ไม่เห็นมีอะไรจะต้องเสียใจ
ผมเลือกที่จะทิ้งระยะ หลังจากผลการเลือกตั้ง ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ในการที่จะเขียนบทความนี้ สิ่งที่ผมอยากจะบันทึกไว้ในความทรงจำของผม ก็คือ ปรากฏการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว ทั้งในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก และนอกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก สิ่งที่ผมเห็นก็คือ หลายๆ คนเสียใจ และผิดหวังกับผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก มีทั้งข้อความที่แสดงความรู้สึกดังที่ผมได้กล่าวมาแล้วจากหลายๆ บุคคลมากมาย มีการรวมตัวกันตั้งเป็นกลุ่มในเฟสบุ๊ค ที่จะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน มีการสร้างสื่อที่ช่วยแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี จากพรรคประชาธิปัตย์ จนถึงวันที่ผมเขียนบทความนี้ กระแสต่างๆ เหล่านี้ก็ยังมิได้เลือนหาย และตรงกันข้าม มากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่แพ้กันกับในโลกไซเบอร์ ไม่ว่าไปทางไหน หัวข้อที่คนพูดถึงมากให้ได้ยิน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องผลการเลือกตั้ง ในมุมที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยอนาคตของประเทศ ความรู้สึกเสียใจ เสียดาย และผิดหวังกับผลที่เกิดขึ้น ผมเห็นว่าหลายๆ คน ยังจมอยู่ในสายธารอันเชี่ยวกรากของแม่น้ำแห่งความผิดหวังและความเศร้า ซึ่งผมคงทำได้แค่รับฟัง เพราะเร็วเกินไปที่เราจะพูดอะไรกัน และฟังกัน จนมาถึงวันนี้ ผมคิดว่าหลายๆ คน อาจจะเริ่มพอทำใจให้ยอมรับได้ ผมเลยคิดว่า อยากจะบอกว่าไม่มีอะไรที่เราต้องเสียใจ ไปกับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ด้วยเหตุผล ๓ ประการ นั่นคือ
๑. จากผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น ทำให้เราได้เห็นว่า มีคนมากมายรอบตัวเราจริงๆ ที่เป็นห่วงเป็นใยในประเทศบ้านเกิด ซึ่งนี่จะเป็นพลังที่ดีในการตั้งต้น ไม่ใช่ทุกคนที่หลงอยู่ในโลกของวัตถุนิยม ความเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะตน และการตอบแทนไปซะทั้งหมด
๒. จากกระแสดังกล่าวนี้ ทำให้พรรคที่เป็นรัฐบาลก็ยังไม่ถึงกับทำอะไรตามใจ จนขัดกระแสสังคม ที่สำคัญเราต้องเข้าใจครับว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรที่ดูแย่เกินไปนัก แต่เราคาดการณ์ไปตามอดีตที่เคยเกิดขึ้น แต่ก็อาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะวันนี้กระแสสังคมในทุกภาคส่วนนี้ เข้มแข็งและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยปราศจากการชักจูง และเป็นพลังที่ต้องฟัง
๓. อย่างน้อยที่สุด เราก็ได้รู้ว่าประเทศไทย ยังมีนายกรัฐมนตรี ที่ดีที่สุดที่เราเคยมีมาคนหนึ่ง ลองนึกย้อนเหตุการณ์ไปในช่วงสองปีที่ผ่านมา คุณอภิสิทธิ์ ได้ผ่านโจทย์ยากๆ มามากมาย และท่านก็ได้แสดงให้เราเห็น ในคุณสมบัติที่ถึงพร้อมของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แห่งงราชอาณาจักรไทย และผมก็เชื่อว่าความเป็นต้นแบบของท่าน จะโน้มนำให้ประเทศของเรามีนายกรัฐมนตรีที่ดีได้ในอนาคต
ผมเองในอีกด้านหนึ่ง ก็รู้สึกสงสาร และเห็นใจคุณอภิสิทธิ์ ที่ต้องแบกรับภาระของพวกเราเอาไว้ รู้สึกว่าพวกเราก็แอบเห็นแก่ตัวเหมือนกัน ที่ทำให้ท่านต้องเหนื่อยมาอย่างหนัก และต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน ก็ดีเหมือนกันที่ท่านจะได้พักบ้าง ผมเชื่อว่าถึงท่านไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ท่านก็ยังคงทำงานหนักในฐานะฝ่ายค้าน แต่ก็หวังว่างานจะไม่หนักและกดดันเท่ากับการเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านจะได้ชาร์จพลัง ได้มีความสุขกับครอบครัว และตัวท่านเอง ผมอยากขออนุญาตจะส่งความปรารถนาดี ขอให้ท่านได้มีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่แข็งแรง ผมเองโดยส่วนตัว เชื่อว่า โอกาสหน้า เราอาจจะได้มีนายกรัฐมนตรีชื่อ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" อีกครั้ง ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น