เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

nui707เสี้ยวหนึ่งของเหตุการณ์ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓


nui707เสี้ยวหนึ่งของเหตุการณ์ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓
โพสต์เมื่อ 14.04.2010 13:40 | จำนวนผู้เยี่ยมชม : 323 | 9 คอมเมนต์
กลุ่ม :
๑๐ เมษายน ๒๕๕๓
จังหวะเวลาที่จะประกอยภาระกิจไม่อำนวยเหมือนตอนแรกๆ ทำให้ต้องคอยอยู่ที่บ้านจนกระทั่งสถานการณ์เลวร้ายมาก
ไฉนเลยจะนั่งคอยอยู่เฉยๆ ใช้เสลาว่างที่มี่อยู่เข้าร่วมลดความรุนแรงรักษาชีวิตไทยไว้เลยดีกว่า ไม่ออมแรงแล้ว

ออกจากบ้าน ตำรวจปิดกั้นลอยฟ้า เจารจาขอขึ้น พี่ตำรวจบอกพี่จะเสี่ยงเสื้อแดงก็ตามใจครับ

รถถึงแยกซ้ายไปสะพานพระราม ๘ กลุ่มเสื้อแดงประมาณ ๔๐ คน ตั้งด่านอยู่ที่ลอยฟ้าขาออก
ท่าทางไม่ดี มันเอาเราแน่ เลยให้ลูกน้องขับรถช้าๆแล้วจอด ใจดีสู้เสือ เดินเข้าไปหากลุ่มเสื้อแดง
"น้องๆ มีคนเจ็บไหม"
"ไม่มีพี่" แล้งปืนข้ามที่กั้นถนนมาพร้อมไม้ประมาณ ๕ คน
"พี่เป็นใครมาจากไหน"
"พวกเดียวกันน้อง ระวังนะทหารจะมาทางนี้ ย้ายมากั้นฝั่งนี้ดีกว่า"

พูดจบพวกเสื้อแดงก็โกลาหล โวยวายสั่งย้ายรถกันใหญ่
พวกเราเลยขับมาทางสะพานพระราม ๘
พอลงสะพานมา เจอกลุ่มเสื้อแดง ชาวบ้าน ล้อมตีรถจี๊ปอยู่
ชลอรถแล้วลงไปดู ชาวบ้านบอกขอให้ช่วยลากออกไปได้ไหม
แดงเมา จะเผาท่าเดียว ถือขวดน้ำมันไปมา จะจุดไฟ อย่างเดียว
น้องทหาร(นอกเครื่องแบบ) ก็ขอให้ช่วยลาก
พวกนั้นลือ้ของทำลายกระจาย จะเอาวิทยุสื่อสารออกไปอีก ผมเลยต้องไปแย่งมาแล้วเอาไปไว้ในรถ
กลับมาเอาสายอากาศแบตตอรี่ไปเก็บอีก
หาเชือก กันไม่ได้ ตัดสินใจ เรียก มอไซค์แดงไปตะเวนตามร้านซ่อมรถแถวสี่แยกวิสุทธกษัตริย์
ไม่มีใครสนใจ ช่วยกันซักคน
ท้ายสุด "พี่ ขับไป บก.ทบ."
ขอเชือก และสลิงจากหน่วยรักษาการที่ประตูหลัง ได้มาทั้ง ๒ อย่าง
ภาระกิจลากรถก็เริ่มขึ้น ทหารประมาณ ๕๐ นาย
แตกกระจายโผล่มาจากซอยไปวัดบวร แล้วเดินไปแยกบางขุนพรหม
ใจผมไม่ดีแล้ว

รีบหาคนมาช่วยนั่งท้ายรถและดันรถจี๊ปจนสลิงขาด ขณะที่กำลังแกะออก สายก็บาดได้เลือดนิ้วชี้ซ้ายเลย
รถ ๖ ล้อ ส่งน้ำแข็งเสื้อแดงผ่านมา ก็สกัดและขอความช่วยเหลือ ไอ้น้อง ๓ คนนั้นมันก็ดีนะครับ
"แล้วพี่ดูให้ผมปลอดภัยไปส่งน้ำแข็งได้ด้วยนะ"
ผมเลยนำรถไปจิ๊ปจะไปส่งฝั่ง บก.ทบ. พวกเสื้อแดงจะให้ซากรถจอดขว้างประตู
ผมสั่งให้คนขับขยับรถเดินหน้า เสื้อแดงขู่ให้หยุด ผมขู่ให้ไป
คนขับก็ลากเดินหน้าพ้นประตูไปได้

