เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ปัญญามี ๓ ขั้น

ปัญญามี ๓ ขั้น

  • Bookmark this on Hatena Bookmark
  • Hatena Bookmark - ปัญญามี ๓ ขั้น
  • Share on Facebook
  • Post to Google Buzz
  • Bookmark this on Yahoo Bookmark
  • Bookmark this on Livedoor Clip
  • Share on FriendFeed

mp 3 (for download) : ปัญญามี ๓ ขั้น

ปัญญามี ๓ ขั้น

ปัญญามี ๓ ขั้น

หลวงพ่อปราโมทย์: การปฏิบัติมีสองอัน อันหนึ่งทำจิตให้สงบ อันหนึ่งทำจิตให้เกิดปัญญา เห็นความจริง

ทำจิตให้สงบเนี่ย ทำใจให้สบายก่อนแล้วก็ไปรู้อารมณ์อันเดียว สบายๆ เช่นรู้พุธโธ รู้ลมหายใจ สบายๆ อย่าอยากสงบนะ ทำใจให้สบายแล้วแป๊บเดียวจะสงบ นี่เคล็ดลับนะ

ส่วนการจะทำให้จิตรู้ความจริง เราต้องตามดูจิตใจของเราไปเรื่อย ไม่ไปบังคับเขา แล้วเราจะเห็นเลยจิตทำงานทั้งวันทั้งคืน จิตฟุ้งซ่าน เดี๋ยวก็ฟู เดี๋ยวก็แฟบ รู้สึกใช่ไหม ให้ตามรู้ไปเรื่อย ๆ ไม่เข้าไปแทรกแซง ตามรู้จนวันนึงเกิดปัญญาเห็นความจริงว่าจิตที่ทำงาน ฟูบ้างแฟ่บบ้างนะ เขาทำของเขาเอง เขาไม่ใช่ตัวเรา

ถ้าวันใดจิตใจยอมรับความจริงว่าจิตไม่ใช่เรานะ เราจะเข้าถึงธรรมะ ธรรมะก็คือตัวความจริงนั่นเอง ความจริงเบื้องต้นก็คือ ขันธ์ห้าไม่ใช่ตัวเรา ขันธ์ห้าเนี่ยถ้าเข้าไปหยิบฉวย เข้าไปยึดถือจะเป็นทุกข์ อันนี้ยังไม่เห็น แล้วขั้นสุดท้ายเป็นปัญญาขั้นสุดท้าย ขันธ์ห้านี่แหละเป็นตัวทุกข์

เพราะฉะนั้น ปัญญามีหลายขั้น ปัญญาเบื้องต้นเราก็เห็นว่าขันธ์ห้ามันทำงานของมันได้เอง ไม่ใช่ตัวเรา

ปัญญาขั้นกลางก็เห็นว่าถ้าใจเข้าไปหยิบฉวยขันธ์ห้าไว้ จิตจะเป็นทุกข์ ถ้าไม่หยิบจิตจะไม่ทุกข์

และปัญญาขั้นสุดท้ายเลย ปัญญาที่รู้แจ้งอริยสัจจ์ ขันธ์ห้าหรือตัวจิตนี่แหละตัวทุกข์ จะอยากหรือไม่อยาก จะยึดหรือไม่ยึด ขันธ์ห้านี่และตัวทุกข์

ฉะนั้นปัญญาในทางพุทธศาสนา แบ่งเป็นชั้นๆ เป็นลำดับๆ ปัญญาแต่ละชั้นฟังเหมือนขัดๆ กัน ความรู้ความเข้าใจของเราที่เกิดขึ้น จะพัฒนาไปเรื่อยๆ ค่อยๆปรับ ค่อยๆเปลี่ยนไป ตามประสบการณ์ที่มากขึ้นๆ

