หลังการมรณภาพของ "พระเทพโพธิวิเทศ" หรือ "หลวงพ่อทองยอด ภูริปาโล" เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย และหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย ซึ่งถือเป็นพระธรรมทูตรุ่นบุกเบิกในประเทศอินเดีย ทำหน้าที่นำพระพุทธศาสนาคืนกลับสู่แดนพุทธภูมิ
การเผยแผ่พระศาสนาในอินเดียแดนพุทธภูมิในยุคนั้น ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบาก ด้วยต้องต่อสู้กับลัทธิความเชื่อมากมายและการกลั่นแกล้งสารพัดของคนต่างศาสนา ที่บุกรุกแม้กระทั่งสังเวชนียสถาน แต่หลวงพ่อทองยอดไม่ท้อแท้ ยังคงสานงานเผยแผ่ในประเทศอินเดียอย่างมั่นคง จนทำให้พระพุทธศาสนาเติบโตในดินแดนภารตะเช่นทุกวันนี้
การละสังขารของหลวงพ่อทองยอด จึงถือเป็นความสูญเสียปูชนียบุคคลในด้านพระธรรมทูตของคณะสงฆ์ไทย ดังนั้น ตำแหน่ง "หัวหน้าพระธรรมทูตไทยสายอินเดีย-เนปาล" ที่ว่างลง ผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนพระเทพโพธิวิเทศ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ ในการประชุมมหาเถรสมาคม ๑๕/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ที่ประชุมมหาเถรฯ ได้พิจารณาเห็นชอบแต่งตั้ง พระราชรัตนรังษี (วีรยุทธ วีรยุทโธ) อายุ ๕๖ พรรษา ๓๖ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย และหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล สืบแทนพระเทพโพธิวิเทศ ที่มรณภาพ
การแต่งตั้งดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๕
สำหรับพระราชรัตนรังษี ก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล ท่านยังเป็นเจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ และวัดไทยลุมพินีประเทศเนปาล และยังเคยเป็นรองหัวหน้าพระธรรมทูตไทยสายอินเดีย-เนปาลอีกด้วย
ถือเป็นพระเถระอีกรูปหนึ่ง ที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการนำพาพระพุทธศาสนากลับคืนสู่ดินแดนพุทธภูมิ ตลอดระยะเวลากว่า ๒๐ ปีของการทำหน้าที่พระธรรมทูตเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปในต่างประเทศ ทำให้พระราชรัตนรังษี ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับงานพระธรรมทูต ว่า "งานพระธรรมทูต คือ งานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ถ้าคนใจไม่รัก ใจไม่นำทาง ไม่ให้ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ใจเป็นหัวหน้า การเผยแผ่ก็ไม่มีทางขยับจับวางได้อย่างสนิทใจ คือ พิชิตความสำเร็จได้ยาก"
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ณ ตำหนักสมเด็จวัดสระเกศ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ พระราชรัตนรังษี ได้เข้าพิธีรับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย และหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล มีสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานมอบพระบัญชา
โดยนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้อ่านพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย และหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล
จากนั้นเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ เชิญพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช และตราตั้งถวายเจ้าประคุณสมเด็จฯ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ มอบพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชแต่งตั้งแด่พระราชรัตนรังษี ต่อมาพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา พระราชรัตนรังษี เข้าถวายสักการะแด่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระสงฆ์สมณศักดิ์ เจริญชัยมงคลคาถา เป็นอันเสร็จพิธี
ในการนี้ ได้มีคณะสงฆ์และคณะศิษยานุศิษย์ของพระราชรัตนรังษี เข้าร่วมพิธีและอนุโมทนาเป็นจำนวนมาก อาทิ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และภริยา, นายอภัย จันทนจุลกะ อดีต รมว.แรงงาน ในฐานะที่ปรึกษาสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐ เป็นต้น
พระราชรัตนรังษี กล่าวว่า หลังจากได้รับหน้าที่หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล จะเดินทางไปอินเดียทันที เพื่อสานงานเดิมที่หลวงพ่อทองยอดดำเนินการค้างไว้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพให้แล้วเสร็จทันที ทั้งนี้ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้ฝากฝังให้อาตมาช่วยดูแลชาวพุทธไทยที่จะเดินทางไปกราบสังเวชนียสถานสำคัญ ๔ แห่ง ทั้งในเรื่องการเดินทาง ที่พัก อาหาร และมัคคุเทศก์นำชม เพื่อให้ได้ความรู้และเกิดความซาบซึ้งในการศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ได้เป็นอย่างดี
ที่มา : สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผ่าน ข่าวสดออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น