เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

ต้นอ่อนข้าวโพดที่รัก




ต้นอ่อนข้าวโพดที่รัก

ธรรมสวัสดียามเช้า สังฆะที่รัก พวกเธอกำลังอยู่ในวัด Dharma Nectar และวันนี้เป็น วันแห่งบรรพบุรุษ พวกเด็กๆ ได้ร้องเพลง "คุณแม่คุณพ่ออยู่ในฉัน และเมื่อฉันมอง ฉันเห็นตัวฉันในท่าน" เธอสามารถมองเห็นสิ่งที่ลึกซึ้งมาก เธอเห็นคุณแม่และคุณพ่อในตัวเธอ แต่สิ่งที่เธอเห็นนั้นชัดเจนและลึกซึ้งเพียงใด และเมื่อเธอมองคุณแม่และคุณพ่อของเธอ เธอเห็นได้อย่างลึกซึ้งเพียงใด

เมื่อวาน เราได้พูดเกี่ยวกับการเพาะเมล็ดข้าวโพดในดินที่ชุ่มชื้น ถ้าเธอรอสัก 10 วัน เธอก็จะเห็นยอดข้าวโพดอ่อนงอกออกมา ในพระไตรปิฎก มีการกล่าวถึงเมล็ดพันธุ์อยู่บ่อยๆ ฉันคิดว่า คำสอนของพระเยซูก็คงกล่าวถึงเมล็ดพันธุ์อยู่มากเช่นกัน


เมล็ดข้าวโพด และ ต้นข้าวโพดที่รัก

เรากำลังพูดถึงเมล็ดข้าวโพด และเมื่อเธอเห็นต้นอ่อนของข้าวโพด เธออาจอยากเดินเข้าไปหาและถามมันว่า "ต้นอ่อนข้าวโพดที่รัก เธอจำได้ไหมว่าเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว เธอยังเป็นเมล็ดข้าวโพดอยู่เลย"

ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เราได้ไปงานภาวนาที่อิตาลีซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมาณ 800 คน ในงานมีเด็กๆ มากมาย ในจำนวนนั้นมีเด็กชาวอิตาลีอยู่เป็นจำนวนมาก ในวันสุดท้ายของงานภาวนา ฉันได้มอบเมล็ดข้าวโพดให้ทุกๆ คน

ฉันได้ซื้อเมล็ดข้าวโพดถุงหนึ่งจากร้านขายของชำที่อยู่ใกล้ๆ ฉันคิดว่ามีเมล็ดข้าวโพดมากกว่า 1,000 เมล็ดในถุงใบเล็กนี้ ฉันจึงแจกจ่ายเมล็ดข้าวโพดหนึ่งเม็ดให้แต่ละคน ฉันบอกให้พวกเขานำเมล็ดนี้กลับบ้านไปปลูกที่บ้าน รดน้ำให้มันทุกวัน และสังเกตมันเมื่อมันโตขึ้น ไม่เพียงแต่เด็กๆ ทุกคนที่ได้รับมอบเมล็ดข้าวโพด ผู้ใหญ่ทุกคนก็เช่นกัน เพราะนี่คือการสืบเนื่องการปฏิบัติ

เวลาเธอเฝ้าดูการเติบโตของเมล็ดข้าวโพด เธอจะเห็นใบสองใบแรก ใบสามใบแรก และเธอจะไม่เห็นเมล็ดข้าวโพดอีกต่อไป แต่เธอไม่สามารถกล่าวได้ว่า เมล็ดข้าวโพดนั้นตายไปแล้ว เปล่าเลย มันยังไม่ตาย มันได้กลายเป็นต้นข้าวโพด ฉะนั้นหากเธอฉลาดและมีทักษะ เวลาที่เธอมองต้นข้าวโพด เธอจะยังคงเห็นเมล็ดข้าวโพด

และเธอก็เดินเข้าไปถามต้นข้าวโพดว่า "ต้นข้าวโพดน้อยที่รัก เธอจำได้ไหมว่าเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว เธอยังเป็นเมล็ดข้าวโพดอยู่เลย" ต้นข้าวโพดน้อยอาจลืมไปแล้วว่า เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วเธอยังเป็นเมล็ดข้าวโพดอยู่เลย สองสัปดาห์ไม่ใช่เวลาที่ยาวนาน แต่ต้นข้าวโพดก็อาจลืมไปแล้ว

ดังนั้น เธอจึงบอกต้นข้าวโพดว่า "ฉันจำได้อย่างดีว่าสองสัปดาห์ที่แล้วเธอยังเป็นเมล็ดข้าวโพด และเมื่อฉันเฝ้ารดน้ำให้เธอทุกวันๆ เธอจึงสามารถแตกหน่อและกลายเป็นต้นข้าวโพดต้นน้อยๆ ฉันจำได้อย่างดี เธออาจจะจำไม่ได้ แต่ฉันจำได้อย่างดี"