ขืนจอดขวางประตู แล้วทหารจะเข้าออกอย่างไร

จากนั้นก็เอาวิทยุและอุปกรณ์ไปส่งให้ ผบ.หน่วยปากประตู
แล้วก็นึกแต่เต็นท์พยาบาล เพราะกลัวแผลมาก ขยะสกปรกทั้งนั้น
คัดเลือดออกตลอดเวลา เลยให้น้องขับไปสะพานมัฆวาน
ขอพลาสเตอร์เสื้อแดง แล้วมาที่รถ

วิทยุว่อนทหารโดนล้อม ทหารบาดเจ็บโดนลากลงมาตี
ทำไวหละครับ
เดินทางไปทันที ลงสะพานบางลำภูแล้วเลี้ยวซ้ายไปทางวัดบวร เจอด่านเสื้อแดงเลือดร้อนเพียบ
ให้น้องจอดห่างประมาณ ๑๐๐ หลา แล้วเดินไปหา
"น้องมีคนเจ็บไหม"
"ไม่มีครับ ไปหมดแล้ว มีแต่ทหาร ปล่อยให้มันตายไปเลย มันฆ่าพวกเรา"

มีคนเดินมากระซิบว่า "หมอครับ ทหารเจ็บหนักหลายคน"
รถพยาบาสลจอดอยู่ ๒ คัน ผมเดินไปหา
คนขับบอกไม่ไหว ไม่เสี่ยง แล้วก็กลับรถขับออกไปทางแยกบางลำภู


ผมใจดีสู้เสื้อแดงที่พร้อมจะทำร้าย หรือ ฆ่าใครก็ได้ที่ไม่ไว้ใจหรือขวางหน้าได้
"พี่การ์ด เดี๋ยวผมขอนำรถพยาบาลเข้าไปรับคนเจ็บหน่อยนะ อย่าทำอันตรายรถกับคนเจ็บนะ"
เสียงเป็นสิบตะโกนมาพร้อมๆกัน
"ทหารหรือเปล่า"

"มีทหารด้วย พวกเราด้วย ติดอยู่ข้างไหน ขอไปช่วยพวกเราก่อนนะครับ"
"ใจเย็นๆนะ อย่าทำร้ายใคร อีก ๒ วันเราชนะแล้ว"
"อดทนว่าเราเป็นแดงแท้ ไม่ใช่แดงเทียม ไม่ได้สร้างสถานการณ์"

"ไม่เอา ทหารไม่ให้ไป"
"ขอผมไปดูก่อนนะ"

จากนั้นก็เดินไปด่าน หน้าสุดบริเวณเลยหน้าโบสถ์ไปหน่อย

"ผมขออนุยาตหัวหน้าการ์ด จะเอารถพยาบาลไปรับคยเจ็บ"

อีกแล้ว

"ทหารหรือเปล่า ถ้าทหารไม่ให้ไป ไม่ให้ออก ให้ทันตายไปเลย"

"มีทหารด้วย พวกเราด้วย ผมมีหน้าที่ช่วยชีวิตขอกันนะ เดี๋ยวพวกเราตายด้วย"

จากนั้นก็เดินหน้าไปหาถนนที่เชิงสะพานวันชาติ

อะไรทราบไหมครับ?

เสียงปืนเอ็ม ๑๖ นับสิบกระบอกยิงขึ้นฟ้าชุดใหญ่

"มึงออกไป ไม่ต้องเข้ามา มึงออกไป"

ผมตะโกนสวนว่ามารับคนเจ็บจะเอารถพยาบาลมารับ

สิ่งที่ตอบกลับมาคืน เสียงปืนอีก ๑ ชุด

ผมก็เดนหน้าต่อไปอีก พร้อมกับใช้มือ ๒ ข้างจับชายเสื้อคลุมชูว่าไม่มีอะไร

มีนักข่าวตามคน ๑ คน

"หมอ นะหมอ จะยิงทำไม มารับคนเจ็บ"

