เด็กเอ๋ยเด็กดีต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน

Poy Graphio

แม้ชีวิตเลยผ่านวัยแห่งการเป็นเด็กมายาวนาน แต่เพลงหน้าที่เด็ก ก็ยังอยู่ในความทรงจำของผมอยู่ 2 ช่วง คือ ช่วงที่เป็นเด็ก จริง ๆ กับช่วงที่เข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ช่วงเด็ก ๆ นั้น เพลงหน้าที่เด็ก ก็เป็นเนื้อร้องที่ยังอมตะจนถึงปัจจุบันซึ่งเดี๋ยวจะว่ากันต่อไป ส่วน Version ที่ผมได้ฟังตอนรับน้องปีหนึ่ง เนื้อเพลงที่พอจะจำได้ และเปิดเผยได้มีดังนี้ครับ เด็กเอ๋ยเด็กดีต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน เด็กเอ๋ยเด็กดีต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน หนึง ขึ้นบันได สอง ย่องเข้าไป สาม ถามว่าใคร สี่ XXX ใช่ไหม ห้า ตอบว่าใช่ หก XXX เจ็ด XXX แปด XXX เก้า จ่ายเงินไป สิบ พรุ่งนี้มาใหม่ ผมผ่านเพลง Version นี้มานานพอสมคววร แต่ก็ยังจำได้เหมือนกัน ไม่รู้ปัจจุบันยังร้องกันอยู่ไหม Version อุบาทว์นี้ กลับมาที่ Version ต้นฉบับ กันสักนิด มาดูจุดกำเนิดกันว่าเพลงนี้มาได้อย่างไร จุดกำเนิดของเพลง "หน้าที่ของเด็ก" สำหรับเพลง "หน้าที่ของเด็ก" หรือเพลง "เด็กเอ๋ยเด็กดี" นี้ ประพันธ์คำร้องโดย ครูชอุ่ม ปัญจพรรค์ นักเขียนนวนิยายชื่อดังคนหนึ่งของไทย ซึ่งท่านเป็นพี่สาวของครูอาจินต์ ปัญจพรรค์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2534 ครูชอุ่ม ได้เล่าถึงที่มาของเพลง "หน้าที่ของเด็ก" ว่า ในอดีต เมื่อ ปี พ.ศ. 2498 ทางสหประชาชาติได้ประกาศปฏิญญาสากลว่าด้วยหน้าที่ของเด็ก โดยนาย วี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ ได้เชิญชวนให้ทุกประเทศทั่วโลกร่วมจัดงานวันเด็ก เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ รัฐบาลไทย ซึ่งมี จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จึงได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศ ทั้งในระบบโรงเรียนและ นอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ และ ศาสนา ครูชอุ่ม ปัญจพรรค์ ซึ่งท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติคนหนึ่ง ของกระทรวงศึกษาธิการ จึงได้นำเนื้อหาดังกล่าว มาแต่งเป็นกลอนให้คล้องจองกัน และขอให้ครูเอื้อ สุนทรสนานแต่งทำนองให้ จากนั้นก็ได้มีการนำเพลงนี้ไปเปิดทางสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ในวันเด็ก แห่งชาติทุกปี จนถึงทุกวันนี้ เด็กเอ๋ยเด็กดี เด็กเอ๋ยเด็กดีต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน เด็กเอ๋ยเด็กดีต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน หนึ่งนับถือศาสนา สองรักษาธรรมเนียมมั่น สามเชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ สี่วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน ห้ายึดมั่นกตัญญู หกเป็นผู้รู้รักการงาน เจ็ดต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน แปดรู้จักออมประหยัด เก้าต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ ให้เหมาะแก่การสมัยชาติพัฒนา สิบทำตนให้เป็นประโยชน์ รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา... เด็กสมัยชาติพัฒนาจะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน (ซ้ำ) ที่มา http://www.phitchathon.com/announcement/post12 ถึงวันนี้ พ.ศ. นี้ ไม่รู้ว่าหน้าที่เด็กยังสมบูรณ์อยู่ครบสมบูรณ์หรือเปล่า ผมกลับต้องเข้ามาฟังเพลงนี้อีกครั้งเพราะมีลูกสาววัย 3 ขวบที่ต้องดูแล เลยกลับมาคิดว่าก่อนที่จะบอกให้เด็กทำอะไร ผู้ใหญ่อย่างเราต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่างที่ดีใช่หรือเปล่า เพราะถ้าลูกรู้ว่าเพลงนี้มันร้องมานานมากแล้ว ตั้งแต่สมัย พ่อ แม่ ลุง ยังเด็ก แล้วลูกเห็น และคิดว่าว่า ไม่เห็นพ่อเป็นอย่างที่เพลงว่าเลย ต่อให้เปิดเพลงกรอกหูเด็กทุกวัน เอาแค่ข้อหน้าที่ข้อหนึ่ง เด็กก็คงนับถือศาสนา แค่ตามที่พ่อแม่แจ้งเกิด และเขียนไว้ในทะเบียนบ้านเท่านั้น เพลงนี้จะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อ ผู้ใหญ่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่อย่างนั้นลูกคงหัวเราะและคิดว่าเพลงนี้ต้องเป็น เพลงหลอกเด็ก แน่ ๆ ปล. ความคิดนี้รวมถึง คำขวัญวันเด็กทุก ๆ ปี ที่เรากำลังบอกเด็กด้วย ถ้าคำขวัญ ออกจากความคิดผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีด้วยนะครับ เพื่ออนาคตที่ดีของชาติเรา http://www.facebook.com/suwatchai.kaewsubsak http://twitter.com/hrdeverywhere HRD.Everywhere (พ่อหนูไหม ศิษย์ไชยยศ)