เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553




หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ...
ไม่ขอคืนสู่ชีวิตที่สละแล้ว

หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ คือพระสุปฏิปัณโณผู้สร้างวัดเจติยาคีรีวิหาร
ตั้งอยู่ที่ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดหนองคาย
ซึ่งเป็นศาสนสถานที่เหมาะสมยิ่งแก่การเจริญภาวนา
ในปี ๒๕๑๒ ท่านริเริ่มการสร้างบันไดวน ๗ ชั้น ขึ้นไปยังยอดภูทอก
ผู้ที่ได้ไปเยือนย่อมรู้สึกอัศจรรย์และซาบซึ้งในภูมิปัญญา ศรัทธา และวิริยะ
ของทั้งพระสงฆ์และผู้ที่มีส่วนร่วมในการรังสรรค์สิ่งก่อสร้างดังกล่าวนี้

หลวงปู่จวนอุปสมบทเมื่ออายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ ในฝ่ายมหานิกาย
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๔๘๖ ได้บวชในฝ่ายธรรมยุต
พระอุปัชฌาย์คือพระครูทัศนวิสุทธิ (พระมหาดุสิต เทวิโร)
ซึ่งเป็นหลานของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)
หลวงปู่จวนเล่าถึงเหตุที่พระอุปัชฌาย์ตั้งฉายาให้ว่า “กุลเชฏฺโฐ” ไว้ดังนี้

“พอได้รับแต่งตั้งให้เป็นอุปัชฌาย์ได้เพียง ๕ วัน
ก็มาอุปสมบทข้าพเจ้าเป็นนาคแรก
นับว่าข้าพเจ้าเป็นนาคแรกที่สุดของท่าน
ท่านจึงได้ตั้งฉายาให้ข้าพเจ้าว่า “กุลเชฏฺโฐ”
แปลว่า พี่ชายคนใหญ่ที่สุดของหมู่ของพวกในวงศ์ตระกูลนี้”

หลังจากญัตติเป็นธรรมยุตแล้ว ในพรรษาที่ ๔
หลวงปู่จวนได้มีโอกาสร่วมจำพรรษากับ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
ที่วัดป่าบ้านหนองผือ จึงได้รับโอวาทและคำชี้แนะในการปฏิบัติที่มีประโยชน์ยิ่ง
เมื่อออกพรรษา ท่านได้กราบลาท่านอาจารย์เพื่อออกธุดงค์
โดยเดินทางไปจนถึงจังหวัดทางภาคเหนือ ซึ่งในพื้นที่นี้เอง
ท่านต้องเผชิญภัยจากมาตุคาม (ผู้หญิง) อยู่หลายครา
จนถึงครั้งที่หนักหนาสุดเพราะฝ่ายหญิงเป็นผู้มีกิริยาดี
ตลอดจนผู้ปกครองของเธอก็สนับสนุน
ให้ท่านลาสิกขาออกมาเพื่อช่วยกันทำมาหากิน

หลวงปู่จวนซึ่งในขณะนั้นยังเป็นพระหนุ่ม
ได้พยายามเจริญอสุภกรรมฐาน แต่ก็ไม่เป็นผล
ในคืนที่กำลังจะตัดสินใจว่าจะลาสิกขาหรือไม่นั้น ท่านได้อธิษฐานว่า

“...หากข้าพเจ้าจะได้มีวาสนาได้เห็นธรรมเจริญต่อไปในทางพระพุทธศาสนา
ก็ขอให้มีเหตุใดเหตุหนึ่งมาช่วยคลี่คลายเรื่องที่กำลังประสบนี้ด้วยเถิด...”

ในยามเช้าที่ออกบิณฑบาตตามปกติ
ก็มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น สมดังคำอธิษฐานในคืนที่ล่วงมา

“เช้าวันต่อมาเมื่ออกบิณฑบาต หญิงสาวผู้นั้นก็มายืนรอใส่บาตรตามเคย
ข้าพเจ้าพยายามไม่มองหน้าหญิงนั้นเลย พอเปิดฝาบาตรจะรับบาตร
ก็ให้บังเอิญว่าผ้าประจำเดือนของหญิงนั้นได้หลุดลงที่พื้นดิน
แม้หญิงนั้นจะตกใจ พยายามใช้เท้าเหยียบให้จมโคลน ปกปิดภาพของจริงไว้
แต่ข้าพเจ้าก็ทันเห็นเลือดสีแดงเต็มตา
ในใจเกิดความรู้สึกสลดสังเวชขึ้นมาทันที
ด้วยเห็นถนัดเป็นของปฏิกูลพึงรังเกียจ
ระลึกขึ้นมาได้ว่า เราได้อุตส่าห์สละชีวิตจากเพศฆราวาส มาสู่เพศบรรพชิต
หนีจากของต่ำมาหาของสูงแล้ว เรายังจะย้อนกลับไปหาชีวิตที่เราสละแล้วอีกหรือ”

เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วท่านจึงปิดฝาบาตรทันที กลับไปยังที่พัก
เก็บบริขารและหนีออกไปจากที่แห่งนั้น โดยที่ยังไม่ได้ฉันภัตตาหารใดๆ
ต่อมาภายหลังท่านได้เล่าเรื่องนี้ถวายท่านพระอาจารย์มั่น
เมื่อท่านอาจารย์ได้ฟังแล้ว ก็กล่าวว่า

“เป็นธรรมดาของพระหนุ่มที่จะต้องพบเหตุการณ์เช่นนี้
ความสำคัญอยู่ที่ว่าจะต้องเจริญกรรมฐานต่อสู้
เอาชนะกิเลสมารตัวร้ายนั้นอย่างไรต่างหาก”

หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ ได้ต่อสู้กับกิเลสมารอย่างสง่างาม
ครองสมณสารูปอันเป็นที่เคารพเลื่อมใสตราบจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต

--------------------------------

เอกสารประกอบการเขียน

“กุลเชฏฐาภิวาท” ที่ระลึกเนื่องในวโรกาสทรงเป็นประธานในพิธีพระราชทาน
และเปิดเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ พิมพ์เมื่อปี ๒๕๓๒

“พระธุตังคเจดีย์ เจดีย์แห่งพระอรหันต์” ธรรมบรรณาการเนื่องในงานฉลองพระธุตังคเจดีย์
เจดีย์แห่งพระอรหันต์ และในงานบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายครบรอบวันมรณภาพปีที่ ๔๗
พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) ๒๒-๓๐ เมษายน ๒๕๕๑

โดย เทียบธุลี http://www.dlitemag.com/
.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น