เธอจึงเตือนความจำให้ต้นข้าวโพดน้อยว่า มันเคยเป็นเมล็ดข้าวโพด และถึงเม้ว่าตอนนี้เธอจะมองไม่เห็นเมล็ดข้าวโพด และต้นข้าวโพดน้อยก็มองไม่เห็นว่าตัวเองเป็นเมล็ดข้าวโพด แต่เมล็ดข้าวโพดยังคงอยู่ตรงนั้นเสมอ คำถามที่ฉันถามเด็กๆ ในงานภาวนาที่อิตาลีเป็นคำถามที่ยากมาก และเด็กบางคนสามารถตอบได้อย่างหลักแหลม



คำถามคือ "ต้นข้าวโพดและเมล็ดข้าวโพดเป็นสิ่งเดียวหรือสองสิ่ง"

"ถ้ามันถือเป็นสิ่งเดียว ทั้งสองสิ่งเหมือนกันหรือไม่ หรือ ทั้งสองสิ่งต่างกันโดยสิ้นเชิง" นี่เป็นคำถามในแบบฉบับของพระพุทธองค์ เป็นคำถามที่ยากทีเดียว ต้นข้าวโพดกับเมล็ดข้าวโพด เธอรู้ว่าต้นข้าวโพดน้อยมาจากเมล็ดข้าวโพด และตอนนี้คำถามคือ สองสิ่งนี้ถือเป็นสิ่งเดียว หรือ สองสิ่งที่ต่างกัน

แน่นอน มีทั้งเด็กที่ตอบว่ามันคือสิ่งเดียวกัน มีทั้งเด็กที่ตอบว่ามันคือสองสิ่งที่แตกต่างกัน เมล็ดข้าวโพดไม่ใช่ต้นข้าวโพด ต้นข้าวโพดไม่ใช่เมล็ดข้าวโพด มันแตกต่างกัน ทว่าคำตอบที่สามคือคำตอบที่ถูกต้อง มีเด็กไม่กี่คนที่ตอบว่า "จริงๆแล้วมันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน และ มันก็ไม่ใช่สองสิ่งที่แตกต่างกัน" นี่เป็นคำตอบที่ซับซ้อน แต่เป็นคำตอบที่ถูกต้อง

คำสอนในช่วงเช้านี้ค่อนข้างยาก สมมุติว่านี่คือเมล็ดข้าวโพดและนื่คือต้นข้าวโพด เรารู้ดีว่าต้นข้าวโพดมาจากเมล็ดข้าวโพด สิ่งนี้ชัดเจนมาก เพราะเธอเป็นคนปลูกเมล็ดข้าวโพดนี้ด้วยตัวเอง และเธอเห็นเมล็ดข้าวโพดแตกหน่อกลายมาเป็นต้นข้าวโพด

คิดอย่างเป็นตรรกะ เธอเห็นเมล็ดเป็นเมล็ด ต้นเป็นต้น ต้นไม่สามารถเป็นเมล็ด และเมล็ดไม่สามารถเป็นต้น นี่คือตรรกะทั่วไป แต่ถ้าเธอมองอย่างลึกซึ้ง คำว่ามองอย่างลึกซึ้งเป็นศัพท์ที่ใช้ในการทำสมาธิ การทำสมาธิคือการมีเวลาที่จะมองอย่างลึกซึ้ง เราคิดว่าสองสิ่งนี้เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน แต่หากปราศจากสิ่งหนึ่ง อีกสิ่งหนึ่งก็ไม่สามารถมีอยู่ได้ เพราะอีกสิ่งหนึ่งนั้นเกิดมาจากสิ่งนี้

ดังนั้น คำตอบจึงมีสามคำตอบ คำตอบแรกคือเมล็ดและต้นคือสิ่งเดียวกัน คำตอบที่สองคือมันเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน และคำตอบที่สามคือ มันไม่ใช่สิ่งเดียวกันและมันไม่ใช่สองสิ่งที่แตกต่างกัน คำตอบที่สามเป็นคำตอบที่ถูกต้อง คือ ไม่มีความเหมือนและไม่มีความต่าง

ไม่มีความเหมือน ไม่มีความต่าง

สมมติว่าเธอมองดูรูปถ่ายครอบครัวและเธอเห็นตัวเองตอนที่ยังเป็นทารก เธอพึ่งเกิดได้สองสัปดาห์และแม่ของเธอได้ถ่ายรูปของเธอไว้ รูปถ่ายยังคงอยู่ในอัลบั้ม และตอนนี้เธออายุ 12 หรือ 14 ปี เธอมองดูตัวเองตอนที่ยังเป็นทารก เธอดูแตกต่างจากทารกน้อยที่บอบบางในรูป และถามตัวเองว่า "ฉันเป็นคนเดียวกันกับทารกหรือฉันเป็นอีกคนหนึ่ง"

เธอดูแตกต่างทั้งขนาดและในอีกหลายแง่มุม ทั้งรูป ความรู้สึก จิตรับรู้ จิตปรุงแต่ง และจิตใต้สำนึก แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เธอแตกต่างกับทารกน้อยนั้นอย่างมาก ดังนั้นการจะบอกว่าเธอคือสิ่งเดียวกันกับทารกนั้นไม่ถูกต้องนัก แต่การบอกว่าเธอและทารกน้อยเป็นสองสิ่งที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็ไม่ถูกต้องเช่นเดียวกัน เพราะหากไม่มีทารกในรูปก็คงจะไม่สามารถมีเธอในวันนี้ได้

