (เอกัคคตา) อาศัยอันนี้สำรวจตนเองถ้าท่านได้ฌานในขณะฝึกปฏิบัตินี้ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่อย่างไปติดหลงอยู่ในฌานหลายคนชะงักติดอยู่ในฌานมันทำให้เพลิดเพลินเมื่อไปเล่นกับมัน ท่านต้องรู้ขอบเขตที่สมควร ถ้าท่านฉลาดท่านก็จะเห็นประโยชน์และขอบเขยของฌาน<br /><br />๑๗. ทำไมเราต้องปฏิบัติตามธุดงควัตรเช่น ฉันอาหารเฉพาะแต่ในบาตรเท่านั้นเล่าครับ<br /><br />ธดงควัตรทั้งหลาย ล้วนเป็นเครื่องช่วยเราทำให้ลายกิเลสเครื่องเศร้าหมองการปฏิบัติตามข้อที่ว่าให้ฉันอาหารแต่ ในบาตรทำให้เรามีสติมากขึ้น ระลึกว่าอาหารนั้นเหมือนยารักษาโรค ถ้าเราไม่มีกิเลสเครื่องเศร้าหมองแล้วมันก็ไม่สำคัญ ว่าเราจะฉันอาย่างไรแต่เราอาศัยธุดงควัตรทำให้การปฏิบัติของเราเป็นไปอย่างง่ายๆ พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงบัญญัติธุดงควัตร ไว้ว่า เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพระภิกษุทุกองค์ แต่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติธุดงควัตรสำหรับพระภิกษุผู้ประสงค์จะปฏิบัติ อย่างเคร่งครัด ธุดงควัตรเป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาในศีลเพราะฉะนั้นช่วยเพิ่มความมั่นคงและความเข้มแข็งของจิตใจเรา ข้อวัตรทั้งหลายเหล่านี้มีไวให้ท่านปฏิบัติ อย่าคอยจับตาดูว่าผู้อื่นปฏิบัติอย่างไร จงเฝ้าดูจิตของตัวท่านเองและดูว่าอะไรจะเป็น ประโยชน์สำหรับท่าน กฏข้อที่ว่าเราต้องไปอยู่กุฏิ จะกุฏิใดก็ตามที่กำหนดไว้ให้เรา เป็นกฏที่เป็นประโยชน์เช่นเดียวกัน มันกันช่วยไม่ให้พระติดที่อยู่ถ้าผู้ใดจากไปแล้วกลับมาใหม่ก็จะ ต้องไปอยู่กุฏิใหม่ การปฏิบัติของพวกเราเช่นนี้ คือไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด<br /><br />๑๘. ถ้าหากการใส่อาหารทุกอย่างรวมลงในบาตรเป็นสิ่งจำเป็นแล้ว ทำไมท่านอาจารย์จึงม่ปฏิบัติด้วยเช่นเดียวกันครับ ท่านคิดว่าไม่สำคัญหรือครับ ที่ท่านอาจารย์ต้องทำเป็นตัวอย่างแก่ศิษย์<br /><br />ถูกแล้ว อาจารย์ควรทำเป็นตัวอย่างแก่ศิษย์ของตน ผมไม่ถือว่าท่านติผม ท่านซักถามได้ทุกอย่างที่อยากทราบ แต่ว่ามันก็สำคัญที่ท่านต้องไม่ยึดอยู่กับอาจารย์ ถ้าดูจากภายนอกผมปฏิบัติดีพร้อมหมดก็คงจะแย่มาก พวกท่านทุกคน ก็จะพากันยึดในตัวผมยิ่งขึ้น แม้พระพุทธเจ้าเอง บางครั้งก็ตรัสให้สาวกปฏิบัติอย่างหนึ่งและพระองค์ก็ปฏิบัติอย่างหนึ่ง ความไม่แน่ใจในอาจารย์ ของท่านก็ช่วยท่านได้ ท่านควรเฝ้าดูเกี่ยวกับปฏิกิริยาของตัวเอง ท่านไม่คิดบางหรือว่า อาจจะเป็นไปได้ที่ผมแบ่งอาหารจากบาตรใส่จาน เพื่อไว้เลี้ยงดูชาวบ้านที่มาช่วยทำงานวัด ปัญญา คือ สิ่งที่ท่านต้องเฝ้าดูและทำให้เจริญขึ้น รับเอาแต่สิ่งที่ดีจากอาจารย์ จงรู้เท่าทันการฝึกปฏิบัติของท่านเอง ถ้าผมพักผ่อนในขณะที่ทุกคนทำความเพียรแล้ว ท่านจะโกรธหรือไม่ ถ้าผมเรียกสีน้ำเงินว่าแดง หรือเรียกผู้ชายว่าผู้หญิง ก็อย่าเรียกตามผมอย่างหลับหูหลับตา อาจารย์องค์หนึ่งของผมฉันอาหารเร็วมากแต่ฉันเสียงดังท่านสอนให้พวกเราฉันช้า และฉันอย่างมีสติผมเคยเฝ้าดูท่าน รู้สึกขัดเคืองใจมาก ผมเป็นทุกข์ แต่ท่านไม่ทุกข์เลยผมเพ่งเล็ง แต่ลักษณะภายนอกอย่ายึดมั่นถือมั่นในกฎระเบียบและรูปแบบภายนอก การมองออกไปนอกตัวเป็นการเปรียบเทียบแบ่งเขาแบ่งเรา ท่านจะไม่พบความสุขโดยวิธีนี้ และท่านจะไม่พบความสงบเลย ถ้าท่านมัวเสียเวลาแสวงหาคนที่ดีพร้อมหรือครูที่ดีพร้อม พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราดูที่ธรรมะ ที่สัจจธรรม ไม่ใช่คอยจับตาดูผู้อื่น<br /><br />เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นได้อย่างไร<br /><br />๑๙. เราจะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกปฏิบัติได้อย่างไรครับ บางครั้งผมรู้สึกเป็นทาสของความต้องการทางเพศ<br /><br />กามราคะจะบรรเทาลงได้ด้วยการเพ่งพิจารณาถึงความน่าเกลียดโสโครก (อสุภะ) การยึดติดอยู่กับรูปร่างกายเป็นสุดโต่งข้างหนึ่งจงพิจารณาร่างกายเหมือนซากศพ และเห็นการเปลี่ยนแปลง เน่าเปื่อย จำอันนี้ไว้และพิจารณาให้เห็นถึงความน่าเกลียดโสโครกของร่างกาย เมื่อมีกามราคะเกิดขึ้น ก็จะช่วยให้ท่านเอาชนะกามราคะได้<br /><br />๒๐. เช่นเมื่อผมโกรธผมควรทำอย่างไรครับ<br /><br />ท่านต้องแผ่เมตตา ถ้าท่านมีโทสะในขณะภาวนา ให้แก้ด้วยเมตตาจิต ถ้าใครทำให้โกรธอย่าโกรธตอบถ้าท่านโกรธตอบท่านจะยิ่งโง่กว่าเขา จงเป็นคนฉลาดสงสารเห็นใจเขาเพราะว่าเขากำลังได้ทุกข์ เพ่งอารมณ์เมตตาเป็นอารมณ์ภาวนาแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก เมตตาเท่านั้นที่จะเอาชนะโทสะและความเกลียดได้<br /><br />ความง่วงเหงาหาวนอน ทำให้ภาวนาลำบาก<br /><br />๒๑. ผมง่วงเหงาหาวนอนอยู่มากครับทำให้ภาวนาลำบาก<br /><br />มีวิธีเอาชนะความง่วงได้หลายวิธี ถ้าท่านอยู่ในที่มืดให้ย้ายไปอยู่ที่สว่าง ลืมตาขึ้น ลุกไปล้างหน้า ตบหน้าตัวเอง หรือไปอาบน้ำ ถ้าท่านยังง่วงอยู่อีกให้เปลี่ยนอิริยาบถ เดินจงกรมให้มาก หรือเดินถอยหลังความกลัวว่าจะเป็นชนอะไรเข้าจะทำให้ท่านหายง่วงถ้ายังง่วงอยุ่อีก ก็จงยืนนิ่งๆ ทำใจให้สดชื่น สมมติว่าขณะนั้นสว่างหรือนั่งริมหน้าผาสูงหรือบ่อลึก ท่านจะไม่กล้าหลับ ถ้าทำ อย่างไรก็ไม่หายง่วงก็จงนอนเสียเอนกายลงอย่างสำรวมและรู้ตัวอยู่จนกระทั่งท่านหลับไป เมื่อท่านรู้สึกตัวจงลุกขึ้นทันทีอย่ามองดูนาฬิกาหรือหลับต่ออีก เริ่มต้นมีสติระลึกรู้ทันเมื่อท่านตื่น ถ้าท่านง่วงอยู่ทุกวัน ลองฉันอาหารให้น้อยลงสำรวมตัวเองแล้วกลับไปนั่งดูใหม่อีกเฝ้าดูความง่วงและความหิว ท่านต้องกะฉันอาหารให้พอดี เมื่อปฏิบัติต่อไปอีกท่านจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น และฉันน้อยลง<br /><br />๒๒. ทำไมเราจึงต้องกราบกันบ่อยๆ ครับ ที่นี่<br /><br />การกราบนี้เป็นสิ่งสำคัญมากเป็นรูปแบบซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติ การกราบนี้ต้องทำให้ถูกต้อง ก้มลงจนหน้าผากจรดพื้นวางศอกให้ชิดกับเข่าฝ่ามือทั้งสองราบอยู่ที่พื้นห่างกประมาณสามนิ้ว กราบลงช้าๆ มีสติรู้อาการของกาย การกราบช่วยแก้การถือตัวของเราได้เป็นอย่างดี เราควรกราบบ่อยๆ เมื่อท่านกราบสามหนท่านควรตั้งจิตระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ นั่นคือคุณลักษณะแห่งจิตอันสะอาด สว่างและสงบดังนั้นเราจึงอาศัยรูปแบบนี้ฝึกฝนตนเอง กายและจิตจะประสานกลมกลืนกันอย่าได้หลงผิดไปจับตาดูว่าผู้อื่นกราบอย่างไร ถ้าสมาเณรน้อยดูไม่ใส่ใจ และพระผู้เฒ่าดูขาดสติก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะตัดสินใจบางคยอาจจะสอนยาก บางคนเรียนได้เร็ว บางคนเรียนได้ช้าการพิจารณาตัดสินผู้อื่นมีแต่จะเพิ่มความหยิ่งทนงตน จงเฝ้าดูตัวเองกราบบ่อยๆ ขจัดความหยิ่งทนงตนออกไป ผู้ที่เข้าถึงธรรมะได้อย่างแท้จริงแล้ว ท่านจะอยู่เหนือรูปแบบทุกๆ อย่างที่ท่านทำ ก็มีแต่กานอ่อน้อมถ่อมตน เดินก็ถ่อม ฉันก็ถ่อม ขับถ่ายก็ถ่อม ทั้งนี้ก็เพราะว่าท่านพ้นจากความเห็นแก่ตัวเสียแล้ว<br /><br />อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่คืออะไร<br /><br />๒๓. อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่ของท่านอาหารคืออะไรครับ<br /><br />ทิฐิ ความเห็นและความนึกคิดเกี่ยวกับสิ่งทั้งปวงเกี่ยวกับตัวเขาเอง เกี่ยวกับการปฏิบัติภาวนา เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า หลายๆ ท่านที่มาที่นี่ มีตำแหน่งการงานสูงในสังคมบางคนเป็นพ่อค้าสที่มั่งคั่ง หรือได้ปริญญาต่างๆ ครูและข้าราชการ สมองของเขาเต็มไปด้วยความคิดเห็นต่อสิ่งต่างๆ เขาฉลาดเกินกว่าที่จะฟังผู้อื่น เปรียบเหมือนน้ำในห้วย ถ้าถ้วยมีน้ำสกปรกอยู่เต็ยถ้วยน้ำก็ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ เมื่อได้เทน้ำเก่านั้นทิ้งไปแล้วเท่านั้น ถ้วยนั้นก็จะใช้ประโยชน์ไม่ได้ ท่านต้องทำจิตให้ว่างจากทิฐิ แล้วท่านจึงจะได้เรียนรู้การปฏิบัติ ของเรานั้นอยุ่เหนือความฉลาดหรือความโง่ ถ้าท่านคิดว่าแนเก่ง ฉันรวย ฉันเป็นคนใหญ่คนโตฉันเข้าใจพระพุทธศาสนาแจ่มแจ้งทั้งหมด เช่นนี้แล้ว ท่านจะไม่เห็นความจริงในเรื่องอนัตตาหรือความไม่ใช่ตัวตน ท่านจะมีแต่ตัวตน ตัวอันของฉันแต่พระพุทธศาสนาคือการละ ตัวตน เป็นความว่าง เป็นความไม่มีทุกข์ เป็นนิพพาน<br /><br />กิเลสเครื่องเศร้าหมองเป็นเพียงมายาหรือว่าของจริง<br /><br />๒๔. กิเลสเครื่องเศร้าหมอง เช่นความโลภหรือความโกรธ เป็นเพียงมายาหรือว่าเป็นของจริงครับ<br /><br />เป็นทั้งสองอย่าง กิเลสที่เราเรียกว่าราคะหรือความโลภ ความโกรธและความหลง นั้นเป็นเพียงแต่ชื่อ เป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นมา เช่นเดียวกับที่เราเรียกชามใหญ่ ชามเล็ก สวยหรืออะไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สภาพที่เป็นจริงแต่เป็นความคิดปรุงแต่งที่เราคิดปรุงขึ้นจากตัณหา ถ้าเราต้องการชามใหญ่ เราก็ว่าอันนี้เล็กไป ตัณหาทำให้เราแบ่งแยกความจริงก็คือ มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น ลองมามองแง่นี้บ้าง ท่านเป็นผู้ชายหรือเปล่า ถ้าตอบว่าเป็น นี่เป็นเพียงรูปร่างของสิ่งต่างๆ แท้จริงแล้วท่านเป็นส่วนประกอบของธาตุและขันธ์ ถ้าจิตเป็นอิสระแล้ว จิตจะไม่แบ่งแยก ไม่มีใหญ่ไม่มีเล็ก ไม่มีเขาไม่มีเรา ไม่มีอะไรจะเป็นอนัตตาหรือความไม่ใช่ตัวตน แท้จริงแล้วในบั้นปลาย ก็ไม่มีทั้งอัตตาและอนัตตา(เป็นแต่เพียงชื่อเรียก)<br /><br />๒๕. ขอความกรูณาท่านอาจารย์อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรรมด้วยครับ<br /><br />กรรมคือ การกระทำ กรรม คือ การยึดมั่นถือมั่นกาย วาจาและใจ ล้วนสร้างกรรมเมื่อมีการยึดมั่นถือมั่น เราทำการจนเกิดความเคยชินเป็นนิสัยซึ่งจะทำให้เราเป็นทุกข์ได้ในการข้างหน้า นี้เป็นผลของการยึดมั่นถือมั่น ของกิเลส เครื่องเศร้าหมองของเราที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต ความยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายจะทำให้เราสร้างกรรม สมมติว่าท่านเคยเป็นขโมยก่อนที่จะบวชเป็นพระ ท่านขโมยเขาทำให้เขาไม่เป็นสุข เมื่อท่านเป็นพระเวลาท่านนึกถึง เรื่องที่ท่านทำให้ผู้อื่นหมดสุขแล้ว ท่านก็ไม่สบายใจ จงจำไว้ว่า ทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม จะเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดผลในอนาคตได้ ถ้าท่านเคยนสร้างกรรมดี ไว้ในอดีต และวันนี้ก็ยังจำได้ ท่านก็เป็นสุข<br /><br />๒๖. บางครั้งดูเหมือนว่าตั้งแต่ผมบวชเป็นพระมานี้ผมประสบความยากลำบากและความทุกข์มากขึ้น<br /><br />ผมรู้ว่าพวกท่านบางคนมีภูมิหลังที่สะดวกสบายทางวัตถุมาก่อนและมีเสรีภาพ เมื่อเปรียบกันแล้ว ขณะนี้ท่านต้องเป็นผู้อยู่ อย่างสำรวมตนเอง และมักน้อยยิ่งนัก ซ้ำในการฝึกปฏิบัตินี้ ผมยังให้ท่านนั่งนานและคอยหลายชั่งโมง อาหารและดินฟ้าอากาศ ก็จะต่างกันไปกับบ้านเมืองของท่าน แต่ทุกคนต้องผ่านความทุกข์ยากกันบ้าง นี่คือความทุกข์ที่จะนำไปสู่ความดับทุกข์อย่างนี้แหละ ที่จะทำให้ท่านได้เรียนรู้ เมื่อท่านนึกโกรธ นึกสงสารตัวเอง นั่นแหละเป็น โอกาสเหมาะที่จะเข้าใจเรื่องของจิต พระพุทธเจ้าตรัสว่ากิเลสทั้งหลายเป็นครูของเรา ลูกศิษย์ทุกดคนก็เหมือนลูกของผมผมมีความเมตตาปราถนาดีต่อทุกคน ถ้าผมทำให้ทุกข์ยากก็เพื่อประโยชน์ของท่านเอง ผู้ที่มีการศึกษาน้อยมีความรู้ทางโลกน้อยจะฝึกปฏิบัติได้ง่าย<br /><br />๒๗. ผมเจริญสมาธิอภวานาจนจิตสงบผมควรทำอย่างไรต่อไป<br /><br />นี่ก็ดีแล้ว ทำจิตให้เป็นสมาธิ ใช้พิจารนาจิตและกาย ท่านจะรู้ถึงควาามสงบที่แท้จริง ถ้าท่านยึดติดอยู่กับภาวะจิตที่สงบ แล้วท่านจะเป็นทุกข์ เมื่อจิตไม่สงบฉะนั้นจึงปล่อยวางหมดทุกสิ่งแม้แต่ความสงบ<br /><br />๒๘. ผมได้ยินท่านอาจารย์พูดว่าท่านเป็นห่วงลูกศิษย์ที่พากเพียรมากใช่ไหมครับ<br /><br />ถูกแล้วผมเป็นห่วง ผมเป็นห่วงว่าเขาเอาจริงเอาจังจนเกินไป เขาพายายามจนเกินไปแต่ขาดปัญญา เขาเคี่ยวเข็ญตนเองไปสู่ความทุกข์โดยไม่จำเป็น อย่างนี้เป็นความพยายามมากเกินไปคนทั่วไปก็เช่นกัน พวกเขาไม่รู้ถึงสภาพเป็นจริงของสิ่งทั้งปวง สังขารทั้งปวง จิตและร่างกายล้วเป็นของไม่เที่ยง บางคนคิดว่าเขารู้ เขาวิพากษ์วิจารจับตามองและลงความเห็นเอาเอง อย่างงี้ก็ตามใจเขา ทิฐิของใครก็ปล่อยให้เป็นของคนนั้นถ้าเราคิดว่าคนอื่นด้อยกว่ากดรือดีกว่ากรือเสมอกันกับเราเราก็ตกทางโค้ง ถ้าเราแบ่งเขาแบ่งเราเราก็จะเป็นทุกข์<br /><br />๒๙. ผมได้เจริญสมาธิภาวนามาหลายปีแล้ว ใจผมเปิดกว้างและสงบระงับเกือบจะในทุกสภาพการ เวลานี้ผมอยากจะย้อนหลังและฝึกทำสมาธิชั้นสูงหรือฝึกฌานครับ<br /><br />จะทำอย่างนั้นก็ได้เป็นการฝึกจิตที่มีประโยชน์ ก็เหมือนกับอยากนั่งภาวนานานๆ ท่านจะไม่ยึดติดอยู่ในสมาธิจิต แต่จริงๆ แล้วการฝึกนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่วงท่าอิริยาบถต่างๆ แต่นี่เป็นการมองตรงเข้าไปในจิต นี่คือปัญญาเมื่อท่านพิจารณาในเรื่องของจิต แล้วท่านก็จะเกิดปัญญารู้ถึงของเขตของสมาธิ เมื่อท่านได้ฝึกปฏิบัติ และเข้าใจจริง เรื่องการไม่ยึดมั่นถือมั่น จะช่วยท่านในการสอนผู้อื่น หรือท่านจะหวนกลับไปฝึกฌานก็ได้ ถ้าท่านมีปัญญารู้แล้วที่จะไม่ยึดถือในสิ่งใด<br /><br />๓๐. ขอความกรุณาท่านอาจารย์ทบทวนใจความสำคัญของการสนทนานี้ด้วยครับ<br /><br />ท่านต้องสำรวจตัวเองรู้ว่าท่านเป็นใครรู้ทันกายและจิตใจของท่าน จงรู้ความพอดีพอเหมาะสำหรับตัวท่าน ใช้ปัญญาในการฝึกปฏิบัติจงมีสติรู้ว่าอะไรเป็นอยู่ท่านจะมองเห็นทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ และความดับไปแห่งทุกข์ แต่ท่านต้องมีความอดทน และต้องทนได้ ท่านจะค่อยๆ ได้เรียนรู้ อย่าปฏิบัติเคร่งเครียดจนเกินไป อย่ายึดติดอยู่กับรูปแบบภายนอก จงเป็นปกติตามธรรมชาติ พระวินัยของพระสงฆ์และกฎระเบียบของวัดสำคัญมาก ทำให้เกิดบรรยากาศที่เรียบง่ายและประสานกลมกลืน แต่จำไว้ว่า ความสำคัญของพระวินัยของพระสงฆ์ คือการเฝ้าดูเจตตนาและสำรวมจิต ท่านต้องใช้ปัญญา อย่าแบ่งเขาแบ่งเรา ดังนั้นจงอดทนและฝึกให้มีคุณธรรมมีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ เป็นปกติตามธรรมชาติ เฝ้าดูจิต นี่แหละคือการปฏิบัติของเรา ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่เห็นแก่ตัว และความสงบสันติNitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-82237512168502062022012-03-14T13:11:00.001-07:002012-03-14T13:16:21.687-07:00ปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยหมักชีวภาพ วิธีทําปุ๋ยชีวภาพ การทำปุ๋ยชีวภาพ<a href="http://1.bp.blogspot.com/-RGcN9y38FNk/T2D8VA_-SFI/AAAAAAAAD34/QiUXz9s_oug/s1600/828_1.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 302px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-RGcN9y38FNk/T2D8VA_-SFI/AAAAAAAAD34/QiUXz9s_oug/s400/828_1.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5719848964736305234" /></a><br /><a href="http://3.bp.blogspot.com/-fLl0Po_a2LA/T2D8U0VxEhI/AAAAAAAAD3s/jx9ExxtBiZM/s1600/50110.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 290px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-fLl0Po_a2LA/T2D8U0VxEhI/AAAAAAAAD3s/jx9ExxtBiZM/s400/50110.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5719848961338053138" /></a><br />เศรษฐกิจพอเพียง > สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต4 <br />ปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยหมักชีวภาพ วิธีทําปุ๋ยชีวภาพ การทำปุ๋ยชีวภาพ<br />คุณรู้จักการใช้ EM แล้วหรือยัง<br /> <br />ปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยหมักชีวภาพ วิธีทําปุ๋ยชีวภาพ การทำปุ๋ยชีวภาพ จากการที่ คุณอภิชาติ ดิลกโสภณ ได้ “เก็บเอามาเล่า” นั้น ผู้ช่วยสำคัญที่ทำให้เกิดผลสำเร็จคือจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการ ตามแนวพระราชดำริ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนในภาคการผลิตและอุตสาหกรม ดังนั้น การรู้จักวิธีใช้ การปรับใช้ให้เข้าใจ ย่อมเกิดประโยชน์มหาศาล ขอเพียงมีความขยันหมั่นเพียร อดทนตั้งใจจริง ไม่พึ่งพาสารเคมี จะนำมา ซึ่งสภาพชีวิตที่ดี สังคมและประเทศชาติก็ย่อมดีขึ้นอย่างแน่นอน<br /> <br />ทุก วันนี้กระแสและความตื่นตัวในเรื่องของสุขภาพ ซึ่งมีความ สำคัญอย่างยิ่งกำลังมาแรง ทุกประเทศในโลกรวมทั้งประเทศไทย จึงหันมาใช้กรรมวิธีแบบเกษตรอินทรีย์หรือเกษตรธรรมชาติ กันแล้วอย่างกว้างขวางและแพร่หลาย เนื่องจากใช้สารเคมีมานาน ๆนับสิบ ๆ ปี ทำให้จุลินทรีย์ที่ช่วยย่อยสลายอินทรีย์วัตถุที่อยู่ในดินและบนดินตายไปหมด เราต้องช่วยกันคืนจุลินทรีย์กลับบ้าน ซึ่งจะทำให้ดินที่เป็นรากฐานของชีวิตกลับเป็น “ดินมีชีวิต” อีกครั้ง เพื่อผลิตพืชผลปลอดภัย เลี้ยงมนุษยชาติต่อไป<br /> <br /> การใช้เกษตรอินทรีย์ หรือเกษตรชีวภาพ หรือเกษตรธรรมชาติในเมืองไทย ขณะนี้มีอยู่หลายรูปแบบ หลายวิธี อาทิ การใช้ผักมาหมักกับกากน้ำตาล ได้น้ำสกัดชีวภาพ บางคนใช้สารเร่ง ซึ่งมีตั้งแต่ พด. 1 ถึง พด. 9 ของกรมพัฒนาที่ดินบางคนใช้ปุ๋ยสำเร็จรูปอัลจินัว ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บางคนใช้แค่มูลสัตว์เท่านั้น เป็นต้น ซึ่งแต่ละวิธีใช้เวลา ต้นทุน และกรรมวิธีแตกต่างกันไป<br /> <br /> ในที่นี้ขอแนะนำการใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อ เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งให้เกษตรกร และผู้สนใจนำไป ใช้เพราะราคาถูก ทำได้รวดเร็ว ประหยัดเวลา ปลอดภัย ฯลฯ ซึ่งจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ได้รับการพิสูจน์จากหลาย สถาบัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ว่าเป็นจุลินทรีย์ที่ใช้ได้ดี ไม่มีอันตรายกับคนหรือสัตว์ และเมื่อเรารู้จักการใช้จุลลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพดีพอจะสามารถนำไปใช้ใน ชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี<br /> <br />1. ปุ๋ยชีวภาพ อีเอ็ม (EM) คืออะไร<br /> EMย่อมาจาก Efective Microorganisms หมาย ถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง ศ.ดร.เทรูโอะ ฮิหงะ นักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญสาขาพืชสวน มหาวิทยาลัยริวกิว เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ได้ศึกษาแนวความคิดเรื่อง “ดินมีชีวิต” ของท่านโมกิจิ โอกะดะ (พ.ศ.2425-2498) บิดาเกษตรธรรมชาติของ โลก จากนั้น ดร.อิหงะ เริ่มค้นคว้าทดลองตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 และค้นพบ EM เมื่อ พ.ศ.2526 ท่านอุทิศทุ่มเททำการวิจัยผลปรากฏว่ากลุ่มจุลินทรีย์นี้ใช้ ได้ผลจริง หลังจากนั้นศาสนาจารย์วาคุกามิ ได้นำมาเผยแพร่ในประเทศไทย โดยท่านเป็นประธานมูลนิธิบำเพ็ญสาธารณ ประโยชน์ด้วยกิจกรรมทางศาสนา หรือ คิวเซ (คิวเซ แปลว่า ช่วยเหลือโลก) ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จากการค้นคว้าพบความจริงเกี่ยวกับจุลินทรีย์ว่ามี 3 กลุ่ม คือ<br /> 1. กลุ่มสร้างสรรค์ เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีคุณภาพ มีประมาณ 10% <br /> 2. กลุ่มทำลาย เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่เป็นโทษ ทำให้เกิดโรคมีประมาณ 10% <br /> 3. กลุ่มเป็นกลาง มีประมาณ 80%จุลินทรีย์กลุ่มนี้หากกลุ่มใดมีจำนวนมากกว่า กลุ่มนี้จะสนับสนุนหรือร่วมด้วย<br /> ดังนั้น การเพิ่มจุลินทรีย์เหล่านี้จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้มีจำนวนมากกว่า ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้กลับมีพลัง ขึ้นมาอีกหลังจากที่ถูกทำลายด้วยสารเคมีจนดินตายไป<br /> <br />ปุ๋ยชีวภาพ จุลินทรีย์มี 2 ประเภท<br /> 1. ประเภทต้องการอากาศ (Aerobic Gacteria )<br /> 2. ประเภทไม่ต้องการอากาศ (Anaerobic Bacteria)<br /> จุลินทรีย์ทั้ง 2 กลุ่มนี้ ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และสามารถอยู่ร่วมกันได้<br /> จากการค้นคว้าดังกล่าว ได้มีการนำเอาจุลินทรีย์ที่ได้รับการคัดและเลือกสรรอย่างดีจากธรรมชาติที่มี ประโยชน์ต่อพืช สัตย์ และสิ่งแวดล้อมารวมกัน 5 กลุ่ม (Families) 10 จีนัส (Genues) 80 ชนิด (Spicies) ได้แก่<br /> กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกเชื้อราที่มีเส้นใย (Filamentous fungi) ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งการย่อยสลาย สามารถทำงานได้ดีในสภาพที่มีออกซิเจน มีคุณสมบัติต้านทานความร้อนได้ดี ปกติใช้เป็นหัวเชื้อผลิตเหล้า ผลิตปุ๋ยหมัก ฯลฯ<br /> กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสังเคราะห์แสง (Photosynthetic microorganisms) ทำหน้าที่สังเคราะห์สารอินทรีย์ให้แก่ดิน เช่น ไนโตรเจน (N2) กรดอะมิโน (Amino acids) น้ำตาล (Sugar) วิตามิน (Vitamins) ฮอร์โมน (Hormones) และอื่นๆ เพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้แก่ดิน<br /> กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมัก (Aynogumic or Fermented microorganisms) ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นให้ดินต้านทานโรค (Diseases resistant) ฯลฯ เข้าสู่วงจรการย่อยสลายได้ดี ช่วยลดการพังทลายของดิน ป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืชบางชนิดของพืชและสัตว์สามารถบำบัดมลพิษในน้ำเสีย ที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษต่างๆ ได้<br /> กลุ่มที่ 4 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกตรึงไนโตรเจน (Nitrogen fixing microorganisms) มีทั้งพวกที่เป็นสาหร่าย (Algae) และพวกแบคทีเรีย (Bacteria) ทำหน้าที่ตรึงก๊าซไนโตรเจนจากอากาศเพื่อให้ดินผลิตสารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต เช่น โปรตีน (Protein) กรดอินทรีย์ (Organic acids) กระดไขมัน (Fatty acids) แป้ง (Starch or Carbohydrates) ฮอร์โมน (Hormones) วิตามิน (Vitamins) ฯลฯ<br /> กลุ่มที่ 5 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสร้างกรดแลคติก (Lactic acids) มีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นโทษ ส่วนใหญ่เป็น จุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศหายใน ทำหน้าที่เปลี่ยนสภาพดินเน่าเปื่อยหรือดินก่อโรคให้เป็นดินที่ต้านทานโรค ช่วยลดจำนวนจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคพืชที่มีจำนวนนับแสน หรือให้ หมดไป นอกจากนี้ยังช่วยย่อยสลายเปลือกเมล็ดพันธุ์พืช ช่วยให้ เมล็ดงอกได้ดีและแข็งแรงกว่าปกติอีกด้วย<br /> <br /> <br />ปุ๋ยชีวภาพ ลักษณะทั่วไปของEM<br /> EM เป็นจุลินทรีย์ กลุ่มสร้างสรรค์ เป็นกลุ่มที่มีประโยชน์ หรือ เรียกว่ากลุ่มธรรมะ ดังนั้น เวลาจะใช้ EM เป็นสิ่งมีชีวิต EM มีลักษณะดังนี้<br /> • ต้องการที่อยู่ ที่เหมาะสม ไม่ร้อนเกินไป หรือเย็น เกินไป อยู่ในอุณหภูมิปกติ<br /> • ต้องการอาหารจากธรรมชาติ เช่น น้ำตาล รำข้าว โปรตีน และสารประกอบอื่นๆ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต<br /> • เป็นจุลินทรีย์จากธรรมชาติ ไม่สามารถใช้ร่วมกับสารเคมีและยาฆ่า เชื้อต่างๆ ได้<br /> • เป็นตัวเอื้อประโยชน์แก่พืช สัตว์ และสิ่งมีชีวิต <br /> • EM จะทำงานในที่มืดได้ดี ดังนั้นควรใช้ช่วงเย็นของวัน <br /> • เป็นตัวทำลายความสกปรกทั้งหลาย <br />ปุ๋ยชีวภาพ การดูแลเก็บรักษา<br /> 1. หัวเชื้อ EM สามารถเก็บได้นานประมาณ 1 ปี โดยปิดฝาให้สนิท<br /> 2. อย่าทิ้ง EM ไว้กลางแดด และอย่าเก็บไว้ในตู้เย็น เก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิปกติ<br /> 3. ทุกครั้งที่แบ่งไปใช้ต้องรีบปิดฝาให้สนิท เพื่อไม่ให้เชื้อโรค หรือจุลินทรีย์ในอากาศที่เป็นโทษ เข้าไปหะปน<br /> 4. การนำ EM ไปขยายต่อ ควรใช้ภาชนะที่สะอาด และใช้ให้หมดในระยะเวลาที่เหมาะสม <br /> <br />ข้อสังเกตพิเศษ<br /> • หาก EM เปลี่ยนเป็นสีดำ มีกลิ่นเหม็นเน่า ถือว่า EM ตายไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อีก ให้นำ EM ที่เสียผสมน้ำรดกำจัดหญ้าวัชพืชที่ไม่ต้องการได้<br /> • กรณีเก็บไว้นานๆ จะมีฝ้าขาวเหนือผิวน้ำ แสดงว่า EM พักตัวเมื่อเขย่าภาชนะฝ้าสีขาวจะสลายตัว กลับไปอยู่ในน้ำเหมือนเดิมนำไปใช้ได้<br /> • เมื่อนำไปขยายเชื้อในน้ำและกากน้ำตาล จะมีกลิ่นหอมและเป็นฟอง ขาวๆ ภายใน 2-3 วัน ถ้าไม่มีฟองน้ำนิ่งสนิทแสดงว่าการหมักขยายเชื้อยังไม่ได้ผล<br /> <br />2. การประยุกต์ใช้จุลินทรีย์ชีวภาพ<br /> ปัจจุบัน EM ได้รับความนิยมขยายไปสู่ชาวโลก เนื่องจากเป็นจุลินทรีย์ที่ไม่มี พิษภัย มีแต่ประโยชน์ ถ้าสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องและมุ่ง เน้นการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำให้การขยายการใช้ EM ไปสู่เกษตรกรและองค์กรทั่วโลกแล้วกว่า 30 ประเทศ อาทิ International <br />Nature Farming Reserch Center Movement (INFRC) JAPAN, EM Research Organization (EMRO) JAPAN, International Federation of Agriculture Movement (IFOAM) GERMANY เป็นต้น และ California Certified Organics Farmers ประเทศสหรัฐอเมริกา ซี่เป็นสถาบันวิจัยเกษตรธรรมชาติได้ ให้คำรับรองเมื่อ ค.ศ.1993 ว่าเป็นวัสดุประเภทจุลินทรีย์ (Microbial Innoculant) ที่ปลอดภัยและได้ผลจริง 100%<br /> <br /> สำหรับในประเทศไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณะสุข ได้นำไปวิเคราะห์แล้วรับรองว่าจุลินทรีย์ EM ไม่เป็น อันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ จึงสามารถนำ EM ไปใช้ประโยชน์ได้หลายประการ ดังนี้<br /> 1. ใช้กับพืชทุกชนิด<br /> 2. ใช้กับการปศุสัตว์<br /> 3. ใช้กับการประมง<br /> 4. ใช้กับสิ่งแวดล้อม<br />วัตถุประสงค์หลักของการใช้จุลินทรีย์ชีวภาพ <br /> 1. ลดต้นทุนการผลิต<br /> 2. ผลผลิตปลอดสารพิษและสารเคมี รักษาสิ่งแวดล้อม<br /> 3. ผลผลิตสูงมีคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติดี<br /> 4. สุขภาพผู้ผลิต และผู้บริโภคแข็งแรงมีพลานามัยดี<br /> 5. ช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ และจิตใจของผู้ผลิตและผู้บริโภคพัฒนาคุณภาพชีวิต<br /> 6. เป็นวิธีง่ายๆ ใครก็ทำได้<br /> <br />3. จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ EM มีประโยชน์อย่างไร<br /> การใช้จุลินทรีย์สด หรือ EM สด หมายถึงการใช้จุลินทรีย์ (EM) จากโรงงานผลิต หรือ ผู้จำหน่ายที่ยังไม่ได้ทำการแปรสภาพ<br /> <br />วิธีใช้และประโยชน์ EM สด<br /> 1. ใช้จุลินทรีย์น้ำกับพืช<br /> • ผสมน้ำในอัตรา 1 : 1,000 (EM 1 ช้อนโต๊ะ กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 10 ลิตร) ใช้ ฉีด พ่นราด พืชต่างๆ ให้ทั่วจากดิน ลำต้น กิ่ง ใบ และนอกทรงพุ่ม<br /> • พืช ผัก ฉีด พ่น รด ราด ทุก 3 วัน <br /> • ไม้ดอก ไม้ประดับ เดือนละ 1 ครั้ง การใช้ จุลินทรีย์สดในดิน ควรมีอินทรียวัตถุปกคลุมด้วย เช่น ฟางแห้ง ใบไม้แห้ง ฯลฯ เพื่อรักษาความชื้นและเป็นอาหารของจุลินทรีย์ต่อไป<br /> 2. ใช้ในการทำ EM ขยายจุลินทรีย์น้ำ จุลินทรีย์แห้งและอื่น<br /> • (ดูรายละเอียดในการทำ ) <br /> 3. ใช้กับสัตว์ (ไม่ต้องผสมกากน้ำตาล)<br /> • ผสม EM 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 200 ลิตร ให้สัตว์กินทำให้แข็งแรง <br /> • ผสม EM 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 10 ลิตร ใช้พ่นคอกให้สะอาด กำจัดกลิ่น<br /> • หากสัตว์เป็นโรคทางเดินอาหารให้กิน EM สด 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับอาหารให้สัตว์กิน ฯลฯ<br /> 4. ใช้กับสิ่งแวดล้อม<br /> • ใส่ห้องน้ำ – ห้องส้วม ใส่โถส้วมทุกวัน วันละ 1 ช้อนโต๊ะ (หรือสัปดาห์ละ ½ แก้ว) ช่วยให้เกิดการย่อยสลาย ไม่มีกาก ทำให้ส้วมไม่เต็ม<br /> • กำจัดกลิ่น ด้วยการผสมน้ำและกากน้ำตาล ในอัตรา ส่วน 1:1:1,000 (EM 1 ช้อนโต๊ะ : กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 1 ลิตร ) ฉีด พ่น ทุก 3 วัน <br /> • บำบัดน้ำเสีย 1:10,000 หรือ EM 2 ช้อนโต๊ะ :น้ำ 200 ลิตร <br /> • ใช้กำจัดเศษอาหารหรือทำปุ๋ยน้ำจากเศษอาหาร<br /> (ดูรายละเอียดในการทำ) <br /> • แก้ไขท่ออุดตัน EM 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ 5-7 วัน / ครั้ง <br /> • ฉีดพ่นปรับอากาศในครัวเรือน <br /> • กำจัดกลิ่นในแหล่งน้ำ <br /> - ใช้ ฉีด พ่น หรือ ราดลงไปในแหล่งน้ำ 1 ลิตร : 10 ลบ.