เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

แก่อย่างมีคุณค่า


แก่อย่างมีคุณค่า
เราจะเผชิญกับความแก่ได้อย่างไร
เราจะแก่กันแบบไหนจึงจะไม่ไร้ค่า
เราจะชราแบบไหนจึงจะไม่ไร้คุณภาพ

การอยู่ในโลกได้นานวันจัดว่าเป็นผู้มีโชคเพราะจะได้ประโยชน์จากการพิจารณา ให้เห็นความจริงในมายา ของชีวิต แต่สำหรับผู้ที่ไม่พิจารณา ไม่เอสใจใส่ ต่อการเจาะทำลายโมหะอวิชชาก็แก่เปล่า ความนานวันของชีวิต ไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไรเลย จึงจัดว่าเป็นผู้มีโชคไม่ได้กลับกลายเป็นแก่ฟัก แก่แฟง แก่แตงน้ำเต้า เติบโตเพราะกินข้าว แก่เฒ่าเพราะอยู่นาน ชีวิตในตัวของมันนั้นไม่มีค่าอะไรเลย คุณค่าหรือราคาของชีวิตจะมีได้ ก็สุดแท้แต่การรู้จักใช้ชีวิต

ในความแก่นั้นมีประโยชน์หลายอย่าง หากเราจะช่วยกันวิเคราะห์วิจัยวิจารณ์ ความแก่นั้นถ้าเป็นไม้มีแก่น ไม้มีประโยชน์ไม้จริง ต้องมีแก่น ถ้าไม่มีแก่นเป็นไม้ไม่มีค่า และไม่คงทนถาวรต่างกับไม้มีแก่น เช่น ไม้ตะเคียน ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้ประดู่ ไม้มะขาม ไม้สัก ไม้ชิงชันฯ มีประโยชน์มากส่วนไม้ไม่มีแก่น เช่นมะละกอ กล้วย ไม้ไผ่เป็น ไม้ไม่คงทน อยู่ได้ชั่วครู่ชั่วยาม ถ้าเป็นข้าว แก่แล้วก็ได้เก็บเกี่ยว ถ้าเป็นผลไม้ก็สุกงอมหอมหวาน

ถ้าเป็นพระก็แก่ความรู้แก่พรรษาแก่ธรรมวินัยเป็นที่เคารพนับถือศรัทธาของประชาชน ถ้าเป็นชาวบ้าน มีอายุมาก ๆ ก็ได้รับยกย่องไว้วางใจให้เกียรติเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอลูกเต้าเหล่าหลานชาวบ้านมาเป็นเขย สะใภ้ได้ แก่...จึงเป็นผู้มากด้วยประสบการณ์ เป็นสัญญาณของผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก

ทางพระพุทธศาสนา เรียกบุคคลเช่นนี้ว่ารัตตัญญู แปลว่า ผู้มากด้วยประสบการณ์ ขอท่านผู้มีโอกาสได้แก่ทั้งหลาย จงแก่อย่างมีแก่น อย่าแก่แล้วกลวง หรือ แก่แล้วกร่อน ...

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ชราปทุกฺขา แปลว่า ความแก่เป็นทุข์ปฐมเหตุของความทุกข์อยู่ที่เกิดและเพราะมีเกิด จึงมีแก่ เพราะมีแก่จึงมีเจ็บ และเพราะมีเจ็บจึงมีตาย ปัญหาที่ติดตามมาจากความแก่ก็คือ ความเหงา ความเศร้า ความว้าเหว่ ความล้า หน้ามืด ตามัว หูหนวก ฟันหัก หนังเหี่ยว ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ ท่านถึงบอกว่า เมื่อถึงวัยชรา ตาก็ 2 ชั้น ฟันก็ 2 หน สุดท้ายกลายเป็นคน 3 ขา เพราะอาศัยไม้เท้า

เมือเราหนีแก่กันไม่ได้แล้วเราจะเผชิญกับความแก่กันอย่างไรเราจะแก่กันแบบไหนจึงจะไม่ไร้ค่า เราจะชราแบบไหนจึงจะไม่ไร้คุณภาพอันนี้ต้องหันไปตรวจสอบบทบาทหน้าที่ลีลาของชีวิต สำหรับท่านผู้เป็นพ่อ แม่ หรือปู่ ย่า ตา ยาย หน้าที่สำคัญของท่านมีอยู่2เรื่อง คือ แนะ กับ นำ -แนะคือบอกให้รู้ นำคือทำให้ดู

พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ท่านใดที่ลูกหลานเขาจะเคารพยำเกรงนับถือบูชา พฤติกรรมกับคำสอนของท่านจะต้อง ตรงกันด้วย พฤติกรรมคือความประพฤติหรือการกระทำ ส่วนคำสอนคือโอวาทที่ชี้แนะ หากพฤติกรรมกับคำชี้แนะ ไม่ตรงกัน คำแนะนำนั้นไร้ความศักดิ์สิทธิ์ เหมือนแม่ปูสอนลูกปู บุพพการีชนต้องสร้างตนให้เป็นตัวอย่างแก่อนุชน เริ่มต้นตั้งแต่ รักษาศีลให้ลูกหลานดูกตัญญูให้ลูกเห็น เป็นร่มโพธ์ร่มไทรให้ลูกเย็นนี่แหละคือบทบาทอันทรงคุณค่า รักษาศีลให้ลูกดู คือรักษาความเป็นปกติของความเป็นมนุษย์ไว้ อย่าเป็นคนโหดร้าย อย่าเป็นคนใจอยาก อย่าเป็นคน มากรัก อย่าเป็นคนปากชั่ว อย่าเป็นคนมัวเมา กตัญญูให้ลูกเห็น

ท่านคงจะเคยได้ยินคำตัดพ้อต่อว่าเชิงน้อยเนือ้ตำใจของพ่อแม่บางท่านว่าลูกหลานมันอกตัญญู ไม่ดูแลได้พ่อแม่ใหม่ลืมพ่อแม่เก่า ซึ่งทั้งเจ็บแค้นและเจ็บใจ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือว่า ถ้าหวังจะให้ลูกหลานกตัญญูดูแลท่าน ท่านจะต้องกตัญญูดูแลพ่อแม่และบุพการีระดับสูงของท่านซึ่งได้แก่ ปู่ ย่า ตา ยาย ให้ลูกหลานได้เห็นเป็นแบบอย่าง หากท่านไม่เคยกตัญญูต่อผู้ใหญ่ในตระกูลให้ลูกหลานเห็นแล้ว เด็กมันจะเอาอะไร เป็นตัวอย่าง เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกเย็น พ่อแม่ปู่ย่าตายาเหมือนต้นไม้ใหญ่ ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา ธรรมดา ไม้ใหญ่ย่อมจะมีผลดกหมู่วิหคนกกาจึงผวาซุกปีกเข้าอาศัยได้ความร่มเย็นเป็นสุขใต้ต้นไม้ฉันใด พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ก็ฉันนั้นต้องเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ความสุขแก่ลูกหลาน อย่าเป็นร่มขนุน ร่มทุเรียน ที่เขาผวาไม่กล้าเข้าใกล้ เกรงจะหล่นใส่ ผู้ใหญ่บางท่านลูกหลานเข้าใกล้ไม่ได้ ทำตนดุจยักษ์มารลูกหลานก็หนีหมด

อยากฝากว่า คนแก่ทั้งหลายเหลือชีวิตอีกเพียงวัยเดียว คือวัยชราหรือปัจฉิมวัย ดังนั้นโปรดอย่าลืมว่า แก่ทั้งทีให้มีคุณค่า ชราทั้งทีให้มีคุณภาพ เมื่อนั้นแม้ถึงคราวสังขารล่วงลับดับไป ก็จะจากไปเพียงรูปกายสังขาร ส่วนเกียรติยศชื่อเสียงคุณความดีที่ได้บำเพ็ญไว้ จักไม่สลายไปด้วย ดังพุทธพจน์ที่ว่า "รูปํ ชีรติ มจฺจานํ นาม โคตฺตํ น ชีรติ" ซึ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส วัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพฯ ได้ทรงนิพนธ์ แปลไว้อย่างไพเราะว่า

นรชาติวางวาย
มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี
ประดับไว้ในโลกาฯ



วัดท่าไทร
สำนักงานเจ้าคณะภาค ๑๖
สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ศูนย์พัฒนาคุณธรรมภาคใต้(สุราษฎร์ธานี)
สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ศูนย์ประสานงานสมาคมป้องกันภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น