เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

! วิธีทรมานกิเลสของหลวงพ่อชา


! วิธีทรมานกิเลสของหลวงพ่อชา

จากหนังสือ อุปลมณี
อ่านแล้วประทับใจ ได้ข้อคิดที่จะช่วยส่งเสริมการภาวนาอีกเยอะเลยค่ะ:)

วิธีสอนฆราวาสอีกวิธีหนึ่งของหลวงพ่อคือการพาไปธุดงค์
สมัยที่หลวงพ่อยังแข็งแรง ท่านเคยพาโยมใกล้ชิดออกธุดงค์ด้วยบ้าง ตาเสยเป็นคนหนึ่งในจำนวนนั้น ก่อนบวชพระ ท่านเป็นลูกศิษย์วัดหนองป่าพงอยู่หลายปี
เมื่อเป็นโยมนิสัยของท่านค่อนข้างหนักไปทางโสภจริต
หลวงพ่อจึงมักหาวิธีทรมานกิเลสของท่านอยู่เรื่อย วิธีหนึ่งที่หลวงพ่อใช้ก็คือ พาตาเสยออกธุดงค์ให้ลูกศิษย์ได้เห็นทุกข์
ท่านได้เล่าประสบการณ์จากการไปธุดงค์กับหลวงพ่อให้ฟังหลายตอน ดังนี้
ท่านพาธุดงค์ทางกิ่งบุณฑริก ตอนแรกไปด้วยกัน 6-7คน
คืนแรกหนีไป2คนคืนต่อมาก็ค่อยๆหนีไปเรื่อยจนลงท้ายเหลือผมคนเดียว
ผมก็คิดถึงบ้าน ท่านบอกว่าจะพาไปสักปี ยิ่งอยากกลับยิ่งไม่พากลับผมจึงปล่อยเลยตามเลย

ไปถึงไหนก็มองหาแต่ลูกสมอ มีอยู่คืนหนึ่งท่านให้พักนอนข้างกอไผ่ทั้งๆที่ตรงนั้นเหม็นจะตาย เหม็นขี้! ยิ่งน้ำค้างลงยิ่งเหม็นใหญ่
พอผมบ่นท่านก็ดุว่า อย่าพูดมาก ขี้ในท้องยิ่งเยอะกว่านี้
ไปถึงตำบลคูเมือง เจอต้นสมอต้นหนึ่งงามมาก
ท่านสั่งให้ขึ้นไปเขย่า ลูกสมอล่วงลงมาตั้งเยอะ ก็เก็บใส่ห่อผ้าขาวม้า ทีนี้ผมต้องสะพายทั้งบาตรทั้งห่อสมอ
ย่ามก็หนัก หลวงพ่อท่านไม่ถืออะไรเลย เดินไปผมก็อยากควักทิ้งเสียบ้าง แต่ก็ไปเจออีกต้น งามกว่าเดิม
ท่านก็สั่งให้เก็บได้อีกกองใหญ่ ผมก็นึกว่าท่านจะช่วยถือบ้าง แต่ท่านก็ไม่ยอมถือ

ชิมสมอต้นนั้นที ต้นนี้ที ผมเลยถ่ายเป็นการใหญ่ จะวางของก็ไม่ได้ หนักเหลือเกิน
หลวงพ่อต้องสอนวิธีการถ่ายแบบลูกทุ่งให้ผม
“ไม่ต้องนั่งหรอก ยืนจับต้นไม้ไว้ เหมือนควายขี้น่ะ ทำไม่เป็นเหรอ?”
ผมก็เลยต้องยืนถ่ายจนหมดท้อง
สี่ทุ่มแล้วท่านก็พาเดินอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมนอนไปถึงห้วยแห่งหนึ่ง
ท่านไต่ไม้ข้ามไป ผมไต่ไม่ไหวก็เลยต้องลงเดินลุย น้ำก็ลึก ของก็หนักผมเลยขึ้นไม่ได้ ห
ลวงพ่อต้องลงมาฉุดผมขึ้น สองยามท่านจึงพานอนพักทั้งเปียกๆอย่างนั้นแหละ
“ทุกข์เหลือเกิน” ผมคร่ำครวญ
“ก็มาให้เห็นทุกข์นะซิจึงจะพ้นทุกข์” หลวงพ่อทำเสียงเหมือนปลอบผม “เพราะเห็นทุกข์แล้วจึงจะมีปัญญา”
ผมเหนื่อยเต็มที่ ฟังไปก็เคลิ้มหลับไปบ้าง ท่านก็ดุเอาเสียอีก
“เอ๊ะ พูดให้ฟังยังหลับเสียอีก”
แต่ท่านก็เอาผ้าขาวม้ามาปัดไล่ยุงให้ ผมหลับไปนาน ลืมตาขึ้นมาทีไรก็ไม่เห็นท่านนอนสักที นั่งอยู่นั่นแหละ
“หลวงพ่อไม่เหนื่อยเลยหรือครับ ผมไม่เห็นนอนสักที” ผมอดรนทนไม่ได้ ทักขึ้นมา
“ยิ่งเหนื่อยนั่นแหละ ยิ่งภาวนาดี” ท่านตอบกลับไปเสียอย่างนั้น แถมยังต่อว่าผมอีก
“คนไม่มีอะไร ไม่คิดอะไรน่ะ เอาแต่นอน ทำอะไรเป็นตัวอย่างให้ดู ก็ไม่ทำตาม”
“โธ่ ก็มันง่วงนี่นา” ผมอดเถียงท่านไม่ได้ ในที่สุดผมก็ชวนท่านกลับ
“เออ กลับก็กลับ” ท่านคงเห็นผมจวนตายเต็มทีแล้ว