โล่งอกไปที มีคนอธิบายให้ เลยเดินเร็วปรือ ไม่กลัวปืนเล็งอีก

ทันใดนั้น

เสียงปืนอีกชุดใหญ่ดังแสบแก้วหูมาก เพราะผมใกล้ทหารไปไม่เกิน ๕๐ หลา
พอเสียงปืนดับ

"ให้มาคนเดียว คนข้างหลังไม่ให้มา"

ผมนึกในใจ คนข้างหลังที่ไหนวะ
ที่ไหนได้ นักข่าวเดินย่องแอบหลังตัวผมมาตลอด
เอาร่างผมบังปืนมาตลอด เลยก้มไปบอกน้องคอยข้างนอกก่อนนะ

"ผบ.หน่วย อยู่ไหน ขอคุยหน่อย มารับคนเจ็บ"

ชาวบ้านใกล้ๆมากระวิบว่า "หมอค่ะ มีที่บ้านด้านหลังอีกคน กำลังให้เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่"

แล้วนายทหาร ๓ นายก็เดินมาหาผม และเลยผมไป พร้อมกับบอกว่า
"คนเจ็บอยู่ไหน"

"ผมมารับทหารที่บาดเจ็บนะ จะนำออกไปเอง"

๓ นายหันมาหาผม
"มันไม่ให้ออกหรอก มันสกัดตีตายหมด"
"ผมรับผิดชอบเอง ผมเสี่ยงชีวิตมาช่วยแล้วไม่เชื่อใจกันหรือ"

เราเดินไปหน้ากองทหาร
"เตรียมคนเจ็บให้พร้อม เดี๋ยวผมจะเอารถพยาบาลเข้ามารับ"

ณ วินาทีนั้น เหล่าทหารที่หมดเรี่ยวแรง กรุชุ่มกระชวยขึ้นทันที
สีหน้าดีใจ บางคนยิ้ม พร้อมกับใครไม่ทราบพูดว่า
"รอดตายแล้วพวกเรา ไม่โดนล้อมแล้ว"

จากนั้นผมเดินออกมา พร้อมโทรศัพท์ให้น้องเรียกรถพยาบาลให้เข้ามา
"ไม่มาพี่ หนีกันหมดเลย หนูพยายามแล้ว"

ผมเดินไปหาด่านหน้า บอกเดี๋ยวพี่เอารถพยาบาลมานะ
แล้วไปด่านใหญ่หัวมุมวัดอีกด่าน
"ทหารไม่ให้ไป ไม่ให้ออก"
"มีทั้งทหารและประชาชน น้อง พี่ขอนะ คนเจ็บอย่าทำร้ายกัน หายดีแล้วจะตีกันต่อพี่ไม่ว่า"
"ออกมาต้องขอค้นรถทุกคัน"
"ได้น้อง พี่เปิดให้ดูหมด"

พูดไป เดินไป ตบหลัง คนที่ท่าทางเป็นแกนนำ สามสี่คน
"น้อง พี่ฝากดูแลรักษาความปลอดภัยด้วยนะ อย่าให้ใครทำร้ายคนเจ็บนะ เดี๋ยวเสียชื่อเราหมด"

เดินไปที่รถ ขับไปที่แยกบางลำภู ดักรถพยาบาลที่ผ่านมา
หนีไป ๒ คัน ไม่ยอมเข้าทางนี้ เหมือนรู้กันว่ามีตีคนเจ็บ

อึดใจเดียวมี ๑ คัน หากจำไม่ผิด วชิรพยาบาล
ผมโบกให้หยุด
"ไปรับทหารกับผมที่ ผมเครียร์ทางให้แล้ว"

"อาจารย์หรือเปล่าครับ ที่เรียกรถมา"
"ใช่ผมเองครับ"
ผมเอาเท้าซ้ายเหยียบยืนบันไดขึ้นรถ
มือสองขวาจับที่จับด้านในรถ
"น้อง ขับไปเลย ขออยู้ข้างนอกให้เสื้อแดงเห็นว่าใคร"

ขับผ่านด่านแดง ๒ ด่าน ไปหน้ากองทหาร แล้ววกกลับไปช่วยทหารนอกแนวก่อน

จากนั้นผมเดินไปบ้านชาวบ้านที่มีทหารติดอยู่นอกแนว ใกล้เสื้อแดงที่เจอครังแรก
ชาวบ้านบอกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า พาไปสบทมด้านหลังแล้ว"

