เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

ขำขันวันหยุด : ว่าง่าย


ขำขันวันหยุด : ว่าง่าย

โดย Phra Paisal Visalo เมื่อ 26 มีนาคม 2011 เวลา 6:52 น.





วันนี้ขอพาไปเที่ยวโรงเรียนแพทย์

อาจารย์เริ่มชั่วโมงแรกของการสอนด้วยการพานักศึกษาใหม่เข้าห้องทดลอง ในมือของอาจารย์เป็นแก้วใสใบหนึ่ง มีน้ำสีเหลืองค่อนแก้ว

“นี่เป็นปัสสาวะ คนที่จะเป็นหมอ ต้องมีใจกล้าและละเอียดถี่ถ้วน”

อาจารย์เริ่มบรรยาย

“ต่อไปนี้ ขอให้ทุกคนทำตามอาจารย์ แหย่นิ้วลงไปในถ้วยแล้วยื่นนิ้วใส่ปาก จากนั้นให้ใช้ลิ้นเลียดู”

นักศึกษาใหม่ทำหน้าเหยเกหันไปมองกันเลิกลั่ก ชั่วโมงแรกก็เอากันยังงี้เชียวหรือ หลายคนนึกในใจ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรก็เห็นอาจารย์แหย่นิ้วมือขวาลงไปในถ้วยปัสสาวะ ไม่ใช่แหย่เฉยๆ ยังกวนน้ำจนหมุนติ้ว แล้วชักนิ้วออกมายื่นนิ้วเข้าปากดูดเสียงดังจ๊วบ

“อู๊ย...”

นักเรียนครางกันเป็นแถว แต่ทำไงได้ ไหนๆ อาจารย์ก็ลงทุนทำเป็นตัวอย่างแล้ว ลองทำตามอาจารย์ดู ยังไงก็ไม่ตายอยู่แล้ว ดังนั้นทุกคนจึงพากันแหย่นิ้วลงไปในถ้วยปัสสาวะแล้วใส่ปากเลียอย่างพะอืดพะอม

เมื่อทำเสร็จสรรพแล้ว อาจารย์ก็พูดพลางแย้มยิ้มว่า

“พวกเธอโง่จริงๆ อาจารย์บอกให้ทุกคนใจกล้าและถ้วนถี่ ทำไมไม่มีใครสังเกตว่า อาจารย์แหย่นิ้วชี้ลงไปในถ้วยปัสสาวะ แต่ยื่นนิ้วกลางเข้าปาก ไม่ได้เลียนิ้วชี้สักหน่อย”





การเชื่อฟังอาจารย์นั้นเป็นของดี แต่เชื่ออย่างเดียวไม่พอ ต้องมีสติและปัญญาประกอบด้วย ปัญหาก็คือ การเชื่อฟังหรือศรัทธานั้น บางครั้งก็เป็นตัวบดบังปัญญา เพราะพอวางใจเสียแล้วก็เลยไม่ยอมใช้ความคิด ขณะเดียวกันก็หย่อนความสังเกต จนบางทีกลายเป็นความเผอเรอ สิ่งที่ควรเห็นก็เลยไม่เห็น กลายเป็นว่าทั้ง ‘ตาใน’ และ ‘ตาเนื้อ’ ก็พลอยถูกบดบังไปด้วยเพราะศรัทธาตัวเดียว



สภาวะอย่างนี้แหละ ที่ทำให้ใครต่อใครถูกหลอกเพราะไปหลงเชื่อคนที่ตั้งตัวเป็นอาจารย์ เมื่อฝากจิตฝากใจให้เขาหมด เขาจะเล่นกลอย่างไร ก็ไม่เคยเห็นพิรุธสักอย่าง ทั้งๆ ที่สามารถจับผิดได้มากมาย หากรู้จักสังเกต มีสติตื่นตัว และคิดเป็น



เป็นเพราะการเชื่อฟังอาจารย์มีจุดอ่อนดังว่า ในกาลามสูตรพระพุทธองค์จึงสอนว่า อย่างปลงใจเชื่อเพียงเพราะท่านผู้นั้นเป็นครูของเรา ต่อเมื่อใช้ปัญญาพิจารณาจนแลเห็นด้วยตนเองว่าถูกต้องมีประโยชน์ จึงค่อยทำตามท่าน



อาจารย์ที่ดีจะไม่สบายใจเลยหากเห็นศิษย์เชื่อตนเองอย่างเซื่องๆ ท่านจะคอยกระตุกศิษย์ให้เห็นโทษของการหลงเชื่อแบบนั้น เพื่อจะได้รู้จักใช้หัวคิดของตัวเองและมีสติตื่นตัวใฝ่สังเกต เหมือนกับที่อาจารย์หมอเรื่องข้างต้นสอนเด็กชนิดเห็นกันจังๆ สอนแบบนี้แหละถึงจะฝังเข้าไปในหัวแทนที่จะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา



การเป็นคนว่าง่ายนั้นเป็นเรื่องดี จัดว่าเป็นมงคลอย่างหนึ่งในพุทธศาสนา แต่ถ้าไม่รู้จักคิดหรือมีความเฉลียว อาจทำให้เป็นคนเซ่อไปได้อย่างเรื่องข้างล่าง



จิระไปพักค้างคืนที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้สถานีรถไฟ ครั้งตื่นขึ้นมาก็พบว่าสายแล้ว จึงรีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าตรงไปที่สถานีรถไฟ

แต่พอลงมาถึงล็อบบี้โรงแรมเพื่อคืนกุญแจ ก็นึกได้ว่าลืมสายสร้อย มีดโกนหนวด และนาฬิกาข้อมือทิ้งไว้ในห้องน้ำ จึงบอกพนักงานโรงแรมว่า

“น้องช่วยขึ้นไปที่ห้อง ๖๐๓ ดูว่าสายสร้อย มีดโกนหนวด และนาฬิกาข้อมือของพี่อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า เร็วหน่อยนะ อีกห้านาทีรถไฟจะออกแล้ว”

พนักงานได้ยินดังนั้นก็รีบทำตาม ไม่รอให้ลิฟต์ลงมาด้วยซ้ำ รีบวิ่งขึ้นบันไดไปถึงชั้นหก

สามนาทีต่อมาก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมาในสภาพมือเปล่าแล้วบอกว่า

“พี่พูดถูกครับ สายสร้อย มีดโกนหนวด และนาฬิกาข้อมือทิ้งอยู่ในห้องน้ำจริงๆ ครับ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น