ยกตัวอย่างเราภาวนาพอสติเราเกิดเรารู้ ถ้าเมื่อไรใจของเรารู้ ตื่น เบิกบาน มีความสุข ใจเราหลงไปคิดเป็นเรื่องไปปรุงไปแต่ง ใจจะมีความทุกข์ เราก็เข้าใจธรรมะ เข้าใจระดับนึง เมื่อใดเข้าใจว่าขันธ์ห้าเป็นทุกข์ล้วนๆ จะปรุงแต่งหรือไม่ปรุงแต่ง จะอยากจะยึดหรือไม่ก็ทุกข์ อันนี้เรียกว่ารู้ทุกข์

ถ้าเมื่อไรรู้ทุกข์ เมื่อนั้นจะถึงธรรม เรียกว่าสิ้นโลกเหลือธรรม ถ้ารู้ว่าขันธ์เป็นทุกข์นะ มันจะวางขันธ์ลงไป ไม่ยึดถือขันธ์ สิ้นโลกเหลือธรรม เหลือธรรมะล้วน ๆ ธรรมะล้วน ๆ มีแต่ความเที่ยง ทั้งวันทั้งคืน ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่เคยหายไป ธรรมะล้วน ๆ มีแต่ความสุข ไม่มีความทุกข์ ธรรมะล้วน ๆ เราไม่ได้เข้าไปครอบครอง เป็นอนัตตา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๙ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๖
Track: ๙
File: 491118A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๕๒ ถึง นาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๕๐


*** เงื่อนไขการรับหนังสือหัวใจบริสุทธิ์ ผ่านทาง Dhammada.Net ***

1. ทาง Dhammada.Net จะมอบสิทธิ์แก่ผู้ที่เคยส่งบทความเข้าร่วมโครงการหัวใจบริสุทธิ์มาก่อน โดยจะได้รับท่านละ 1 เล่ม ขอให้ส่งเมล์มาที่ media.dhammada.net@gmail.com โดยขอให้พิมพ์หัวข้อว่า “หนังสือหัวใจบริสุทธิ์ (เคยร่วมโครงการหัวใจบริสุทธิ์มาก่อน)” พร้อมกับแจ้งชื่อที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ กรุณาส่งเมล์ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2554 หากเลยกำหนดดังกล่าวจะถือว่าท่านสละสิทธิ์ ท่านจะได้รับหนังสือภายในเดือนมิถุนายน

2. สำหรับผู้ที่สนใจโดยทั่วไป จะได้รับหนังสือในส่วนที่เหลือจากโควต้าจากข้อ 1 โดยจะได้ท่านละ 1 เล่มเช่นกัน ขอให้ท่านส่งเมล์มาที่ media.dhammada.net@gmail.comโดยขอให้พิมพ์หัวข้อว่า “หนังสือหัวใจบริสุทธิ์-ไม่ได้ร่วมโครงการหัวใจบริสุทธิ์มาก่อน” พร้อมกับแจ้งชื่อที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ ท่านสามารถส่งเมล์ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2554 ซึ่งท่านจะได้รับหนังสือภายในเดือนมิถุนายนเช่นกัน

หมายเหตุ คลิปธรรมะที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ Dhammada.net (ธรรมดา ด็อต เน็ต) คือเสียงการแสดงธรรมเพียงบางช่วง บางตอน ของ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี ซึ่งทางกลุ่มธรรมดาเป็นผู้จัดทำเพื่อให้เป็นหมวดหมู่ และยังมีเรื่องของการตอบคำถามเฉพาะเรื่องเฉพาะบุคคลด้วย ดังนั้นจึงยังไม่ใช่ข้อสรุปของการสอนธรรมะของท่านแต่อย่างใด รวมทั้งคำพูดหรือศัพท์บัญญัติที่ใช้ อาจเป็นที่เข้าใจเฉพาะกับผู้ถามเท่านั้น มิใช่การพูดเป็นการทั่วไป จึงขอความกรุณาอย่าได้นำไปใช้อ้างอิงในที่ใดโดยเด็ดขาด ขอเป็นเพียงการฟังเพื่อเข้าใจแนวทาง และเพื่อเป็นกำลังใจในการภาวนาเท่านั้น
อนึ่ง Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น