เลยนำรถพยาบาลไปที่กองทหาร
"ใครไม่เจ็บมาก ยังไม่ต้องไป ให้ทุกคนที่จะไปถอดเครื่องแบบให้หมด ฝากของเพื่อนไว้"

"น้อง พี่ขออีก ๘ คัน" ผมบอกคนขับรถพยาบาล
และโทรบอกลูกน้องที่แยกให้ต้อนรถพยาบาลมาให้หมดมากๆ

เพราะภาพที่เห็นในซอยหลังแนวทหาร ประมาณ ๑๐ นาย ประคองกันมาแบบแย่ๆเลย

รถพยาบาลเริ่มทยอยมา ผมสั่งให้ถอดเสื้อให้หมด คนที่ขึ้นไปแล้วก็ให้ถอดเสื้อด้วย

ผบ.ม.พัน ๓ อาการหนักมาก ใช้ไม้ไฝ่ด้ามกลางหว่างขา ๒ ข้าง
โดนเอ็ม ๗๙ ที่ข้าง ๒ ข้าง ไม่แน่ว่าจะต้องตัดขาไหม ที่ศรีษะอีก ๒ แผลด้านขมับซ้าย

ถอดกางเกงไม่ได้ ขึ้นรถตู้พยาบาลแล้ว ทำไงหละ

โชคดีทีมีกู้ภัยปิคอัพมาด้วย เลยให้ย้ายรถ มาขึ้นปิคอัพ แล้วเอาผ้าคลุมแทน ทส.ไปแอบเบาะหลังหน้า
มาจับขบวนกันก่อนไปพร้อมๆกัน

ต้อนรถพบาบาลกู้ชีพก็ลำบากใช่ย่อยในสถานการณ์นั้น
รถตู้นำหน้า ผมไปรถปิคอัพกับ ผบ.พัน คันที่ ๒ ตามมาคือรถตู้พยาบาลหมด

ถึงด่านใหญ่หัวมุมนวัด เสื้อแดงสกัดค้นรถจริงๆด้วย
อาวุธครบมือ พอรถหยุดผมกระโดดลงไปที่รถตู้คันหน้า เปิดประตูข้างให้เสื้อแดงดู
เห็นไหมคนเจ็บทั้งนั้น ไม่มีทหาร คนเจ็บหมด

เสื้อแดงเจอภาพคนใส่กางเกงใน บาดแผลเต็มตัวลดหย่อนกันไป ๓ คน
"ปล่อยนะ
"เฮ้ยน้อง ช่วยดูแลให้รถออกไปที่"
ผมตบไหล่ คนที่ท่าทางเป็นผู้มีบารมีที่ด่าน พูดพลาง ปิดประตูข้าง แล้วตบแรงๆ รีบไป รพ.ด่วน
แล้วกลับมากระโดดขึ้นกระบะท้ายคันที่ ๒ คันสำคัญ ผบ.พัน ที่อาการหนักกว่าเพื่อน
"ขับตามไปเลยด่วน"
เสื้อแดงมาขวงหน้ารถอีก

"น้องคนเจ็บเหมือกัน" พูดไป ตบรถไปดังๆหลายที รีบไปเร็งว อาการหนักมากต้องรับไป"

รถปิคอัพนะ อาสัยความเร็ว คนขับรู้กัน ทส.นั่งหลังคนขับ
ก็ทะยานออกมาจากด่าน ได้สัก ๕๐ หลา ผมตบท้ายให้รถหยุด ผมลงไปช่วยคันหลังๆอีก
แล้ว ทส.ก็ลงมานั่งหลังไปกับนาย

ผมเดินไปอำนวยการให้รถทุกคันผ่านด่านเสื้อแดงได้หมดในเวลาไม่น่าเกิน ๑ นาที
รีบๆไล่ๆรถให้ออกไปอย่าหยุด