ม.<br /> - กลิ่นจากของแห้ง แข็ง มีความชื้นต่ำ แล้วแต่สภาพความแห้ง หรือ ความเหม็น โดยผสมน้ำ 1 : 100 หรือ 200 หรือ 500 ส่วน<br /> - ขยะแห้งประเภทกระดาษ ใบตอง เศษอาหารใช้ฉีดพ่น อัตรา EM ขยาย 1 ส่วนผสมน้ำ 500 ส่วน หรือ EM ขยาย 1 ลิตร : น้ำ 500 ลิตร<br /> <br />ปุ๋ยชีวภาพ วิธีใช้และประโยชน์ EM ขยาย<br />1. ใช้กับพืชเหมือน EM สด<br />2. ใช้กับสัตว์<br /> • ผสมน้ำ 1 : 100 ฉีดพ่นคอก กำจัดแมลงรบกวน <br /> • ผสมน้ำ 1 : 1,000 ล้างคอก กำจัดกลิ่น <br /> • ผสมน้ำ ในอัตรา : 1 : 500 หรือ 2 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 10 ลิตร เพื่อหมักหญ้าแห้ง ฟางแห้ง เป็นอาหารสัตว์<br />3. ใช้ทำจุลินทรีย์น้ำ จุลินทรีย์แห้ง เหมือนใช้ EM สด<br /> • (ดูรายละเอียดในการทำ) <br />4. ใช้กับสิ่งแวดล้อม เหมือนใช้ EM สด<br /> <br />ประโยชน์ของจุลินทรีย์แห้ง<br />1. ใช้กับพืช<br /> • รองก้นหลุม ร่วมกับอินทรียวัตถุ เช่น ฟางแห้ง ใบไม้แห้ง <br /> • คลุมดิน คือ โรยผิวดิน บนแปลงผัก หรือใต้ทรงพุ่มของต้นไม้<br /> • ใส่ถุงแช่น้ำอัตรา 1 กก. : น้ำ 200 ลิตร หมักไว้ 12-24 ชั่วโมง นำไป <br /> รดพืช ผัก<br />2. ใช้กับการประมง<br /> • เพื่อสร้างอาหารในน้ำก่อนปล่อยสัตว์ลงน้ำ <br /> • เพื่อบำบัดน้ำเสียในบ่อเลี้ยง <br /> • ผสมอาหารสัตว์<br />3. ใช้กับปศุสัตว์<br /> • ผสมอาหารให้สัตว์กิน <br />4. ใช้กับสิ่งแวดล้อม<br /> • เพื่อบำบัดกลิ่นร่วมกับEM ขยาย <br /> • เพื่อบำบัดน้ำเสียร่วมกับ EM ขยาย <br /> • ใช้ในการหมักเศษอาหาร ทำจุลินทรีย์น้ำ <br /> • ใช้ในขยะเปียกอื่นๆ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่อไป <br /> <br />4. วิธีการผลิต EM ขยาย ปุ๋ยชีวภาพ ฮอร์โมน และสารไล่แมลงศัตรูพืช<br /> 4.1 EM ขยาย<br /> คือการทำให้ได้จุลินทรีย์ที่แข็งแรง มีประสิทธิภาพเพิ่มจำนวนมากโดยการ ใช้อาหารประเภทกากน้ำตาลหรืออื่นๆ ที่ใช้แทนกันได้<br />ส่วนผสม 1. EM 2 ช้อนโต๊ะ<br /> 2. กากน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ<br /> 3. น้ำสะอาด 1 ลิตร <br />วิธีทำ • ใส่น้ำสะอาดในภาชนะที่เป็นขวดพลาสติกมีฝาเกลียว ตามส่วน (ไม่ควรใช้ภาชนะที่เป็นแก้วเพราะเมื่อจุลินทรีย์เพิ่มจำนวนจะเกิดแก๊สทำให้ แตกได้)<br /> • ใส่ EM ผสมกากน้ำตาลลงในน้ำที่เตรียมไว้ปิดฝาให้มิดชิด <br /> • เขย่าให้ละลายเข้ากัน หมักไว้อย่างน้อย 3 – 5 วัน<br />วิธีใช้ • นำไปใช้ได้เหมือน EM สด (ยกเว้น การให้สัตว์กิน การฉีดพ่น เพื่อปรับอากาศ ไม่ต้องใส่กากน้ำตาล) และควรใช้ให้หมดภายใน 3 เดือน<br /> • เมื่อครบ 3 วันขึ้นไปนำไปขยายโดยใช้ส่วนผสมข้างต้นได้อีก<br />วัสดุที่ใช้แทนกากน้ำตาล ( 1 ช้อนโต๊ะ )<br /> - น้ำ อ้อย น้ำตาลสด น้ำมะพร้าว น้ำชาวข้าว น้ำผลไม้ที่คั้น สดๆ อาทิ น้ำส้ม น้ำสับปะรด ฯลฯ ไม่ <br /> ใส่สารกันบูด หรือน้ำตาลทรายแดงผสมน้ำข้นๆ อย่างใดอย่างหนึ่งแทนกากน้ำตาล ปริมาณ ¼ แก้ว<br /> - นมข้นหวาน นมเปรี้ยว น้ำอ้อยเคี่ยว น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ<br /> - น้ำปัสสาวะ ½ แก้ว<br /> <br /> 4.2 จุลินทรีย์น้ำ (ใช้ทันที)<br />ส่วนผสม 1. EM 1 ช้อนโต๊ะหรือ 1 ส่วน<br /> 2. กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ หรือ 1 ส่วน<br /> 3. น้ำสะอาด 10 ลิตร หรือ 1,000 ส่วน<br /> วิธีทำ <br /> • นำ EM และกากน้ำตาลผสมในน้ำให้เข้ากัน <br /> • ในกรณีมีพื้นที่ต้องใช้ปุ๋ยน้ำมากให้เพิ่มตามสัดส่วน <br /> วิธีใช้ <br /> • ใช้ฉีด พ่น รด ราด พืช ผัก ไม้ดอก ไม้ประดับ สัปดาห์ละครั้ง ใบและดอกจะดกบานทน <br /> • ไม้ยืนต้น เช่น มะม่วง ชมพู่ เงาะ ทุเรียน ฯลฯ ฉีดพ่น รด ราด เดือนละครั้ง รสชาติดี ผล โต<br /> • วันอื่นๆ ให้รดน้ำพืชปกติ <br /> • ควรใช้ช่วงเย็นแสงแดดอ่อนจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น <br /> • ควรใช้ให้หมดภายใน 1 วัน <br />ปุ๋ยชีวภาพ การทำปุ๋ยหมัก หรือ จุลินทรีย์แห้ง (โบกาฉิ)<br /> การทำจุลินทรีย์แห้ง หมายถึง การนำเอา EM มาหมักกับอินทรียวัตถุ เป็นการขยายจำนวนจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ให้มีจำนวนมากขึ้น แข็งแรงขึ้น และพักตัวอยู่ในอินทรีย วัตถุ เพื่อนำไปใช้ปรับปรุงสภาพดินให้ดินร่วนซุย มีธาตุอาหารที่ สำคัญเหมาะแก่การเพาะปลูก นอกจากนี้ยังใช้กับการเลี้ยงสัตว์ได้ด้วย<br />ส่วนผสม 1. มูลสัตว์ต่างๆ เช่น ไก่ สุกร เป็ด ค้างคาว วัว ฯลฯ นำมาผึ่งให้แห้ง 1 ส่วน หรือ 1 <br /> กระสอบ<br /> 2. แกลบดิบ หรือ ฟางแห้ง หรือ หญ้าแห้ง หรือ ใบไม้แห้ หรือ ผักตบชวาแห้ง หรือ ขี้เลื่อย 1 ส่วน <br /> หรือ 1 กระสอบ<br /> 3. รำละเอียด หรือ มันสำปะหลังป่น หรือ คายข้าว 1 ส่วน หรือ 1 กระสอบ<br /> 4. EM + กากน้ำตาล อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 10 ลิตร หรือ 1 ถัง คนให้เข้ากัน<br />วิธีทำ • คลุกรำละเอียด กับมูลสัตว์แห้งที่บดหรือย่อยให้เล็กเข้าด้วยกัน <br /> • นำแกลบดิบ หรือวัสดุ ที่ใช้แทนตัดสั้นๆ จุ่มลงในถังน้ำที่ผสม EM + กากน้ำตาล ไว้ ช้อนเอามา<br /> คลุกกับรำ และมูลสัตว์ที่ผสมไว้แล้ว คลุกส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน<br /> • ความชื้นให้ได้ 40-50% ดูได้จากการทำส่วนผสมเมื่อบีบเป็นก้อนจะไม่มีน้ำไหลออกจากง่ามนิ้ว <br /> และแตกเมื่อคลายมือออกหรือเมื่อทิ้งลงพื้น แสดงว่าใช้ได้<br /> • นำส่วนผสมไปใส่กระสอบ ถุงปุ๋ย หรือถุงอาหารสัตว์ ที่ อากาศถ่ายเทได้ ¾ ของกระสอบ ไม่<br /> ต้องกดให้แน่น มัดปากกระสอบไว้พลิกกระสอบแต่ละด้านทุกวัน วันที่ 2-3 จับกระสอบดูจะร้อน <br /> อุณหภูมิประมาณ 50 องศา – 60 องศา วันที่ 4-5 จะค่อยๆ เย็นลง จนอุณหภูมิปกติ เปิดกระสอบดู <br /> จะได้จุลินทรีย์แห้งร่วนนำไปใช้ได้<br /> • หากไม่มีกระสอบ หรือทำปริมาณมาก เมื่อผสมกันดีแล้ว ให้นำไปกองบนกระสอบป่าน หรือฟาง<br /> แห้งที่ใช้รองพื้นหนาประมาณ 1 ฟุต แล้วคลุมด้วยกระสอบ หรือ สแลน กลับวันละ 1-2 ครั้ง ให้<br /> อากาศถ่ายเททั่วถึงประมาณ 5-7 วัน ดูให้อุณหภูมิปกติจุลินทรีย์แห้งร่วนดี เก็บใส่ถุงไว้ใช้Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-13646010956135551542012-01-23T05:30:00.000-08:002012-01-23T05:31:42.463-08:00ลิ้มรสสิ่งที่อยู่ในใจ : เรื่องเล่าจาก พระอาจารย์ปสันโนภิกขุ<a href="http://2.bp.blogspot.com/-mNrMcdBdZ0U/Tx1hMZadgEI/AAAAAAAADtw/0j8IYaScN8E/s1600/390955_294515443927703_100001077504990_812666_35922244_n.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 266px; height: 400px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-mNrMcdBdZ0U/Tx1hMZadgEI/AAAAAAAADtw/0j8IYaScN8E/s400/390955_294515443927703_100001077504990_812666_35922244_n.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5700819568929112130" /></a><br />ลิ้มรสสิ่งที่อยู่ในใจ : เรื่องเล่าจาก พระอาจารย์ปสันโนภิกขุ<br /><br />"มรณานุสติ" ของนักโทษประหารคนไทยในสหรัฐฯ<br /><br />ลิ้มรสสิ่งที่อยู่ในใจ เป็นหนังสือสนทนาธรรมของ ท่านปสันโนภิกขุ<br /><br />เล่าเรื่องที่ ท่านปสันโน ได้ไปสนธนาธรรมกับนักโทษที่รอการประหาร ซึ่งได้ถูกเลื่อนการประหารมาแล้วครั้งหนึ่ง ในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา<br /><br />นักโทษเป็นคนไทยแต่ท่านปสันโนเป็นฝรั่งที่บวชในศาสนาพุทธ จากการที่เลื่อนหมายกำหนดการประหารทำให้ผู้คุมและทนายความเห็นใจ<br /><br />นักโทษที่ชื่อ เจ เพราะก่อนหมายกำหนดการประหาร มีผู้สอนศาสนาคริสเตียนเข้ามาสนทนาธรรม แต่ทางเจ ซึ่งเคยบวชเรียนในเมืองไทยก็ทำใจไม่ได้ และอยากจะได้ผู้นำทางศาสนาพุทธ มานำทางก่อนจะถูกประหาร<br /><br />และการสนทนาธรรมของทั้งคู่ก็สามารถให้เราเรียนรู้ศาสนาพุทธในเรื่องการ "ตายก่อนตาย" ด้วยเรื่องเล่าที่ลึกซึ้ง ได้ลิ้มรสธรรมะด้วยภาษาง่ายๆ<br /><br />คำอนุโมทนา<br /><br />ในการเกิดมาและมีชีวิต เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเราหมู่มนุษย์ จะมีความหวั่นไหว หวาดกลัวต่อความตาย หาได้ยากนักที่ใครสักคนจะเดินเข้าไปสู่ความตายด้วยจิตใจที่ตั้งมั่น เหตุการณ์ในชีวิตของบุรุษผู้หนึ่ง ได้เปลี่ยนหายนะให้เป็นโอกาสเข้าสู่ทางที่มั่นคง จนเห็นว่าน่าจะเป็นตัวอย่างแก่คนอื่นๆได้ หนังสือเล่มนี้เกิดจากความสนใจของหลายๆคน ที่ได้ยินอาตมาเล่าถึงประสบการณ์เกี่ยวกับคนไทยชื่อ จาตุรันต์ ศิริพงษ์ (เจ) ที่ถูกตัดสินประหารชีวิตในเรือนจำ ซาน เควนติน เมื่อ พ.ศ. 2542 ถึงแม้ว่าเขาต้องใช้เวลา 16 ปีสุดท้ายของชีวิตอยู่ในเรือนจำก็จริง แต่เขาก็สามารถพลิกตัวเองให้เป็นคนที่มีที่พึ่งที่แท้จริงได้ ขออนุโมทนากับทุกๆคน ที่มีส่วนร่วมในการจัดพิมพ์เล่มนี้ ขอให้ธรรมะจงนำพาแสงสว่าง ให้เกิดมีขึ้นในดวงตาแห่งปัญญาของทุกท่านทุกคน<br /><br />ปสนฺโน ภิกขุ<br /><br />----------------------<br /><br />(บทเกริ่นนำ) ลิ้มรสสิ่งที่อยู่ในใจ<br /><br />จาตุรันต์ (เจ) ศิริพงษ์ ถูกจับที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2526 ด้วยข้อหาปล้นร้านการ์เด็น โกรฟ มาร์เก็ต (Garden Grove Market) และฆ่าเจ้าของร้าน และผู้ช่วย เจย์รับสารภาพว่าร่วมในการปล้น แต่ไม่ได้ฆ่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาไม่ยอมซัดทอดผู้อื่น ศาลจึงพิพากษาและตัดสินประหารชีวิตเมื่อ 16 ปีที่แล้ว ได้มีการอุทธรณ์ แต่ในที่สุดก็กำหนดประหารในวันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2542<br /><br /><br />ก่อนถึงวันประหาร 6 วน เคนดัล โก๊ะ (Kendall Goh) เพื่อนซึ่งเป็นทนายความของเจย์ ได้ติดต่อขอความอนุเคราะห์ไปยังวัดป่าอภัยคีรี เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อให้เจย์มีโอกาสได้พบชาวพุทธที่สามารถจะเป็นที่พึ่งทางใจแก่เขาได้ สองวันต่อมา ท่านอาจารย์ปสนฺโน เจ้าอาวาสร่วมของวัดป่าอภัยคีรี ก็ได้เข้าเยี่ยมและอบรมกรรมฐานแก่เจย์ในเรือนจำซาน เควนติน (San Quentin Prison) นับว่าเป็นสามวันสุดท้ายที่พิเศษสุดในชีวิตของเจย์ ก่อนที่จะถูกประหารด้วยการฉีดยาพิษในวันที่ 9กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542<br /><br />เมื่อครั้งยังอยู่ในบ้านเกิดเมืองนอน ช่วงหนึ่งที่ได้บวชเรียนตามประเพณีไทย เจได้ฝึกสมาธิภาวนาด้วย เมื่อถูกคุมขังรอการประหารในอเมริกา เขาได้รื้อฟื้นประสบการณ์นั้นขึ้นมา ปฏิบัติอีกอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ หลายคนเล่าว่า เจเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการพัฒนาจิตระหว่างปฏิบัติอยู่ในเรือนจำ ผู้คุมและเพื่อนนักโทษได้เห็ฯว่า เจใช้ชีวิตในเรือนจำซาน เควนติน อย่างสงบ หลายคนสนับสนุนการขอลดหย่อนผ่อนโทษประหารให้เจย์ และบางคนก็แสดงออกอย่างเปิดเผย รวมทั้งแดเนียล บี.วาสเควช (Daniel B. Vasquez) อดีตผู้คุมของซาน เควนติน ด้วย<br /><br />เรื่องราวเกี่ยวกับเจย์ต่อไปนี้ เป็นการถอดความและเรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ที่แคธรีน กูตา ( Kathryn Guta) และเดนนิส ครีน (Dennis Crean) ได้สัมภาษณ์ท่านอาจารย์ปสนฺโน เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2542 และจากการบรรยายธรรมในหัวข้อ "เล่าเรื่องเจ" ที่แสดง ณ วัดป่านานาชาติ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2542<br /><br />--------------------<br /><br />ท่านอาจารย์ได้รับนิมนต์เข้าไปเป็นที่พึ่งทางใจให้เจได้อย่างไรครับ<br /><br />ครั้งแรกที่เจจะถูกประหาร เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๑ นั้น ผู้ที่ทำหน้าที่นี้ เป็นผู้นำทางศาสนาคริสต์ ซึ่งเป็นสุภาพสตรีที่ได้เคยช่วยเหลือนักโทษประหารอื่นๆ ในเรือนจำ ซาน เควนติน มาแล้วหลายคน เจก็รู้จักกับท่านมาหลายปี และสนิทสนมกับท่าน แต่เมื่อถึงคราวของตัวเอง เจพบว่า แทนที่จะช่วยให้เจสงบ กลับทำให้เขารู้สึกวิตกกังวลยิ่งขึ้น เจเองรู้อยู่ว่าควรจะเตรียมตายอย่างไรในเดือนพฤศจิกายนนั้น แต่ก็ไม่เป็นไปตามแผน ในนาทีสุดท้าย ศาลได้ตัดสินเลื่อนการประหารออกไปอีกสามเดือน ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของเจอย่างยิ่ง เขาอยากตายอย่างสงบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เจเองรู้ตัวว่าจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจอย่างไร พอมาถึงครั้งที่สอง เจจึงตัดสินใจที่จะเผชิญกับความตายตามลำพัง เพื่อให้เวลาตัวเองได้ทำจิตสงบในช่วงสุดท้าย คุณเคนดัล โก๊ะ เป็นห่วงว่าเจจะขาดที่พึ่งทางใจ จึงรับอาสาจะหาที่ปรึกษาใหม่ที่เป็นชาวพุทธให้ แต่การขอเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ไม่ใช่ง่าย มีอุปสรรคมากมายหลายด้าน ทั้งในและนอกเรือนจำ เจจึงต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เพราะสิ่งที่เขาต้องการที่สุดในเวลานั้น คือการอยู่อย่างสงบ อย่างไรก็ตามเมื่อเจได้ติดต่อกับอาตมาทางโทรศัพท์ อาตมาก็ถามว่า “จิตใจเป็นยังไง พร้อมหรือเปล่า”เขาก็ตอบว่า “พร้อมครับ ผมเตรียมตัวมาตั้งนานแล้ว ยอมรับว่าจะถูกประหาร ไม่รู้สึกกลัว ไม่หวั่นไหว แต่ยังมีข้อสงสัยบางอย่างที่อยากจะขอศึกษาจากท่านอาจารย์”เจบอกว่าไม่เสียดายหากจะถูกประหาร เพราะการอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น บีบบังคับให้เขาแสวงหาสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดต่อชีวิต เขาไม่แน่ใจว่าถ้าหากอยู่ธรรมดาๆ จะมีความเข้าใจขนาดนี้หรือไม่<br /><br /><br />เจเล่าให้ฟังว่า หลังจากถูกตัดสินประหารแล้ว ๖-๗ ปี เขาอยู่ในเรือนจำ ก็เกิดความรู้สึกว่า เขาจะต้องรีบตัดสินใจว่า จะอยู่อย่างคนที่ผูกโกรธ มีความอาฆาตเศร้าหมอง มีอกุศลธรรมทั้งหลายครอบงำจิตใจ หรือเขาจะพัฒนาจิต ให้เป็นจิตใจที่ดี จิตใจที่มีธรรมะ จิตใจที่สงบ ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานเท่าไร ไม่รู้ว่าจะถูกเรียกไปประหารเมื่อไร เขาเลยเกิดความตั้งใจว่า อย่างไรเสียจะต้องพยายามละสิ่งที่ทำให้จิตใจเศร้าหมอง และพยายามพัฒนาส่วนที่ดีในจิตใจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สำหรับเวลาที่ยังเหลืออยู่ แล้วเขาก็ได้พยายาม ได้หาหนังสือทั้งภาษาไทย ละภาษาอังกฤษมาศึกษาพุทธศาสนา เลยเป็นโอกาสให้ได้ฝึกภาษาอังกฤษด้วย เพราะในคุกไม่มีคนพูดภาษาไทย ตัวเขาเองตอนติดคุกภาษาอังกฤษก็ยังไม่ดี เนื่องจากไปอมริกาได้ไม่กี่เดือนก็เกิดคดี และตอนนั้นญาติพี่น้องในอเมริกาก็ไม่มีสักคน เขาเลยฝึกภาษาอังกฤษจนกระทั่งเขียนอธิบายปรัชญาในศาสนาพุทธได้อย่างละเอียด เขียนกลอนก็ได้ เป็นคนมีศิลปะในชีวิต แล้วก็ฝึกวาดรูปในเรือนจำจนเก่ง มีความสามารถในงานศิลปะ และเป็นคนที่ตั้งใจนำสันติสุขให้เกิดขึ้น ในที่ซึ่งเป็นที่รวมของผีของเปรตอย่างในคุก เพราะนักโทษส่วนใหญ่ก็แย่มากๆ เจ้าหน้าที่ก็พอๆ กัน เลยต้องทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับ วันแรกที่อาตมาไปเรือนจำ ทนายความก็ไปรับ อาตมาถาว่าเจเป็นยังไง ทนายก็บอกว่า เจน่ะเขาสบายแต่พวกเราซีแย่<br /><br />ท่านอาจารย์รู้สึกอย่างไรที่ได้ช่วยเป็นที่พึ่งทางใจ แก่นักโทษประหาร<br /><br />ตอนแรกอาตมาก็รู้สึกยินดี แต่พอมาคิดได้ว่า เอ... นี่เรากำลังจะเข้าไปแดนนรกนะ อาตมาก็ชักรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจขึ้นมานิดหน่อย ระบบรักษาความปลอดภัยของเรือนจำก็เข้มงวดกวดขันมาก กว่าจะผ่านเข้าไปถึงต้องผ่านประตูเหล็กหลายต่อหลายชั้น ผ่านเครื่องตรวจหาอาวุธสองครั้ง แล้วก็ยังมีผู้คุมมาตรวจอีกหลายคณะ ตรวจแล้วก็ประทับตราที่มือของอาตมา แล้วก็ต้องไปผ่านประตูเหล็ก และผู้คุมอีก หลายชั้นหลายขั้นตอนทีเดียว แต่มีสัญญาณบางอย่างที่แสดงให้เห็นความแตกต่าง อาตมาได้ยินผู้คุมทักทายเด็กบางคนอย่างสนิทสนมเหมือนรู้จักกันดี เขาให้เวลาเยี่ยมตอนเช้าถึงบ่ายสองโมง หลังจากนั้นแล้วแขกต้องกลับหมด เมื่ออาตมาเห็นเจ เขาไม่เหมือนคนใกล้ตายคนอื่นๆ ที่อาตมาเคยพบ เจยังหนุ่ม แข็งแรง และดูมีสุขภาพจิตดี เขาเป็นคนฉลาดหลักแหลม ประณีต ไม่น่าสงสัยเลยว่า เขาได้ใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายอย่างมีคุณค่า แม้จะถูกล่ามโซ่ที่เอว เจก็ยังดูภาคภูมิเป็นตัวของตัวเอง มารยาทงาม และต้อนรับผู้มาเยือนอย่างอบอุ่น ทุกอย่างดูเป็นปกติ ไม่มีอะไรส่อเค้าเลยว่า เที่ยงคืนของวันมะรืนผู้ชายคนนี้จะถูกประหาร เขาจะต้องตาย<br /><br />ท่านอาจารย์ได้พูดกับเจเกี่ยวกับทางเลือกที่ผิดของเขาบ้างหรือเปล่าครับ เกี่ยวกับอาชญากรรมของเขา<br /><br />เปล่า อาตมาไม่ได้เอ่ยถึงอดีตของเจเลย เราไม่มีเวลาพอด้วย อาตมามุ่งไปที่การช่วยให้เขามีสุขภาพจิตที่ดี พอที่จะเผชิญกับความตายได้อย่างสงบมากกว่า เพราะอาตมาไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเจในฐานะที่เขาฆ่าคนตาย แต่ในฐานะคนที่กำลังเผชิญกับความตาย<br /><br />บรรยากาศในวันนั้นเครียดไหมครับ<br /><br />ไม่นะ ไม่เครียด ไม่ซึมเศร้า ค่อนข้างผ่อนคลายทีเดียว บางครั้งเราก็ถกกันเรื่องที่สุขุมลุ่มลึกเกี่ยวกับธรรมชาติของจิต แต่บางทีเราก็มีเรื่องเบาๆ ให้ได้หัวเราะกันบ้าง เจทำหน้าที่เจ้าของบ้านได้อย่างวิเศษ โดยเฉพาะในวันแรก แม้ในสภาพอย่างนั้น เขาก็ยังได้จัดการต้อนรับพระด้วยความเคารพ และกำชับเพื่อน ๆ ให้ปฏิบัติต่อพระอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม เจเตรียมอาหารไว้ถวายด้วย และบอกว่ารู้สึกเป็นสุขที่ได้มีโอกาสถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุ เป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปี นอกจากนี้ยังคอยสนับสนุนให้เพื่อนๆ ได้ซักถามข้อสงสัย ซึ่งอาตมาก็เทศน์ให้ฟังเกี่ยวกับความเชื่อในศาสนาพุทธ การเข้าถึงธรรมะโดยการเปรียบเทียบกับบัวสี่เหล่า นอกจากนี้ก็ได้อธิบายความหมายของคำว่า “ไตรสรณาคมน์” คือการถือเอาพระพุทธเป็นที่พึ่งในฐานะผู้รู้แจ้ง พระธรรมในฐานะที่เป็นสัจธรรม และพระสงฆ์ในฐานะพระสุปฏิปันโน ดูเจรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นผู้ให้โอกาสแก่เพื่อนๆ ได้ศึกษาพระพุทธศาสนา อย่างไรก็ตาม อาตมาได้กำชับเจให้พยายามประคับประคองจิตของตัวเอง ไม่ให้หวั่นไหวไปกับความว้าวุ่นของคนรอบข้าง เพราะวันประหารใกล้เข้ามาแล้ว เจเองก็คอยหลีกความฟุ้งซ่าน ที่เกิดจากความพยายามช่วยเหลือของคนรอบข้าง เขาตระหนักดีว่า จะต้องรับผิดชอบต่อความตั้งมั่นของตนเอง เจจึงให้เวลากับเพื่อน ๆ อย่างเต็มที่ตลอดชั่วโมงเยี่ยม แต่นอกนั้นแล้ว เขาทำสมาธิวันละหลายชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนประมาณสองหรือสามนาฬิกา นอกจากไตรยาพี่สาวของเจแล้ว ยังมีหมู่เพื่อนที่ประทบใจในตัวเจมาเยี่ยมมากมาย โดยเฉพาะเมื่อใกล้วันประหาร หลายคนเป็นทนายความ หลายคนเป็นชาวคริสต์ บางคนก็เลื่อมใสในปฏิปทาของเจ และยึดถือเป็นแบบอย่างในการพัฒนาจิต ต่างคนต่างมีจุดมุ่งหมาย และเจซึ่งมีนิสัยโอบอ้อมอารีอยู่แล้ว ก็พยายามสนองตอบทุกคนอย่างเช่นทนายความที่ติดต่อกับอาตมา ก็เพิ่งจะเริ่มศึกษาธรรมะและหัดนั่งสมาธิ กำลังอยู่ในระหว่างแสวงหาครูบาอาจารย์ ก็ได้อาศัยเจเป็นผู้แนะนำเช่นเดียวกัน<br /><br />ส่วนหนึ่งที่แสดงว่าเจได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจก็คือ ปกติเมื่อรับแขกในห้องอย่างนั้นจะต้องมีเจ้าหน้าที่สี่คน ยืนเฝ้าอยู่ทุกมุมตลอดเวลา ตัวนักโทษเองนั่งเก้าอี้พิเศษ มีโซ่ล่ามที่เอว และมีโซ่จากเอวมาที่แขนทำให้ยกแขนได้ไม่มาก แล้วก็ต้องมีโซ่ล่ามติดเก้าอี้ด้วย แต่วันนั้นเป็นกรณีพิเศษ ไม่มีโซ่ล่ามเก้าอี้ เจ้าหน้าที่ก็มีคนเดียวยืนฟังเทศน์ด้วย บรรยากาศร่าเริงพอสมควรไม่เครียด<br /><br />ช่วงสุดท้ายที่ท่านอาจารย์ได้อยู่กับเจ บรรยากาศเป็นอย่างไรบ้างครับ<br /><br />ในวันแรก หลังจากบ่ายสองโมงแล้ว อาตมามีโอกาสได้พบโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นชาวคริสต์ซึ่งเคยเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ประหารมาแล้ว ๖-๗ ครั้ง ในฐานะผู้นำทางศาสนา ได้คุยกันอยู่นาน เขาเล่าให้ฟังว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง หลังจากหกโมงไปแล้วจนถึงเวลาประหาร เมื่อเรารู้ตัวล่วงหน้าจะได้ไม่ตกใจ ไม่เสียสมาธิเขาบอกว่า จะมีพวกเจ้าหน้าที่หกคนควบคุมเราตลอดเวลา พวกนี้เป็นทีมเพชฌฆาต ซึ่งสมัครใจมาทำหน้าที่นี้ด้วยตัวเอง คงตื่นเต้น และมีความสุขในการประหาร เขาบอกว่า พวกนี้อาจจะรังแกเราด้วยวิธีการต่างๆ อาจเบียดเบียนทั้งกายและวาจา พูดจาหยาบคาย เขาจะมาพาเราไปตั้งแต่หกโมง และเวลาประหารเป็นหกทุ่ม ซึ่งเหลือเวลาน้อยเต็มที เราควรจะได้อยู่กับนักโทษให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เขาก็จะทำให้เราเสียเวลาในระหว่างพาไป โดยทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องยืดยาว ระหว่างอยู่ในห้องรอประหาร เขาก็จะคุยกันเสียงดัง บางทีก็เปิดโทรทัศน์รบกวน ไม่เป็นมิตรกับนักโทษเลย ในวันที่กำหนดจะประหารเจครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนนั้น เจได้รับอนุญาตให้ถือลูกประคำเข้าในห้องประหารได้ แต่ก่อนที่จะส่งถึงมือเจ ผู้คุมก็โยนลงบนพื้น แล้วก็เหยียบเสียทีหนึ่งเมื่ออาตมาได้ข้อมูลมาอย่างนี้ ก็มาคิดวางแผนว่าจะทำอย่างไรดี หากเจอเหตุการณ์อย่างที่เขาเล่า<br /><br /><br />วันสุดท้ายคืนวันจันทร์ เยี่ยมได้เฉพาะทนายความ ญาติ และผู้นำทางศาสนาซึ่งทำหน้าที่เป็นที่พึ่งทางใจให้แก่นักโทษ วันนั้นอาตมาอยู่ตลอดวัน ก่อนเวลาประหารหกชั่วโมง นักโทษจะต้องลาครอบครัวและเพื่อนๆ ไปสู่ห้องขังพิเศษ ซึ่งอยู่ติดกับห้องประหาร เฉพาะผู้นำทางศาสนาเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ติดตามไป เมื่อเขามาคุมตัวเราจากห้องรับแขกไปยังห้องรอประหาร อาตมาก็เริ่มต้นทักทายหัวหน้าผู้คุม ถามทุกข์สุข ถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ คุยไปเรื่อย เขาก็ตรวจร่างกาย ตรวจเสื้อผ้า ต้องเอาผ้าออกหมดทุกชิ้น ไม่ให้มีอะไรซ่อนไว้ได้เลย แต่เขาก็อำนวยความสะดวก ไม่ให้เสียเวลามาก ส่วนเจก็มีผู้คุมมาพาไปอีกทางหนึ่ง แล้วเขาก็พาไปขังไว้คนละห้อง ห้องที่ขังเจยาวไปอีกทางหนึ่ง ส่วนห้องที่ขังอาตมาก็ยาวไปอีกทางหนึ่ง แต่ก็มีมุมหนึ่งที่เราคุยกันได้พอเราเข้าไปในห้องขังแล้ว หัวหน้าผู้คุมก็มาอบรมเรา ว่าจะต้องอยู่ในระเบียบอย่างไร โยมผู้หญิงที่เป็นผู้นำทางศาสนาคนนั้น ได้เตือนไว้แล้วว่า ถ้าเจอหัวหน้าผู้คุมตัวสูง มีเครา ลักษณะอย่างนี้ๆ ให้ระวัง เพราะนั่นน่ะตัวร้าย ดุ อย่าทำให้เขารังเกียจ อาตมาก็เจอจริง ๆ เพราะฉะนั้น เวลาเขาพูดอะไร เราก็...ครับ ครับ เขาอบรมอะไร ก็...ครับ ครับ อาตมาได้ตกลงกับเจไว้แล้วว่า พอถึงเวลาที่สมควร ก็ให้เจขอพระไตรสรณาคมน์ ขอรับศีลเป็นภาษาบาลี เป็นเบื้องต้น ก็เป็นช่องที่จะได้อบรมเขาว่า สรณะที่พึ่งคืออะไร พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คืออะไร ศีลคืออะไร แล้วก็เทศน์สั้นๆ กัณฑ์หนึ่ง อบรมให้ความรู้เจ ไม่ใช่เพื่อเจคนเดียว แต่เพื่อผู้คุมด้วย เมื่อเจขอไตรสรณาคมน์ ขอศีลเสร็จแล้ว ก็ให้อาราธนาพระปริตร แต่เจหลง เขาขึ้น ..พรหม จะ โลกา คืออาราธนาเทศน์ เราเลได้โอกาสแสดงธรรมต่อ เพื่อเป็นการดึงจิตใจเจ้าหน้าที่ไปในตัว แล้วเจก็อาราธนาพระปริต สวดมงคลชยคาถา บางบทที่มีคำแปลเป็นภาษาอังกฤษ เราก็สวดเป็นภาษาอังกฤษด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าใจว่าเราสวดอะไร พอสวดเสร็จ หัวหน้าผู้คุมที่ว่าดุนั่น ก็เข้ามามาพูดอย่างเอ็นดูว่า “ช่วงที่ท่านสวดมนต์อยู่ ทนายของเจโทรศัพท์มาสองครั้ง ผมไม่ได้บอก เพราะอยากให้ท่านสวดให้เสร็จ ตอนนี้จะผมโทร.กลับให้ไหมครับ” อาตมาก็เลยให้เบอร์โทรศัพท์เขาไป เพราะทนายก็อยู่อีกอาคารหนึ่งในเรือนจำ สักประเดี๋ยวก็มาถามอีก“ท่านสวดมนต์นาน คงจะคอแห้ง ต้องการน้ำไหมครับ หรือจะเอาน้ำส้ม”อาตมาบอกว่า “ไม่เอาดีกว่า เพราะมีคนอธิบายให้ฟังว่า ถ้าจะเข้าห้องน้ำต้องมีคนพาไป แล้วห้องน้ำก็อยู่ไกลด้วย ขากลับก็ต้องถูกเจ้าหน้าที่ตรวจ เปลือยกายอีก ยุ่งยาก ไม่เอาดีกว่า” เขาก็บอกว่า“ที่จริงห้องน้ำใกล้ ๆ ก็มี จะให้ใช้ก็ได้” อาตมาก็เลยเอาน้ำส้ม<br /><br /><br />ตลอดคืนเขาก็อยู่ แต่ไม่ได้รังแก หรือรบกวนอะไรเลย ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งทำเสียงดัง ก็มีเจ้าหน้าที่ตักเตือนกันเอง เวลาสั่งงาน เขาก็เขียนใส่กระดาษ ส่งกันต่อ ๆ เพื่อจะได้ไม่มี่เสียงรบกวนเรา คืนนั้นอาตมากับเจ ก็เลยมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันเต็มที่ เราก็นั่งสมาธิ สนทนาธรรม และสวดมนต์โดยเฉพาะการแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล<br /><br />ตลอดเวลานับตั้งแต่อาตมาได้พบเจ จนกระทั่งถึงวันประหารเป็นเวลาสามวันนี้ อาตมาก็ได้ตอบข้อสงสัย ข้อข้องใจของเจ โดนเฉพาะเรื่องอนัตตา เรื่องขันธ์ ๕ และการปล่อยวาง ว่าจะทำอย่างไร การสังเกตในตัวเองว่า ละได้จริง ๆ อย่างไร เรื่องทำสมาธิเขาเก่ง สมาธิดี เพราะเขาฝึกอยู่ในเรือนจำนาน เวลากลางคืนที่คนอื่นนอน เขาก็นั่งสมาธิ กลางวันตื่นสาย เพราะตอนกลางวันในเรือนจำมีเสียงรบกวนมากสำหรับในคืนสุดท้าย อาตมาก็ได้ไขข้อข้องใจต่าง ๆ บางอย่าง และฝึกเขาในการทำจิตให้มั่นคง พร้อมที่จะรับความตายโดยไม่หวั่นไหว ฝึกให้เขาเปลี่ยนกรรมฐาน คือปกติเขาทำสมาธิโดยวิธีอาณาปานสติ กำหนดลมหายใจ แต่เมื่อยาที่ใช้ในการประหารออกฤทธิ์ ทำให้หัวใจหยุด ลมหายใจก็หยุด ถ้าเอาลมหายใจเป็นอารมณ์ และลมหายใจหยุดชะงักขณะเขากำลังกำหนดอยู่ การตั้งสติก็จะไม่มั่นคงเท่าที่ควร แล้วเจเคยฝึกสมาธิมา ตอนก่อนบวชที่เมืองไทย เมื่อมานั่งสมาธิที่วัด เขาได้เห็นนิมิตแสงสว่างครั้งหนึ่ง แต่เมื่อเขาพยายามนั่งจะให้เห็นอีกก็ไม่สำเร็จ แต่เมื่อเจบอกว่า สามสัปดาห์ก่อนเขาได้เห็นแสงสว่างอีก ก็ทำให้อาตมาใจชื้นขึ้นเป็นอันมาก และเนื่องจากเจเป็นจิตรกร อาตมาก็เลยได้ความคิดว่า เขาน่าจะกำหนดภาพแสงสว่างเป็นอารมณ์กรรมฐาน อาตมาเลยให้เขาใช้นิมิตแสงสว่างแทน ซึ่งเขาก็ทำได้ ตอนแรกอาตมาก็แนะนำท่านั่ง คืนนั้นก็แนะนำน้อยลง ให้เขาทำเองมากขึ้น ช่วงสุดท้ายเขาบอกว่า จิตเป็นสมาธิได้เร็ว อาตมาพยายามอธิบายการตั้งจิต เมื่อลมหายใจหมด จิตกำลังจะดับ ทั้งหมดนี้ก็เป็นส่วนที่เจ้าหน้าที่ต้องนั่งฟังอยู่ด้วย เพราะหนีไปไหนไม่ได้ เขาเลยพลอยได้ความรู้มากเหมือนกัน<br /><br />ตลอดคืนเราก็ได้ยินเสียงเตรียมการในห้องประหารซึ่งอยู่ติดๆ กัน ผู้ว่าการเรือนจำ และจิตแพทย์ก็ต้องเข้ามาตรวจ เพราะถ้าเจบ้า เสียสติ เขาก็ประหารไม่ได้ และเขาก็ต้องตรวจอาตมา ถ้ามียาพิษให้เจกินตายไปก่อน เขาจะเสียดาย<br /><br />ในคืนนั้นท่านอาจารย์เทศน์เรื่องอะไรครับ<br /><br />อาตมาเล่าประวัติพระพุทธเจ้า หลังจากตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณใหม่ๆ ไม่ทรงปรารถนาจะโปรดสัตว์ เพราะทรงเห็นว่า ธรรมที่ทรงตรัสรู้เป็นของลึกซึ้ง ยากที่คนจะเข้าใจปฏิบัติตามได้ จากนั้นก็พูดถึงโมหะกิเลส ซึ่งเป็นธรรมดาของสัตว์โลก และธรรมะเพื่อการหลุดพ้น แล้วก็พูดถึงอริยสัจ ๔ และอธิบายความหมายของการปล่อยวาง ซึ่งไม่ใช่การปล่อยทิ้ง คือเจจะต้องตั้งสติจดจ่ออยู่กับการกำหนดรู้อยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าอารมณ์อะไรจะเกิดขึ้น ก็เพียงแต่กำหนดรู้ แล้วก็ปล่อยวาง อย่าปล่อยจิตให้เลื่อนไหลไปกับอารมณ์ เพราะนั่นหมายถึงการเกิด แล้วก็ทุกข์เราได้พูดถึงการปล่อยวาง ในความหมายที่เชื่อมโยงถึงการ “การให้อภัย” และ “อนัตตา”ถ้าเราไม่ให้อภัย คือเรายังยึดทุกข์ไว้ เราก็จะสร้างตัวตนขึ้นบนความทุกข์เรื่อยไป ไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเกิดมีตัวตนขึ้นเมื่อไร ทุกข์ก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น มันเกี่ยวพันกันอยู่อย่างนี้ แล้วอาตมาได้ถามเจว่า “ยังมีใครอีกบ้างไหมที่เจยังไม่ได้ให้อภัย”เจนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตอบค่อยๆ ว่า “ผมยังไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้หมดใจครับ” คำตอบของเจกินใจอาตมาจนทำให้เกิดความรู้สึกตื้นตัน เจยังฝังใจจำที่ตัวเองได้พลาดพลั้งไปในอดีต อาตมาจึงได้ชี้แจงให้เห็นธรรมชาติของการเกิดดับ เจจะต้องทำความเข้าใจ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต มันได้ดับไปแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน ก็เป็นคนละคนกับคนในอดีต เจจะต้องปล่อยวางเหตุการณ์ในอดีต รวมทั้งคนที่เคยประกอบกรรมในอดีตนั้นเสียด้วย น่าสังเกตว่า บรรดาผู้คุมก็สนใจฟังเทศน์ของอาตมาเหมือนกัน และตลอดคืนนั้นพวกเขาก็ดูให้ความเคารพ และเกรงใจเราทั้งคู่มากขึ้น<br /><br />เจมีอาการอย่างไรบ้างครับ เมื่อวันใกล้การประหาร<br /><br />ตอนหนึ่งเขาถามอาตมาว่า “ถ้าผมไม่ใช่รูป ไม่ใช่เวทนา ไม่ใช่จิต แล้วอะไรล่ะครับที่จะหลุดพ้น” อาตมาตอบว่า “นี่ก็ไม่ใช่อะไรอื่น เป็นเพียงคำถามที่เกิดจากความสงสัยเท่านั้นเอง เมื่อได้ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียกว่าอะไร”และอีกครั้งหนึ่ง เจบอกอาตมาว่า“ตอนนี้ผมมีคนสองคนอยู่ในใจผม คือท่านอาจารย์กับตัวผมเอง”อาตมาตอบว่า “เจต้องปล่อยวางอาตมาเสีย เพราะอาตมาจะไม่เข้าไปข้างในกับเจ และก็ต้องปล่อยวางตัวเองด้วย” แล้วเราก็หัวเราะกันจริงๆ แล้ว อาตมาได้พยายามช่วยเจในการเตรียมตัวเผชิญกับสิ่งต่างๆ ซึ่งอาจรบกวนความสงบของเขามากกว่า “พวกเขาจะมัดเจติดกับเตียง” อาตมาเตือน “และคงทำอะไรวุ่นวายหลายอย่างรอบตัวเจ เพราะฉะนั้นเจต้องกำหนดจิตจดจ่ออยู่ภายในเท่านั้น อย่าส่งจิตออกข้างนอก”<br /><br />ตลอดคืนนั้นเราก็นั่งสมาธิบ้าง สวดมนต์บ้าง และสนทนาธรรมบ้าง เพราะฉะนั้น เจจึงสงบมาก และสามารถกำหนดจิตแน่วแน่กับอารมณ์กรรมฐาน ท้ายที่สุดเราได้จัดเวลาประกอบพิธีสวดมนต์ อุทิศส่วนกุศล และแผ่เมตตาแก่ทุกๆ คน รวมทั้งผู้คุม หลังจากรู้แน่ชัดว่าการอุทธรณ์ครั้งสุดท้ายคงไม่ได้ผล เจก็ขอร้องอาตมาให้แผ่เมตตาแก่คณะทนายความที่ร่วมในการทำคดีของเขาด้วย แม้ในวาระสุดท้ายของชีวิต เจก็ยังอุตส่าห์มีน้ำใจเผื่อแผ่ถึงผู้อื่น<br /><br />เกือบหกทุ่ม เขาก็มาบอกว่า จะพาเจไปแล้ว พอเขาเรียก เจก็ลุกเดินออกไป ...