เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

..................ยินดีต้อนรับนักการเมืองขี้ฉ้อ !!!

'รวมสุดยอดคุกการเมืองสุดโหด...' ยินดีต้อนรับนักการเมืองขี้ฉ้อ !!!





คุกอัลคาทราซ, สหรัฐอเมริกา

ไทยรัฐ ออนไลน์พาไปดู คุกการเมืองทั่วโลกเพื่อเป็นการออเดิร์ฟนักการเมืองไทยขี้ฉ้อที่ชอบสั่งให้ เกิดความรุนแรง สั่งให้คนไปตายแทน ได้รู้พิษภัยของคุก เพื่อจะได้เป็นมรณานุสติเอาไว้ว่าสักวันหนึ่ง คุกไม่ได้มีเอาไว้ขัง... เท่านั้น

จากปรากฏการณ์ประชาชนไล่ระบบและผู้นำขี้ฉ้อ (ขี้ฉ้อทั้งเรื่องจริงและมีเบื้องหลัง) ตั้งแต่ อียิปต์ ตูนีเชีย ลิเบีย เยเมน ฯลฯ เมืองไทยกำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง แต่ตามสถานการณ์ที่หลายฝ่ายประเมินแบบไม่ต้องพึ่งเซียนการเมือง มังกรมังกือการเมือง แต่อย่างใดว่าน่าจะเกิดความรุนแรงมากมาย

ไทยรัฐ ออนไลน์พาไปดู คุกการเมืองทั่วโลกเพื่อเป็นการออเดิร์ฟนักการเมืองไทยขี้ฉ้อที่ชอบสั่งให้เกิดความรุนแรง สั่งให้คนไปตายแทน ได้รู้พิษภัยของคุก เพื่อจะได้เป็นมรณานุสติเอาไว้ว่าสักวันหนึ่ง คุกไม่ได้มีเอาไว้ขัง... เท่านั้น

1.คุกอัลคาทราซ, สหรัฐอเมริกา

คุณนักการเมืองไทยมาดูคุกแรกเป็นออเดิร์ฟก่อน คุกการเมืองนี้ เรียกได้ว่าอาชญกรตัวเอ้ทั้งหลายฟังชื่อนี้คุกนี้แล้วหนาว...ขึ้นมาทันที เพราะอยู่ในลิสต์รายชื่อคุกโหดที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อัลคาทราซ เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1775 "ฆวน มานูเอล เด อยาลา อี อรันซา" นักเดินเรือชื่อดังชาวสเปนได้เดินทางมาถึงเกาะแห่งหนึ่งในบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโกและได้ตั้งชื่อเกาะอันโดดเดี่ยวซึ่งยังไม่เคยมีใครมาถึงแห่งนี้ว่า "ลา อิสลา เด โลส อัลกาตราเซส" ในภาษาสเปน อันหมายถึงเกาะที่เต็มไปด้วยนกทะเล เนื่องจากไม่ปรากฏว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นใดที่จะสามารถเข้าและออกจากเกาะแห่งนี้ได้นอกเสียจากเจ้านกที่ว่าเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อพวกอังกฤษเดินทางเข้ามาในบริเวณดังกล่าวก็ได้เรียกขานเกาะอัลกาตราเซส แห่งนี้ว่า "อัลคาทราซ" ตามสำเนียงของภาษาตน
เกาะอัลคาทราซตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งของนครซานฟรานซิสโก ในมลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ราว 2.4 กิโลเมตร เดิมทีเดียวเกาะแห่งนี้ถูกใช้สำหรับเป็นที่ตั้งประภาคารสำหรับพวกนักเดินเรือ แต่ด้วยความโดดเดี่ยวห่างไกลของเกาะแห่งนี้ประกอบกับกิตติศัพท์เรื่องคลื่นลมที่ปั่นป่วนรุนแรงในอ่าวซานฟรานซิสโกตลอดทั้งปี ทำให้ในเวลาต่อมาเกาะแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษทางการเมืองในสมัยสงครามกลางเมืองอเมริกันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1861
จนกระทั่งในปีค.ศ.1934 สำนักงานราชทัณฑ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือ "เอฟบีพี" ได้ตัดสินใจเปิดเรือนจำขึ้นบนเกาะแห่งนี้ โดยมีการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึง ป้อมค่ายต่างๆ เพิ่มเติมจากสมัยสมัยสงครามกลางเมือง เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับรองรับบรรดาอาชญากรระดับแถวหน้าของประเทศภายใต้ระบบการรักษาความปลอดภัยที่มีความเข้มงวดสูงสุด หรือที่เรียกกันว่าเป็นเรือนจำระดับ "ซูเปอร์แม็กซ์"

