กรมทรัพย์ฯ เตือนลำน้ำชีร้อนอาจเป็นอันตรายได้
กรมทรัพย์ฯ เตือนลำน้ำชีร้อนอาจเป็นอันตรายได้
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก manamthai.com , ครอบครัวข่าว 3, ไอเอ็นเอ็น
กรมทรัพย์ฯ คาดลำน้ำชีร้อนอาจมาจาก 2 ปัจจัย พบสารแขวนลอยปนเปื้อนอื้อ วัดความเค็มได้เทียบเท่าน้ำทะเล
จากปรากฏการณ์อุณหภูมิน้ำในลำน้ำชีที่บริเวณบ้านพลวง คุ้มโคกช้าง ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ ร้อนขึ้นจากใต้ผิวน้ำในระดับความลึก 80-90 เชนติเมตร โดยไม่ทราบสาเหตุ และได้เป็นข่าวออกไปหลังจากชาวบ้านพบเหตุการณ์นี้ในวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ขณะออกหาปลาในบริเวณลำน้ำดังกล่าว และยังพบปลาตายลอยขึ้นเหนือน้ำ จนทำให้มีชาวบ้านต่างเดินทางไปพิสูจน์อุณหภูมิความร้อนของน้ำเป็นจำนวนมากนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา นายทินกร คาทอง นักธรณีวิทยา ชำนาญการพิเศษ กรมทรัพยากรธรณี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กรมทรัพยากรธรณี เดินทางเข้าไปยังลำน้ำชี บริเวณที่เกิดน้ำร้อนใต้ผิวน้ำ เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำและดินไปวิเคราะห์ตรวจสอบหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอุณหภูมิความร้อน และความเค็มของน้ำ
จากการตรวจวัดอุณหภูมิน้ำ พบว่า อุณหภูมิของน้ำสูงถึง 36-37 องศาเซลเซียส ถือเป็นระดับน้ำอุ่น จากค่าปกติอุณหภูมิของน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 25 องศาเซลเซียส นอกจากนี้พบว่าน้ำมีความเป็นกรดอ่อน มีค่าพีเอชหรือความเป็นกรดด่างประมาณ 6 ซึ่งค่าปกติอยู่ที่ 6.5 เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีสารแขวนลอยปนเปื้อนมากเกิน 1.4 หมื่นส่วนในล้านส่วน ถือว่าเทียบเท่ากับค่าคุณภาพน้ำเสีย
ส่วนการตรวจสอบความเค็มของน้ำ ในเบื้องต้นพบว่าน้ำจืดในบริเวณที่เกิดความร้อน มีค่าความเค็มสูงผิดปกติมาก วัดได้ถึง 14,096 มิลลิกรัมต่อลิตร ถือว่ามีค่าความเค็มสูงเทียบเท่ากับระดับน้ำทะเล ส่วนน้ำจืดปกติ ค่าเฉลี่ย อยู่ที่ 750-1,500 มิลลิกรัมต่อลิตร
สำหรับเหตุของการเกิดความร้อน และความเค็มของน้ำ คาดว่าอาจจะมาจาก 2 ปัจจัย อย่างแรกคือ การหมักหมมของซากพืชที่ทับถมกันเป็นเวลานาน และการย่อยสลายของจุลลินทรี ปัจจัยที่ 2 อาจเกิดจากการการทำปฎิกิริยาทางสารเคมีของความเค็ม ที่ฝั่งอยู่ใต้พื้นดิน ทำให้เกิดน้ำร้อนขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องนำดินและน้ำไปตรวจวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
นอกจากนี้ ยังพบบริเวณน้ำร้อนและน้ำเค็มเกิดขึ้นอีกจุดหนึ่งในลำน้ำชี ซึ่งห่างจากจุดเดิมไปประมาณ 500-600 เมตร ลึกเข้ามาใกล้กับบ้านฉางข้าว บ้านพลวง ต.คอโค ระดับความร้อนจะสูงกว่าจุดที่เกิดน้ำร้อนจุดแรก โดยพบว่าน้ำบริเวณนี้มีความลึก 1 เมตร ถึง 1 เมตรครึ่ง แต่ระดับความร้อนใต้น้ำสูงจากพื้นดิน ประมาณ 1 ฟุต เนื่องจากยังไม่มีประชาชนลงไปแช่น้ำ และไปกวนน้ำให้ขุ่น ความร้อนของน้ำบริเวณนี้ ยังร้อนคงที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ นายเลิศสิน รักษาสกุลวงศ์ ผอ.สำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมและธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) ได้ออกมาเตือนประชาชนว่า จุดที่เกิดความร้อนนั้น เป็นแอ่งน้ำนิ่งไม่ไหลประกอบกับมีแก๊สมีเทนใต้ดินที่ทำปฏิกิริยาเคมีคายความร้อน จึงมีอุณหภูมิผิดปกติ จึงขอเตือนประชาชนจำนวนมากที่เข้ามาดูบริเวณดังกล่าวและบางส่วนนำน้ำกลับไปเพราะเชื่อว่ารักษาโรคได้นั้นว่า อย่าบริโภคน้ำดังกล่าว เนื่องจากอาจจะเป็นอันตรายได้
[14 มิถุนายน] ตื่น! ลำน้ำชีร้อนขึ้น ต้มไข่จนเกือบสุก
ลำนำชี ร้อนมาก! ชาวบ้านแห่พิสูจน์ ต้มไข่ พบไข่แดงกลายเป็นยางมะตูม พร้อมเผยน้ำมีรสเปรี้ยว เค็ม แถมมีกลิ่นฉุน
