
วันละเรื่อง
อ่าน "วันละเรื่อง" เพียงเรื่องละวัน แล้วคุณจะพบว่า ชีวิตมีปรากฏการณ์ดีๆ เกิดขึ้นทุกวัน
โดย พระไพศาล วิสาโล
สำนักพิมพ์ โพสต์บุ๊ค
ISBN 9786167061863
คำปรารภ
เป็นเพราะความเป็นคนช่างลืม จึงเกิดมีหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ข้าพเจ้าพบว่าตนเองมีความจำสั้นมาก ไม่ว่าสนทนากับใคร หรืออ่านหนังสืออะไร มักจะจดจำไม่ได้นาน เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่สัปดาห์ ก็ลืมแล้ว พยายามย้อนระลึก ก็นึกไม่ค่อยออก หรือนึกได้ไม่ชัดเจน บ่อยครั้งจึงต้องย้อนกลับไปค้นหนังสือที่เคยอ่าน หากเป็นหนังสือเล่ม ก็ค้นได้ไม่ยาก แต่หากเป็นนิตยสาร ก็มักเสียเวลาค้นนาน บางครั้งก็ไม่เจอ เพราะทิ้งไปแล้ว หาไม่ก็จำไม่ได้ว่าไปซุกไว้ที่ไหน แต่หากเป็นเรื่องราวที่ได้จากการสนทนาพูดคุย ก็ไม่รู้ว่าจะกลับไปหาอย่างไร นอกจากไปสอบถามคนที่เคยพูดคุยกัน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะบางคนก็ไม่ใช่ผู้คุ้นเคย อีกทั้งเรื่องราวก็ไม่สลักสำคัญพอที่จะไปรบกวนเขา
ระยะหลังข้าพเจ้าจึงใช้วิธีบันทึกลงสมุด แต่ก็มีสมุดบันทึกอยู่หลายเล่มและกระจัดกระจาย จึงมักเสียเวลาในการค้นหาทั้งสมุดและข้อมูล ในที่สุดข้าพเจ้าก็ตัดสินใจว่า เขียนเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ดีกว่า เพราะค้นได้ง่ายกว่ามาก ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นข้าพเจ้าได้รับจดหมายชวนจากเพื่อนหลายคนให้สมัครเป็นสมาชิก Facebook (FB) ปกติข้าพเจ้าได้รับจดหมายชวนแบบนี้เป็นประจำจากหลายคน แต่ก็ไม่ค่อยสนใจ จนกระทั่งได้รับจดหมายชวนจากเพื่อนที่คุ้นเคย (ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าเพื่อนอาจไม่ได้ตั้งใจชวน แต่เผลอกดปุ่มสั่งโปรแกรมให้ออกจดหมายเชิญเพื่อนคนอื่น ๆ โดยอัตโนมัติ) จึงเปิดอ่านแล้วก็กดบางปุ่มในจดหมายนั้นด้วยความไม่รู้ ผลก็คือข้าพเจ้ากลายเป็นสมาชิก FB ไปทันที
เมื่อเผลอเป็นสมาชิก FB ไปแล้ว ทีแรกข้าพเจ้าไม่คิดจะทำอะไรกับโปรแกรมนี้ แต่ไม่นานก็คิดได้ว่า ตนเขียนบันทึกบางอย่างเอาไว้ แม้จะเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่ก็น่าจะเป็นประโยชน์แก่คนอื่นบ้าง จึงนำเอาเรื่องราวจากบันทึกดังกล่าวมาลงใน FB ปรากฏว่าเพื่อน ๆ หลายคนสนใจ ข้าพเจ้าจึงได้ความคิดว่า FB เป็นช่องทางหนึ่งที่น่าจะนำเอาเรื่องราวที่น่าสนใจมาแบ่งปันกันอ่านในหมู่มิตรสหาย
นั่นคือจุดเริ่มต้นของบันทึกต่าง ๆของข้าพเจ้าใน FB ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว เดิมบันทึกดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องราวที่ได้ยินหรือข้อมูลที่ได้อ่านพบ ต่อมาก็มีการแสดงความคิดเห็นต่อเติมเข้าไปด้วย ไป ๆ มา ๆ จึงกลายเป็นบทความขนาดสั้น
บันทึกเหล่านี้ข้าพเจ้าเขียนตามความสนใจ ไม่จำกัดประเด็น ประโยชน์อย่างหนึ่งที่ได้ก็คือ ได้รับรู้แง่คิดและความเห็นที่หลากหลายจากผู้อ่านอย่างฉับพลันทันที ต่างจากที่เคยเขียนในสื่อสิ่งพิมพ์ บ่อยครั้งก็มีผู้เขียนเรื่องราวน่าสนใจมาแบ่งปัน ซึ่งข้าพเจ้าได้เอามาใช้ประโยชน์ในงานเขียนหรืองานบรรยายในเวลาต่อมาด้วย
บันทึกใน FB ของข้าพเจ้ามีจุดเปลี่ยนแปลงเมื่อเกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงโดยคนเสื้อแดงซึ่งเริ่มต้นกลางเดือนมีนาคมและจบลงอย่างโหดร้ายกลางเดือนพฤษภาคม ข้าพเจ้าและมิตรสหายจำนวนหนึ่งได้ร่วมจัดตั้ง “เครือข่ายสันติวิธี” โดยมีจุดยืนคัดค้านการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี บันทึกใน FB ของข้าพเจ้าในช่วงนั้น(และสืบเนื่องต่อมาอีกสองสามเดือน)จึงหนีไม่พ้นเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมือง (ซึ่งก่อนหน้านั้น แทบไม่มีเรื่องทำนองนี้ในบันทึกFBของข้าพเจ้าเลย)
