เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ถ้าโลกนี้ไม่มี Facebook




ถ้าโลกนี้ไม่มี Facebook

วันนี้ Facebook ได้กลายเป็น ส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน
ของใครต่อใครมากมาย บนโลกใบนี้ไปแล้ว

เชื่อว่ามีหลายคนตื่นเช้าขึ้น ด้วยการเข้า Facebook ก่อนการล้างหน้าแปรงฟัน
เพื่อ update status บอกประชาคมชาวโลก …ว่าตื่นแล้ว

มีบางคนถึงกับบอกว่า
ช่วงนี้ตัวเอง Update Status บ่อยกว่าคุยกับคนในครอบครัวซะอีก :)

ผมเลยคิดเล่น ๆ ว่าถ้าไม่มี Facebook พวกเราจะเป็นไงนะ

เราจะให้ดอกไม้จริง ๆ กันมากขึ้นมั้ย ให้โดยไม่ต้องขอใครว่า
“โปรดมอบกลับให้ฉันหนึ่งดอก!”

คนเราจะสนใจเป็นเกษตรกร ทำฟาร์ม ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ปลูกต้นไม้ กันมากขึ้นมั้ยนะ
ในชีวิตจริง

หรือเราจะหมดโอกาส ที่จะได้รับข้อเสนอ ให้ทำง่าย ๆ ได้เงินเยอะ ๆ
เป็นนักศึกษาอยู่ก็ทำได้ … (พร้อมรูปประกอบกางธนบัตรเป็นพัด โชว์ความมั่งคั่ง)

แล้วคนไทยจะมั่นใจกันน้อยลงกับเรื่องต่าง ๆ มั้ย

มั่นใจว่าคนไทยเกินล้านเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
มั่นใจว่านาธาน อาจจะพูดจริง
มั่นใจว่านักการเมือง จะทำอย่างที่พูดไว้

หรือจะมั่นใจว่า เราไม่สามารถมั่นใจอะไรได้!

เราจะกินอาหารได้เร็วขึ้นอีกนิดหรือเปล่า เพราะไม่ต้อง ถ่ายภาพ อัพเฟซ
เหมือนต้องกินยาก่อนอาหาร จากนั้นเพื่อนมาคอมเมนต์ว่า น่ากิน ๆ อยากกิน ๆ

เราอาจด่าใครโดยเก็บไว้ในใจบ้าง ไม่ต้องแถลงการณ์เป็นสาธารณะ
เหมือนด่ากราด แล้วให้เพื่อนเรามารับคำด่านั้น แทนคนที่เราอยากด่า
แล้วปลอบใจเรา … เฮ้ย ใจเย็น ๆ

ส่วนไอ้คนที่เราด่า มัน remove เราไปแล้ว มันไม่เห็นอะไร ที่เราด่าสักคำ

คู่รัก สามี ภรรยา จะไม่ต้องทะเลาะเบาะแว้ง เลิกกัน หย่ากัน เพราะคอมเมนท์
จากมือที่สาม สี่ ห้า หก หรือเพราะรูปถ่ายที่ Tag กันไปมา แล้วความลับแตก

แล้วพวกเราจะชื่นชมกันจริง ๆ ได้บ่อยเหมือนที่กด Like ให้กันมั้ย

หรือเราเริ่มชินกับการชี้นิ้ว เพิ่มเพื่อน ชี้นิ้วชื่นชม ชี้นิ้วเลิกคบ ทุกอย่างล้วนง่าย ๆ เพียงปลายนิ้ว
รวดเร็ว ซะจนเดี๋ยวนี้ รู้สึกมั้ยว่าเราไม่สามารถจะอดทน รออะไรได้นาน ๆ อีกแล้ว

Facebook ทำให้เรา เหมือนจะต้องสอดรู้สอดเห็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องรู้ เพิ่มขึ้นไหมหนอ
เรื่องที่ไม่ได้ทำให้เราได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา

เขียนมาตรงนี้ หลายคนอาจคิด ทำไมมองโลก แบน ๆ แคบ ๆ ล่ะ
คิดถึงประโยชน์มากมายของมันหรือเปล่า

หลายคนได้อ่านเรื่องดี ๆ ได้อ่านข้อคิด ธรรมะต่าง ๆ
ได้นำไปสื่อสาร เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากมาย

แหม … ก็คิดนะครับ มุมเหล่านั้นน่ะ
เพราะอะไร ๆ มันก็มีสองด้านเสมอนั่นแหละ

จะว่าไป ที่พิมพ์อยู่นี่ ก็เพื่อ post ผ่าน Facebook นี่แหละครับ
ถ้าคุณได้อ่านมัน แสดงว่ามันมีประโยชน์กับผมเช่นกัน
อย่างน้อย ก็ทำให้ข้อเขียนนี้ ไม่สูญเปล่า เพราะมีคนอ่าน

นั่งพิมพ์อยู่นี่ ก็หลายนาทีนะเนี่ย ^^

และผมจะดีใจเช่นกัน ถ้าคุณ(เผลอ)กด Like หรือโหวต ให้ด้วย (อ้าว ….)

ถ้าไม่มี Facebook เราอาจได้เวลาเพิ่มขึ้นอีกหลายนาทีเหมือนกันนะต่อวัน
แล้วเราจะเอาเวลานี้ไปทำอะไรดีล่ะ?

ไม่เอา … อย่าไปคิดให้ปวดหัวเลย

ผมว่าถ้าโลกนี้ไม่มี Facebook มันก็จะมีอย่างอื่นทำนองเดียวกันนี้
ในชื่ออื่น ๆ ให้เราเอาเวลานี้ไปใช้อยู่ดี

เพราะโลกมันก็เป็นอย่างนี้ของมันนั่นแหละ

ขอเพียงให้ Facebook ไม่ใช่ เฟคบุ๊ค (Fakebook) ที่เราเอาไว้หลอกใครต่อใคร
(รวมถึงตัวเอง) จนกระทั่งมันกลายเป็น เฟซทุกข์ ไปก็พอ

เอ้า … Post

Add ผมได้นะครับ
http://www.facebook.com/supameeh

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น