เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ
ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ
ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ
ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ
" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "
หน้าเว็บ
เกี่ยวกับฉัน
- Nitinandho
- อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย
ผู้ติดตาม
วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
สมานใจด้วยความดี ปลูกไมตรีในผองชน
สมานใจด้วยความดี ปลูกไมตรีในผองชน
คนเราไม่ได้มีแต่กิเลสหรือความเห็นแก่ตัวเท่านั้น หากเราทุกคนยังมีคุณธรรมความดี รวมทั้งเมตตา กรุณาในใจ
คุณธรรมความดีนี้เองที่ทำให้เรารู้สึกเห็นใจคนที่ตกทุกข์ได้ยาก ทนอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ แต่ยื่นมือไปช่วยเหลือเขา
อีกทั้งรู้สึกปลาบปลื้มตื้นตันใจเมื่อเห็นผู้อื่นช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
อย่าปล่อยให้ความดีงามนี้ซุกซ่อนในจิตใจของเรา เปิดโอกาสให้ความดีงามนี้ออกมา เพื่อสร้างความงดงามให้แก่ชีวิต และเป็นพลังขับเคลื่อนชีวิตของเราให้เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกูลผู้อื่น
เราทุกคนสามารถดึงความดีงามออกมาจากใจได้ ด้วยการเปิดใจและก้าวเข้าหาผู้ที่ประสบความทุกข์ ช่วยเหลือเขา รับฟังความทุกข์ของเขา ตลอดจนรับฟังเรื่องราวดีๆ ที่น่าประทับใจ สิ่งเหล่านี้จะเป็นการบ่มเพาะ หล่อเลี้ยง เพิ่มพูนความดีงามในจิตใจของเรา และทำให้เรามีพลังที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่า มีความหมาย
แต่การดึงความดีงามออกมาจากใจของเราอย่างเดียวคงไม่พอ เราควรพยายามดึงความดีงามออกมา จากใจของผู้อื่นด้วย ไม่ว่าผู้นั้นเป็นคนใกล้ตัว หรือคนที่อยู่ไกล แม้กระทั่งคนที่เหินห่างหมางเมิน หรือมุ่งร้ายต่อเรา
คนทุกคนมีความดีงามอยู่ในจิตใจ แม้บางคนจะมีจิตใจแข็งกระด้าง แต่ก็มีความอ่อนโยนอยู่ภายใน เหมือนก้อนหินที่ยังมีพื้นที่ให้ต้นกล้าต้นน้อยๆ ได้เติบโต
เราสามารถเชิญชวนความดีงามออกมาจากใจของเขาได้ ด้วยการเปิดใจฟังความต้องการและ เรื่องราวความทุกข์ของเขา สงบนิ่งเมื่อเขากราดเกรี้ยว ยิ้มให้เมื่อเห็นเขามีความสุข
หยิบยื่นน้ำใจไมตรีให้แม้เขาจะหันหลังให้ ยื่นมือช่วยเหลือเมื่อเห็นเขาเดือดร้อน ชื่นชมเมื่อเห็นเขาทำความดี และขอโทษเมื่อเราพลั้งเผลอหรือทำผิดพลาด
ยิ่งเราระดมความดีงามออกมาจากจิตใจของผู้คนได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งเกิดพลังในการขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้า นี่คือพลังอันยิ่งใหญ่ ที่สามารถนำพาสังคมสู่ความสงบสุขได้
ขอเพียงแต่เราร่วมมือกัน ด้วยใจที่เปิดกว้าง มีขันติธรรม แม้เราจะมีความแตกต่างกันเพียงใดก็ตาม ความแตกต่างนั้นหาได้เป็นอุปสรรคแห่งการร่วมมือกันไม่ หากว่าเรานำความดีมาประสานใจให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
เมื่อเราทำความดีมีน้ำใจไมตรีต่อกัน เราก็จะเห็นความเป็นมนุษย์ของกันและกัน เห็นความเหมือนมากกว่าความต่าง จนสามารถก้าวข้ามความแตกต่างและความเกลียดชังกันได้
เมื่อเราร่วมกันทำความดี ไม่เพียงก่อให้เกิดพลังสร้างสรรค์สังคมให้สงบสุขเท่านั้น แต่ยังสามารถนำความสุขมาสู่ชีวิตของเรา
ความสุขที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากใฝ่เสพ ใฝ่บริโภค แต่เกิดจากการที่เราทำความดีช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น เราย่อมมีความสุขเมื่อเห็นผู้อื่นมีความสุข รู้สึกภาคภูมิใจที่ชีวิตของเรามีคุณค่าขึ้นมา
ความสุขไม่จำเป็นต้องเกิดจากการหลบลี้หนีหน้าผู้คน หรือปลีกตัวอยู่แต่ผู้เดียวตามลำพัง ความสุขเกิดขึ้นได้จากการที่เราเข้าไปหาผู้คน และช่วยเหลือเขาให้พ้นจากความทุกข์
นี้เป็นความสุขที่ทำให้จิตใจของเราโปร่งโล่ง เบาสบาย เพราะได้ลดความเห็นแก่ตัว เพราะได้ปล่อยวางตัวตน
ท่านอาจารย์พุทธทาสกล่าวว่า “สุขแท้มีอยู่แต่ในงาน” แน่นอนต้องเป็นงานที่สร้างสรรค์ เกื้อกูลผู้อื่น ความดีงามสร้างสรรค์นี่แหละที่ทำให้เราได้สัมผัสถึงความสุข เป็นความสุขที่อยู่ท่ามกลางผู้คน
หากเราทำงานอย่างมีสติและปัญญา ย่อมพบว่าท่ามกลางความยุ่งเหยิงสับสนคือความโปร่งโล่ง ใจกลางแห่งความวุ่นคือความว่าง เป็นความว่างที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าและความหมาย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น