ตลอดระยะเวลา 29 ปี เรือนจำแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นสถานที่คุมขังอาชญากรสุดโฉดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพวกเจ้าพ่อมาเฟีย โจรปล้นธนาคาร รวมถึง นักโทษที่ไม่มีเรือนจำแห่งใดในประเทศเอาอยู่ เช่น อัล คาโปน, รอเบิร์ต สเตราด์, จอร์จ เคลลี, เจมส์ บัลเจอร์, รวมถึง แอลวิน คาร์ปิส

ตามสถิติที่มีการบันทึกไว้ของทางการสหรัฐฯระบุว่ามีความพยายามของนักโทษที่จะหลบหนีจากความโหดร้ายทารุณภายในเรือนจำแห่งนี้จำนวนทั้งสิ้น 14 ครั้งและมีนักโทษที่พยายามหลบหนีออกจากเกาะอัลคาทราซทั้งสิ้น 36 คน แต่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ เนื่องจากในจำนวนดังกล่าว 23 คน ถูกตามจับกลับมาและโดนทรมานปางตาย ,อีก 6 รายถูกยิงทิ้งขณะหลบหนี ส่วนที่เหลือแม้จะหนีออกมาจากเกาะได้ แต่ก็มีอันต้องจมน้ำเสียชีวิตในอ่าวซานฟรานซิสโกขณะกำลังว่ายน้ำหลบหนี

อย่างไรก็ตาม เรือนจำประวัติศาสตร์แห่งนี้ได้ถูกสั่งปิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม ปี 1963 โดยคำสั่งของ "รอเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี" รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ ในเวลานั้น เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯเห็นว่าค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเรือนจำแห่งนี้สูงมากเมื่อเทียบกับเรือนจำอื่นๆ ในประเทศ อีกทั้งตัวอาคารและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ บนเกาะอัลคาทราซถูกกัดกร่อนด้วยฤทธิ์ของเกลือจากน้ำทะเลจนเสื่อมสภาพยากจะบูรณะ

ว่ากันว่านักโทษจำนวนไม่น้อยเสียชีวิตภายในห้องขังที่เรือนจำแห่งนี้ ส่วนหนึ่งตายเพราะบาดแผลติดเชื้อที่ไม่ได้รับการรักษา หรือไม่ก็ตายเพราะทนการทรมานไม่ไหว และเชื่อกันว่าการบาดเจ็บล้มตายของนักโทษจำนวนมากที่อัลคาทราซนี้เป็นที่มาของเสียงประหลาดมากมายในเวลาค่ำคืน เช่น เสียงตัดเหล็ก เสียงปิดประตูห้องขัง หรือเสียงหวีดร้องจากห้องใต้ดิน ซึ่งยังคงมีผู้ได้ยินอยู่อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แม้เรือนจำแห่งนี้จะถูกเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับสาธารณชนมานานหลายสิบปีแล้วก็ตาม





2.หอคอยแห่งลอนดอน, สหราชอาณาจักร

หอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London) เริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1078 ถูกระบุว่า เป็นหนึ่งในสถานที่ซึ่งมีความเป็นมาอันน่าสยดสยองที่สุดในโลก เนื่องจากเคยถูกใช้เป็นทั้งเรือนจำและสถานที่ประหารชีวิตพวกนักโทษทางการเมืองที่เป็นพวก "ชนชั้นสูง" จำนวนนับไม่ถ้วน รวมทั้ง เป็นสถานที่ตัดศีรษะของพระนางแอนน์ โบลีน พระสนมเอกของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 จากความผิดในข้อหาคบชู้และร่วมประเวณีกับคนในสายเลือดเดียวกัน

ว่ากันว่าจนถึงทุกวันนี้ยังมีผู้พบเห็นแอนน์ โบลีนเดินถือศีรษะของตัวเองเดินไปมาและร้องครวญครางอย่างทรมานอยู่ในหอคอยแห่งนี้ รวมถึง ยังมีคำร่ำลือถึงเสียงลากโซ่ตรวน และ เสียงร้องขอชีวิตของวิญญาณเหล่าชนชั้นสูงของอังกฤษที่ตกเป็นนักโทษทางการเมืองอีกจำนวนมาก แม้ปัจจุบันหอคอยแห่งลอนดอนจะได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับผู้คนทั่วไปมานานหลายปีแล้ว




3. เรือนจำ "เปนิเตนซิอาเรีย เด กอมบิตา" , โคลอมเบีย

เรือนจำซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองกอมบิตาทางตอนกลางของประเทศโคลอมเบียแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นเรือนจำที่หฤโหดที่สุดของ "ลาตินอเมริกา" ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นที่กักขังบรรดานักโทษทางการเมือง สมาชิกพรรคฝ่ายค้าน รวมถึงสมาชิกแก๊งค้ายาเสพติด และสมาชิกกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน " FARC" (Fuerzas Armadas Revolucionarias de Colombia) ที่จับอาวุธทำสงครามกลางเมืองกับรัฐบาลโคลอมเบียมาตั้งแต่ปี 1964

มีคำกล่าวกันว่า ใครก็ตามที่ต้องถูกส่งมารับโทษ ณ เรือนจำแห่งนี้ จะมีสภาพไม่ต่างจากการเดินเข้าไปสู่ "นรกบนดิน" ขนานแท้ เพราะสภาพเป็นอยู่อันย่ำแย่ การถูกทารุณทรมาน การถูกใช้แรงงานหนัก และอีกสารพัดวิธีการลงโทษแบบสุดโหดที่บรรดาผู้คุมนำมาใช้กับนักโทษจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ถึงขั้นที่ชาวโคลอมเบียพากันพูดว่าการติดคุกที่กอมบิตาน่าสะพรึงกลัวเสียยิ่งกว่าการต้องรับโทษประหารชีวิตเสียอีก




4.เรือนจำกามุนติง, มาเลเซีย

หนึ่งในคุกที่ว่ากันว่ามีความหฤโหดมากที่สุดในโลกตั้งอยู่ในดินแดน "เสือเหลือง" มาเลเซีย ประเทศเพื่อนบ้านของไทยเรานี่เอง คุกที่ว่าก็คือคุก"กามุนติง" หรือชื่อเต็มๆ ในภาษา "บาฮาซามาเลย์" ว่า " Kem Tahanan Perlindungan Kamunting " ที่ตั้งอยู่ในรัฐเปรัค และถูกรัฐบาลมาเลเซียใช้เป็นสถานที่สอบสวน คุมขัง รวมถึง ใช้สำหรับการทรมานบรรดานักโทษทางการเมืองจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน

ว่ากันว่าคุกที่ได้ชื่อว่ามีความหฤโหดที่สุดในเอเชียแห่งนี้ ถูกรัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดคู่แข่งทางการเมืองมาแล้วหลายต่อหลายราย บ้างก็เสียชีวิตในคุก บ้างก็พิการกลับออกมา หรือไม่ก็ถึงขั้นเสียสติหมดความเป็นผู้เป็นคนไปเลยก็มี โดยหนึ่งในผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อของคุกแห่งนี้ซึ่งคนไทยในยุคนี้น่าจะรู้จักกันดี ก็คือ นายอันวาร์ อิบราฮิม อดีตรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้านอยู่นั่นเอง



5. เรือนจำ "ซี แม็กซ์", แอฟริกาใต้

เรือนจำซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงพริทอเรีย ซึ่งเป็นเมืองหลวงทางด้านการบริหารของแอฟริกาใต้แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นเรือนจำที่มีความเข้มงวดที่สุดในทวีปแอฟริกา และถูกใช้เป็นสถานที่คุมขังบรรดานักโทษที่ก่อคดีร้ายแรง และเหล่าอาชญากรอันดับต้นๆของประเทศ

เรือนจำแห่งนี้ได้ชื่อว่ามีมาตรการลงโทษมากมายต่อนักโทษที่ฝ่าฝืนกฎ โดยหนึ่งในมาตรการที่ "ขึ้นชื่อลือชา"ที่สุดของเรือนจำแห่งนี้ คือ การแยกนักโทษออกไป "ขังเดี่ยว" ในคุกมืดที่ทั้งสกปรก คับแคบ และเต็มไปด้วยสัตว์มีพิษเป็นเวลานานราว "ครั้งละ 23 ชั่วโมง" รวมถึงการช็อตด้วยไฟฟ้า นอกจากนั้น เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเรือนจำแห่งนี้ คือการที่ผู้คุมทุกคนจะมีอาวุธประจำกายเป็น "โล่ไฟฟ้า" เพื่อไว้ใช้กำราบบรรดานักโทษทั้งหลายที่คิดจะแข็งข้อให้อยู่หมัดนั่นเอง


ขอบคุณข่าวจาก: ไทยรัฐออนไลน์
THIS PLUGIN CREATE BY New Network 2th เกมส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น