เฉย ไม่หวั่นไหว ไม่ตกใจกลัว ตอนเดินผ่านห้องของอาตมา ก็ยกมือไหว้บอกว่า “ผมลาครับ”แล้วก็เข้าไปในห้องประหาร ตอนนั้นอาตมาก็ยังถูกขังอยู่ ก็ได้ยินเสียงการเตรียม รัดเจไว้กับเก้าอี้ ซึ่งอาตมาก็ได้เคยอธิบายให้เจฟัง และได้กำชับแล้ว ว่าอย่าได้ใส่ใจกับสิ่งอื่น ให้สนใจในการทำจิตให้สงบที่สุด หนักแน่นที่สุด สบายที่สุด พิจารณาการปล่อยวาง<br /><br /><br />หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็มาพาอาตมาออกไปนอกเรือนจำ ซึ่งต้องออกทางด้านหลัง เพราะด้านหน้ามีการประท้วง คนมาร่วมด้วย ๓๐๐ – ๔๐๐ คน ฝนตกหนักที่สุด ลมก็แรง เหมือนกับเทวดาไม่พอใจเลย หลายคนก็ไม่พอใจการประหาร เพราะได้ข่าวว่านักโทษเจสามารถปรับตัวได้ เป็นคนสงบ มีหลักการในการดำเนินชีวิตน่านับถือ คนเลยออกมาประท้วง ซึ่งที่จริง ทุกครั้งที่จะมีการประหาร ก็มีคนออกมาต่อต้าน ไม่เห็นด้วย เพราะรู้สึกว่าป่าเถื่อน ไม่สมควรกับประเทศที่เจริญ แต่ครั้งนี้มีคนออกมาประท้วงมากกว่าครั้งก่อนๆ และอากาศก็แย่กว่าทุกครั้ง ตอนเช้าดูหนังสือพิมพ์ เขารายงานข่าวว่า เจนอนนิ่งหลับตา รอรับการประารอย่างสงบ อาตมาก็รู้สึกภูมิใจ เพราะเชื่อว่าเจกำลังกำหนดจิต<br /><br />มีพิธีศพไหมคะ<br /><br />มีพิธีเผาศพอย่างเงียบๆ ในวันรุ่งขึ้น อาตมาได้ไปพบไตรยา พี่สาวของเจ ที่นั่นด้วย เขาเอาศพใส่ในกล่องกระดาษ ก่อนหน้านั้นไตรยาขอดูศพ แต่ไม่ได้รับอนุญาต อาตมาไม่ทราบเรื่องนี้ เลยไปขอให้ผู้อำนวยการเผาศพ เปิดฝากล่อง เธอลังเลอยู่นิดหน่อย แต่แล้วก็ยอมทำตาม ปรากฏว่าศพอยู่ในถุงพลาสติก “น่าจะมีซิปเปิดนะ” อาตมาบอก เธอมองหา และบอกว่าซิปอยู่ทางปลายเท้า แต่ก็ลังเลก่อนที่จะบอกว่า เจอาจไม่ได้ใส่เสื้อผ้า อาตมาบอกว่าน่าจะใช้กรรไกรตัดได้ เพราะเป็นเพียงถุงพลาสติก เธอก็เลยเปิดถุงตรงช่วงไหล่และศีรษะ ........<br /><br />ศพของเจ เปรียบได้กับครูกรรมฐาน ซึ่งให้พลังบันดาลใจอย่างมาก ใบหน้าของเขาดูสงบผ่องใส และคล้ายมีรอยยิ้มจางๆ น่าเชื่อว่าเจได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ หลังจากประมวลเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นดูแล้ว อาตมามั่นใจว่า เจไปดี<br /><br />ท่านอาจารย์รู้สึกอย่างไรบ้างครับ หลังการประหาร อาตมารู้สึกเป็นบุญที่ได้อยู่กับเจ มันเป็นประสบการณ์ที่ช่วยลดอัตตาของเราลงได้มากทีเดียว อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเป็นพวกเรา เจอสภาพอย่างเดียวกันนี้บ้าง เราจะเป็นอย่างไร กับการที่จะได้สัมผัสความตายที่เป็นรูปธรรมจริงๆ โดยที่รู้เวลาแน่นอนด้วย ไม่ใช่แค่ว่าจะตายในวันใดวันหนึ่งในอนาคต แต่รู่แน่ว่า ๒๔.๐๑ นาฬิกาของวันนั้น เราจะต้องตาย ( ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒) ก่อนหน้านี้เจไม่ได้กังวล หรือหวังผลจากขบวนการยุติธรรม เขาไม่ได้ตั้งความหวังว่า การอุทธรณ์จะได้ผล และเมื่อผลปรากฏออกมาว่าไม่สำเร็จจริงๆ เขาก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องสลักสำคัญอะไร เจบอกอาตมาว่า “ผมยอมรับความจริงว่าผมจะต้องถูกประหาร”<br /><br /><br /><br />หลังจากวันประหาร อาตมาก็ต้องพบทนายอีกสองคน และโยมผู้หญิงซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาคนนั้น เขาอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ เพราะกฎหมายระบุว่า เฉพาะผู้นำทางศาสนาเท่านั้นที่จะเข้าไปกับนักโทษได้ แต่ตลอดเวลา ๖ – ๗ ปี ที่ผ่านมา เรื่องมันยังอยู่ระหว่างการต่อรองทางกฎหมายที่จะให้นักโทษเลือกที่พึ่งทางใจได้เอง แต่ถึงตอนนั้นก็ยังไม่เป็นสิทธ์ตามกฎหมายที่แท้จริง เมื่ออาตมาเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้เขาฟัง เขาก็แปลกใจ ว่าราบรื่นจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าจะดีอย่างนั้น เขาก็อนุโมทนา หลังจากการประหารผ่านมามาสองสามเดือน อาตมาก็ได้ข่าวจากคนที่มาวัด ซึ่งมีเพื่อนเป็นนักจิตวิทยาผู้ทำหน้าที่ช่วยเจ้าหน้าที่อยู่ในเรือนจำ ว่าหลังจากประหารเจแล้ว เจ้าหน้าที่หลายคนรู้สึกสะเทือนใจ ลำบาก และอึดอัดใจในการกลับไปปฏิบัติหน้าที่อีก ก็ดีที่ทำให้เขาสำนึกได้<br /><br />ตอนอาตมาเข้าไปก็ไม่ได้ถามเจเกี่ยวกับคดี ว่าเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะมุ่งแต่ให้เขาทำหน้าที่ของเขา คือทำจิตใจให้มั่นคง หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว อาตมากลับมาศึกษาคดี ศึกษากรณีต่างๆ แล้ว ก็รู้สึกว่า เจไม่ได้เป็นคนผิด แต่ตลอดเวลาที่อยู่ในคุก เขาไม่บอกว่าที่จริงคนฆ่าคือใคร นอกจากยอมรับเคราะห์แทน เมื่อเจขึ้นศาลตอนแรกนั้น เงินทุนที่จะต่อสู้คดีก็ไม่มี ภาษาอังกฤษก็ยังไม่ดี ทนายที่ศาลแต่งตั้งให้เจ ก็กำลังหาเสียงเลือกตั้ง เลยไม่สนใจคดี ไม่หาพยานให้เจด้วย ศาลก็ตัดสินอย่างรวดเร็ว ในฐานะที่เป็นคนไทย เมื่อถูกจับเข้าคุก ตามกฎหมายระหว่างประเทศ สถานทูตไทยควรมีส่วนช่วยเหลือ แต่เขาก็ไม่ได้แจ้งเรื่องให้สถานทูตทราบเลย จนกระทั่งหลังตัดสินประหารไปแล้ว ถึงแม้มีการอุทธรณ์ แต่ตามกฎหมาย ศาลก็จะพิจารณาเฉพาะข้อมูลที่มีในตอนตัดสินครั้งแรกเท่านั้น จะเอาข้อมูลใหม่เข้าไปไม่ได้ เจก็เลยเสร็จ ไม่มีประตูสู้ ฟังแล้วบางทีก็หดหู่นะ สลดใจ แต่เจเองเขาก็พูดอยู่เสมอว่า ไม่สมควรหดหู่ ไม่สมควรเศร้าใจ เราต้องเชื่อในหลักกรรม ถ้าไม่เป็นกรรมในชาตินี้ ก็ต้องเป็นกรรมในชาติก่อนตามมา ทางที่ดีคือยอมรับด้วยจิตใจผ่องใส ถ้าเราไปมีทุกข์ ทำใจไม่ดี เราก็ต้องเกิดมาพัวพันกับกรรมเก่านี้อีก ตอนนี้มีโอกาสที่จะทำให้มันหมดสิ้นไป เขาพูดได้อย่างนี้นะ ...<br /><br />เจเป็นศิลปินมีฝีมืออย่างที่เขาว่าหรือเปล่าคะ<br /><br />จริง อาตมาได้เห็นผลงานศิลปะที่เจรวบรวมไว้ เขาเป็นคนมีพรสวรรค์จริงๆ และเชี่ยวชาญในศิลปะหลายแขนง ผลงานส่วนใหญ่ ๖๐๐ ชิ้น เจได้แจกจ่ายแก่เพื่อนๆ และคนคุ้นเคยไปแล้ว เจอาศัยศิลปะเป็นสื่อในการแสดงออก เขามักใช้ภาพผีเสื้อเป็นสัญลักษณ์แทนพัฒนาการของตนเอง เจเล่าว่า มีอยู่ขณะหนึ่งเขาปลงตก คิดว่า อย่างไรเสีย ตัวเองก็คงจะต้องตายในคุกเป็นแน่แท้ เวลาก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว จะผูกโกรธอาฆาตตัวเอง และผู้อื่นอยู่อีกทำไม แปดปีสุดท้ายของชีวิต เป็นช่วงที่การปฏิบัติของเจ เริ่มปรากฏผลเป็นความเปลี่ยนแปลงในบุคลิกภาพของเขาอย่างชัดเจน เจได้รู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ และได้เรียนรู้ว่า หากรู้จักปฏิบัติอย่างถูกวิธี การติดคุกก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสียทีเดียว เจยอมรับว่า ถ้าไม่ได้เผชิญความยากลำบากและความทุกข์แสนสาหัสอย่างที่ได้รับ ระหว่างต้องโทษในเรือนจำ เขาคงไม่อาจพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ถึงระดับนี้ เจรู้จักใช้ปัญญาในการใคร่ครวญพิจารณา ว่าอะไรเป็นเหตุแห่งความสว่างสงบของจิต ยิ่งใกล้วันประหาร เขาก็ยิ่งตระหนักชัด และให้ความเอาใจใส่ ระมัดระวังสิ่งที่จะขัดขวางความสงบ และความก้าวหน้าของจิต ระยะหลังเขาจึงมุ่งไปเอาจริงอาจังกับการฝึกจิต โดยใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญความเป็นจริงยิ่งขึ้น ประวัติและปฏิปทา <br />พระอาจารย์ปสันโน ภิกขุ <br /><br />วัดป่าอภัยคีรี <br />มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา <br /><br />๏ นามเดิม <br />รีด แพรี่ (Reed perry)<br /><br />๏ เกิด <br />เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ ประเทศแคนาดา<br /><br />๏ การศึกษา <br />ปริญญาตรี สาขาประวัติศาสตร์<br /><br />๏ การอุปสมบท <br />พระอาจารย์มีความสนใจในพระพุทธศาสนาตั้งแต่ครั้งเป็นนักศึกษา เมื่อจบการศึกษาแล้ว ท่านได้เดินทางไปหาประสบการณ์ชีวิตในหลายประเทศ จนกระทั่งปี ๒๕๑๖ ท่านได้เดินทางมายังประเทศไทย และเกิดความสนใจในการทำสNitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-50178191045720266222012-01-22T03:15:00.000-08:002012-01-22T03:16:51.974-08:00เรื่องน่ารู้คู่ วันตรุษจีน<a href="http://1.bp.blogspot.com/-j9lDA_8ftnI/TxvwHlJh1YI/AAAAAAAADtM/FJSfBlfWU7g/s1600/46805419.gif"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 221px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-j9lDA_8ftnI/TxvwHlJh1YI/AAAAAAAADtM/FJSfBlfWU7g/s400/46805419.gif" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5700413766389323138" /></a><br />เรื่องน่ารู้คู่ วันตรุษจีน<br /><br />เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม<br /><br /><br /> สำหรับตรุษจีนปีมังกรนี้ เราลองมาดูกันสิว่าอะไรที่เราควรทำและไม่ควรทำกันบ้าง เพื่อต้อนรับช่วงเทศกาลตรุษจีน<br /><br /> ดอกไม้ไฟ โคมลอย และคำโคลงประโยคคู่สีแดง เกี่ยวอะไรกับวันตรุษจีน <br /><br /> ในคืนก่อนวันตรุษจีน ชาวจีนจะนั่งดูทีวี กินอาหาร พูดคุยหยอกล้อกันภายในครอบครัว โดยมีตำนานเก่าแก่เล่ากันว่า สมัยก่อนมีปิศาจตนหนึ่งชื่อว่า "เหนียน" (หรือคำว่า "ปี" ในภาษาไทย) อาศัยอยู่บนภูเขาออกอาละวาด จับมนุษย์ วัว และควายเป็นอาหาร ผู้คนจึงพยายามหาวิธีกำจัดเจ้าปิศาจจึงพบว่า เจ้าปิศาจตนนี้กลัว ไฟ เสียงปัง และกลัวสีแดง พวกมนุษย์จึงพากันจุดประทัดหรือติดโคมไฟหน้าบ้าน เพื่อขับไล่ให้ปิศาจออกไป และถึงแม้ว่าปัจจุบันจะไม่มีใครเชื่อเรื่องปิศาจกันแล้วก็ตาม ตำนานและเรื่องเล่าเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ ชาวจีนยังคงแขวนโคมสีแดงไว้หน้าบ้าน นั่งดูโทรทัศน์กับครอบครัวเพื่อต้อนรับวันใหม่พร้อมกัน<br /><br /> โดยปกติแล้วชาวจีนจะไม่จุดพลุหรือดอกไม้ไฟกันตอนกลางคืน เพราะจะเป็นการรบกวนผู้อื่น แต่จะจุดประทัดกันในช่วงกลางวันแทน เพราะไม่ถือเป็นการรบกวนผู้อื่นมากนัก <br /><br /> อาหารในวันตรุษจีน<br /><br /> ทางตอนเหนือของประเทศจีนนั้น นิยมจัดติ่มซำเป็นอาหารขึ้นโต๊ะสำหรับมื้อเย็น เพราะชาวจีนเชื่อว่าการกินติ่มซำในวันสิ้นปีนั้นจะนำพาโชคดีมาให้ อาหารที่มีชื่อว่า "หยวนเบา (yuan bao)" เป็นอาหารที่มีลักษณะคล้ายเรือสีทอง และมีรูปทรงเดียวกับเงินที่ใช้กันแต่โบราณ ซึ่งการทำอาหารชนิดนี้อาจดัดแปลงโดยการยัดใส่ด้วยผัก เนื้อสัตว์ ปลาและกุ้ง หรือบางครอบครัวอาจดัดแปลงโดยการใส่ถั่วเพื่มลงไปเป็นใส้ หรือใส่เหรียญลงไปสัก 1 เหรียญในใส้เพื่อคอยดูว่าใครจะได้เป็นผู้โชคดีที่สุดของปี <br /><br /> ส่วนทางตอนใต้ของประเทศจีนนั้น ผู้คนชอบทานข้าวกันมากกว่าข้าวสาลี หลายครอบครัวจะทานเค้กที่ทำจากข้าวเหนียวเป็นอาหารส่งท้ายปี ขนมเค้กที่ว่านั้น ชาวจีนเรียกกันว่า "เหนียน เกาว(ดีวัน ดีคืน)" ซึ่งเป็นดั่งสัญลักษณ์ของปีที่รุ่งเรือง นอกจากนั้น ต้นกระเทียม และปลา ยังเป็นอาหารที่ขาดไม่ได้เช่นกัน<br /><br /> การห่อเงินด้วยสีแดง <br /><br /> ช่วงเทศกาลตรุษจีนถือเป็นวันที่โปรดปรานของเด็ก ๆ ทุกคน เพราะว่าเป็นวันที่จะได้รับอั่งเปาสีแดงจากคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่าและจากญาติคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นหลักร้อยหรือหลักพันก็ได้ อาจให้โดยกับมือหรือวางไว้ให้ข้างหมอนตอนเด็ก ๆ หลับก็ได้<br /><br /> ห้ามตัดผม <br /><br /> คนจีนหลาย ๆ คนที่เชื่อเรื่องโชคลาภมักจะไม่ตัดผมกันในช่วงเทศกาลตรุษจีน เพราะเชื่อว่าจะทำให้พี่ชายแม่เสียชีวิตลงได้ ดั่งเรื่องเล่าที่ว่า ช่างตัดผมคนหนึ่งอยากหาของขวัญให้คุณลุงของเขา แต่เพราะยากจนไม่มีเงินซื้อของขวัญอันแสนมีค่ามาให้ได้ เขาจึงตัดผมให้ลุงเป็นของขวัญแทน หลังจากที่ ลุงของเขาเสียชีวิตลง หลานชายของเขาร้องไห้เพราะคิดถึงทุกปี จนเป็นตำนานความเหมือนกันในความหมายของคำว่า "คิดถึงลุงของเขา (si jiu)" และคำว่า "การตายของลุง" ซึ่งในภาษาจีน สองคำนี้อ่านออกเสียงอย่างเดียวกัน<br /><br /> เหล่านี้คือเรื่องเล่าขาน ตำนานแห่งวันตรุษจีน ส่วนโชคดีจะอยู่หรือไปนั้น อยู่ที่การกระทำของเราในวันนี้และพรุ่งนี้เช่นกัน ส่วนธรรมเนียมปฏิบัติและคุณค่าของวัฒนธรรมนั้นคงคุณค่าไว้เพื่อดำรงไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษากันต่อไปNitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-27200861035023614042012-01-21T19:57:00.001-08:002012-01-21T19:59:08.820-08:00สัปปุริสธรรม<a href="http://1.bp.blogspot.com/-obcIKzUNMx4/TxuJQH4fALI/AAAAAAAADtA/tsSKp3uFOuY/s1600/227394_147647998636618_100001742575984_282769_3816880_n.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-obcIKzUNMx4/TxuJQH4fALI/AAAAAAAADtA/tsSKp3uFOuY/s400/227394_147647998636618_100001742575984_282769_3816880_n.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5700300663454367922" /></a><br />สัปปุริสธรรม<br />จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี<br />ส่วนหนึ่งของ<br />ศาสนาพุทธ<br /><br />สัปปุริสธรรม หรือ สัปปุริสธรรม 7 หมายถึง ธรรมของสัตบุรุษ ธรรมที่ทำให้เป็นสัตบุรุษ คุณสมบัติของคนดี ธรรมของผู้ดี สัปปุริสธรรม มีบรรยายไว้หลายลักษณะ เช่น<br />1 สัปปุริสธรรม 7<br />2 ธัมมัญญู รู้จักเหตุ<br />3 อัตถัญญู รู้จักอรรถ<br />4 อัตตัญญู รู้จักตน<br />5 มัตตัญญู รู้จักประมาณ<br />6 กาลัญญู รู้จักกาล<br />7 ปริสัญญู รู้จักบริษัท<br />8 ปุคคลปโรปรัญญู รู้จักเลือกคบคน<br />9 ผู้ประกอบด้วยสัปปุริสธรรม 7 และ สัปปุริสธรรม 8<br /><br />สัปปุริสธรรม 7 ประกอบด้วย<br />ธัมมัญญุตา เป็นผู้รู้จักเหตุ<br />อัตถัญญุตา เป็นผู้รู้จักผล<br />อัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักตน<br />มัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักประมาณ<br />กาลัญญุตา เป็นผู้รู้จักกาล<br />ปริสัญญุตา เป็นผู้รู้จักบริษัท<br />ปุคคลัญญุตา หรือ ปุคคลปโรปรัญญุตา เป็นผู้รู้จักบุคคล<br />สัปปุริสธรรม 7 นี้ มีบรรยายอยู่ในสังคีติสูตรในพระไตรปิฎก สังคีติสูตรนี้เป็นพระสูตรที่รวบรวมธรรมะมากมาย เป็นการบรรยายแจกธรรมเป็นหมวดๆ โดยพระสารีบุตร อาจนับได้ว่า สังคีติสูตรเป็นต้นแบบของการสังคายนาพุทธศาสนาในยุคแรกๆ<br />ภิกษุผู้ประกอบด้วยสัปปุริสธรรม 7 ข้อนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยสังฆคุณเป็นผู้ควรแก่ของคำนับ คือ เป็นผู้ควรรับของที่เขานำมาถวาย<br />นอกจากนี้ ยังมีธรรมะอีกหมวดหนึ่งซึ่งคล้ายกัน คือได้มีการบรรยายถึง พระเจ้าจักรพรรดิว่าทรงประกอบด้วยองค์ 5 ประการ ย่อมทรงยังจักรให้เป็นไปโดยธรรม จักรนั้นย่อมเป็นจักรอันมนุษย์ผู้เป็นข้าศึกใดๆ จะต้านทานมิได้ และแม้พระพุทธเจ้าก็ทรงประกอบด้วยธรรม 5 ประการเหล่านี้ ย่อมทรงยังธรรมจักรชั้นเยี่ยมให้เป็นไปโดยธรรม ธรรมจักรนั้นย่อมเป็นจักรอันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลก จะคัดค้านไม่ได้ ธรรม 5 ประการนี้ได้แก่<br />ธัมมัญญุตา เป็นผู้รู้จักเหตุ<br />อัตถัญญุตา เป็นผู้รู้จักผล<br />มัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักประมาณ<br />กาลัญญุตา เป็นผู้รู้จักกาล<br />ปริสัญญุตา เป็นผู้รู้จักบริษัท<br />[แก้]ธัมมัญญู รู้จักเหตุ<br /><br />ธัมมัญญุตา เป็นผู้รู้จักธรรม รู้หลัก หรือ รู้จักเหตุ คือ รู้หลักความจริง รู้หลักการ รู้หลักเกณฑ์ รู้กฎแห่งธรรมดา รู้กฎเกณฑ์แห่งเหตุผล และรู้หลักการที่จะทำให้เกิดผล เช่น ภิกษุรู้ว่าหลักธรรมข้อนั้นๆ คืออะไร มีอะไรบ้าง พระมหากษัตริย์ทรงทราบว่า หลักการปกครองตามราชประเพณีเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง รู้ว่าจะต้องกระทำเหตุอันนี้ๆ หรือกระทำตามหลักการข้อนี้ๆ จึงจะให้เกิดผลที่ต้องการอันนั้นๆ เป็นต้น<br /> <br />ก็ภิกษุเป็นธัมมัญญูอย่างไร<br />ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ธรรม คือ สุตตะ เคยยะ ไวยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะอัพภูตธรรม เวทัลละ...<br /><br />ธัมมัญญูสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ 23<br />[แก้]อัตถัญญู รู้จักอรรถ<br /><br />อัตถัญญุตา ความรู้จักอรรถ รู้ความมุ่งหมาย หรือ เป็นผู้รู้จักผล คือ รู้ความหมาย รู้ความมุ่งหมาย รู้ประโยชน์ที่ประสงค์ รู้จักผลที่จะเกิดขึ้นสืบเนื่องจากการกระทำหรือความเป็นไปตามหลัก เช่น รู้ว่าหลักธรรมหรือภาษิตข้อนั้นๆ มีความหมายว่าอย่างไร หลักนั้นๆ มีความมุ่งหมายอย่างไร กำหนดไว้หรือพึงปฏิบัติเพื่อประสงค์ประโยชน์อะไร การที่ตนกระทำอยู่มีความมุ่งหมายอย่างไร เมื่อทำไปแล้วจะบังเกิดผลอะไรบ้างดังนี้เป็นต้น<br /> <br />ก็ภิกษุเป็นอัตถัญญูอย่างไร<br />ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้จักเนื้อความแห่งภาษิตนั้นๆ ว่า นี้เป็นเนื้อความแห่งภาษิตนี้ๆ...<br /><br />ธัมมัญญูสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ 23<br />[แก้]อัตตัญญู รู้จักตน<br /><br />อัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักตนคือ รู้ว่า เรานั้น ว่าโดยฐานะ ภาวะ เพศ กำลังความรู้ ความสามารถ ความถนัด และคุณธรรม เป็นต้น บัดนี้ เท่าไร อย่างไร แล้วประพฤติให้เหมาะสม และรู้ที่จะแก้ไขปรับปรุงต่อไป<br /> <br />ก็ภิกษุเป็นอัตตัญญูอย่างไร<br />ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้จักตนว่า เราเป็นผู้มีศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา ปฏิภาณ...<br /><br />ธัมมัญญูสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ 23<br />[แก้]มัตตัญญู รู้จักประมาณ<br /><br />มัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักประมาณ คือ ความพอดี เช่น ภิกษุรู้จักประมาณในการรับและบริโภคปัจจัยสี่ คฤหัสถ์รู้จักประมาณในการใช้จ่ายโภคทรัพย์ พระมหากษัตริย์รู้จักประมาณ ในการลงทัณฑอาชญาและในการเก็บภาษี เป็นต้น<br /> <br />ก็ภิกษุเป็นมัตตัญญูอย่างไร<br />ภิกษุในธรรมวินัยนี้ รู้จักประมาณในการรับจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร...<br /><br />ธัมมัญญูสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ 23<br />[แก้]กาลัญญู รู้จักกาล<br /><br />กาลัญญุตา เป็นผู้รู้จักกาลคือ รู้กาลเวลาอันเหมาะสม และระยะเวลาที่จะต้องใช้ในการประกอบกิจ กระทำหน้าที่การงาน เช่น ให้ตรงเวลา ให้เป็นเวลา ให้ทันเวลา ให้พอเวลา ให้เหมาะเวลา เป็นต้น<br /> <br />ก็ภิกษุเป็นกาลัญญูอย่างไร<br />ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้จักกาลว่า นี้เป็นกาลเรียน นี้เป็นกาลสอบถาม นี้เป็นกาลประกอบความเพียร นี้เป็นกาลหลีกออกเร้น...<br /><br />ธัมมัญญูสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ 23<br />[แก้]ปริสัญญู รู้จักบริษัท<br /><br />ปริสัญญุตา เป็นผู้รู้จักบริษัท คือ รู้จักชุมชน และรู้จักที่ประชุม รู้กิริยาที่จะประพฤติต่อชุมชนนั้นๆ ว่า ชุมชนนี้เมื่อเข้าไปหา จะต้องทำกิริยาอย่างนี้ จะต้องพูดอย่างนี้ ชุมชนนี้ควรสงเคราะห์อย่างนี้ เป็นต้น<br /> <br />ก็ภิกษุเป็นปริสัญญูอย่างไร<br />ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้จักบริษัทว่า นี้บริษัทกษัตริย์ นี้บริษัทคฤหบดี นี้บริษัทสมณะ ในบริษัทนั้น เราพึงเข้าไปหาอย่างนี้ พึงยืนอย่างนี้ พึงทำอย่างนี้ พึงนั่งอย่างนี้ พึงนิ่งอย่างนี้...<br /><br />ธัมมัญญูสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ 23<br />[แก้]ปุคคลปโรปรัญญู รู้จักเลือกคบคน<br /><br />ปุคคลัญญุตา หรือ ปุคคลปโรปรัญญุตา เป็นผู้รู้จักบุคคล คือ ความแตกต่างแห่งบุคคลว่า โดยอัธยาศัย ความสามารถ และคุณธรรม เป็นต้น ใครๆ ยิ่งหรือหย่อนอย่างไร และรู้ที่จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นๆ ด้วยดี ว่าควรจะคบหรือไม่ จะใช้จะตำหนิ ยกย่อง และแนะนำสั่งสอนอย่างไร เป็นต้น<br /> <br />ก็ภิกษุเป็นปุคคลปโรปรัญญูอย่างไร<br /><br />ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้รู้จักบุคคลโดยส่วน ๒ คือ บุคคล ๒ จำพวก คือ<br />พวกหนึ่งต้องการเห็นพระอริยะ<br />พวกหนึ่งไม่ต้องการเห็นพระอริยะ<br />บุคคลที่ไม่ต้องการเห็นพระอริยะ พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ<br />บุคคลที่ต้องการเห็นพระอริยะพึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ<br /><br />บุคคลที่ต้องการเห็นพระอริยะก็มี ๒ จำพวก คือ<br />พวกหนึ่งต้องการจะฟังสัทธรรม<br />พวกหนึ่งไม่ต้องการฟังสัทธรรม<br />บุคคลที่ไม่ต้องการฟังสัทธรรม พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ<br />บุคคลที่ต้องการฟังสัทธรรม พึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ<br /><br />บุคคลที่ต้องการฟังสัทธรรมก็มี ๒ จำพวก คือ<br />พวกหนึ่งตั้งใจฟังธรรม<br />พวกหนึ่งไม่ตั้งใจฟังธรรม<br />บุคคลที่ไม่ตั้งใจฟังธรรม พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ<br />บุคคลที่ตั้งใจฟังธรรม พึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ<br /><br />บุคคลที่ตั้งใจฟังธรรมก็มี ๒ จำพวก คือ<br />พวกหนึ่งฟังแล้วทรงจำธรรมไว้<br />พวกหนึ่งฟังแล้วไม่ทรงจำธรรมไว้<br />บุคคลที่ฟังแล้วไม่ทรงจำธรรมไว้ พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ<br />บุคคลที่ฟังแล้วทรงจำธรรมไว้ พึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ<br /><br />บุคคลที่ฟังแล้วทรงจำธรรมไว้ก็มี ๒ จำพวก คือ<br />พวกหนึ่งพิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้<br />พวกหนึ่งไม่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรม ที่ทรงจำไว้<br />บุคคลที่ไม่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ<br />บุคคลที่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ พึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ<br /><br />บุคคลที่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ก็มี ๒ จำพวก คือ<br />พวกหนึ่งรู้อรรถรู้ธรรมแล้ว ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม<br />พวกหนึ่งหารู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่<br />บุคคลที่หารู้อรรถรู้ธรรมปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่ พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ<br />บุคคลที่รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม พึงได้รับความสรรเสริญ ด้วยเหตุนั้นๆ<br /><br />บุคคลที่รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ก็มี ๒ จำพวก คือ<br />พวกหนึ่งปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของตน ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น<br />พวกหนึ่งปฏิบัติทั้งเพื่อประโยชน์ตนและเพื่อประโยชน์ผู้อื่น<br />บุคคลที่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ<br />บุคคลที่ปฏิบัติทั้งเพื่อประโยชน์ตนและเพื่อประโยชน์ผู้อื่น พึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ<br /><br />ธัมมัญญูสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ 23<br />[แก้]ผู้ประกอบด้วยสัปปุริสธรรม 7 และ สัปปุริสธรรม 8<br /><br />ในเสขปฏิปทาสูตรซึ่งบรรยายโดยพระอานนท์ ได้กล่าวถึงคุณสมบัติของผู้ที่ประกอบด้วยสัปปุริสธรรม ไว้ 7 ประการคือ<br />เป็นผู้มีศรัทธา คือเชื่อความตรัสรู้ของพระตถาคตว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม.<br />เป็นผู้มีหิริ คือ ละอายกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ละอายต่อการถึงพร้อมแห่งอกุศลธรรมอันลามก.<br />เป็นผู้มีโอตตัปปะ คือ สะดุ้งกลัวกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต สะดุ้งกลัวต่อการถึงพร้อมแห่งอกุศลธรรมอันลามก.<br />เป็นพหูสูต ทรงธรรมที่ได้สดับแล้ว สั่งสมธรรมที่ได้สดับแล้ว ธรรมเหล่าใดงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะบริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง ธรรมทั้งหลายเห็นปานนั้น อันท่านได้สดับมามาก ทรงจำไว้ได้ สั่งสมด้วยวาจา ตามเพ่งด้วยใจ แทงตลอดด้วยดี ด้วยความเห็น.<br />เป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรม เพื่อถึงพร้อมแห่งกุศลธรรม มีความเข้มแข็ง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย.<br />เป็นผู้มีสติ คือ ประกอบด้วยสติและปัญญาเครื่องรักษาตนอย่างยิ่ง ระลึกได้ตามระลึกได้ แม้ซึ่งกิจการที่ทำไว้แล้วนาน แม้ซึ่งถ้อยคำที่พูดไว้แล้วนาน.<br />เป็นผู้มีปัญญา คือ ประกอบด้วยปัญญา อันเห็นความเกิดและความดับ อันเป็นอริยะ ชำแรกกิเลสให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ<br />คุณสมบัติของผู้ที่ประกอบด้วยสัปปุริสธรรม 7 ประการ นี้ เรียกว่า สัทธัมมสมันนาคโต บางทีก็เรียก สัปปุริสธรรม 7 และในจูฬปุณณมสูตร ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสบรรยาย ความแตกต่างระหว่าง สัตบุรุษและอสัตบุรุษ ทรงแสดงถึง สักษณะของผู้ประกอบด้วย ธรรมของสัตบุรุษ 8 ประการ (ในพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม เรียกธรรมของสัตบุรุษ 8 ประการ นี้ว่า สัปปุริสธรรม 8) ได้แก่<br />เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมของสัตบุรุษ คือ เป็นผู้มีศรัทธา มีหิริ มีโอตตัปปะ มีสุตะมาก มีความเพียรปรารภแล้ว มีสติตั้งมั่น มีปัญญา (คือ สัทธัมมสมันนาคโต ดังกล่าวไปแล้ว นั่นเอง)<br />เป็นผู้ภักดีต่อสัตบุรุษ คือ มีสมณพราหมณ์ชนิดที่มีศรัทธา มีหิริ มีโอตตัปปะ มีสุตะมากมีความเพียรปรารภแล้ว มีสติตั้งมั่น มีปัญญา เป็นมิตร เป็นสหาย<br />เป็นผู้มีความคิดอย่างสัตบุรุษ คือ ย่อมไม่คิดเบียดเบียนตนเอง ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น ไม่คิดเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย<br />เป็นผู้มีความรู้อย่างสัตบุรุษ คือ ย่อมไม่รู้เพื่อเบียดเบียนตนเอง ไม่รู้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น ไม่รู้เพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย<br />เป็นผู้มีถ้อยคำอย่างสัตบุรุษ คือ เป็นผู้งดเว้นจากการพูดเท็จ งดเว้นจากคำพูดส่อเสียด งดเว้นจากคำหยาบ งดเว้นจากการเจรจาเพ้อเจ้อ<br />เป็นผู้มีการงานอย่างสัตบุรุษ คือ เป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาต งดเว้นจากอทินนาทาน งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร<br />เป็นผู้มีความเห็นอย่างสัตบุรุษ คือ เป็นผู้มีความเห็นอย่างนี้ว่า ทานที่ให้แล้ว มีผล ยัญที่บูชาแล้ว มีผล สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มีผล ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่ว มีอยู่โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามี บิดามี สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะมี สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้า ให้แจ่มแจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลกมีอยู่<br />ย่อมให้ทานอย่างสัตบุรุษ คือ ย่อมให้ทานโดยเคารพ ทำความอ่อนน้อมให้ทาน ให้ทานอย่างบริสุทธิ์ เป็นผู้มีความเห็นว่ามีผล จึงให้ทาน<br />[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น<br /><br />สัปปุริสธรรม ๗<br />สัปปุริสธรรม ๗ (บรรยายโดยพระอานนท์)<br />[แก้]ดูเพิ่ม<br /><br />สัตบุรุษ<br />สัปปุริสทาน<br />[แก้]อ้างอิง<br /><br />สังคีติสูตร<br />ทสุตตรสูตร<br />จักกสูตร<br />สขปฏิปทาสูตร<br />จูฬปุณณมสูตร<br />ธัมมัญญูสูตร (บรรยายความหมายของ สัปปุริสธรรม ๗ แต่ละข้อ)<br />พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์".