ในช่วงนี้เองที่มีผู้มาขอเป็น “เพื่อน”ในเครือข่าย FB กับข้าพเจ้าเป็นจำนวนมาก จากเดิมที่มีแค่พันเศษก็เพิ่มเป็นสองพันและสี่พันในชั่วเวลาแค่สองเดือน จำนวนคนที่เพิ่มขึ้นนี้มาพร้อมกับความสนใจที่หลากหลาย จำนวนไม่น้อยสนใจแต่เรื่องการเมือง และดูจะไม่สนใจเรื่องอื่นเลย
ในยามที่ผู้คนที่มีความคิดเห็นแตกแยกเป็นฝักฝ่าย ข้อเขียนของข้าพเจ้าใน FB จึงก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่หลากหลายทั้งบวกและลบ ข้อเขียนของข้าพเจ้าทั้งที่เป็นบันทึกและที่ปรากฏใน “สถานะ” (status) บางตอนก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่หลายคน ถึงกับเขียนมาต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง เพียงเพราะข้าพเจ้าคิดต่างจากเขา และเนื่องจากข้าพเจ้าไม่สนับสนุนฝ่ายใดเลยที่เป็นคู่ขัดแย้ง บ่อยครั้งข้าพเจ้าจึงถูกกล่าวหาจากทั้งสองฝ่ายว่าสนับสนุนหรือปกป้องฝ่ายที่เขาถือว่าเป็นศัตรู ในสถานการณ์เช่นนี้เพียงแค่ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายใด ก็ง่ายที่จะถูกฝ่ายนั้นมองเห็นเป็นศัตรูหรือฝ่ายตรงข้ามได้ง่าย ๆ แต่สำหรับผู้ที่ทำงานสันติวิธี นี้เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องพร้อมทำใจอยู่เสมอ
ข้อความหลายชิ้นที่ข้าพเจ้าเขียนในช่วงเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ที่ได้มาอ่านตอนนี้อาจรู้สึกว่าเรียบ ๆ ธรรมดา ๆ ไม่น่ามีอะไร แต่ในช่วงที่เหตุการณ์บ้านเมืองกำลังร้อนแรงนั้น หลายคนรู้สึกขุ่นเคืองใจมากกับข้อความดังกล่าว เพราะไม่สบอารมณ์ของเขา โดยเฉพาะระหว่างที่มีการใช้กำลังทหารกับผู้ชุมนุม บันทึกของข้าพเจ้าในช่วงนั้น (๑๘ พฤษภาคม) ก่อให้เกิดปฏิกิริยาทันทีกว่า ๒๐๐ ความเห็น ส่วนใหญ่เป็นคำต่อว่าพร้อมกับตีตราประทับป้าย หลายคนใช้ถ้อยคำที่รุนแรงมาก (แต่ก็มีบางคนที่เขียนมาขอโทษในภายหลัง)
มาถึงวันนี้ความสงบได้กลับคืนมาสู่หน้า FB ของข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง แม้จะยังมีการแสดงความเห็นที่ร้อนแรงในหน้าดังกล่าวอยู่บ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับบ้านเมืองยามนี้ที่ได้ทิ้งรอยแผลอันบาดลึกในจิตใจของผู้คนเป็นอันมาก อย่างไรก็ตามความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในFBของข้าพเจ้าก็คือ บันทึกแบบเดิม ๆ ที่ข้าพเจ้าเคยเขียนมาเล่าสู่กันฟังนั้น มีให้เห็นน้อยลง ได้แก่ข้อเขียนเชิงบันทึกส่วนตัว ที่เกิดจากการสนทนาพูดคุยหรืออ่านพบเรื่องราวที่น่าสนใจ ทั้งนี้เนื่องจากข้าพเจ้ามีเวลาน้อยลง แต่ข้อเขียนที่เป็นบทความซึ่งตีพิมพ์ในที่อื่นมาแล้ว ยังมีลงใน FB ของข้าพเจ้าต่อไป นั่นคือคุณประโยชน์อย่างหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้ายังใช้ FBอยู่จนทุกวันนี้
ข้อเขียนในหนังสือเล่มนี้นำมาจากบันทึกเชิงส่วนตัวของข้าพเจ้าที่ลงใน FB ตั้งแต่ชิ้นแรกคือเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วจนถึงปลายเดือนกรกฎาคมศกนี้ ครบหนึ่งปีพอดี นอกจากนั้นยังได้นำข้อเขียนบางตอนที่เคยลงใน “สถานะ” มารวมพิมพ์ในที่นี้ด้วย สำหรับผู้ที่สนใจอยากอ่านข้อเขียนอื่น ๆ ของข้าพเจ้านั้น หาอ่านได้ที่ FBของ Phra Paisal Visalo หรือเว็บไซต์ www.visalo.org
หนังสือเล่มนี้สำเร็จได้ด้วยความเอื้อเฟื้อของคุณนิภา เผ่าศรีเจริญ ซึ่งรับเป็นบรรณาธิการให้ด้วยความใส่ใจอย่างยิ่ง ทั้ง ๆ ที่มีกิจธุระเต็มมือ จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
พระไพศาล วิสาโล
๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น