ทำไม่ได้!!! ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 ปชป.ขู่เอาผิด พท.

ทำไม่ได้!!! ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 ปชป.ขู่เอาผิด พท.

สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม


ทำไม่ได้ทันที! ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 ปชป. สบช่องขู่เอาผิดพรรคเพื่อไทย แต่อดีตคน กกต. ชี้เล่นงานยาก เป็นเรื่องประชาชนจะตัดสินเอง

จากกรณีที่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่านโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศไม่สามารถทำได้ทันทีนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคจะนำเรื่องนี้ไปยื่นร้องต่อ กกต. เนื่องจากเห็นว่า เรื่องนี้ถือเป็นการหลอกลวงประชาชนให้ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย จะแถลงรายละเอียดในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้

ขณะที่ พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองเสนอนโยบายและสัญญาว่าจะให้กับประชาชน จะผิดระเบียบ กกต. หรือไม่ว่า หากสัญญาว่าจะให้ของหรือเงิน ตรงนี้จะเข้าข่ายกระทำความผิดกฎระเบียบการเลือกตั้งอย่างชัดเจน แต่ในกรณีที่เป็นนโยบายหาเสียงของพรรค ตรงนี้จะไม่ผิด เนื่องจากไม่ได้สัญญาว่าจะให้ใครเจาะจง ทั้งนี้ รวมไปถึงนโยบายที่สัญญาว่าจะทำให้ได้ภายใน 1 เดือน แต่พอหลังจากเป็นรัฐบาลแล้วไม่สามารถทำได้นั้น ตรงนี้ก็ไม่ผิด แต่ประชาชนผู้ที่เคยสนับสนุนก็จะกังขาเองว่าพรรคการเมืองเหล่านี้หลอกลวงประชาชน

"กรณีที่ ส.ส.พท. จ.พะเยา ไปสัญญาว่าจะแจกแท็บเล็ตให้นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ จ.พะเยา เป็นที่แรกหากได้รับการเลือกตั้งนั้น ตรงนี้ต้องดูเจตนาหรือหลักฐาน ซึ่ง กกต. เองต้องแกะเทปวิดีโอคำพูดกันอย่างละเอียดทีเดียว และหากจะวินิจฉัยโดยระบุว่ามีเหตุอันเชื่อได้เท่านั้น ก็ไม่สามารถจะแจกใบแดงให้กับคนใดได้ แค่ใบเหลืองก็ถือว่าเก่งแล้ว"พล.ต.ต.เอกชัยกล่าว

ขณะที่ นายโคทม อารียา อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า การจะวินิจฉัยต้องดูที่เนื้อหาของคำพูดก่อนว่ามีเจตนาใด หากมีเจตนาที่เฉพาะเจาะจงบุคคลใด องค์กรใดองค์กรหนึ่ง เพื่อชวนเชื่อให้บุคคลนั้น ๆ ไปเลือกตั้งตนเองโดยสัญญาว่าจะให้ค่าต่างตอบแทนเป็นตัวเงินหรือสิ่งของหลังการเลือกตั้ง ตรงนี้ถือว่าผิดโดยตรง เพราะถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย แต่หากเป็นนโยบายพรรคการเมืองที่เป็นผลประโยชน์กับเศรษฐกิจ สังคมของประเทศ ตรงนี้ถือว่าไม่ผิด ถึงแม้ตอนปราศรัยหาเสียงตัว ส.ส.จะระบุเองว่าหากเป็นรัฐบาลจะทำให้ได้ภายใน 1 เดือน แต่ปรากฏว่าเมื่อได้เป็นรัฐบาลกลับไม่สามารถทำได้เหมือนตอนหาเสียง ตรงนี้ประชาชนจะรู้เองว่านักการเมืองหรือพรรคการเมืองดังกล่าวพูดจาโกหกประชาชนและผิดสัญญา

"การสัญญาว่าจะให้ที่เป็นนโยบายพรรค จริง ๆ แล้วตัว ส.ส. เองไม่ควรไปพูด เพราะ ส.ส.เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ควรจะให้ฝ่ายบริหารของพรรคเป็นคนพูดเองจะดีกว่า รวมทั้งต้องดูว่า ส.ส.รายใดไปพูดแล้วเกินขอบเขตกว่าที่นโยบายพรรคระบุไว้หรือไม่ ตรงนี้ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของ กกต. เอง" นายโคทมกล่าว



ขอขอบคุณข้อมูลจาก