<br />พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม".Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-72024917489418939592011-09-29T03:06:00.000-07:002011-09-29T03:08:42.583-07:00ธรรมะหลวงพ่อชา<a href="http://1.bp.blogspot.com/-RL_iHRTAjzQ/ToRDpD52nzI/AAAAAAAAC_g/5UelgcPQS2k/s1600/1225358836.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 275px; height: 400px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-RL_iHRTAjzQ/ToRDpD52nzI/AAAAAAAAC_g/5UelgcPQS2k/s400/1225358836.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5657721404585844530" /></a><br /><br />๐ คนส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาเรื่องการได้ยิน...แต่มักมีปัญหาการฟังให้เข้าใจ <br />คนส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาเรื่องการเรียน...แต่มักมีปัญหาเรื่องการรู้ให้จริง <br />คนส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาเรื่องการเปล่งเสียง...แต่มักมีปัญหาเรื่องการพูดให้เข้าหูคน <br /> <br />๐ จงรักษาใจ..ให้เหมือน " นาฬิกา " .. <br />เพราะหน้าที่ของนาฬิกา... <br />คือ..การอยู่กับปัจจุบันขณะ.. <br />ด้วยสัจจะ และความเที่ยงตรง.. <br /> <br />๐ ๑ ปี เอาเหล็กมาขัดสนิมหนึ่งครั้ง ซ้ำยังไม่ขัดถึงที่สุด.. <br />ไม่ทำถึงจุดที่จะไม่เกิดสนิมสืบต่อไป เหล็กจะวาวขึ้นมาได้อย่างไร ?? <br />การขัดเกลาตนของนักปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน.. <br />และสนิมเหล็กเกิดจากเนื้อในเหล็ก กัดกร่อนทำลายเหล็ก ฉันใด.. <br />สนิมใจเกิดจากเนื้อในใจ กัดกร่อนทำลายใจ ฉันนั้น.. <br /> <br />๐ ธรรมแท้ ๆ ! เป็นกลาง ๆ .. <br />ใคร ? ปล่อยวางได้..ก็.. " สบาย " <br /> <br /> <br />๐ ธรรมแท้ ๆ ! ไม่มี..สู้!..ไม่มี..หนี!! ; <br />เพียงแต่..ดู-รู้-ตรง " ปัจจุบัน " นี้ <br />แล้วก็..ปล่อยไป..เท่านั้นเอง! <br /> <br /> & amp;n bsp; <br />๐ น้ำไม่ไหล! ขังไว้..ย่อม..เน่า ฉันใด! <br />จิตที่..รู้เรื่องอะไร ? แล้วไม่ยอมปล่อย <br />ย่อม " ทุกข์ " ฉันนั้น. . <br /> <br /> & nbsp; <br />๐ " การละบาป เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการทำบุญ <br />ถ้าทำบาปแลกบุญจะขาดทุนเรื่อยไป " <br /> <br /> & nbsp; <br />๐ " ใจจะสงบได้ ก็เพราะความเห็นที่ถูกต้อง " <br /> <br /> <br />๐ ยุ่งยากกับเยือกเย็น <br />ในยามที่เราพบกับความยุ่งยาก ต้องพึ่งพาความเยือกเย็น <br />ค่อย ๆ ย้อนลงไปแยกแยะสาเหตุแห่งปัญหา ที่ทำให้เราเร่าร้อน! <br />เราจะเอาชนะความยุ่งยากของชีวิตได้ ด้วยการเอาชนะความวิตกกังวล <br />ที่เกิดขึ้นในใจของเราเสียก่อน <br /> <br />จงมองดูความวิตกกังวลของตนเอง มองดูว่ามันทำให้เราเอาชนะปัญหาของเรา <br />หรือมันทำให้เราหมดพลัง และพ่ายแพ้ <br />ปัญหาต่าง ๆ ของชีวิตผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ความทุกข์ยากที่เราคิดว่ามันแสนสาหัส <br /> สำหรับเราในวันนี้ ในวันข้างหน้าเราอาจรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย.. <br /> <br />๐ " ธรรมดาจิตนั้นนะ..มันมีเวลาขยัน และขี้เกียจ <br />ถ้าทำเพียรด้วยสัจจะ เราต้องทำเรื่อยทั้งที่ขี้เกียจ <br />ทำจิตให้จิตรู้อยู่ การรู้ภายใน การฉลาดภายในจิตจะเป็นอย่างนี้ <br />การทำทุกวัน บางทีสงบ บางทีไม่สงบ เป็นอนิจจัง " <br /> <br />๐ " เมื่อมีปัญญาเกิดขึ้นในจิตใจของเราแล้ว <br />จะมองไปที่ไหน..จะมีแต่ธรรมะทั้งนั้น <br />เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตลอดเวลา "Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-59705558066205534812011-09-21T22:21:00.003-07:002011-09-21T22:21:42.818-07:00ข้อคิดเตือนใจ...กับพุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้<div class="content" style="padding-top: 0px; padding-right: 20px; padding-bottom: 0px; padding-left: 20px; margin-top: 30px; "><div style="background-color: rgb(255, 255, 255); text-align: center; "><br /><div style="text-align: left;"><span ><span style="font-size: 20px;"><b><br /></b></span></span></div><span ><img width="500" height="334" alt="ข้อคิดเตือนใจ...กับพุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้" class="img-mobile" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/news_4/ytjtyj.jpg" style="width: 500px; height: 334px; " /></span><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /><a target="_blank" href="http://www.kapook.com/" style="text-decoration: none; ">เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม</a></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(0, 0, 128); ">เพราะมนุษย์แทบทั้งหลายยังไม่สามารถตัดกิเลสได้หมดสิ้น จึงต่างยังมี ความโลภ โกรธ หลง ซึ่งบ่อยครั้งความรู้สึกต่าง ๆ นั้น ก็พาให้เกิดการกระทำ และคำพูดที่ไม่ดี แน่นอนว่ามันย่อมส่งผลแย่ทั้งแก่จิตใจของเราเอง และผู้อื่น ดังนั้นเพื่อเป็นการเตือนสติให้ระลึกอยู่เสมอในการทำสิ่งใด ๆ เราจึงได้คัดสรร พุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้ มาฝากเพื่อน ๆ กัน</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "> ทั้งนี้ พุทธศาสนสุภาษิต คือ คำสอนทางพระพุทธศาสนาที่เป็นเหมือนข้อคิด ข้อเตือนใจ ซึ่งจากคำสอนเหล่านี้ เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง และคนรอบข้างได้ดีอีกด้วย ถ้าอยากรู้ข้อคิดดี ๆ ในการดำเนินชีวิตจาก พุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้ แล้วล่ะก็ ตามมากันเลยจ้า....</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดธรรมะเบื้องต้น</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ </b> : คนขยัน ย่อมหาทรัพย์ได้</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>พาโล อปริณายโก </b> : คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ</b> : ตนเป็นที่พึ่งของตน</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย</b> : ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย</b> : ชนะตนนั่นแหละประเสริฐกว่า</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยถาวาที ตถาการี</b> : พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สจฺจํ เว อมตา วาจา</b> : คำจริงเป็นสิ่งไม่ตาย</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อิณาทานํ ทุกขํ โลเก</b> : การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา</b> : บัญฑิตย่อมฝึกตน</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ททมาโน ปิโย โหติ</b> : ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน องฺคํ ธนํ ชีวิตญฺจาปิ สพฺพํ จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต</b> : พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ, เมื่อรักษาชีวิตพึงสละอวัยวะ เมื่อคำนึงถึงธรรม พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิตทุกอย่าง</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดบุคคล</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ธมฺมเทสฺสี ปราภโว </b> : ผู้เกลียดธรรม เป็นผู้เสื่อม</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกฺโข จ เวรวา</b> : อ่อนไป...ก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไป...ก็มีภัยเวร</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต</b> : ผู้ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ทุวิชาโน ปราภโว</b> : ผู้มีความรู้ในทางชั่ว เป็นผู้เสื่อม</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โจรา โลกสฺมิมพฺพุทา</b> : พวกโจรเป็นเสนียดของโลก</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ธมฺมกาโม ภวํ โหติ</b> : ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ครุ โหติ สคารโว </b> : ผู้เคารพผู้อื่น ย่อมมีผู้เคารพตนเอง</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>เอวํ กิจฺฉาภโต โปโส ปิตุ อปริจารโก ปิตริมิจฺฉาจริตฺวาน นิรยํ โส อุปปชฺชติ</b> : ผู้ที่มีมารดาบิดาเลี้ยงมา ได้โดยยากอย่างนี้ ไม่บำรุงมารดาบิดา ประพฤติผิดในมารดาบิดา ย่อมเข้าถึงนรก </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>มธุ วา มญฺญตี พาโล ยาว ปาปํ น ปจฺจติ ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ อถ ทุกฺขํ นิคจฺฉติ </b> : ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล คนเขลายังเข้าใจว่ามีรสหวาน แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนเขลาย่อมประสบทุกข์เมื่อนั้น </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย นิสีเทยฺย สเยยฺย วา น ตสฺส สาขํ ภญฺเชยฺย มิตฺตทุพฺโพ หิ ปาปโก </b> : บุคคลนั่งหรือนอน (อาศัย) ที่ร่มเงาตันไม้ใด ไม่ควรรานกิ่งต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตร เป็นคนเลวทราม </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โรสโก กทริโย จ ปาปิจฺโฉ มจฺฉรี สโฐ อหิริโก อโนตฺตปฺปี ตํ ชญฺญา วสโล อิติ </b> : ผู้ใดเป็นคนขัดเคือง เหนียวแน่น ปรารถนาลามก ตระหนี่ โอ้อวด ไม่ละอาย และไม่เกรงกลัวบาป พึงรู้ว่า ผู้นั้นเป็นคนเลว</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา โคมิโก โคหิ ตเถว โสจติ อุปธีหิ นรสฺส โสจนา น หิ โส โสจติ โย นิรูปธิ</b> : ผู้มีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร, ผู้มีโคย่อมเศร้าโศกเพราะโคเหมือนกัน, นรชนมีความเศร้าโศกเพราะอุปธิ, ผู้ใด ไม่มีอุปธิ ผู้นั้น ไม่ต้องเศร้าโศกเลย</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดการศึกษา-ปัญญา</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>หินชจฺโจปิ เจ โหติ อุฏฺฐาตา ธิติมา นโร อาจารสีลสมฺปนฺโน นิเส อคฺคีว ภาสติ</b> : คนเราถึงมีชาติกำเนิดต่ำ แต่หากขยันหมั่น เพียร มีปัญญาประกอบด้วยอาจาระ และ ศีล ก็รุ่งเรืองได้ เหมือนไฟถึงอยู่ในคืนมืดก็สว่างไสว</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา</b> : ความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ทา โส ว ปญฺญาสฺส ยสสฺสิ พาโล อตฺเถสุ ชาเตสุ ตถาวิเธสุ ยํ ปณฺฑิโต นิปุณํ สํวิเธติ สมฺโมหมาปชฺชติ ตตฺถ พาโล</b> : คนเขลามียศศักดิ์ ก็เป็นทาสของคนมีปัญญา, เมื่อเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้น คนฉลาดจัดการข้อใดได้แนบเนียน คนเขลาถึงความงมงายในข้อนั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดวาจา</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> นา ติเวลํ ปภาเสยฺย นตุณหี สพฺพทา สิยา อวิกิณฺ มิตํ วาจํ ปตฺเตกาเล อุทีริเย</b> : ไม่ควรพูดจนเกินกาล ไม่ควรนิ่งเสมอไป เมื่อถึงเวลาก็ควรพูดพอประมาณ ไม่ฟั่นเฝือ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปรสฺส วา อตฺตโน วาปิ เหตุ น ภาสติ อลิกํ ภูริปญฺโญ โส ปูชิโต โหติ สภาย มชฺเฌ ปจฺฉาปิ โส สุคติคามิ โหติ </b> : ผู้มีภูมิปัญญา ย่อมไม่พูดพล่อย ๆ เพราะเหตุแห่งคนอื่น หรือตนเอง ผู้นั้นย่อมมีผู้บูชาในท่ามกลางชุมชน (สภา) แม้ภายหลังเขาย่อมไปสู่สุคติ</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยํ พุทฺโธ ภาสตี วาจํ เขมํ นิพฺพานปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย สา เว วาจานมุตฺตมา </b> : พระพุทธเจ้าตรัสพระวาจาใด เป็นคำปลอดภัย เพื่อบรรลุพระนิพพาน และเพื่อทำที่สุดทุกข์, พระวาจานั้นแล เป็นสูงสุดแห่งวาจาทั้งหลาย</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดความอดทน</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน </b> : ความอดทน เป็นตปะ (ตบะ) ของผู้พากเพียร</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ขนฺติ สาหสวารณา </b> : ความอดทน ห้ามไว้ได้ซึ่ง ความผลุนผลัน</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>มนาโป โหติ ขนฺติโก</b> : ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> เกวลานํปิ ปาปานํ ขนฺติ มูลํ นิกนฺตติ ครหกลหาทีนํ มูลํ ขนฺติ ขนฺติโก </b> : ความอดทน ย่อมตัดรากแห่งบาปทั้งสิ้น , ผู้มีขันติ ชื่อว่า ย่อมขุดรากแห่งความ ติเตียน และ การทะเลาะกันได้ เป็นต้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ขนฺติโก เมตฺตวา ลาภี ยสสฺสี สุขสีลวา ปิโย เทวมนุสฺสานํ มนาโป โหติ ขนฺติโก </b>: ผู้มีความอดทน นับว่ามีเมตตา มีลาภ มียศ และ มีสุขเสมอ , ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่รัก ชอบใจของเทวดา และ มนุษย์ทั้งหลาย</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> อตฺตโนปิ ปเรสญฺจ อตฺถาวโห ว ขนฺติโก สคฺคโมกฺขคมํ มคฺคํ อารุฬฺโห โหติ ขนฺติโก </b> : ผู้มีขันติ ชื่อว่านำประโยชน์มาให้ ทั้งแก่ตนทั้งแก่ผู้อื่น ผู้มีขันติ ชื่อว่าเป็นผู้ขึ้นสู่ทางไปสวรรค์และนิพพาน </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดความเพียร</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ขโณ โว มา อุปจฺจคา </b> : อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ</b> : คนที่ผลัดวันว่าพรุ่งนี้ ย่อมเสื่อม ยิ่งผลัดว่ามะรืนนี้ ก็ยิ่งเสื่อม</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>กาลคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ</b> : คนขยัน พึงไม่ให้ประโยชน์ที่มาถึงแล้วผ่านไปโดยเปล่า</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โภคา สนฺนิตยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ </b> : ค่อย ๆ เก็บรวบรวมทรัพย์ ดังปลวกก่อจอมปลวก</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อตีตํ นานฺวาคเมยฺนย นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ </b> : อย่ารำพึงถึงความหลัง อย่ามัวหวังถึงอนาคต</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อสเมกฺขิตกมฺมนฺตํ ตุริตาภินิปาตินํ ตานิ กมฺมานิ ตปฺเปนฺติ อุณฺหํ วชฺโฌหิตํ มุเข </b> : ผู้ที่ทำการงานลวก ๆ โดยมิได้พิจารณาใคร่ครวญให้ดี เอาแต่รีบร้อนพรวดพราดจะให้เสร็จ การงานเหล่านั้น ก็จะก่อความเดือดร้อนให้ เหมือนตักอาหารที่ยังร้อนใส่ปาก</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อชฺช สุวติ ปุริโส สทตฺทํ นาวพุชฺฌติ โอวชฺชมาโน กุปฺปติ เสยฺยโส อติมญฺญติ </b>: คนที่ไม่รู้จักประโยชน์ตนว่า อะไรควรทำวันนี้ อะไรควรทำพรุ่งนี้ ใครตักเตือนก็โกรธ เย่อหยิ่ง ถือดีว่า ฉันเก่ง ฉันดี คนอย่างนี้ เป็นที่ชอบใจของกาฬกิณี</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ อนาคตํ เนตมตฺถีติ ญตฺวา อุปฺปนฺนจฺฉนฺทํ โก ปนุเทยฺย ธีโร </b> : มัวรำพึงถึงความหลัง ก็มีแต่จะหดหาย มัวหวังวันข้างหน้า ก็มีแต่จะละลาย อันใดยังไม่มาถึง อันนั้นก็ยังไม่มี รู้อย่างนี้แล้ว เมื่อมีฉันทะเกิดขึ้น คนฉลาดที่ไหนจะปล่อยให้หายไปเปล่า</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อปฺปเกนปิ เมธาวี ปาภเฏน วิจกฺขโณ สมุฏฺฐาเปติ อตฺตานํ อณุ อคคึว สนฺธมํ </b> : ผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาดย่อมตั้งตนได้ด้วยต้นทุนแม้น้อย เหมือนคนก่อไฟน้อยขึ้นฉะนั้น </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อฏฺฐา ตา กมฺมเธยฺเยสุ อบฺปมตฺโต วิธานวา สมํ กปฺเปติ ชีวิตํ สมภตํ อนุรกฺขติ</b> : ผู้ขยันในหน้าที่การงาน ไม่ประมาท เข้าใจเลี้ยงชีพพอสมควร จึงรักษาทรัพย์ที่หามาได้ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โย จ วสฺสสตํ ชีเว กุสีโต หีนวีริโย เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย วิริยํ อารภโต ทฬฺหํ </b> : ผู้เกียจคร้าน มีความเพียรเลว พึงเป็นอยู่ตั้งร้อยปี ส่วนผู้ปรารภความเพียรมั่นคง มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวก็ประเสริฐกว่า </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดความโกรธ</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>โกโธ สตฺถมลํ โลเก</b> : ความโกรธเป็นดังสนิมในโลก</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ</b> : ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> อปฺโป หุตฺวา พหุ โหติ วฑฺฒเต โส อขนฺติโช </b> : ความโกรธน้อยแล้วมาก มันเกิดจากความไม่อดทน จึงทวีขึ้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ </b> : ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โกโธ สหเต นรํ </b> : ความโกรธครอบงำนรชนเมื่อใด ความมืดมนย่อมมีขึ้นเมื่อนั้น </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(0, 0, 0); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดการชนะ</span></b></span></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ชิเน กทริยํ ทาเนน</b> : พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อสาธํ สาธุนา ชิเน </b> : พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อกฺโกเธน ชิเน โกธํ </b> : พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สจฺเจนาลิกวาทินํ </b> : พึงชนะคนพูดปดด้วยคำจริง</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดประมาท</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>เย ปมตฺตา ยถา มตา</b> : ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ เย ปมชฺชนฺติ มาณวา </b> : คนประมาท ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ โสมํ โลกํ ปภาเสติ อพฺภา มุตฺโต ว จนฺทิมา</b> : เมื่อก่อนประมาท ภายหลังไม่ประมาท เขาชื่อว่ายังโลกนี้ให้สว่าง เหมือนพระจันทร์พ้นจากเมฆหมอกฉะนั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> ยญฺหิ กิจฺจํ ตทปวิทฺธํ อกิจฺจํ ปน กยีรติ อุนฺนฬานํ ปมตฺตานํ เตสํ วฑฺฒนฺติ อาสวา </b> : คนทอดทิ้งกิจที่ควรทำ ไปทำกิจที่ไม่ควรทำ เมื่อเขาถือตัวประมาท อาสวะย่อมเจริญ</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>พหุมฺปิ เจ สํหิต ภาสมาโน น ตกฺกโร โหติ นโร ปมตฺโต โคโปว คาโว คณยํ ปเรสํ น ภาควา สามญฺญฺสฺส โหติ </b> : หากกล่าวพุทธพจน์ได้มาก แต่เป็นคนประมาท ไม่ทำตามพุทธพจน์นั้น ก็ไม่มีส่วนแห่งสามัญญผล เหมือนคนเลี้ยงโค คอยนับโคให้ผู้อื่นฉะนั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดไม่ประมาท</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อปฺปมาทรตา โหถ</b> : ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ยินดีในความไม่ประมาท</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อปฺปมาทญฺจ เมธาวี ธนํ เสฏฺฐฺ รกฺขติ </b> : ปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนทรัพย์ประเสริฐสุด</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อุฏฺฐฺานวโต สติมโต สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน สญฺญฺตสฺส จ ธมฺมชีวิโน อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติ </b> : ยศย่อมเจริญแก่ผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานสะอาด ใคร่ครวญแล้วทำ ระวังดีแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อปฺปมาทรตา โหถ สจิตฺตมนุรกฺขถ ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ ปงฺเก สนฺโนว กุญฺชโร</b> : ท่านทั้งหลายจงยินดีในความไม่ประมาท จงตามรักษาจิตของตน จงถอนตนขึ้นจากหล่มคือกิเลสที่ถอนได้ยาก เหมือนช้างที่ตกหล่ม ถอนตนขึ้น ฉะนั้น</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อุฏฺฐาเนนปฺปมาเทน สญฺญเมน ทเมน จ ทีปํ กยิราถ เมธาวี ยํ โอโฆ นาภิกีรติ </b> : ผู้มีปัญญา พึงสร้างเกาะที่น้ำหลากมาท่วมไม่ได้ ด้วยความหมั่น ความไม่ประมาท ความสำรวมระวัง และความข่มใจ</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อปฺปมตฺโต ปมตฺเตสฺ สุตฺเตสุ พหุชาคโร อพลสฺสํว สีฆสฺโส หิตฺวา ยาติ สุเมธโส </b> : คนมีปัญญาดีไม่ประมาทในเมื่อผู้อื่นประมาท มักตื่นในเมื่อผู้อื่นหลับ ย่อมละทิ้งคนนั้น เหมือนม้าฝีเท้าเร็ว ทิ้งม้าไม่มีกำลังไป ฉะนั้น</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดตน-การฝึกตน</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "> </span></span><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย </b> : ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ลพฺภา ปิยา โอจิตฺเตน ปจฺฉา</b> : ตระเตรียมตนให้ดีเสียก่อนแล้ว ต่อไปจะได้สิ่งอันเป็นที่รัก</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยทตฺตครหิ ตทกุพฺพมาโน</b> : ติตนเองเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สทตฺถปสุโต สิยา </b> : พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>กลฺยาณํ วต โภ สกฺขิ อตฺตานํ อติมญฺญสิ </b> : ท่านเอ๋ย ! ท่านก็สามารถทำดีได้ ไยจึงมาดูหมิ่นตัวเองเสีย</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สนาถา วิหรถ มา อนาถา </b> : จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปเร สํ หิ โส วชฺชานิ โอปุนาติ ยถาภุสํ อตฺตโน ปน ฉาเทติ กลึว กิตวา สโฐ </b> : โทษคนอื่นเที่ยวกระจาย เหมือนโปรยแกลบ แต่โทษตนปิดไว้ เหมือนพรานนกเจ้าเล่ห์แฝงตัวบังกิ่งไม้</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อตฺตตฺถปัญฺญา อสุจี มนุสฺสา</b> : มนุษย์ผู้เห็นแก่ประโยชน์ตน เป็นคนไม่สะอาด </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อตฺตานญฺเจ ตถา กยิรา ยถญฺญมนุสาสติ</b> : ถ้าพร่ำสอนผู้อื่นฉันใด ก็ควรทำตนฉันนั้น </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดมิตร</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>มาตา มิตฺตํ สเก ฆเร </b> : มารดาเป็นมิตรในเรือนตน</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร </b> : มารดาบิดา ท่านเรียกว่าเป็นพรหม</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>มิตฺตทุพฺโก หิ ปาปโก </b> : ผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวแท้</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> ภริยา ปรมา สขา </b> : ภริยาเป็นเพื่อนสนิท</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>นตฺถ พาเล สหายตา</b> : ความเป็นสหายไม่มีในคนพาล </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ จเรยฺย เตนตฺตมโน สติมา โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา </b> : ถ้าได้สหายผู้รอบคอบ พึงพอใจมีสติเที่ยวไปกับเขา ถ้าไม่ได้สหายผู้รอบคอบ พึงเที่ยวไปคนเดียว และไม่พึงทำความชั่ว</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดการคบหา</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "> <b>ยํ เว เสวติ ตาทิโส</b> : คบคนเช่นใด ย่อมเป็นคนเช่นนั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>วิสฺสาสา ภยมนฺเวติ </b> : เพราะความไว้ใจภัยจึงตามมา </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> อติจิรํ นิวาเสน ปิโย ภวติ อปฺปิโย</b> : เพราะอยู่ด้วยกันนานเกินไป คนที่รักกันก็มักหน่าย </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ทุกฺโข พาเลหิ สํวาโส อมิเตเนว สพฺพทา</b> : อยู่ร่วมกับคนพาลนำทุกข์มาให้เสมอไป เหมือนอยู่ร่วมกับศัตรู </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ธีโร จ สุขสํวาโส ญาตีนํว สมาคโม</b> : อยู่ร่วมกับปราชญ์นำสุขมาให้ เหมือนสมาคมกับญาติ </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สงฺเกเถว อมิตฺตสฺมึ มิตฺตสฺมิมฺปิ น วิสฺสเส </b> : ควรระแวงในศัตรู แม้ในมิตรก็ไม่ควรไว้ใจ </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ตครํ ว ปลาเสน โย นโร อุปนยฺหติ ปตฺตาปิ สุรภี วายนฺติ เอวํ ธีรูปเสวนา</b> : คนห่อกฤษณาด้วยใบไม้ แม้ใบไม้ก็หอมไปด้วยฉันใด การคบกับนักปราชญ์ก็ฉันนั้น </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปูติมจฺฉํ กุสคฺเคน โย นโร อุปนยฺหติ กุสาปิ ปูติ วายนฺติ เอวํ พาลูปเสวนา </b> : คนห่อปลาเน่าด้วยใบหญ้าคา แม้หญ้าคาก็พลอยเหม็นเน่าไปด้วยฉันใด การคบคนพาลก็ฉันนั้น </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดการสร้างตัว</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อลาโภ ธมฺมิโก เสยฺโย ยญฺเจ ลาโภ อธมฺมิโก</b> : ถึงไม่ได้ แต่ชอบธรรม ยังดีกว่าได้โดยไม่ชอบธรรม</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปฏิรูปการี ธุรวา อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนิ </b> : ขยัน เอาธุระ ทำเหมาะจังหวะ ย่อมหาทรัพย์ได้</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โภคา สนุนิจยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ</b> : ทรัพย์สินย่อมพอกพูนขึ้นได้ เหมือนดังก่อจอมปลวก</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ </b> : การงานไม่คั่งค้างสับสน เป็นมงคลอย่างสูงสุด</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>น หิ จินฺตามยา โภคา อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา </b> : โภคะของใคร ไม่ว่าสตรีหรือบุรุษ ที่จะสำเร็จเพียงด้วยคิดเอา ย่อมไม่มี</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> สกมฺมุนา โหติ ผลูปปตฺติ</b> : ความอุบัติแห่งผล ย่อมมีได้ด้วยการกระทำของตน</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยหึ ชีเว ตหึ คจฺเฉ น นิเกตหโต สิยา</b> : ชีวิตจะอยู่ได้ที่ไหน พึงไปที่นั้น ไม่พึงให้ที่อยู่ฆ่าตนเสีย</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดการปกครอง</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "> </span></span><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> สพฺพํ รฏฺฐํ สุขํ เสติ ราชา เจ โหติ ธมฺมิโก</b> : ถ้าผู้ปกครองทรงธรรม ประเทศชาติก็เป็นสุข</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สพฺพํ ปรวสํ ทุกฺขํ </b> : การอยู่ในอำนาจของผู้อื่น เป็นทุกข์ทั้งสิ้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สงฺเกยฺย สงฺกิตพฺพานิ </b> : พึงระแวง สิ่งที่ควรระแวง</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ </b> : พึงยกย่องคนที่ควรยกย่อง</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> ปมาทา ชายเต ขโย </b> : เมื่อมีความประมาท ก็เกิดความเสื่อม</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> ขยา ปโทสา ชายนฺติ </b> : เมื่อมีความเสื่อม ก็เกิดโทษประดัง</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ </b> : สักการะฆ่าคนชั่วได้</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>รกฺเขยฺยานาคตํ ภยํ </b> : พึงป้องกันภัยที่ยังมาไม่ถึง</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดสามัคคี</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> </b><b>สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี </b> : สามัคคีของหมู่ทำให้เกิดสุข</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สูกเรหิ สมคฺเคหิ พฺยคฺโฆ เอกายเน หโต </b> : สุกรทั้งหลายพร้อมเพรียงกันยังฆ่าเสื้อโคร่งได้ เพราะใจรวมเป็นอันเดียว</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สาม คฺยเมว สิกฺเขถ พุทฺเธเหตํ ปสํสิตํ สามคฺยรโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสตํ</b> : พึงศึกษาความสามัคคี , ความสามัคคีนั้น ท่านผู้รู้ทั้งหลาย </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> เอโส หิ อุตฺตริตโร ภาราวโห ธุรนฺธโร โย ปเรสาธิปนฺนานํ สยํ สนฺธาตุมรหติ </b> : ผู้ใดเมื่อคนอื่นล่วงเกินกันอยู่ ตนเองกลับหาทางเชื่อมเขาให้คืนดีกันได้ ผู้นั้นแล ชื่อว่าเป็นคนเอาภาระ เป็นผู้จัดธุระที่ดียอดเยี่ยม</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี สมคฺคานญฺจนุคฺคโห สมคฺครโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสติ </b>: ความพร้อมเพรียงของหมู่เป็นสุข และการสนับสนุนคนผู้พร้อมเพรียงกันเป็นสุข, ผู้ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกัน ตั้งอยู่ในธรรมย่อมไม่คลาดจากธรรมอันเกษมจากโยคะ</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดพบสุข</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "> </span></span><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>น หึสนฺติ อกิญฺจนํ </b> : ไม่มีอะไรเลย ไม่มีใครเบียดเบียน</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> สุขิโน วตารหนฺโต </b> : ท่านผู้ไกลกิเลส มีความสุขจริงหนอ</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สกิญฺจนํ ปสฺส วิหญฺญมานํ </b> : คนมีห่วงกังวล ย่อมวุ่นวายอยู่</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยาวเทวสฺสหู กิญฺจิ ตาวเทว อขาทิสํ </b> : ตราบใดยังมีชิ้นเนื้อคาบไว้นิดหน่อย ตราบนั้นก็ยังถูกกลุ้มรุมยื้อแย่ง</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส จ นินฺทา ปสํสา จ สุขํ จ ทุกฺขํ เอเต อนิจฺจา มนุเชสุ ธมฺมา มา โสจิ กึ โสจสิ โปฏฺฐปาท </b> : ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข และ ทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาในหมู่มนุษย์ ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน อย่าเศร้าโศกเลย ท่านจะโศกเศร้าไปทำไม</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ </b> : ความสุข (อื่น) ยิ่งกว่าความสงบไม่มี </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดทาน</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ</b> : ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ย่อมได้สิ่งที่เลิศอีก</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ธีโร จ ทานํ อนุโมทมาโน</b> : คนฉลาด พลอยยินดีการให้ทาง</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>นิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา </b> : คนใจการุณ ช่วยแก้ไขคนให้หายโศกเศร้า</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>เสฏฐนฺทโท เสฏฐมุเปติ ฐานํ </b> : ผู้ให้สิ่งประเสริฐ ย่อมถึงฐานะที่ประเสริฐ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปุพฺเพ ทานาทิกํ ทตฺวา อิทานิ ลภตี สุขํ มูเลว สิญฺจิตํ โหติ อคฺเค จ ผลทายกํ</b> : ให้ทานเป็นต้นก่อน จึงได้สุขบัดนี้ เหมือนรดน้ำที่โคนให้ผลที่ปลาย </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนฺติ สาคร เอวเมว อิโต ทินฺนํ เปตานํ อุปกปฺปติ </b> : ห้วงน้ำที่เต็ม ย่อมยังสาครให้เต็มได้ฉันใด ทานที่ให้แต่โลกนี้ ย่อมสำเร็จแก่ผู้ละไปแล้วฉันนั้น </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โส จ สพฺพทโท โหติ โย ททาติ อุปสฺสยํ อมตนฺทโท จ โส โหติ ธมฺมมนุสาสติ</b> : ผู้ใดให้ที่พักอาศัย ผู้นั้นชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวง ผู้ใดสอนธรรม ผู้นั้นชื่อว่าให้อมตะ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อนฺนโท พลโท โหติ วตฺถโท โหติ วณฺณโท ยานโท สุขโท โหติ ทีปโท โหติ จกฺขุโท </b> : ผู้ให้ข้าวชื่อว่าให้กำลัง ผู้ให้ผ้าชื่อว่าให้ผิวพรรณ ผู้ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้ความสุข ผู้ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> มนาปทายี ลภเต มนาปํ อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ วรสฺส ทาตา วรลาภี จ โหติ เสฏฺฐนฺทโท เสฏฺฐมุเปติ ฐานํ </b> : ผู้ให้ของชอบใจ ย่อมได้ของชอบใจ ผู้ให้ของเลิศ ย่อมได้ของเลิศ ผู้ให้ของดี ย่อมได้ของดี ผู้ให้ของประเสริฐ ย่อมถึงฐานะอันประเสริฐ</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดศีล</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>สีลํ โลเก อนุตฺตรํ </b> : ศีล เป็นเยี่ยมในโลก</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โย จ วสฺสสตํ ชีเว ทุสฺสีโล อสมาหิโต เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย สีลวนฺตสฺส ฌายิโน</b> : ผู้ไม่มีศีล ไม่มั่นคง ถึงจะเป็นอยู่ตั้งร้อยปี , ส่วนผู้มีศีล เพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่วันเดียวประเสริฐกว่า</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>น เวทา สมฺปรายาย น ชาติ นปิ พนฺธวา สกญฺจ สีลสํสุทฺธํ สมฺปรายสุขาวหํ </b> : เวทมนต์ ชาติกำเนิด พวกพ้อง นำสุขมาให้ในสัมปรายภพไม่ได้ ส่วนศีลของตนที่บริสุทธิ์ดีแล้ว จึงนำสุขมาให้ในสัมปรายภพได้</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย</b> : ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์ </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ </b> : ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์ </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> สี ลํ เสตุ มเหสกฺโข สีลํ คนฺโธ อนุตฺตโร สีลํ วิเลปนํ เสฏฺฐํ เยน วาติ ทิโส ทิสํ : ศีลเป็นสะพานอันสำคัญ ศีลเป็นกลิ่นที่ไม่มีกลิ่นอื่นยิ่งกว่า ศีลเป็นเครื่องลูบไล้อันประเสริฐสุด เพราะศีล (มีกลิ่น) ขจรไปทั่วทุกทิศ </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดจิต</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>จิตฺเตน นียติ โลโก </b> : โลกถูกจิตนำไป</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ</b> : จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>วิหญฺญตี จิตฺตวสานุวตฺตี</b> : ผู้ประพฤติตามอำนาจจิตย่อมลำบาก </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข </b> : พึงรักษาจิตของตน เหมือนคนประคองบาตรที่เต็มด้วยน้ำมัน </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย</b> : ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อานาปานสฺสติ ยสฺส อปริปุณฺณา อภาวิตา กาโยปิ อิญฺชิโต โหติ จิตฺตมฺปิ โหติ อิญฺชิตํ </b> : สติกำหนดลมหายใจเข้าออก อันผู้ใดไม่อบรมให้บริบูรณ์ ทั้งกายทั้งจิตของผู้นั้นก็หวั่นไหว </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> เสโล ยถา เอกฆโน วาเตน น สมีรติ เอวํ นินฺทาปสํสาสุ น สมิญฺชนฺติ ปณฺฑิตา</b> : ภูเขาหินแท่งทึบ ไม่สั่นสะเทือนเพราะลมฉันใด บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวในนินทาและสรรเสริญฉันนั้น </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดกรรม</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ</b> : ความดี อันคนชั่วทำยาก </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ </b> : ทำกรรมใดแล้วไม่ร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำนั้นแลเป็นดี </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยา ทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ </b> : บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>นิสมฺม กรณํ เสยฺโย</b> : ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำดีกว่า </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> รกฺเขยฺย อตฺตโน สาธุ ลวณํ โลณตํ ยถา</b> : พึงรักษาความดีของตนไว้ ดังเกลือรักษาความเค็ม </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ กตตฺโถ นาวพุชฺฌติ ปจฺฉา กิจฺเจ สมุปฺปนฺเน กตฺตารํ นาธิคจฺฉติ </b> : ผู้อื่นทำความดีให้ ทำประโยชน์ให้ก่อน แต่ไม่นึกถึง (บุญคุณ) เมื่อมีกิจเกิดขึ้นภายหลัง จะหาผู้ช่วยทำไม่ได้</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดความตาย</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สพฺพํ เภทปริยนฺติ เอวํ มจฺจาน ชีวิตํ </b> : ชีวิตของสัตว์เหมือนภาชนะดิน ซึ่งล้วนมีความสลายเป็นที่สุด </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>น มิยฺยมานํ ธนมนฺเวติ กิญฺจิ</b> : ทรัพย์สักนิดก็ติดตามคนตายไปไม่ได้ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อฑฺฒา เจว ทฬิทฺทา จ สพฺเพ มจฺจุ ปรายนา </b> : ทั้งคนมีคนจน ล้วนมีแต่ความตายเป็นเบื้องหน้า </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยถา วาริวโห ปูโร วเห รุกฺเข ปกูลเช เอวํ ชราย มรเณน วุยฺ หนฺเต สพฺพปาณิโน </b>: ห้วงน้ำที่เต็มฝั่ง พึงพัดต้นไม้ซึ่งเกิดที่ตลิ่งไปฉันใด สัตว์มีชีวิตทั้งปวง ย่อมถูกความแก่และความตายพัดไปฉันนั้น </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อจฺเจนติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน ปุญฺญานิ กยิราถ สุขาวหานิ </b>: กาลย่อมล่วงไป ราตรีย่อมผ่านไป ชั้นแห่งวัยย่อมละลำดับไป ผู้เล็งเห็นภัยในมรณะนั้น พึงทำบุญอันนำความสุขมาให้</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดบุญ</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>ปญฺญํ สุขํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ </b> : บุญนำสุขมาให้ในเวลาสิ้นชีวิต </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมึ ปติฏฺฐา โหนฺติ ปาณินํ</b> : บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ในโลกหน้า </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>มาวมญฺเญถ ปุญฺญสฺส น มตฺตํ อาคมิสฺสติ อุทพินฺทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ อาปูรติ ธีโร บุญฺญสฺส โถกํ โถกํปิ อาจินํ </b> : ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่มีมาถึง แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาฉันใด ผู้มีปัญญาสั่งสมบูญแม้ทีละน้อย ๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญ ฉันนั้น </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สหาโย อตฺถชาตสฺส โหติ มิตฺตํ ปุนปฺปุนํ สยํ กตานิ ปุญฺญานิ ตํ มิตฺตํ สมฺปรายิกํ </b> : สหายเป็นมิตรของคนผู้มีความต้องการเกิดขึ้นบ่อย ๆ บุญทั้งหลายที่ตนทำเองนั้น จะเป็นมิตรในสัมปรายภพ</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดกิเลส</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> </span><b>สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม </b> : ความกำหนัดเพราะดำริ เป็นกามของคน</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>น สนฺติ กามา มนุเชสุ นิจฺจา</b> : กามทั้งหลายที่เที่ยง ไม่มีในหมู่มนุษย์</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี อุนฺนฬา จาสมาหิตา น เต ธมฺเม วิรูหนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต </b> : ผู้คนหลอกลวง เย่อหยิ่ง เพ้อเจ้อ ขี้โอ่ อวดดี และไม่ตั้งมั่น ย่อมไม่งอกงามในธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> นิทฺทํ น พหุลีกเรยฺย ชาคริยํ ภเชยฺย อาดาปี ตนฺทึ มายํ หสฺสํ ขิฑฺฑํ เมถุนํ วิปฺปชเห สวิภูสํ </b> : ผู้มีความเพียรไม่พึงนอนมาก พึงเสพธรรมเครื่องตื่น พึงละความเกียจคร้าน มายา ความร่าเริง การเล่น และเมถุนพร้อมทั้งเครื่องประดับเสีย </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อิ จฺฉาย พชฺฌตี โลโก อิจฺฉาวินยายุ มุจฺจต อิจฺฉาย วิปฺปหาเนน สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธนํ</b> : โลกถูกความอยากผูกพันไว้ จะหลุดได้เพราะกำจัดความอยาก เพราะละความอยากเสียได้ จึงชื่อว่าตัดเครื่องผูกทั้งปวงได้ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อุเปกฺขโก สทา สโต น โลเก มญฺญตี สมํ น วิเสสี น นีเจยฺโย ตสฺส โน สนฺติ อุสฺสทา </b> : ผู้วางเฉยมีสติทุกเมื่อ ไม่สำคัญตนว่าเสมอเขา ดีกว่าเขา หรือต่ำกว่าเขาในโลก ผู้นั้นชื่อว่า ไม่มีกิเลสเฟื่องฟูขึ้น </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปุราณํ นาภินนฺเทยฺย นเว ขนฺติมกุพฺพเย หิยฺยมาเน น โสเจยฺย อากาสํ น สิโต สิยา </b> : ไม่พึงเพลิดเพลินของเก่า ไม่พึงทำความพอใจในของใหม่ เมื่อสิ่งนั้นเสื่อมไป ก็ไม่พึงเศร้าโศก ไม่พึงอาศัยตัณหา</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>มูฬฺโห อตฺถํ น ชานาติ มูฬฺโห ธมฺมํ ปสฺสต อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โมโห สหเต นรํ</b> : ผู้หลงย่อมไม่รู้อรรถ ผู้หลงย่อมไม่เห็นธรรม ความหลงครอบงำคนใดเมื่อใด ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยสฺส นตฺถิ อิทํ เมติ ปเรสํ วาปิ กญฺจนํ มมตฺตํ โส อสํวินฺทํ นตฺถิ เมติ น โสจติ </b> : ผู้ใดไม่กังวลว่า นี้ของเรา นี้ของผู้อื่น ผู้นั้น เมื่อไม่ถือว่าเป็นของเรา จึงไม่เศร้าโศกว่าของเราไม่มี ดังนี้ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดบาป</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>มลา เว ปาปกา ธมฺมา อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ </b> : บาปธรรมเป็นมลทินแท้ ทั้งโลกนี้และโลกหน้า</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ โส โสจติ โส วิหญฺญติ ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺฐมตฺตโน </b> : ผู้ทำบาป ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ละไปแล้วก็เศร้าโศก ชื่อว่าเศร้าโศกในโลกทั้งสอง เขาเห็นกรรมอันเศร้าหมองของตน จึงเศร้าโศกและเดือดร้อน </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปาณิ มฺหิ เจ วโณ นาสฺส หเรยฺย ปาณินา วิสํ นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต </b> : ถ้าฝ่ามือไม่มีแผล ก็พึงนำยาพิษไปด้วยฝ่ามือได้ ยาพิษซึมเข้าฝ่ามือไม่มีแผลไม่ได้ฉันใด บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำฉันนั้น </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> วาณิโชว ภยํ มคฺคํ อปฺปสตฺโถ มหทฺธโน วิสํ ชีวิตุกาโมว ปาปานิ ปริวชฺชเย </b>: ควรงดเว้นบาปเสีย เหมือนพ่อค้ามีพวกน้อยมีทรัพย์มาก เว้นหนทางที่มีภัย และเหมือนผู้รักชีวิตเว้นยาพิษเสียฉะนั้น </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดทุกข์</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สงฺขารา ปรมา ทุกฺขา</b> : สังขาร เป็นทุกข์อย่างยิ่ง </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ทุราวาสา ฆรา ทุกฺขา</b> : เหย้าเรือนที่ปกครองไม่ดี นำทุกข์มาให้</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ทฬิทฺทิยํ ทุกฺขํ โลเก </b> : ความจน เป็นทุกข์ในโลก </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก</b> : การเป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ทุกฺขํ อนาโถ วิหรติ </b> : คนไม่มีที่พึ่ง อยู่เป็นทุกข์ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต</b> : ผู้แพ้ ย่อมอยู่เป็นทุกข์ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อกิญฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา</b> : ทุกข์ ย่อมไม่ตกถึงผู้หมดกังวล </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปิยานํ อทสฺสนํ ทุกฺขํ </b> : การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เป็นทุกข์ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดเบ็ดเตล็ด </span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อวนฏฺฐิตจิตฺตสฺส ลหุจิตฺตสฺส ทุพฺภิโน นิจฺจํ อทฺธุวสีลสฺส สุขภาโว น วิชฺชติ </b> : เมื่อมีจิตใจไม่หนักแน่น เป็นคนใจเบา มักประทุษร้ายมิตร มีความประพฤติกลับกลอกเป็นนิตย์ ย่อมไม่มีความสุข</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อิตฺถีธุตฺโต สุราธุตฺโต อกฺขธุตฺโต จ โย นโร ลทฺธํ ลทฺธํ วินาเสติ ตํ ปราภวโต มุขํ </b> : คนใดเป็นนักเลงหญิง นักเลงสุรา และนักเลงการพนันย่อมล้างผลาญทรัพย์ที่ตนได้แล้ว ๆ, ข้อนั้นเป็นเหตุแห่งผู้ฉิบหาย</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อุป นียติ ชีวิตมปฺปมายุ ํ ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขามาโน โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข</b> : ชีวิตคืออายุอันน้อยนี้ ถูกชรานำเข้าไป เมื่อสัตว์ถูกชรานำเข้าไปแล้ว ย่อมไม่มีเครื่องต้านทาน ผู้เล็งเห็นภัยในมรณะนั้น มุ่งความสงบ พึงละโลกามิสเสีย</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>น ปเรสํ วิโลมานิ น ปเรสํ กตากตํ อตฺตโน ว อเวกฺเขยฺย กตานิ อกตานิ จ </b> : ไม่ควรฟังคำก้าวร้าวของคนอื่น, ไม่ควรมองดูการงานของคนอื่นที่เขาทำแล้วและยังไม่ได้ทำ, ควรพิจารณาดูแต่การงานของตนที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำเท่านั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยถา ปิ มูเล อนุปทฺทเว ทฬฺเห ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเรว รูหติ เอวฺมปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต นิพฺพตฺตติ ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุนํ </b> : เมื่อรากยังมั่นคงไม่มีอันตราย ต้นไม้แม้ถูกตัด แล้วย่อมงอกได้อีกฉันใด เมื่อตัณหานุสัยยังไม่ถูกกำจัดแล้ว ทุกข์นี้ย่อมเกิดร่ำไปฉันนั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>หิริโอตฺตปฺปญฺเญว โลกํ ปาเลติ สาธุกํ </b>: หิริและโอตตัปปะ ย่อมรักษาโลกไว้เป็นอันดี </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา </b> : เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อรติ โลกนาสิกา </b> : ความริษยาเป็นเหตุทำโลกให้ฉิบหาย </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อโรคฺยปรมา ลาภา </b> : ความไม่มีโรค เป็นลาภอย่างยิ่ง </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>กาโล ฆสติ ภูตานิ สพฺพาเนว สหตฺตนา </b> : กาลเวลา ย่อมกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวมันเอง </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สพฺพญฺจ ปฐวึ ทชฺชา นากตญฺญุมภิราธเย </b> : ถึงให้แผ่นดินทั้งหมด ก็ยังคนอกตัญญูให้จงรักไม่ได้ </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>หนนฺติ โภคา ทุมฺเมธํ </b> : โภคทรัพย์ ย่อมฆ่าคนมีปัญญาทราม </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ </b> : สักการะ ย่อมฆ่าคนชั่วเสีย </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>นตฺถิ โลเก รโห นาม ปาปกมฺมํ ปกุพฺพโต</b> : ชื่อว่าที่ลับของผู้ทำบาปกรรม ไม่มีในโลก </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 128); ">คราวนี้ เพื่อน ๆ ก็ได้รู้จักพุทธศาสนสุภาษิตที่น่าสนใจกันหลายหมวดแล้ว ยังไงเพื่อน ๆ ก็ลองนำพุทธศาสนสุภาษิตเหล่านี้ ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเพื่อน ๆ กันดูนะคะ </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); ">ขอขอบคุณข้อมูลจาก</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><a target="_blank" href="http://www.dhammathai.org/proverb/proverbthai.php" style="text-decoration: none; ">dhammathai.org</a> , <a target="_blank" href="http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=31498" style="text-decoration: none; ">dhammajak.net</a></div><div><br /></div></div>Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-19777733380351869292011-09-21T22:21:00.001-07:002011-09-21T22:21:37.376-07:00ข้อคิดเตือนใจ...กับพุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้<div class="content" style="padding-top: 0px; padding-right: 20px; padding-bottom: 0px; padding-left: 20px; margin-top: 30px; "><div style="background-color: rgb(255, 255, 255); text-align: center; "><br /><div style="text-align: left;"><span ><span style="font-size: 20px;"><b><br /></b></span></span></div><span ><img width="500" height="334" alt="ข้อคิดเตือนใจ...กับพุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้" class="img-mobile" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/news_4/ytjtyj.jpg" style="width: 500px; height: 334px; " /></span><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /><a target="_blank" href="http://www.kapook.com/" style="text-decoration: none; ">เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม</a></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(0, 0, 128); ">เพราะมนุษย์แทบทั้งหลายยังไม่สามารถตัดกิเลสได้หมดสิ้น จึงต่างยังมี ความโลภ โกรธ หลง ซึ่งบ่อยครั้งความรู้สึกต่าง ๆ นั้น ก็พาให้เกิดการกระทำ และคำพูดที่ไม่ดี แน่นอนว่ามันย่อมส่งผลแย่ทั้งแก่จิตใจของเราเอง และผู้อื่น ดังนั้นเพื่อเป็นการเตือนสติให้ระลึกอยู่เสมอในการทำสิ่งใด ๆ เราจึงได้คัดสรร พุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้ มาฝากเพื่อน ๆ กัน</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "> ทั้งนี้ พุทธศาสนสุภาษิต คือ คำสอนทางพระพุทธศาสนาที่เป็นเหมือนข้อคิด ข้อเตือนใจ ซึ่งจากคำสอนเหล่านี้ เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง และคนรอบข้างได้ดีอีกด้วย ถ้าอยากรู้ข้อคิดดี ๆ ในการดำเนินชีวิตจาก พุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้ แล้วล่ะก็ ตามมากันเลยจ้า....</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดธรรมะเบื้องต้น</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ </b> : คนขยัน ย่อมหาทรัพย์ได้</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>พาโล อปริณายโก </b> : คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ</b> : ตนเป็นที่พึ่งของตน</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย</b> : ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย</b> : ชนะตนนั่นแหละประเสริฐกว่า</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยถาวาที ตถาการี</b> : พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สจฺจํ เว อมตา วาจา</b> : คำจริงเป็นสิ่งไม่ตาย</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อิณาทานํ ทุกขํ โลเก</b> : การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา</b> : บัญฑิตย่อมฝึกตน</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ททมาโน ปิโย โหติ</b> : ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน องฺคํ ธนํ ชีวิตญฺจาปิ สพฺพํ จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต</b> : พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ, เมื่อรักษาชีวิตพึงสละอวัยวะ เมื่อคำนึงถึงธรรม พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิตทุกอย่าง</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดบุคคล</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ธมฺมเทสฺสี ปราภโว </b> : ผู้เกลียดธรรม เป็นผู้เสื่อม</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกฺโข จ เวรวา</b> : อ่อนไป...ก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไป...ก็มีภัยเวร</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต</b> : ผู้ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ทุวิชาโน ปราภโว</b> : ผู้มีความรู้ในทางชั่ว เป็นผู้เสื่อม</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โจรา โลกสฺมิมพฺพุทา</b> : พวกโจรเป็นเสนียดของโลก</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ธมฺมกาโม ภวํ โหติ</b> : ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ครุ โหติ สคารโว </b> : ผู้เคารพผู้อื่น ย่อมมีผู้เคารพตนเอง</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>เอวํ กิจฺฉาภโต โปโส ปิตุ อปริจารโก ปิตริมิจฺฉาจริตฺวาน นิรยํ โส อุปปชฺชติ</b> : ผู้ที่มีมารดาบิดาเลี้ยงมา ได้โดยยากอย่างนี้ ไม่บำรุงมารดาบิดา ประพฤติผิดในมารดาบิดา ย่อมเข้าถึงนรก </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>มธุ วา มญฺญตี พาโล ยาว ปาปํ น ปจฺจติ ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ อถ ทุกฺขํ นิคจฺฉติ </b> : ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล คนเขลายังเข้าใจว่ามีรสหวาน แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนเขลาย่อมประสบทุกข์เมื่อนั้น </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย นิสีเทยฺย สเยยฺย วา น ตสฺส สาขํ ภญฺเชยฺย มิตฺตทุพฺโพ หิ ปาปโก </b> : บุคคลนั่งหรือนอน (อาศัย) ที่ร่มเงาตันไม้ใด ไม่ควรรานกิ่งต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตร เป็นคนเลวทราม </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โรสโก กทริโย จ ปาปิจฺโฉ มจฺฉรี สโฐ อหิริโก อโนตฺตปฺปี ตํ ชญฺญา วสโล อิติ </b> : ผู้ใดเป็นคนขัดเคือง เหนียวแน่น ปรารถนาลามก ตระหนี่ โอ้อวด ไม่ละอาย และไม่เกรงกลัวบาป พึงรู้ว่า ผู้นั้นเป็นคนเลว</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา โคมิโก โคหิ ตเถว โสจติ อุปธีหิ นรสฺส โสจนา น หิ โส โสจติ โย นิรูปธิ</b> : ผู้มีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร, ผู้มีโคย่อมเศร้าโศกเพราะโคเหมือนกัน, นรชนมีความเศร้าโศกเพราะอุปธิ, ผู้ใด ไม่มีอุปธิ ผู้นั้น ไม่ต้องเศร้าโศกเลย</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดการศึกษา-ปัญญา</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>หินชจฺโจปิ เจ โหติ อุฏฺฐาตา ธิติมา นโร อาจารสีลสมฺปนฺโน นิเส อคฺคีว ภาสติ</b> : คนเราถึงมีชาติกำเนิดต่ำ แต่หากขยันหมั่น เพียร มีปัญญาประกอบด้วยอาจาระ และ ศีล ก็รุ่งเรืองได้ เหมือนไฟถึงอยู่ในคืนมืดก็สว่างไสว</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา</b> : ความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ทา โส ว ปญฺญาสฺส ยสสฺสิ พาโล อตฺเถสุ ชาเตสุ ตถาวิเธสุ ยํ ปณฺฑิโต นิปุณํ สํวิเธติ สมฺโมหมาปชฺชติ ตตฺถ พาโล</b> : คนเขลามียศศักดิ์ ก็เป็นทาสของคนมีปัญญา, เมื่อเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้น คนฉลาดจัดการข้อใดได้แนบเนียน คนเขลาถึงความงมงายในข้อนั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดวาจา</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> นา ติเวลํ ปภาเสยฺย นตุณหี สพฺพทา สิยา อวิกิณฺ มิตํ วาจํ ปตฺเตกาเล อุทีริเย</b> : ไม่ควรพูดจนเกินกาล ไม่ควรนิ่งเสมอไป เมื่อถึงเวลาก็ควรพูดพอประมาณ ไม่ฟั่นเฝือ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปรสฺส วา อตฺตโน วาปิ เหตุ น ภาสติ อลิกํ ภูริปญฺโญ โส ปูชิโต โหติ สภาย มชฺเฌ ปจฺฉาปิ โส สุคติคามิ โหติ </b> : ผู้มีภูมิปัญญา ย่อมไม่พูดพล่อย ๆ เพราะเหตุแห่งคนอื่น หรือตนเอง ผู้นั้นย่อมมีผู้บูชาในท่ามกลางชุมชน (สภา) แม้ภายหลังเขาย่อมไปสู่สุคติ</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยํ พุทฺโธ ภาสตี วาจํ เขมํ นิพฺพานปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย สา เว วาจานมุตฺตมา </b> : พระพุทธเจ้าตรัสพระวาจาใด เป็นคำปลอดภัย เพื่อบรรลุพระนิพพาน และเพื่อทำที่สุดทุกข์, พระวาจานั้นแล เป็นสูงสุดแห่งวาจาทั้งหลาย</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดความอดทน</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน </b> : ความอดทน เป็นตปะ (ตบะ) ของผู้พากเพียร</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ขนฺติ สาหสวารณา </b> : ความอดทน ห้ามไว้ได้ซึ่ง ความผลุนผลัน</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>มนาโป โหติ ขนฺติโก</b> : ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> เกวลานํปิ ปาปานํ ขนฺติ มูลํ นิกนฺตติ ครหกลหาทีนํ มูลํ ขนฺติ ขนฺติโก </b> : ความอดทน ย่อมตัดรากแห่งบาปทั้งสิ้น , ผู้มีขันติ ชื่อว่า ย่อมขุดรากแห่งความ ติเตียน และ การทะเลาะกันได้ เป็นต้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ขนฺติโก เมตฺตวา ลาภี ยสสฺสี สุขสีลวา ปิโย เทวมนุสฺสานํ มนาโป โหติ ขนฺติโก </b>: ผู้มีความอดทน นับว่ามีเมตตา มีลาภ มียศ และ มีสุขเสมอ , ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่รัก ชอบใจของเทวดา และ มนุษย์ทั้งหลาย</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> อตฺตโนปิ ปเรสญฺจ อตฺถาวโห ว ขนฺติโก สคฺคโมกฺขคมํ มคฺคํ อารุฬฺโห โหติ ขนฺติโก </b> : ผู้มีขันติ ชื่อว่านำประโยชน์มาให้ ทั้งแก่ตนทั้งแก่ผู้อื่น ผู้มีขันติ ชื่อว่าเป็นผู้ขึ้นสู่ทางไปสวรรค์และนิพพาน </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดความเพียร</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ขโณ โว มา อุปจฺจคา </b> : อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ</b> : คนที่ผลัดวันว่าพรุ่งนี้ ย่อมเสื่อม ยิ่งผลัดว่ามะรืนนี้ ก็ยิ่งเสื่อม</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>กาลคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ</b> : คนขยัน พึงไม่ให้ประโยชน์ที่มาถึงแล้วผ่านไปโดยเปล่า</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โภคา สนฺนิตยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ </b> : ค่อย ๆ เก็บรวบรวมทรัพย์ ดังปลวกก่อจอมปลวก</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อตีตํ นานฺวาคเมยฺนย นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ </b> : อย่ารำพึงถึงความหลัง อย่ามัวหวังถึงอนาคต</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อสเมกฺขิตกมฺมนฺตํ ตุริตาภินิปาตินํ ตานิ กมฺมานิ ตปฺเปนฺติ อุณฺหํ วชฺโฌหิตํ มุเข </b> : ผู้ที่ทำการงานลวก ๆ โดยมิได้พิจารณาใคร่ครวญให้ดี เอาแต่รีบร้อนพรวดพราดจะให้เสร็จ การงานเหล่านั้น ก็จะก่อความเดือดร้อนให้ เหมือนตักอาหารที่ยังร้อนใส่ปาก</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อชฺช สุวติ ปุริโส สทตฺทํ นาวพุชฺฌติ โอวชฺชมาโน กุปฺปติ เสยฺยโส อติมญฺญติ </b>: คนที่ไม่รู้จักประโยชน์ตนว่า อะไรควรทำวันนี้ อะไรควรทำพรุ่งนี้ ใครตักเตือนก็โกรธ เย่อหยิ่ง ถือดีว่า ฉันเก่ง ฉันดี คนอย่างนี้ เป็นที่ชอบใจของกาฬกิณี</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ อนาคตํ เนตมตฺถีติ ญตฺวา อุปฺปนฺนจฺฉนฺทํ โก ปนุเทยฺย ธีโร </b> : มัวรำพึงถึงความหลัง ก็มีแต่จะหดหาย มัวหวังวันข้างหน้า ก็มีแต่จะละลาย อันใดยังไม่มาถึง อันนั้นก็ยังไม่มี รู้อย่างนี้แล้ว เมื่อมีฉันทะเกิดขึ้น คนฉลาดที่ไหนจะปล่อยให้หายไปเปล่า</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อปฺปเกนปิ เมธาวี ปาภเฏน วิจกฺขโณ สมุฏฺฐาเปติ อตฺตานํ อณุ อคคึว สนฺธมํ </b> : ผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาดย่อมตั้งตนได้ด้วยต้นทุนแม้น้อย เหมือนคนก่อไฟน้อยขึ้นฉะนั้น </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อฏฺฐา ตา กมฺมเธยฺเยสุ อบฺปมตฺโต วิธานวา สมํ กปฺเปติ ชีวิตํ สมภตํ อนุรกฺขติ</b> : ผู้ขยันในหน้าที่การงาน ไม่ประมาท เข้าใจเลี้ยงชีพพอสมควร จึงรักษาทรัพย์ที่หามาได้ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โย จ วสฺสสตํ ชีเว กุสีโต หีนวีริโย เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย วิริยํ อารภโต ทฬฺหํ </b> : ผู้เกียจคร้าน มีความเพียรเลว พึงเป็นอยู่ตั้งร้อยปี ส่วนผู้ปรารภความเพียรมั่นคง มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวก็ประเสริฐกว่า </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดความโกรธ</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>โกโธ สตฺถมลํ โลเก</b> : ความโกรธเป็นดังสนิมในโลก</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ</b> : ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> อปฺโป หุตฺวา พหุ โหติ วฑฺฒเต โส อขนฺติโช </b> : ความโกรธน้อยแล้วมาก มันเกิดจากความไม่อดทน จึงทวีขึ้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ </b> : ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โกโธ สหเต นรํ </b> : ความโกรธครอบงำนรชนเมื่อใด ความมืดมนย่อมมีขึ้นเมื่อนั้น </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(0, 0, 0); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดการชนะ</span></b></span></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ชิเน กทริยํ ทาเนน</b> : พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อสาธํ สาธุนา ชิเน </b> : พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อกฺโกเธน ชิเน โกธํ </b> : พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สจฺเจนาลิกวาทินํ </b> : พึงชนะคนพูดปดด้วยคำจริง</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดประมาท</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>เย ปมตฺตา ยถา มตา</b> : ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ เย ปมชฺชนฺติ มาณวา </b> : คนประมาท ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ โสมํ โลกํ ปภาเสติ อพฺภา มุตฺโต ว จนฺทิมา</b> : เมื่อก่อนประมาท ภายหลังไม่ประมาท เขาชื่อว่ายังโลกนี้ให้สว่าง เหมือนพระจันทร์พ้นจากเมฆหมอกฉะนั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> ยญฺหิ กิจฺจํ ตทปวิทฺธํ อกิจฺจํ ปน กยีรติ อุนฺนฬานํ ปมตฺตานํ เตสํ วฑฺฒนฺติ อาสวา </b> : คนทอดทิ้งกิจที่ควรทำ ไปทำกิจที่ไม่ควรทำ เมื่อเขาถือตัวประมาท อาสวะย่อมเจริญ</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>พหุมฺปิ เจ สํหิต ภาสมาโน น ตกฺกโร โหติ นโร ปมตฺโต โคโปว คาโว คณยํ ปเรสํ น ภาควา สามญฺญฺสฺส โหติ </b> : หากกล่าวพุทธพจน์ได้มาก แต่เป็นคนประมาท ไม่ทำตามพุทธพจน์นั้น ก็ไม่มีส่วนแห่งสามัญญผล เหมือนคนเลี้ยงโค คอยนับโคให้ผู้อื่นฉะนั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดไม่ประมาท</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อปฺปมาทรตา โหถ</b> : ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ยินดีในความไม่ประมาท</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อปฺปมาทญฺจ เมธาวี ธนํ เสฏฺฐฺ รกฺขติ </b> : ปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนทรัพย์ประเสริฐสุด</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อุฏฺฐฺานวโต สติมโต สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน สญฺญฺตสฺส จ ธมฺมชีวิโน อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติ </b> : ยศย่อมเจริญแก่ผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานสะอาด ใคร่ครวญแล้วทำ ระวังดีแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อปฺปมาทรตา โหถ สจิตฺตมนุรกฺขถ ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ ปงฺเก สนฺโนว กุญฺชโร</b> : ท่านทั้งหลายจงยินดีในความไม่ประมาท จงตามรักษาจิตของตน จงถอนตนขึ้นจากหล่มคือกิเลสที่ถอนได้ยาก เหมือนช้างที่ตกหล่ม ถอนตนขึ้น ฉะนั้น</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อุฏฺฐาเนนปฺปมาเทน สญฺญเมน ทเมน จ ทีปํ กยิราถ เมธาวี ยํ โอโฆ นาภิกีรติ </b> : ผู้มีปัญญา พึงสร้างเกาะที่น้ำหลากมาท่วมไม่ได้ ด้วยความหมั่น ความไม่ประมาท ความสำรวมระวัง และความข่มใจ</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อปฺปมตฺโต ปมตฺเตสฺ สุตฺเตสุ พหุชาคโร อพลสฺสํว สีฆสฺโส หิตฺวา ยาติ สุเมธโส </b> : คนมีปัญญาดีไม่ประมาทในเมื่อผู้อื่นประมาท มักตื่นในเมื่อผู้อื่นหลับ ย่อมละทิ้งคนนั้น เหมือนม้าฝีเท้าเร็ว ทิ้งม้าไม่มีกำลังไป ฉะนั้น</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดตน-การฝึกตน</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "> </span></span><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย </b> : ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ลพฺภา ปิยา โอจิตฺเตน ปจฺฉา</b> : ตระเตรียมตนให้ดีเสียก่อนแล้ว ต่อไปจะได้สิ่งอันเป็นที่รัก</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยทตฺตครหิ ตทกุพฺพมาโน</b> : ติตนเองเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สทตฺถปสุโต สิยา </b> : พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>กลฺยาณํ วต โภ สกฺขิ อตฺตานํ อติมญฺญสิ </b> : ท่านเอ๋ย ! ท่านก็สามารถทำดีได้ ไยจึงมาดูหมิ่นตัวเองเสีย</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สนาถา วิหรถ มา อนาถา </b> : จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปเร สํ หิ โส วชฺชานิ โอปุนาติ ยถาภุสํ อตฺตโน ปน ฉาเทติ กลึว กิตวา สโฐ </b> : โทษคนอื่นเที่ยวกระจาย เหมือนโปรยแกลบ แต่โทษตนปิดไว้ เหมือนพรานนกเจ้าเล่ห์แฝงตัวบังกิ่งไม้</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อตฺตตฺถปัญฺญา อสุจี มนุสฺสา</b> : มนุษย์ผู้เห็นแก่ประโยชน์ตน เป็นคนไม่สะอาด </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อตฺตานญฺเจ ตถา กยิรา ยถญฺญมนุสาสติ</b> : ถ้าพร่ำสอนผู้อื่นฉันใด ก็ควรทำตนฉันนั้น </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดมิตร</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>มาตา มิตฺตํ สเก ฆเร </b> : มารดาเป็นมิตรในเรือนตน</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร </b> : มารดาบิดา ท่านเรียกว่าเป็นพรหม</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>มิตฺตทุพฺโก หิ ปาปโก </b> : ผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวแท้</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> ภริยา ปรมา สขา </b> : ภริยาเป็นเพื่อนสนิท</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>นตฺถ พาเล สหายตา</b> : ความเป็นสหายไม่มีในคนพาล </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ จเรยฺย เตนตฺตมโน สติมา โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา </b> : ถ้าได้สหายผู้รอบคอบ พึงพอใจมีสติเที่ยวไปกับเขา ถ้าไม่ได้สหายผู้รอบคอบ พึงเที่ยวไปคนเดียว และไม่พึงทำความชั่ว</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดการคบหา</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "> <b>ยํ เว เสวติ ตาทิโส</b> : คบคนเช่นใด ย่อมเป็นคนเช่นนั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>วิสฺสาสา ภยมนฺเวติ </b> : เพราะความไว้ใจภัยจึงตามมา </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> อติจิรํ นิวาเสน ปิโย ภวติ อปฺปิโย</b> : เพราะอยู่ด้วยกันนานเกินไป คนที่รักกันก็มักหน่าย </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ทุกฺโข พาเลหิ สํวาโส อมิเตเนว สพฺพทา</b> : อยู่ร่วมกับคนพาลนำทุกข์มาให้เสมอไป เหมือนอยู่ร่วมกับศัตรู </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ธีโร จ สุขสํวาโส ญาตีนํว สมาคโม</b> : อยู่ร่วมกับปราชญ์นำสุขมาให้ เหมือนสมาคมกับญาติ </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สงฺเกเถว อมิตฺตสฺมึ มิตฺตสฺมิมฺปิ น วิสฺสเส </b> : ควรระแวงในศัตรู แม้ในมิตรก็ไม่ควรไว้ใจ </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ตครํ ว ปลาเสน โย นโร อุปนยฺหติ ปตฺตาปิ สุรภี วายนฺติ เอวํ ธีรูปเสวนา</b> : คนห่อกฤษณาด้วยใบไม้ แม้ใบไม้ก็หอมไปด้วยฉันใด การคบกับนักปราชญ์ก็ฉันนั้น </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปูติมจฺฉํ กุสคฺเคน โย นโร อุปนยฺหติ กุสาปิ ปูติ วายนฺติ เอวํ พาลูปเสวนา </b> : คนห่อปลาเน่าด้วยใบหญ้าคา แม้หญ้าคาก็พลอยเหม็นเน่าไปด้วยฉันใด การคบคนพาลก็ฉันนั้น </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดการสร้างตัว</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อลาโภ ธมฺมิโก เสยฺโย ยญฺเจ ลาโภ อธมฺมิโก</b> : ถึงไม่ได้ แต่ชอบธรรม ยังดีกว่าได้โดยไม่ชอบธรรม</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปฏิรูปการี ธุรวา อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนิ </b> : ขยัน เอาธุระ ทำเหมาะจังหวะ ย่อมหาทรัพย์ได้</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โภคา สนุนิจยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ</b> : ทรัพย์สินย่อมพอกพูนขึ้นได้ เหมือนดังก่อจอมปลวก</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ </b> : การงานไม่คั่งค้างสับสน เป็นมงคลอย่างสูงสุด</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>น หิ จินฺตามยา โภคา อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา </b> : โภคะของใคร ไม่ว่าสตรีหรือบุรุษ ที่จะสำเร็จเพียงด้วยคิดเอา ย่อมไม่มี</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> สกมฺมุนา โหติ ผลูปปตฺติ</b> : ความอุบัติแห่งผล ย่อมมีได้ด้วยการกระทำของตน</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยหึ ชีเว ตหึ คจฺเฉ น นิเกตหโต สิยา</b> : ชีวิตจะอยู่ได้ที่ไหน พึงไปที่นั้น ไม่พึงให้ที่อยู่ฆ่าตนเสีย</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดการปกครอง</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "> </span></span><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> สพฺพํ รฏฺฐํ สุขํ เสติ ราชา เจ โหติ ธมฺมิโก</b> : ถ้าผู้ปกครองทรงธรรม ประเทศชาติก็เป็นสุข</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สพฺพํ ปรวสํ ทุกฺขํ </b> : การอยู่ในอำนาจของผู้อื่น เป็นทุกข์ทั้งสิ้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สงฺเกยฺย สงฺกิตพฺพานิ </b> : พึงระแวง สิ่งที่ควรระแวง</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ </b> : พึงยกย่องคนที่ควรยกย่อง</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> ปมาทา ชายเต ขโย </b> : เมื่อมีความประมาท ก็เกิดความเสื่อม</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> ขยา ปโทสา ชายนฺติ </b> : เมื่อมีความเสื่อม ก็เกิดโทษประดัง</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ </b> : สักการะฆ่าคนชั่วได้</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>รกฺเขยฺยานาคตํ ภยํ </b> : พึงป้องกันภัยที่ยังมาไม่ถึง</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดสามัคคี</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> </b><b>สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี </b> : สามัคคีของหมู่ทำให้เกิดสุข</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สูกเรหิ สมคฺเคหิ พฺยคฺโฆ เอกายเน หโต </b> : สุกรทั้งหลายพร้อมเพรียงกันยังฆ่าเสื้อโคร่งได้ เพราะใจรวมเป็นอันเดียว</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สาม คฺยเมว สิกฺเขถ พุทฺเธเหตํ ปสํสิตํ สามคฺยรโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสตํ</b> : พึงศึกษาความสามัคคี , ความสามัคคีนั้น ท่านผู้รู้ทั้งหลาย </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> เอโส หิ อุตฺตริตโร ภาราวโห ธุรนฺธโร โย ปเรสาธิปนฺนานํ สยํ สนฺธาตุมรหติ </b> : ผู้ใดเมื่อคนอื่นล่วงเกินกันอยู่ ตนเองกลับหาทางเชื่อมเขาให้คืนดีกันได้ ผู้นั้นแล ชื่อว่าเป็นคนเอาภาระ เป็นผู้จัดธุระที่ดียอดเยี่ยม</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี สมคฺคานญฺจนุคฺคโห สมคฺครโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสติ </b>: ความพร้อมเพรียงของหมู่เป็นสุข และการสนับสนุนคนผู้พร้อมเพรียงกันเป็นสุข, ผู้ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกัน ตั้งอยู่ในธรรมย่อมไม่คลาดจากธรรมอันเกษมจากโยคะ</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดพบสุข</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "> </span></span><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>น หึสนฺติ อกิญฺจนํ </b> : ไม่มีอะไรเลย ไม่มีใครเบียดเบียน</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> สุขิโน วตารหนฺโต </b> : ท่านผู้ไกลกิเลส มีความสุขจริงหนอ</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สกิญฺจนํ ปสฺส วิหญฺญมานํ </b> : คนมีห่วงกังวล ย่อมวุ่นวายอยู่</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยาวเทวสฺสหู กิญฺจิ ตาวเทว อขาทิสํ </b> : ตราบใดยังมีชิ้นเนื้อคาบไว้นิดหน่อย ตราบนั้นก็ยังถูกกลุ้มรุมยื้อแย่ง</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส จ นินฺทา ปสํสา จ สุขํ จ ทุกฺขํ เอเต อนิจฺจา มนุเชสุ ธมฺมา มา โสจิ กึ โสจสิ โปฏฺฐปาท </b> : ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข และ ทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาในหมู่มนุษย์ ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน อย่าเศร้าโศกเลย ท่านจะโศกเศร้าไปทำไม</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ </b> : ความสุข (อื่น) ยิ่งกว่าความสงบไม่มี </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดทาน</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ</b> : ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ย่อมได้สิ่งที่เลิศอีก</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ธีโร จ ทานํ อนุโมทมาโน</b> : คนฉลาด พลอยยินดีการให้ทาง</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>นิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา </b> : คนใจการุณ ช่วยแก้ไขคนให้หายโศกเศร้า</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>เสฏฐนฺทโท เสฏฐมุเปติ ฐานํ </b> : ผู้ให้สิ่งประเสริฐ ย่อมถึงฐานะที่ประเสริฐ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปุพฺเพ ทานาทิกํ ทตฺวา อิทานิ ลภตี สุขํ มูเลว สิญฺจิตํ โหติ อคฺเค จ ผลทายกํ</b> : ให้ทานเป็นต้นก่อน จึงได้สุขบัดนี้ เหมือนรดน้ำที่โคนให้ผลที่ปลาย </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนฺติ สาคร เอวเมว อิโต ทินฺนํ เปตานํ อุปกปฺปติ </b> : ห้วงน้ำที่เต็ม ย่อมยังสาครให้เต็มได้ฉันใด ทานที่ให้แต่โลกนี้ ย่อมสำเร็จแก่ผู้ละไปแล้วฉันนั้น </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โส จ สพฺพทโท โหติ โย ททาติ อุปสฺสยํ อมตนฺทโท จ โส โหติ ธมฺมมนุสาสติ</b> : ผู้ใดให้ที่พักอาศัย ผู้นั้นชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวง ผู้ใดสอนธรรม ผู้นั้นชื่อว่าให้อมตะ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อนฺนโท พลโท โหติ วตฺถโท โหติ วณฺณโท ยานโท สุขโท โหติ ทีปโท โหติ จกฺขุโท </b> : ผู้ให้ข้าวชื่อว่าให้กำลัง ผู้ให้ผ้าชื่อว่าให้ผิวพรรณ ผู้ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้ความสุข ผู้ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> มนาปทายี ลภเต มนาปํ อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ วรสฺส ทาตา วรลาภี จ โหติ เสฏฺฐนฺทโท เสฏฺฐมุเปติ ฐานํ </b> : ผู้ให้ของชอบใจ ย่อมได้ของชอบใจ ผู้ให้ของเลิศ ย่อมได้ของเลิศ ผู้ให้ของดี ย่อมได้ของดี ผู้ให้ของประเสริฐ ย่อมถึงฐานะอันประเสริฐ</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดศีล</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>สีลํ โลเก อนุตฺตรํ </b> : ศีล เป็นเยี่ยมในโลก</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โย จ วสฺสสตํ ชีเว ทุสฺสีโล อสมาหิโต เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย สีลวนฺตสฺส ฌายิโน</b> : ผู้ไม่มีศีล ไม่มั่นคง ถึงจะเป็นอยู่ตั้งร้อยปี , ส่วนผู้มีศีล เพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่วันเดียวประเสริฐกว่า</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>น เวทา สมฺปรายาย น ชาติ นปิ พนฺธวา สกญฺจ สีลสํสุทฺธํ สมฺปรายสุขาวหํ </b> : เวทมนต์ ชาติกำเนิด พวกพ้อง นำสุขมาให้ในสัมปรายภพไม่ได้ ส่วนศีลของตนที่บริสุทธิ์ดีแล้ว จึงนำสุขมาให้ในสัมปรายภพได้</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย</b> : ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์ </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ </b> : ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์ </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> สี ลํ เสตุ มเหสกฺโข สีลํ คนฺโธ อนุตฺตโร สีลํ วิเลปนํ เสฏฺฐํ เยน วาติ ทิโส ทิสํ : ศีลเป็นสะพานอันสำคัญ ศีลเป็นกลิ่นที่ไม่มีกลิ่นอื่นยิ่งกว่า ศีลเป็นเครื่องลูบไล้อันประเสริฐสุด เพราะศีล (มีกลิ่น) ขจรไปทั่วทุกทิศ </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดจิต</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>จิตฺเตน นียติ โลโก </b> : โลกถูกจิตนำไป</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ</b> : จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>วิหญฺญตี จิตฺตวสานุวตฺตี</b> : ผู้ประพฤติตามอำนาจจิตย่อมลำบาก </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข </b> : พึงรักษาจิตของตน เหมือนคนประคองบาตรที่เต็มด้วยน้ำมัน </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย</b> : ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อานาปานสฺสติ ยสฺส อปริปุณฺณา อภาวิตา กาโยปิ อิญฺชิโต โหติ จิตฺตมฺปิ โหติ อิญฺชิตํ </b> : สติกำหนดลมหายใจเข้าออก อันผู้ใดไม่อบรมให้บริบูรณ์ ทั้งกายทั้งจิตของผู้นั้นก็หวั่นไหว </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> เสโล ยถา เอกฆโน วาเตน น สมีรติ เอวํ นินฺทาปสํสาสุ น สมิญฺชนฺติ ปณฺฑิตา</b> : ภูเขาหินแท่งทึบ ไม่สั่นสะเทือนเพราะลมฉันใด บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวในนินทาและสรรเสริญฉันนั้น </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดกรรม</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ</b> : ความดี อันคนชั่วทำยาก </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ </b> : ทำกรรมใดแล้วไม่ร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำนั้นแลเป็นดี </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยา ทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ </b> : บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>นิสมฺม กรณํ เสยฺโย</b> : ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำดีกว่า </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> รกฺเขยฺย อตฺตโน สาธุ ลวณํ โลณตํ ยถา</b> : พึงรักษาความดีของตนไว้ ดังเกลือรักษาความเค็ม </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ กตตฺโถ นาวพุชฺฌติ ปจฺฉา กิจฺเจ สมุปฺปนฺเน กตฺตารํ นาธิคจฺฉติ </b> : ผู้อื่นทำความดีให้ ทำประโยชน์ให้ก่อน แต่ไม่นึกถึง (บุญคุณ) เมื่อมีกิจเกิดขึ้นภายหลัง จะหาผู้ช่วยทำไม่ได้</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดความตาย</span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สพฺพํ เภทปริยนฺติ เอวํ มจฺจาน ชีวิตํ </b> : ชีวิตของสัตว์เหมือนภาชนะดิน ซึ่งล้วนมีความสลายเป็นที่สุด </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>น มิยฺยมานํ ธนมนฺเวติ กิญฺจิ</b> : ทรัพย์สักนิดก็ติดตามคนตายไปไม่ได้ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อฑฺฒา เจว ทฬิทฺทา จ สพฺเพ มจฺจุ ปรายนา </b> : ทั้งคนมีคนจน ล้วนมีแต่ความตายเป็นเบื้องหน้า </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยถา วาริวโห ปูโร วเห รุกฺเข ปกูลเช เอวํ ชราย มรเณน วุยฺ หนฺเต สพฺพปาณิโน </b>: ห้วงน้ำที่เต็มฝั่ง พึงพัดต้นไม้ซึ่งเกิดที่ตลิ่งไปฉันใด สัตว์มีชีวิตทั้งปวง ย่อมถูกความแก่และความตายพัดไปฉันนั้น </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อจฺเจนติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน ปุญฺญานิ กยิราถ สุขาวหานิ </b>: กาลย่อมล่วงไป ราตรีย่อมผ่านไป ชั้นแห่งวัยย่อมละลำดับไป ผู้เล็งเห็นภัยในมรณะนั้น พึงทำบุญอันนำความสุขมาให้</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดบุญ</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>ปญฺญํ สุขํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ </b> : บุญนำสุขมาให้ในเวลาสิ้นชีวิต </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมึ ปติฏฺฐา โหนฺติ ปาณินํ</b> : บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ในโลกหน้า </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>มาวมญฺเญถ ปุญฺญสฺส น มตฺตํ อาคมิสฺสติ อุทพินฺทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ อาปูรติ ธีโร บุญฺญสฺส โถกํ โถกํปิ อาจินํ </b> : ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่มีมาถึง แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาฉันใด ผู้มีปัญญาสั่งสมบูญแม้ทีละน้อย ๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญ ฉันนั้น </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สหาโย อตฺถชาตสฺส โหติ มิตฺตํ ปุนปฺปุนํ สยํ กตานิ ปุญฺญานิ ตํ มิตฺตํ สมฺปรายิกํ </b> : สหายเป็นมิตรของคนผู้มีความต้องการเกิดขึ้นบ่อย ๆ บุญทั้งหลายที่ตนทำเองนั้น จะเป็นมิตรในสัมปรายภพ</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดกิเลส</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> </span><b>สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม </b> : ความกำหนัดเพราะดำริ เป็นกามของคน</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>น สนฺติ กามา มนุเชสุ นิจฺจา</b> : กามทั้งหลายที่เที่ยง ไม่มีในหมู่มนุษย์</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี อุนฺนฬา จาสมาหิตา น เต ธมฺเม วิรูหนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต </b> : ผู้คนหลอกลวง เย่อหยิ่ง เพ้อเจ้อ ขี้โอ่ อวดดี และไม่ตั้งมั่น ย่อมไม่งอกงามในธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> นิทฺทํ น พหุลีกเรยฺย ชาคริยํ ภเชยฺย อาดาปี ตนฺทึ มายํ หสฺสํ ขิฑฺฑํ เมถุนํ วิปฺปชเห สวิภูสํ </b> : ผู้มีความเพียรไม่พึงนอนมาก พึงเสพธรรมเครื่องตื่น พึงละความเกียจคร้าน มายา ความร่าเริง การเล่น และเมถุนพร้อมทั้งเครื่องประดับเสีย </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อิ จฺฉาย พชฺฌตี โลโก อิจฺฉาวินยายุ มุจฺจต อิจฺฉาย วิปฺปหาเนน สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธนํ</b> : โลกถูกความอยากผูกพันไว้ จะหลุดได้เพราะกำจัดความอยาก เพราะละความอยากเสียได้ จึงชื่อว่าตัดเครื่องผูกทั้งปวงได้ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อุเปกฺขโก สทา สโต น โลเก มญฺญตี สมํ น วิเสสี น นีเจยฺโย ตสฺส โน สนฺติ อุสฺสทา </b> : ผู้วางเฉยมีสติทุกเมื่อ ไม่สำคัญตนว่าเสมอเขา ดีกว่าเขา หรือต่ำกว่าเขาในโลก ผู้นั้นชื่อว่า ไม่มีกิเลสเฟื่องฟูขึ้น </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปุราณํ นาภินนฺเทยฺย นเว ขนฺติมกุพฺพเย หิยฺยมาเน น โสเจยฺย อากาสํ น สิโต สิยา </b> : ไม่พึงเพลิดเพลินของเก่า ไม่พึงทำความพอใจในของใหม่ เมื่อสิ่งนั้นเสื่อมไป ก็ไม่พึงเศร้าโศก ไม่พึงอาศัยตัณหา</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>มูฬฺโห อตฺถํ น ชานาติ มูฬฺโห ธมฺมํ ปสฺสต อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โมโห สหเต นรํ</b> : ผู้หลงย่อมไม่รู้อรรถ ผู้หลงย่อมไม่เห็นธรรม ความหลงครอบงำคนใดเมื่อใด ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยสฺส นตฺถิ อิทํ เมติ ปเรสํ วาปิ กญฺจนํ มมตฺตํ โส อสํวินฺทํ นตฺถิ เมติ น โสจติ </b> : ผู้ใดไม่กังวลว่า นี้ของเรา นี้ของผู้อื่น ผู้นั้น เมื่อไม่ถือว่าเป็นของเรา จึงไม่เศร้าโศกว่าของเราไม่มี ดังนี้ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดบาป</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><b>มลา เว ปาปกา ธมฺมา อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ </b> : บาปธรรมเป็นมลทินแท้ ทั้งโลกนี้และโลกหน้า</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ โส โสจติ โส วิหญฺญติ ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺฐมตฺตโน </b> : ผู้ทำบาป ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ละไปแล้วก็เศร้าโศก ชื่อว่าเศร้าโศกในโลกทั้งสอง เขาเห็นกรรมอันเศร้าหมองของตน จึงเศร้าโศกและเดือดร้อน </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปาณิ มฺหิ เจ วโณ นาสฺส หเรยฺย ปาณินา วิสํ นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต </b> : ถ้าฝ่ามือไม่มีแผล ก็พึงนำยาพิษไปด้วยฝ่ามือได้ ยาพิษซึมเข้าฝ่ามือไม่มีแผลไม่ได้ฉันใด บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำฉันนั้น </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> วาณิโชว ภยํ มคฺคํ อปฺปสตฺโถ มหทฺธโน วิสํ ชีวิตุกาโมว ปาปานิ ปริวชฺชเย </b>: ควรงดเว้นบาปเสีย เหมือนพ่อค้ามีพวกน้อยมีทรัพย์มาก เว้นหนทางที่มีภัย และเหมือนผู้รักชีวิตเว้นยาพิษเสียฉะนั้น </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดทุกข์</span></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สงฺขารา ปรมา ทุกฺขา</b> : สังขาร เป็นทุกข์อย่างยิ่ง </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ทุราวาสา ฆรา ทุกฺขา</b> : เหย้าเรือนที่ปกครองไม่ดี นำทุกข์มาให้</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ทฬิทฺทิยํ ทุกฺขํ โลเก </b> : ความจน เป็นทุกข์ในโลก </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก</b> : การเป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ทุกฺขํ อนาโถ วิหรติ </b> : คนไม่มีที่พึ่ง อยู่เป็นทุกข์ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต</b> : ผู้แพ้ ย่อมอยู่เป็นทุกข์ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อกิญฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา</b> : ทุกข์ ย่อมไม่ตกถึงผู้หมดกังวล </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ปิยานํ อทสฺสนํ ทุกฺขํ </b> : การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เป็นทุกข์ </div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><img width="35" height="20" border="0" alt="" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/dookdik/kai_1388_20060801122851.gif" /> <span style="background-color: rgb(0, 255, 255); ">หมวดเบ็ดเตล็ด </span></b><span style="background-color: rgb(0, 255, 255); "> </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><b><br /></b></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span style="font-weight: bold; "> </span><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อวนฏฺฐิตจิตฺตสฺส ลหุจิตฺตสฺส ทุพฺภิโน นิจฺจํ อทฺธุวสีลสฺส สุขภาโว น วิชฺชติ </b> : เมื่อมีจิตใจไม่หนักแน่น เป็นคนใจเบา มักประทุษร้ายมิตร มีความประพฤติกลับกลอกเป็นนิตย์ ย่อมไม่มีความสุข</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อิตฺถีธุตฺโต สุราธุตฺโต อกฺขธุตฺโต จ โย นโร ลทฺธํ ลทฺธํ วินาเสติ ตํ ปราภวโต มุขํ </b> : คนใดเป็นนักเลงหญิง นักเลงสุรา และนักเลงการพนันย่อมล้างผลาญทรัพย์ที่ตนได้แล้ว ๆ, ข้อนั้นเป็นเหตุแห่งผู้ฉิบหาย</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อุป นียติ ชีวิตมปฺปมายุ ํ ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขามาโน โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข</b> : ชีวิตคืออายุอันน้อยนี้ ถูกชรานำเข้าไป เมื่อสัตว์ถูกชรานำเข้าไปแล้ว ย่อมไม่มีเครื่องต้านทาน ผู้เล็งเห็นภัยในมรณะนั้น มุ่งความสงบ พึงละโลกามิสเสีย</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>น ปเรสํ วิโลมานิ น ปเรสํ กตากตํ อตฺตโน ว อเวกฺเขยฺย กตานิ อกตานิ จ </b> : ไม่ควรฟังคำก้าวร้าวของคนอื่น, ไม่ควรมองดูการงานของคนอื่นที่เขาทำแล้วและยังไม่ได้ทำ, ควรพิจารณาดูแต่การงานของตนที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำเท่านั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>ยถา ปิ มูเล อนุปทฺทเว ทฬฺเห ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเรว รูหติ เอวฺมปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต นิพฺพตฺตติ ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุนํ </b> : เมื่อรากยังมั่นคงไม่มีอันตราย ต้นไม้แม้ถูกตัด แล้วย่อมงอกได้อีกฉันใด เมื่อตัณหานุสัยยังไม่ถูกกำจัดแล้ว ทุกข์นี้ย่อมเกิดร่ำไปฉันนั้น</span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>หิริโอตฺตปฺปญฺเญว โลกํ ปาเลติ สาธุกํ </b>: หิริและโอตตัปปะ ย่อมรักษาโลกไว้เป็นอันดี </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /><b> โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา </b> : เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อรติ โลกนาสิกา </b> : ความริษยาเป็นเหตุทำโลกให้ฉิบหาย </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>อโรคฺยปรมา ลาภา </b> : ความไม่มีโรค เป็นลาภอย่างยิ่ง </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>กาโล ฆสติ ภูตานิ สพฺพาเนว สหตฺตนา </b> : กาลเวลา ย่อมกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวมันเอง </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สพฺพญฺจ ปฐวึ ทชฺชา นากตญฺญุมภิราธเย </b> : ถึงให้แผ่นดินทั้งหมด ก็ยังคนอกตัญญูให้จงรักไม่ได้ </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>หนนฺติ โภคา ทุมฺเมธํ </b> : โภคทรัพย์ ย่อมฆ่าคนมีปัญญาทราม </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ </b> : สักการะ ย่อมฆ่าคนชั่วเสีย </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><br /></span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 0); "><span style="font-weight: bold; "> </span><img border="0" alt="" src="http://img.kapook.com/image/icon/cs_icon/bullet02.gif" /> <b>นตฺถิ โลเก รโห นาม ปาปกมฺมํ ปกุพฺพโต</b> : ชื่อว่าที่ลับของผู้ทำบาปกรรม ไม่มีในโลก </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "> <span class="Apple-style-span" style="color: rgb(128, 0, 128); ">คราวนี้ เพื่อน ๆ ก็ได้รู้จักพุทธศาสนสุภาษิตที่น่าสนใจกันหลายหมวดแล้ว ยังไงเพื่อน ๆ ก็ลองนำพุทธศาสนสุภาษิตเหล่านี้ ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเพื่อน ๆ กันดูนะคะ </span></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><br /></div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); ">ขอขอบคุณข้อมูลจาก</div><div style="font-family: Tahoma; text-align: -webkit-auto; background-color: rgb(255, 255, 255); "><a target="_blank" href="http://www.dhammathai.org/proverb/proverbthai.php" style="text-decoration: none; ">dhammathai.org</a> , <a target="_blank" href="http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=31498" style="text-decoration: none; ">dhammajak.net</a></div><div><br /></div></div>Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-91209013043263329362011-09-21T15:09:00.000-07:002011-09-21T16:17:11.550-07:00ข้อวัตรปฏิบัติ...สำหรับพระภิกษุสงฆ์วัดป่าน้ำโจน (พอสังเขป)<table width="991" height="10036" border="0" style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: 'Times New Roman'; background-color: rgb(51, 102, 0); "><tbody><tr><td><div align="center" class="style2" style="font-size: 30px; "><span ><b><br /></b></span></div></td></tr><tr><td><div align="center"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept057.jpg" width="600" height="450" /><table width="588" border="0"><tbody><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">...ออกบิณฑบาต...</div></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center"><table width="916" border="0"><tbody><tr><td width="450"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept015.jpg" width="450" height="338" /></td><td width="450"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept031.jpg" width="450" height="338" /></td></tr></tbody></table><table width="198" border="0"><tbody><tr><td width="188"><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">...ยามเช้า...</div></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center"><table width="200" border="0"><tbody><tr><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept035.jpg" width="450" height="338" /></td><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept074.jpg" width="300" height="450" /></td></tr></tbody></table><table width="668" border="0"><tbody><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); "><span class="style13">...นี่แหละ <span class="style14" style="color: rgb(0, 255, 255); ">"</span><span class="style3" style="color: rgb(255, 0, 153); ">อาหารทิพย์</span><span class="style14" style="color: rgb(0, 255, 255); ">"</span>.. ไม่ได้ไปอ้อนวอนร้องขอ หลอกลวงต้มตุ๋น ปล้นจี้ หรือลักขโมยใคร...</span></div></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr></tr><tr><td><div align="center"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept032.jpg" width="600" height="450" /></div></td></tr><tr><td><div align="center"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept036.jpg" width="600" height="450" /><table width="565" border="0"><tbody><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">...ฉลองศรัทธาญาติโยม...</div></td></tr></tbody></table><table width="200" border="0"><tbody><tr><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept043.jpg" width="450" height="338" /></td><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept066.jpg" width="300" height="452" /></td></tr></tbody></table><table width="532" border="0"><tbody><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">...ให้พรญาติโยมที่มาทำบุญ...</div></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept013.jpg" width="600" height="450" /><table width="772" border="0"><tbody><tr><td height="26"><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); "><span class="style27" style="color: rgb(255, 0, 204); ">พิจารณา..ก่อนฉัน </span><br />...อาหารเหล่านี้ก็คือของปฏิกูล เรา<span class="style18" style="color: rgb(0, 255, 0); ">"</span><span class="style15" style="color: rgb(255, 0, 0); ">ฉัน</span><span class="style18" style="color: rgb(0, 255, 0); ">"</span> เข้าไปเพื่อประทังชีวิต เพื่อเลี้ยงซากปฏิกูล คือ ร่างกายเรานี่แหละ พอได้มีกำลังวังชาทำความพากความเพียรไม่ได้<span class="style17" style="color: rgb(255, 0, 255); ">"</span><span class="style4" style="color: rgb(255, 255, 0); ">ฉัน</span><span class="style17" style="color: rgb(255, 0, 255); ">"</span>ไปเพื่อบำรุงบำเรอกามราคะให้เพิ่มพูนแต่อย่างใด...บุญกุศลใดหากเกิดขึ้นแล้วมีขึ้นแล้วแก่ข้าพเจ้านี้ก็ขอ ให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เสียสละสังขารเหล่านี้มาเป็นอาหารแก่ข้าพเจ้า ตลอดจนถึงผู้นำอาหารเหล่านี้มาถวายเป็นทานแก่ข้าพเจ้า จงเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญนี้ด้วยจงทุกประการ..สาธุ...<br /></div></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept034.jpg" width="600" height="450" /><table width="682" border="0"><tbody><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); "><span class="style4" style="color: rgb(255, 255, 0); ">โภชเนมัตตัญญุตา</span>...รู้จักประมาณในการขบฉัน</div></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center"><table width="200" border="0"><tbody><tr><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept019.jpg" width="300" height="400" /></td><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept045.jpg" width="530" height="398" /></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center"><span class="style11" style="font-size: 25px; font-family: AngsanaUPC; color: rgb(0, 0, 255); font-weight: bold; "><span class="style5" style="color: rgb(255, 255, 255); ">...</span><span class="style14" style="color: rgb(0, 255, 255); ">"</span><span class="style3" style="color: rgb(255, 0, 153); ">ฉัน</span><span class="style14" style="color: rgb(0, 255, 255); ">"</span><span class="style5" style="color: rgb(255, 255, 255); "> เสร็จก็นำบาตรมาล้างให้สะอาด...</span></span></div></td></tr><tr><td><div align="center"><table width="200" border="0"><tbody><tr><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept020.jpg" width="450" height="338" /></td><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept079.jpg" width="270" height="405" /></td></tr></tbody></table><table width="611" border="0"><tbody><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); "><span class="style20">....แล้วก็เช็ดให้แห้งทั้งข้างนอกข้างใน...จะได้ไม่มีกลิ่นอับกลิ่นคาว...</span></div></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center"><table width="200" border="0"><tbody><tr><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept067.jpg" width="475" height="315" /></td><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept0999.jpg" width="430" height="323" /></td></tr></tbody></table><table width="722" border="0"><tbody><tr><td width="712"><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">...เสร็จแล้วจึงใส่ถลกบาตร ขาบาตร ให้เรียบร้อยก่อนนำไปผึ่งและเก็บที่กุฏิของใครของมันเป็นอันจบสิ้น<br />ภารกิจการ <span class="style4" style="color: rgb(255, 255, 0); ">"<span class="style17" style="color: rgb(255, 0, 255); ">ฉัน</span>"</span> อาหารในวันนี้ จะไม่มีการมานั่ง<span class="style14" style="color: rgb(0, 255, 255); ">"</span><span class="style24" style="color: rgb(255, 102, 0); ">ฉัน</span><span class="style14" style="color: rgb(0, 255, 255); ">"</span> อีกแล้ว ...นี่แหละ..<span class="style18" style="color: rgb(0, 255, 0); ">อาสนะเดียว</span>...</div></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept068.jpg" width="300" height="452" /><table width="697" border="0"><tbody><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">...ตากผ้า ผึ่งผ้า...</div></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center"><table width="200" border="0"><tbody><tr><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept070.jpg" width="270" height="407" /></td><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept071.jpg" width="270" height="407" /></td><td><table width="200" border="0"><tbody><tr><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept039.jpg" width="350" height="263" /></td></tr><tr><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept038.jpg" width="350" height="263" /></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">ร่วมกันทำข้อวัตรในการดูแลเสนาสนะ...กวาด ถู ทำความสะอาดศาลา</div></td></tr><tr><td><div align="center"><table width="200" border="0"><tbody><tr><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept017.jpg" width="450" height="338" /></td><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept018.jpg" width="450" height="338" /></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center"><span class="style11" style="font-size: 25px; font-family: AngsanaUPC; color: rgb(0, 0, 255); font-weight: bold; "><span class="style5" style="color: rgb(255, 255, 255); ">...กาสาวะ = น้ำฝาด ,พัสตร์ = ผ้า</span><span class="style4" style="color: rgb(255, 255, 0); "><span class="style5" style="color: rgb(255, 255, 255); ">..</span> กาสาวพัสตร์</span> <span class="style22" style="color: rgb(0, 153, 0); ">=</span> <span class="style15" style="color: rgb(255, 0, 0); ">ผ้าย้อมน้ำฝาด</span></span><span class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">...</span><table width="200" border="0"><tbody><tr><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept055.jpg" width="300" height="400" /></td><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept056.jpg" width="450" height="338" /></td></tr></tbody></table><table width="848" border="0"><tbody><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">...ผ้านี้เรานุ่งห่มเพียงเพื่อป้องกันความอุจจาด ป้องกันความร้อน ความหนาว ป้องกัน<span class="style4" style="color: rgb(255, 255, 0); ">เหลือบ</span><span class="style3" style="color: rgb(255, 0, 153); "> ยุง</span> <span class="style14" style="color: rgb(0, 255, 255); ">ริ้นไร </span>เท่านั้น หาได้ต้องการอวดอ้างความร่ำรวยหรูหราไม่ <span class="style24" style="color: rgb(255, 102, 0); "> จีวร</span> = <span class="style18" style="color: rgb(0, 255, 0); ">ผ้าห่ม</span> , <span class="style15" style="color: rgb(255, 0, 0); ">สบง</span> = <span class="style14" style="color: rgb(0, 255, 255); ">ผ้านุ่ง</span> , <span class="style17" style="color: rgb(255, 0, 255); ">สังฆาฏิ</span> = <span class="style4" style="color: rgb(255, 255, 0); ">ผ้าห่มซ้อนกันหนาว</span></div></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept024.jpg" width="600" height="450" /><table width="519" border="0"><tbody><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">เดินจงกรม</div></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept025.jpg" width="600" height="450" /><table width="396" border="0"><tbody><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">นั่งภาวนา</div></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept026.jpg" width="600" height="450" /><table width="798" border="0"><tbody><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">ฉันน้ำปานะตอนบ่าย...<span class="style15" style="color: rgb(255, 0, 0); ">น้ำปานะ</span> คือ น้ำคั้นจากผลไม้ หรือน้ำคั้นจากผลไม้ หรือน้ำอ้อย น้ำตาล น้ำหวาน น้ำผึ้ง ฯลฯ เหล่านี้เราฉันเพียงเพื่อประทังความอ่อนระโหย ไม่ได้ฉันเพื่อความอร่อยปากอร่อยลิ้นแต่อย่างใด</div></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr></tr><tr><td><div align="center"><table width="916" border="0"><tbody><tr><td width="450"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept022.jpg" width="450" height="338" /></td><td width="450"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept023.jpg" width="450" height="338" /></td></tr></tbody></table><table width="200" border="0"><tbody><tr><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept075.jpg" width="270" height="405" /></td><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept040.jpg" width="350" height="263" /></td><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept091.jpg" width="270" height="407" /></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">กวาดตาด...ทำความสะอาดลานวัด</div></td></tr><tr><td><div align="center"><table width="200" border="0"><tbody><tr><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept096.jpg" width="300" height="452" /></td><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept042.jpg" width="330" height="451" /></td></tr></tbody></table></div></td></tr></tbody></table><table width="947" border="0" style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: 'Times New Roman'; background-color: rgb(51, 102, 0); "><tbody><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">...สวดมนต์ทำวัตรเย็น เพือระลึกถึงคุณ<span class="style4" style="color: rgb(255, 255, 0); ">พระพุทธ</span> <span class="style15" style="color: rgb(255, 0, 0); ">พระธรรม</span> <span class="style18" style="color: rgb(0, 255, 0); ">พระสงฆ์</span>...</div></td></tr><tr><td><div align="center"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept028.jpg" width="600" height="450" /><table width="326" border="0"><tbody><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">...นั่งภาวนา...</div></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr><td><div align="center"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept041.jpg" width="600" height="450" /></div></td></tr><tr><td><div align="center"><span class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">...ฟังธรรมจากครูบาอาจารย์...</span></div></td></tr><tr></tr><tr><td><div align="center"><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept053.jpg" width="600" height="450" /></div></td></tr><tr><td><div align="center"><table width="200" border="0"><tbody><tr><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept099.jpg" width="450" height="338" /></td><td><img src="http://www.watpanamjone.org/Image/Precept0990.jpg" width="450" height="338" /></td></tr></tbody></table></div></td></tr><tr></tr><tr><td><div align="center" class="style6" style="font-family: AngsanaUPC; font-weight: bold; font-size: 25px; color: rgb(255, 255, 255); ">...<span class="style15" style="color: rgb(255, 0, 0); "><span class="style17" style="color: rgb(255, 0, 255); ">การทำการงานชอบ<span class="style5" style="color: rgb(255, 255, 255); ">..</span><span class="style4" style="color: rgb(255, 255, 0); ">ความเพียรชอบ</span><span class="style5" style="color: rgb(255, 255, 255); ">..</span><span class="style24" style="color: rgb(255, 102, 0); ">สติชอบ</span></span> </span> ก็คือ งานถอดงานถอน เพียรถอดเพียรถอน สติจดจ่ออยู่กับ<br />การถอดถอนกิเลสอาสวะออกจากจิตจากใจตัวเองนั่นแหละ...พระกำลังทำงานในที่ทำงานของท่าน...</div></td></tr></tbody></table>Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-27531693518327820012011-09-21T15:07:00.000-07:002011-09-21T15:08:24.802-07:00ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน<h1 class="page-title" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 5px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 1.5em; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; border-bottom-style: solid; border-bottom-color: rgb(175, 191, 223); color: rgb(15, 67, 107); width: 555px; font-family: arial, helvetica, clean, sans-serif; text-align: -webkit-auto; ">ตามรอยไก่กะไข่ *-* อะไรเกิดก่อนกัน ??