พวกเสื้อแดงก็(คิดว่า) เกรงใจผม ฟังที่บอกไม่ตอแย่อะไรอีกแล้ว

พอรถพยาบาลไปหมด ผมก็เดินไปตบหลังหลายคน บอกขอบคุณมากครับที่ร่วมด้วยช่วยกัน

ระหว่างที่ชุลมุนในการเอาคนเจ็บขึ้นรถนั้น
น้องโทรสัพท์มาหาหน ผมบอกไว้ที่หลัง ขอเอาคนเจ็บก่อน

เมื่อเสร็จภาระกิจนำคนเจ็บและรถพยาบาลฝ่าด่านแดงมาได้

"เมื่อกี่โทรหาพี่มีอะไรหรือ"
"มีวิทยุสกัดจับรถตู้ที่เข้าไปยิงทหารยองเสื้อแดงขับผ่านหน้าพวกเราไป ทั้งเข้าและออก"
"เราพยายามบอกพี่"
"เห็นอะไรบ้าง"
"คนยิงใส่ชุดดำคลุมหน้าดำ ปืนยาวสีดำเปิดหน้าต่างประตูข้าง"
"จบทะเบียนได้ไหม"
"ได้พี่ ชฉ ๓๑๐๗ มันเอาสติ๊กเกอร์แปะทับทะเบียนหลัง แต่ทะเบียนหน้าไม่ได้ปิด"
"เห็นมันขับเข้าไปแปลก เลยช่วยกันดู สักพัก วิทยุแจ้งสะกัดจับ มันขับออกมา เลยพยายามจดทะเบียนและโทรศัพทืบอกพี่"

ผมให้น้องขับไป โทรแจ้ง ๑๕๕๕ ไป
อย่าด่าผู้ว่า กทม.จริง เหตุด่วนบ้าบออะไรใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ กด นั่น กด นี่
กว่าจะได้คุยกับคนเป็นๆ ร่วม ๒- ๓ นาที
แถมพูดมากอีก เจอด่าไปชุดใหญ่
ผมยังแวะบ้านท่าพระอาทิตย์ บอกน้องนักข่าวที่นั่งที่ทางเดินให้ช่วยกระจายข่าวด้วย แต่เงียบ
๑๖๔๔ ก็เงียบไปอีก
แจ้งรามา ก็ไม่สนใจอีก
พยายามบอกใครๆว่าทะเบียนนี้ตรวจสอบด้วย

แต่ก็ไม่นำพา

โชคดีที่มีคนโทรมาวันนี้ หลังจากที่ผมโพสไปที่เว็บเมเนเจอร์ (มติชน-ไม่มีใครโทรมา)

จากนั้นผมกลับไปที่ เชิงสะพานวันชาติอีก เพราะได้รับแจ้งว่ามีทหารติดอนู่ในรถหน้าสตรีวิทยา
ได้น้องผู้กล้า เมดิก เข็นเปลตามมาด้วย ๒ คน
แล้วเราก็โดนหลอกให้ไปดูคัยข้างในใกล้วงเวียน ไปดูมันสมองที่กองอยู่
เสียดายนที่ไม่ได้เก็บ เพราะไม่มีถุงพิเศษ อุปกรณ์เฉพาะ และผมไม่มีถุงมือ
ท้ายที่สุด ทหารโดนจับเดินไปที่อนุเสาวรีย์ แต่ไม่บาดเจ็บ

คราวนี้ขอให้น้อง เมดิกไปช่วย น้องไม่ไปแล้ว เราอยู่ในกลุ่มคนกระหายเลือด
ผมเลยต้อง
ไปบล็อกถัดไป