ดังนั้นคำตอบของพระพุทธองค์จึงเป็นทางสายกลาง ซึ่งคือวิถีแห่งการแสดงออกของพระพุทธศาสนา นั้นคือ ไม่มีความเหมือน ไม่มีความต่าง และนี่คือหนึ่งในคำสอนที่ลึกซึ้งที่สุดของพระพุทธองค์ แต่ฉันเชื่อมั่นว่าแม้เธอจะยังเป็นเด็กอยู่ เธอก็สามารถเข้าใจ เพราะสิ่งนี้คือความจริง

เมื่อเธอมองตัวเองอย่างลึกซึ้ง เธอจะเห็นคุณพ่อของเธอ ด้วยการทำสมาธิเท่านั้นที่เธอจะสามารถเห็นสิ่งนี้อย่างกระจ่างชัด ต้นข้าวโพดน้อยอาจรู้สึกว่ายากที่จะมองเห็นเมล็ดข้าวโพดในตัวมัน แต่ความจริงก็คือ ต้นข้าวโพดคือเมล็ดข้าวโพด ต้นข้าวโพดคือการสืบเนื่องของเมล็ดข้าวโพด และสิ่งนี้ก็เป็นจริงสำหรับเธอด้วยเช่นกัน เธอคือการสืบเนื่องของคุณพ่อ เธอคือการสืบเนื่องของคุณแม่ ในทางหนึ่งเธอคือคุณพ่อของเธอ เธอคือคุณแม่ของเธอ แม้เธอจะดูไม่เหมือนคุณพ่อซะทีเดียว แต่คุณพ่ออยู่ในเธอ และนั่นก็คือความหมายของประโยคที่เด็กๆ พึ่งจะขับร้องว่า "คุณแม่คุณพ่อ พวกท่านอยู่ในฉัน"

บทนำสมาธิของหมู่บ้านพลัมอันหนึ่ง มีใจความว่า

หายใจเข้า ฉันเห็นคุณพ่อและคุณแม่ในทุกอณูเซลล์ในร่างกายของฉัน
หายใจออก ฉันยิ้มให้คุณพ่อและคุณแม่ในทุกอณูเซลล์ในร่างกายของฉัน


เธอต้องนึกภาพในใจ เธอต้องเห็นมันด้วยความเป็นจริงไม่ใช่เพียงความคิด เพราะการทำสมาธิจะทำให้เธอเห็นอย่างเป็นรูปธรรม มิใช่เพียงความคิดที่เป็นนามธรรม เพราะนี่คือสิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์อย่างมาก คุณพ่อและคุณแม่นั้นได้ส่งผ่านความเป็นพวกท่านมายังเธอ ท่านไม่ได้ส่งผ่านสิ่งอื่นอย่างเช่นรถยนต์หรือเงินฝากทางบัญชี ท่านส่งต่อความเป็นตัวท่านมายังเธอ และท่านอยู่ในทุกอณูเซลล์ของร่างกายเธออย่างแท้จริง

เมื่อวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งรู้สึกโกรธพ่อและแม่ของพวกเขาเป็นอย่างมาก พวกเขาพูดบางสิ่งซึ่งแปลกมากออกมา เช่น "ผู้ชายคนนั้น (ซึ่งหมายถึงพ่อของเขา) ฉันไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป"

เวลาที่เธอโกรธพ่อของเธอ เธออาจพูดบางสิ่งเช่น "ผู้ชายคนนั้น ฉันไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขา" เธอโกรธเกินไปตอนที่เธอพูดสิ่งเหล่านั้นออกมา เพราะสิ่งนั้นไม่ใช่ความจริง ความจริงคือเธอคือการสืบเนื่องของคุณพ่อ เธอคือพ่อ เธอไม่สามารถนำความเป็นคุณพ่อออกจากตัวเธอ เป็นไปไม่ได้

และคุณพ่ออาจจะโกรธลูกชาย และเวลาที่ใครก็ตามรู้สึกโกรธมาก เขาจะไม่สามารถมองเห็นความจริง เขาอาจกล่าวบางสิ่งเช่น "เจ้าเด็กหนุ่มนั่นไม่ใช่ลูกชายของฉัน ลูกชายฉันไม่เป็นแบบนี้หรอก ฉันจำไม่ได้ว่าคนนี้เป็นลูกชายฉัน" นี่เป็นคำพูดที่ไร้แก่นสารเช่นกัน เพราะเด็กหนุ่มคนนั้นคือการสืบเนื่องของเธอ เธอไม่สามารถกล่าวได้ว่า เธอไม่มีอะไรจะยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ ดังนั้น คุณพ่อและลูกชายต้องฝึกที่จะมองอย่างลึกซึ้งเพื่อที่จะเห็นกันและกัน เพื่อจะเห็นตนเองในกันและกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น