วานนี้ (13 มิถุนายน) ชาวบ้านพลวงคุ้มโคกช้าง ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า น้ำในลำน้ำชี ร้อนผิดปกติ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นโคลน และทราย ซึ่งมีอุณหภูมิร้อนจัดมาก จนชาวบ้านตกใจต่างพากันมาท้าพิสูจน์ในลำนำแห่งนี้ ซึ่งทันทีที่ข่าวแพร่สะพัดออกไปผู้คนต่างสนใจกันมาพิสูจน์ ซึ่งต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า น้ำในลำนำชีร้อนมากผิดปกติ
โดยชาวบ้านได้เล่าว่า บริเวณน้ำบนผิวน้ำข้างบนยังเย็นเป็นปกติ แต่เมื่อเหยียบลงไปที่ผิวดินใต้น้ำ กลับร้อนมาก และได้มีชาวบ้านนำไข่ไก่จำนวน 2 ฟอง มาทดสอบความร้อนใต้น้ำโดยนำไข่ไก่ฟองแรกลงไปหมกในโคลนลึกประมาณ 50 เซนติเมตร หมกทิ้งไว้ 25 นาที พบว่าไข่แดงมีลักษณะเป็นยางมะตูม ส่วนไข่อีกฟอง ได้แช่น้ำร้อนไว้ 20 นาที ปรากฎว่า ทั้งไข่แดงและไข่ขาว ยังไม่สุกเท่ากับไข่ที่หมกไว้ในโคลน อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านได้บอกว่า นอกจากโคลนและทรายดังกล่าวจะร้อนมากแล้ว ยังมีกลิ่นฉุนเหมือนกำมะถัน และน้ำมีรสเปรี้ยว เค็ม โดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งนี้ต้องรอการพิสูจน์อย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ชาวบ้านยังพบว่า มีปลาหลายชนิดตาย เพราะทนสภาพน้ำร้อนไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็น ปลากระดี่ ปลากระตับ และปลาดุก ส่วนคนเฒ่าคนแก่ที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น ต่างพากันมาพิสูจน์น้ำร้อน พร้อมกล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม บรรดาชาวบ้านที่มีอาการเจ็บป่วย ปวดข้อ ปวดหลัง ได้พาตัวกันลงไปแช่น้ำร้อน เพราะเชื่อว่า จะรักษาโรคได้
ทางด้านนายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล นายอำเภอกระสัง จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายชุติเดช บวรรัตนกุล กำนันตำบลหนองเต็ง และนายประสบ บวรรัตนกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองเต็ง ได้มาพิสูจน์น้ำร้อนที่ลำน้ำชีด้วยตัวเอง โดยนายชวนินทร์ ได้ติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีแล้ว เพื่อหาสาเหตุของน้ำที่ร้อนขึ้นต่อไป
เกร็ดความรู้ : สุรินทร์ ดินแดนภูเขาไฟในอดีต
หลังเกิดปรากฎการณ์น้ำในลำน้ำชีร้อนระอุ จนสามารถนำไข่ไก่ลงไปต้มได้ ประกอบกับในบริเวณลำน้ำชี ยังมีกลิ่นฉุนเหมือนกำมะถัน และน้ำมีรสเปรี้ยว และเค็ม โดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องเร่งส่งนักวิชาการลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำในลำน้ำชีที่เกิดร้อน เพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปรากฎการณ์ดังกล่าว ด้วยเกรงว่าประชาชนในพื้นที่จะตื่นกลัว เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในบริเวณที่เป็นภูเขาไฟมาก่อน
โดยภูเขาไฟในพื้นที่ของจังหวัดสุรินทร์ ก็คือ ภูเขาพนมสวาย หรือ วนอุทยานพนมสวาย ซึ่งภูเขาไฟลูกนี้ เป็นภูเขาไฟแบบโล่ (Shield Volcano) คุณสมบัติของลาวาจะไหลได้ง่าย ดังนั้น หากมีการระเบิดขึ้นก็จะไม่รุนแรง และไม่ได้มีแต่เฉพาะในพื้นที่ของจังหวัดสุรินทร์ เท่านั้นที่มีภูเขาไฟ แต่ยังมีภูเขาไฟกระจายอยู่ในอีกหลายภูมิภาคของไทยด้วย อาทิ...
ภาคเหนือ
ภาคกลาง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แม้ประเทศไทยจะมีภูเขาไฟอยู่ในหลายภูมิภาคของประเทศ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตกกังวลแต่อย่างใด เนื่องจากภูเขาไฟเหล่านี้ เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว ต่อให้มีแผ่นดินไหวรุนแรง ก็ไม่อาจทำให้ภูเขาไฟในประเทศไทย เกิดการปะทุขึ้นมาได้เหมือนอย่างกรณีภูเขาไฟปูเยฮิว ประเทศชิลี หรือ ภูเขาไฟนาบร้า ที่เอริเทรีย ในทวีปแอฟริกา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น