*_*<sup style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 19px; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; "></sup></h1><div class="clear" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 13px; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; clear: both; overflow-x: hidden; overflow-y: hidden; visibility: hidden; width: 0px; height: 0px; font-family: arial, helvetica, clean, sans-serif; line-height: 19px; text-align: -webkit-auto; "></div><div class="body" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 13px; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; overflow-x: auto; overflow-y: auto; font-family: arial, helvetica, clean, sans-serif; line-height: 19px; text-align: -webkit-auto; "><h1 style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 25px; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(128, 0, 0); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(255, 0, 0); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: rgb(0, 255, 0); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 255); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: rgb(255, 255, 153); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-decoration: underline; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: rgb(204, 255, 255); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(255, 0, 255); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: rgb(255, 255, 255); "><img src="http://learners.in.th/file/26v15boyubon/43.jpg" border="0" width="80" height="71" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: middle; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; " /></span>ไก่</span>&<span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(255, 0, 0); ">ไข่</span></span></span></span></span></span></span> </span></h1><h3 style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 21px; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: center; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 128); ">ตั้งแต่ผมเกิดมาจำความได้ก็ได้ยินคำถามว่า "ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน"</span></h3><h5 style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 17px; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 16px; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(128, 0, 0); background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; "> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 128, 0); ">สวัสดีครับพี่น้อง ที่ชื่นชอบไก่ ไม่ว่าจะเป็นไก่ชน หรือไก่ตีลงหม้อ ทุกท่าน ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบไก่เหมือนกัน เลยขอเป็นสมาชิกเลี้ยงไก่อีกคนนะครับ</span></span></h5><h5 style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 17px; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 16px; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 128, 0); background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; "> ครั้งนี้ผมจะเขียนเรื่องไก่กะไข่ครับ ที่ไปที่มาของไก่และไข่ว่าเกิดมาได้อย่างไร หลายคนคงรู้แล้วว่ากว่าจะมาเป็นไก่และไข่ที่เราเห็นทุกวันนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ผมก็คิดว่ายังมีหลายคนที่ยังไม่รู้ใช่ไหมครับ และผมเชื่อว่าอีกไม่นานทุกคนจะได้รู้แล้วครับ</span></h5><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(128, 0, 0); "> ก่อนอื่นผมขอเล่าอะไรซักเล็กน้อยก่อนครับ แต่ก่อนบ้านผมเคยเลี้ยงไก่ชนเพื่อชนไก่ประมาณ 20-30 ตัว ไก่ผมก็มีทั้งเพาะพันธุ์เองและซื้อมาเลี้ยง ชนชนะบ้างแพ้บ้าง ต่อมาเจอเหตุการณ์ไข้หวัดนกก็เลยเลิกเลี้ยงไป ปัจจุบันหลังจากที่ผมได้ทำงานฟาร์มไก่บ้านมาประมาณ 2 ปี ผมก็เริ่มที่จะเลี้ยงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมเลี้ยงทั้งไก่บ้านและไก่ชน ไก่บ้านผมเลี้ยงไว้กินครับ ถ้าเหลือก็ขาย ส่วนไก่ชนผมเลี้ยงไว้ขายอย่างเดียวไม่นำไปชนเอง ซึ่งมีเพือนเป็นคนสนับสนุนเรื่องสายพันธุ์ไก่ชนซึ่งเขามีประการณ์ทางด้านนี้ แต่พึ่งเริ่มเลี้ยงครับ ยังไม่คงที่เลย และผมจะทำต่อไปครับ</span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(128, 0, 0); "> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 128); ">ผมพอมีประสบการณ์การเลี้ยงไก่บ้านในระบบอุตสาหกรรมมาบ้าง ดังนั้นผมจะเปรียบเทียบการเลี้ยงแบบหลังบ้านและแบบธุรกิจไปด้วยกันเลยครับ ถ้ามีอะไรที่ผิดไปก็ขอให้ท่านผู้อ่านได้ชี้แนะด้วยครับ</span></span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: center; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 255); "></span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: center; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 255); ">จากรูปทั้งสี่รูปจะเห็นช่วงชีวิตไก่ในระยะต่างๆ</span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: center; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 255); "><img src="http://learners.in.th/file/26v15boyubon/DSC00425.JPG" border="0" width="211" height="142" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: middle; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; " /> <img src="http://learners.in.th/file/26v15boyubon/DSC00893.JPG" border="0" width="194" height="143" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: middle; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; " /></span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: center; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 255); "><img src="http://learners.in.th/file/26v15boyubon/42.jpg" border="0" width="221" height="147" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: middle; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; " /> <img src="http://learners.in.th/file/26v15boyubon/124.jpg" border="0" width="188" height="139" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: middle; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; " /></span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: center; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(128, 0, 0); ">เมื่อดูรูปแล้วผมขอเล่า<span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(255, 0, 0); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-decoration: underline; ">นิทานเรื่อง"ไก่สองตัว ภาค 1"</span></span> ให้อ่านต่อเลยครับผม</span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 255); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 128); "> ครั้งหนึ่ง มีไก่ตัวเมีย 2 ตัว ทั้งสองได้มาเจอกันที่ตลาดสดโดยบังเอิญ </span><br /> ตัวที่หนึ่ง พูด <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 128, 0); ">เธอมาทำอะไรที่นี่จ๊ะ</span><br /> ตัวที่สอง พูด <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(255, 0, 255); ">ฉันมาขายทั้งตัว เธอล่ะมาทำอะไร</span><br /> ตัวที่หนึ่ง พูด <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 128, 0); ">ฉันก็เหมือนกัน </span><br /><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 51, 102); ">ทั้งสองคุยกันถูกคอมาก เหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน<br /> ตัวที่หนึ่งเล้าว่าเราเป็นไก่ที่มาจากสังคมเล็กๆหลังบ้านของคน เป็นครอบครัวที่อบอุ่นที่มีแม่และพี่น้องอีก 9 ตัว พวกเราหากินโดยการล่าแมลงและพืชเป็นอาหาร บางครั้งก็มีคนใจดีนำอาหารมาให้ ตอนนี้พวกเราก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว และได้แยกกันไปตามตลาดต่างๆ บางตัวหล่อ สวย ก็ได้เป็นพ่อแม่พันธุ์ต่อไป บางตัวไม่สวยก็ถูกเจ้าของนำไปเป็นอาหารหรือถูกขายไป ส่วนเราไม่ได้ขนาดเลยมาอยู่ตลาดจนได้พบกับเธอไง<br /> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 255); ">ตัวที่สองฟังแล้วเลยพูดว่า</span> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(255, 0, 255); ">เธอยังดีนะมีครอบครัวที่อบอุ่น</span><br /> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 255); ">ตัวที่หนึ่ง พูด</span> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(51, 153, 102); ">ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ เธอก็ดูสมบูรณ์เหมือนมาจากบ้านคนรวยเลย</span><br /> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 255); ">ตัวที่สอง พูด</span> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(255, 0, 255); ">ใช่แล้ว </span><br /> เธอจึงเล่าชีวิตเธอให้ฟัง ฉันมาจากฟาร์มขนาดใหญ่ อุดมสมบูรณ์ด้วยอาหาร มีเพื่อนมากมาย แต่ที่น่าเศร้าคือ ทุกตัวเป็นเด็กกำพร้า เกิดมาไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่เลย พวกเราถูกเลี้ยงดูอย่างดีในที่สบายเพื่อให้โตเร็ว จึงทำให้เราต้องใช้ยาบ่อยๆเพราะอ่อนแอ เกิดมาวันแรกก็โดนเข็มเลย หลังจากนั้น 3 วัน ก็โดนจี้ปากให้สั้นลงเพื่อป้องกันการจิกกัน แล้วต้องกินยาอีก 2-3 ครั้ง จนกว่าจะเป็นหนุ่มสาว คิดดูซิเธอว่าเราโชคดีหรือโชคร้ายล่ะ<br /> หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็ถูกขายออกไปจากตลาด </span></span></p><h4 style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 19px; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 255); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; ">****มันคุยกันเสร็จแล้วมันก็ไป แล้วมันมาจากไหน มายังไง ไปดูกันต่อเลยครับ****<br /></span></span><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(128, 0, 0); "> </span><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 20pt; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: navy; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; ">เส้นทางไก่บ้านและไก่ฟาร์ม</span><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 24pt; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: navy; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; "></span></h4><p class="MsoNormal" style="margin-top: 0cm; margin-right: 0cm; margin-bottom: 0pt; margin-left: 0cm; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-indent: 36pt; "><strong style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; font-weight: bold; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 16pt; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: blue; font-family: 'Cordia New'; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; ">เส้นทางไก่บ้านและไก่ฟาร์ม ต้องใช้เวลาเท่าไรจนถึงจุดสุดท้ายของชีวิต ลองมาดูไปพร้อมๆกันว่าสุดท้ายแล้วไก่แต่ละตัวจะไปไหนกันบ้าง</span></strong><strong style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; font-weight: bold; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 18pt; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: blue; font-family: 'Cordia New'; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; "> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; "> </span></span></strong><strong style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; font-weight: bold; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 16pt; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: blue; font-family: 'Cordia New'; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; ">ไปกันเลยครับ</span></strong></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 18pt; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: blue; font-family: 'Cordia New'; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; "></span> จากไข่ฟองเล็กๆ ฟองหนึ่ง กลายมาเป็นแม่ไก่ที่ให้ไข่ และกลายเป็นไก่ที่เรากิน แต่ไข่ที่จะเป็นตัวไก่นั้นต้องได้รับการผสมพันธุ์ก่อน ไข่ที่ขายตามท้องตลาดให้เรากินนั้นไม่สามารถเป็นลูกไก่ได้ เมื่อไข่ผสมพันธุ์มีเชื้อแล้ว จากนั้นก็เข้ากระบวนการฟัก โดยใช้เวลาประมาณ 21 วัน จึงจะเป็นลูกไก่</p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-decoration: underline; "><strong style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; font-weight: bold; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 18pt; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: maroon; font-family: 'Cordia New'; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; ">เคยเห็นการฟักไข่กันบ้างไหมครับ</span></strong></span><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 18pt; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: maroon; font-family: 'Cordia New'; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; "> </span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: center; "><img src="http://learners.in.th/file/26v15boyubon/images.jpg" border="1" width="173" height="153" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: middle; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; " /> <img src="http://learners.in.th/file/26v15boyubon/126.jpg" border="1" width="195" height="154" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: middle; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; " /></p><p class="MsoNormal" style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 51, 0); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(255, 0, 255); ">การฟักไข่อย่างมีคุณภาพ ย่อมได้ลูกไก่คุณภาพด้วย</span></span></p><p class="MsoNormal" style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 51, 0); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; "></span> การฟักของไก่บ้านจะใช้แม่ไก่ฟักเอง ตามธรรมชาติ ใช้เวลาประมาณ 21 วัน หรืออาจมากกว่านี้ การฟักระบบฟาร์มจะใช้ตู้ฟักในการฟักควบคุมอุณหภูมิ 37.5-37.7 ºc ,ความชื้น 80-85 ºF( wb ) เป็นการเลียนแบบธรรมชาติของไก่ ฟักได้จำนวนมากและเวลาออกที่แน่นอนกว่าไก่ฟักเอง หลังจากเป็นลูกไก่แล้วขั้นต่อไป เรียกว่า การกก</span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; "> <strong style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; font-weight: bold; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-decoration: underline; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(128, 0, 0); ">มาดูกันครับว่าช่วงเด็กของน้องไก่เข้าใช้ชีวิตอย่างไรกัน</span></span></strong> </p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: center; "><img src="http://learners.in.th/file/26v15boyubon/87248724.jpg" border="0" width="185" height="152" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: middle; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; " /> <img src="http://learners.in.th/file/26v15boyubon/127.jpg" border="0" width="218" height="154" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: middle; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; " /></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; "></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 51, 0); "> การกกคือการให้ความอบอุ่นแก่ลูกไก่ ไก่บ้านเกิดมามีแม่ให้ความอบอุ่น หากินตามธรรมชาติ ส่วนไก่ฟาร์มเกิดมามีอาหารกินแบบบุปเฟ่มีนีออนหรือแก๊สให้ความอบอุ่น อุณหภูมิที่เหมาะสมในการกกประมาณ 30-35 องศาเซลเซียส การกกเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้ไก่แข็งแรงหรืออ่อนแอ ดังนั้นช่วงกกจึงต้องดูแลเป็นพิเศษ ดั่งคำว่า <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(255, 0, 255); ">" กกดี มีชัยไปกว่าครึ่ง"</span> มีไหม 55 ช่วงนี้ใช้เวลาประมาณ 14 วัน แล้วแต่ฤดูกาล หลังจากนั้นก็เข้าช่วงวัยรุ่นแล้ว</span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 51, 0); "> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 255); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-decoration: underline; ">นิทาน"เจ้าไก่สองตัว ภาค 2"</span></span> จากตอนที่แล้วทั้งสองเจอกันที่ตลาดสดแล้วถูกขายออกไปพร้อมกัน ณ บ้านหลังหนึ่ง หลังจากซื้อไก่สองตัวมาเพื่อจะทำเป็นอาหารเย็นและอาหารเช้าวันพรุ่งนี้ </span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 51, 0); "></span><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 51, 0); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(128, 0, 0); "> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(51, 153, 102); ">แม่พูด</span> พ่อ</span><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(128, 0, 0); ">เราจะทำตัวไหนก่อนดี</span></span><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(128, 0, 0); "> </span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(128, 0, 0); "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 128); "> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(51, 153, 102); "> พ่อพูด</span> ลองถามเจ้าไก่ดีไหมแม่</span> </span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(128, 0, 0); "> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(51, 153, 102); ">แม่พูด</span> ดีเหมือนกัน <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 0); ">ทั้งสองก็ถามไก่ว่า </span></span><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(255, 0, 255); ">เจ้าไก่เอ๋ยตัวไหนจะเป็นอาหารมื้อเย็นเราก่อน </span></p><p class="MsoNormal" style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 51, 0); "></span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; "></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; "> ไก่บ้านพูดขึ้น เราก่อน เรามีเนื้อที่เเน่น อร่อย เป็นที่นิยมของคนทั่วไป ไก่ฟาร์มพูดบ้าง เราก่อน เรามีเนื้อนุ่มคล้ายแป้ง อร่อยเหมือนกัน <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 255); ">ท่านผู้อ่านช่วยเลือกให้พ่อแม่คู่นี้หน่อยนะครับว่าจะกินไก่ตัวไหนก่อน</span><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 255); "> </span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: center; "><img src="http://learners.in.th/file/26v15boyubon/41.jpg" border="0" width="208" height="150" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: middle; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; " /> <img src="http://learners.in.th/file/26v15boyubon/01.jpg" border="0" width="206" height="148" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: middle; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; " /></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 128); ">ไก่บ้านใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 5-6 เดือน จึงจะมีน้ำหนักที่เหมาะจะกินได้ หากินตามธรรมชาติทำให้มีกล้ามเนื้อเหนียวนุ่มเป็นที่ถูกปากคนทั่วไป จึงทำให้มีราคาแพง ส่วนไก่ฟาร์มใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 45 วัน หรือถ้าเป็นไก่สามสายก็เลี้ยงประมาณ 60 วัน โดยการพัฒนาสายพันธุ์และให้กินอาหารเต็มที่เพื่อเร่งการเจริญเติบโต จึงทำให้คุณภาพเนื้อไม่ดีเท่าไก่บ้านและมีราครถูกกว่า ส่วนใหญ่เลี้ยงเพื่อการแปรรูป </span></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: center; "><img src="http://learners.in.th/file/26v15boyubon/DSC03315.JPG" border="0" width="200" height="161" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: middle; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; " /> <img src="http://learners.in.th/file/26v15boyubon/02.jpg" border="0" width="201" height="159" style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: middle; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; " /></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "> ไก่ที่มาจากฟาร์มจะถูถนำมากินอย่างเดียว โดยแบ่งเป็นไก่เนื้อ คือจุดมุ่งหมายเพื่อกินเนื้ออย่างเดียว และไก่ไข่ คือเลี้ยงเพื่อกินไข่อย่างเดียว ถ้าไก่ที่จะทำพันธุ์จะแยกเลี้ยงต่างหาก ส่วนไก่บ้านเป็นได้ทุกอย่าง ถ้าตัวไหนลักษณะดีก็ทำพันธุ์ นอกนั้นก็นำมากิน</p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "> ที่เหล่ามาข้างต้นจุดประสงค์เลี้ยงเพื่อกินเนื้อไก่ ถ้าจะกินไข่จะต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือนสำหรับไก่ฟาร์ม ส่วนไก่บ้านนานกว่านั้น จะไว้เขียนในบทความต่อไป สวัสดีครับ</p><h4 style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; font-size: 19px; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: center; "><span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(255, 0, 255); ">****ขอให้ทุกคนมีความสุขสวัสดี ขอบคุณครับ****</span></h4><p class="MsoNormal" style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: left; "></p><p style="margin-top: 15px; margin-right: 0px; margin-bottom: 15px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; text-align: center; "> <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(128, 0, 128); ">จนถึงบัดเดียวนี้ผมยังไม่รู้คำตอบเลย <span style="margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; vertical-align: baseline; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: transparent; color: rgb(0, 0, 128); ">"ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน" </span>ใครตอบได้ช่วยบอกที</span></p></div>Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2491689864102514960.post-42766983214416729262011-09-21T14:58:00.001-07:002011-09-21T14:58:57.317-07:00มาอ่านกันเถิดนะ<table cellspacing="0" cellpadding="3" width="100%" align="center" border="0" style="font-family: 'MS Sans Serif', CordiaUPC; font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); background-color: rgb(255, 255, 255); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" align="center" style="font-size: 11pt; "><table width="95%" border="0" cellspacing="2" cellpadding="2" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" style="font-size: 11pt; "><table border="0" align="center" cellspacing="2" cellpadding="2" bgcolor="#F5F5F5" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td style="font-size: 11pt; "><img src="http://fwmail.teenee.com/etc/img0/m82916.jpg" align="center" alt="หยุดป่วนกันเสียทีนะ...โยม" /></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td align="center" style="font-size: 11pt; "><span >หยุดป่วนกันเสียทีนะ...โยม</span></td></tr></tbody></table><span ><b></b></span><br /></td></tr></tbody></table></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" align="center" style="font-size: 11pt; "><table width="95%" border="0" cellspacing="2" cellpadding="2" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" style="font-size: 11pt; "><table border="0" align="center" cellspacing="2" cellpadding="2" bgcolor="#F5F5F5" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td style="font-size: 11pt; "><img src="http://fwmail.teenee.com/etc/img0/m82917.jpg" align="center" alt="" /></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td align="center" style="font-size: 11pt; "><span ></span></td></tr></tbody></table><span ><b></b></span><br /></td></tr></tbody></table></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" align="center" style="font-size: 11pt; "><table width="95%" border="0" cellspacing="2" cellpadding="2" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" style="font-size: 11pt; "><table border="0" align="center" cellspacing="2" cellpadding="2" bgcolor="#F5F5F5" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td style="font-size: 11pt; "><img src="http://fwmail.teenee.com/etc/img0/m82918.jpg" align="center" alt="" /></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td align="center" style="font-size: 11pt; "><span ></span></td></tr></tbody></table><span ><b></b></span><br /></td></tr></tbody></table></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" align="center" style="font-size: 11pt; "><table width="95%" border="0" cellspacing="2" cellpadding="2" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" style="font-size: 11pt; "><table border="0" align="center" cellspacing="2" cellpadding="2" bgcolor="#F5F5F5" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td style="font-size: 11pt; "><img src="http://fwmail.teenee.com/etc/img0/m82919.jpg" align="center" alt="" /></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td align="center" style="font-size: 11pt; "><span ></span></td></tr></tbody></table><span ><b></b></span><br /></td></tr></tbody></table></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" align="center" style="font-size: 11pt; "><table width="95%" border="0" cellspacing="2" cellpadding="2" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" style="font-size: 11pt; "><table border="0" align="center" cellspacing="2" cellpadding="2" bgcolor="#F5F5F5" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td style="font-size: 11pt; "><img src="http://fwmail.teenee.com/etc/img0/m82920.jpg" align="center" alt="" /></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td align="center" style="font-size: 11pt; "><span ></span></td></tr></tbody></table><span ><b></b></span><br /></td></tr></tbody></table></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" align="center" style="font-size: 11pt; "><table width="95%" border="0" cellspacing="2" cellpadding="2" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" style="font-size: 11pt; "><table border="0" align="center" cellspacing="2" cellpadding="2" bgcolor="#F5F5F5" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td style="font-size: 11pt; "><img src="http://fwmail.teenee.com/etc/img0/m82921.jpg" align="center" alt="" /></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td align="center" style="font-size: 11pt; "><span ></span></td></tr></tbody></table><span ><b></b></span><br /></td></tr></tbody></table></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" align="center" style="font-size: 11pt; "><table width="95%" border="0" cellspacing="2" cellpadding="2" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" style="font-size: 11pt; "><table border="0" align="center" cellspacing="2" cellpadding="2" bgcolor="#F5F5F5" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td style="font-size: 11pt; "><img src="http://fwmail.teenee.com/etc/img0/m82922.jpg" align="center" alt="" /></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td align="center" style="font-size: 11pt; "><span ></span></td></tr></tbody></table><span ><b></b></span><br /></td></tr></tbody></table></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" align="center" style="font-size: 11pt; "><table width="95%" border="0" cellspacing="2" cellpadding="2" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td valign="top" style="font-size: 11pt; "><table border="0" align="center" cellspacing="2" cellpadding="2" bgcolor="#F5F5F5" style="font-size: 11pt; color: rgb(0, 0, 0); "><tbody><tr style="font-size: 11pt; "><td style="font-size: 11pt; "><img src="http://fwmail.teenee.com/etc/img0/m82923.jpg" align="center" alt="" /></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td align="center" style="font-size: 11pt; "><span ></span></td></tr></tbody></table><span ><b></b></span><br /></td></tr></tbody></table></td></tr><tr style="font-size: 11pt; "><td style="font-size: 11pt; "> </td></tr></tbody></table>Nitinandhohttp://www.blogger.com/profile/15040767990704395309noreply@blogger.com0