มีรถผ่านมาคันหนึ่ง สมัยนั้นยังไม่มีทางรถยนต์ รถต้องวิ่งตามทางเกวียน
พอเห็นเราเขาก็จอดรถ วิ่งมานิมนต์ ท่านก็ “เออ” ผมก็เตรียมตัวนึกว่าท่านจะมาขึ้นรถ เปล่า เขาวิ่งมานิมนต์อีก ท่านก็ “เออ” อีก แต่ไม่ไปขึ้นรถ เขาก็เลยไป พอผมต่อว่า ท่านก็ย้อนเอา
“มาขึ้นรถหรือมาธุดงค์”
“เอาถุงสมอฝากเขาไปได้ไหมครับ” ผมต่อรอง
“เอ๊อ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่ารถเขาจะไปไหน” หลวงพ่อเอะอะ
ถึงตอนนี้ผมชักโกรธแล้ว รถก็วิ่งห่างออกไปทุกทีๆ
“หลวงพ่อจะฆ่าผมหรือยังไง”ผมตัดพ้อ
“ใช่ซี” ท่านตอบทันที
“พามาฆ่ากิเลส กิเลสทั้งนั้นล่ะที่พูดออกมาหมดนั่นน่ะ ไม่มาอย่างนี้จะพ้นทุกข์ได้ยังไง
ลองนอนอยู่เฉยๆซีจะพ้นไหม มีแต่ทุกข์มันจะวิ่งเข้าใส่น่ะซี ให้รู้จักทุกข์แล้วจึงจะพ้นทุกข์ ได้พบสุข
เคยทำหรือเปล่าล่ะอย่างนี้ พามาทำบุญนะนี่ มาหาบุญเห็นหรือเปล่าล่ะ
ตัวบุญตัวกิเลสน่ะมันอยู่ที่ตัวทั้งนั้น ความอยากไม่หมดสักที
หาเงินได้สิบบาทก็อยากได้ร้อยบาท หาได้ร้อยบาทก็อยากได้พันบาท
ทีนี้ให้มันหยุดอยาก ให้มีแต่เหนื่อย ไม่อยากได้อะไรสักอย่าง ได้แล้วจะเอาไปไหน ไม่คิดว่าจะตายหรือยังไง
วันหนึ่งๆให้คิดถึงความตายบ้างซี มันจะตายอยู่นา”

หลวงพ่อว่าไปยืดยาว ก่อนที่จะหันมาถาม
“คนรวยตายหรือเปล่า คนจนตายหรือเปล่า”
“ตายทั้งนั้นแหละ”ผมตอบอย่างหงุดหงิด
“ก็นั่นน่ะซี”หลวงพ่อได้ดอกาสย้อน
”ตัวเองจะไม่ตายบ้างหรือ หาความทุกข์ให้มันพ้นทุกข์ ได้มาแล้วจะพ้นความตายหรือ จนก็ตาย รวยก็ตาย พ้นจากมันจึงจะพบสุข แล้วจะทำยังไงล่ะ”
ท่านลงท้ายด้วยการย้อนถามผมตามเคย
“ก็บวชน่ะซี”ผมตอบอย่างนึกว่าฉลาดเต็มทีแล้ว แต่ท่านก็บอกว่า
ไปบวชแล้วจะพ้นทุกข์หรือ ถ้าไม่ปฏิบัติไม่ทำเอา
กรรมคือการกระทำ ความชั่วเราก็ทำเอา ความดีเราก็ทำเอา เราทำดีก็ได้ดี
ทำชั่วก็ได้ชั่ว จะไปทำยังไงล่ะทำดี ก็นี่ยังไงพามาทำดี มาตรากตรำ เราก็พ้นทุกข์เท่านั้นเอง”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น