nui707

Subscribe RSS
๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ ต่อ
โพสต์เมื่อ 15.04.2010 10:45 | จำนวนผู้เยี่ยมชม : 153 | 2 คอมเมนต์
กลุ่ม :
เราเจอเสื้อแดงแนวหน้าตั้งท่าปาไม้ใส่
ผนตระโกนไปดังว่า "มารับพวกเราที่เจ็บอีกมีไหม"
เสียงตะโกนมีแต่ว่ามีทหารบาดเจ็บหลบตามซอยให้ไปดู
แต่เราโดนหน่วยพยาบาลเสื้อแดงสกัดและถามผมว่า
"หมอจบมาจากไหน"
"มหอดลครับ" ผมตอบไปพลางเดินเลี่ยงตรงเข้าไป
"เชื่อผมเถอะครับ ไม่มีใครคนเจ็บแล้ว"
"แล้วมีทหารบาดเจ็บ หรือถูกจับไหม"
"ไม่มีแล้วครับ เชื่อผมเถอะครับ"
แต่มีเสื้อแดงหาลคนเข้ามาหาผมและบอกว่า ยังมีทหารบาดเจ็บอีกหลายคน
มีติดอยู่ในรถสายพานด้วย ผมเลยเดินตรงเข้าไป พร้อมลาก น้อง เมดิก ๒ คนตามมาด้วย
พวกเสื้อแดงล้อมรถบังมิดไปหมด
รถฮัมวีคันแรกกว่าจะแหวกเข้าไปได้แทบแย่ ไม่พบอะไร แต่มีเสื้อแดงเอากระสอบขาวสารใส่เข้าไปในรถด้านฝั่งสตรีวิทย์ ลักษณะกระสอบเหมือนใส่ลูกโป่ง เพราะเสื้อแดงพยายามเอามือกดลง มันก็เด็งขึ้นมา
เมื่อแนในว่าไม่มีใครผมก็เดินหน้า เลยกองสมอง ไปที่รถสายพาน ขณะที่กำลังจะปีนขึ้นไป เสื้อแดงบนรถกำลังจะเอาไม้ตีผม ๒ คน แต่เสื้อแดงข้างล่างตะโกนสวนไปว่า "อย่าตี ๆ หมอ มาดูคนเจ็บว่ามีไหม"
จังหวะเดียวกับที่ผมยังขึ้นไม่ได้ ไม้หน้าสามก็ผ่านหัวไปห่างๆ แล้วผมก็ปีนขึ้นไปดู เห็นคนชุลมุนกันอยู่ข้างในแต่ไม่มีทหารเลย จากนั้นผมให้น้องเมดิกคอยตรงนี้ แล้วผมก็ไปดูคันที่ ๒ และ ๓ ต่อไปถึงปากถนนตรงวงเวียน แต่ยังไงก็ไม่ไปต่อบริเวณวงเวียน
เพราะมีแต่คนกระหายเลือดทั้งนั้น ปลุกปั่นกันน่าดูจะฆ่ากันอย่างเดียว และสายตามเป็นร้อยคู่จ้องมองมาที่ผมที่แต่งตัวแปลกแยกกว่าเพื่อน และที่สำคัญใส่รองเท้าหนังแก้ว ผมสั้นๆ เรียกว่ามองกันหัวจรดเท้า
บริเวณอนุเสวรีย์ชุลมุนมาก ไม่มีแกนนำ หรือ หัวหน้าที่เป็นตัวเป็นตน ผมเลยตัดสินใจเดินกลับ
ปรากฏว่ามีการ์ดเสื้อแดงบอกว่าจับทหารได้ พาออกมา เดินถือผ้าขาวชูมือสวนทางไป ผมบอกน้องเมดิก เราตามไปช่วยกันไหม ทุกคนส่ายหน้ากับสถานการณ์เช่นนั้น ผมเลยได้แต่มองคนกลุ่มใหญ่เดินล้อมชุดทหารไป
ระหว่างมองทำให้มีสติขึ้นมาบ้างว่าเรามุทะลุจะช่วยคนท่าเดียวไปหรือเปล่า เพราะผมสังเกตทหารคนนั้นตัวสูงผมยาวดกดำเกินกว่าจะเป็นทหาร และการ์ดคุมอย่างดี ๒-๓ ชั้น ไม่ให้ใครทำร้ายได้เลย ทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมปีนขึ้นไปดูบนรถทั้ง ๓ คัน และไม่เห็นใครในชุดทหารเลย จากที่เดินไปมาก็ประมาณ ๑๐-๑๒ นาทีได้ เพราะคนมาก
แล้วทหารคนนั้นมาจากไหน?
ทำให้ผมนึกถึงกระสอบข้าวสารที่คนเสื้อแดงโยนยัดไปให้เพื่อในรถ สภาพการ์ดล้อมปิดมิดชิดแบบบังอะไรบางอย่าง ไม่ใช่การโจรกรรม หรือ ทุบทำลายแบบความคลุ้มคลั่งของม็อบ ผมเลยบอกน้องเมดิกว่า เรากลับเถอะ สงสัยจะมีการจัดฉากเพิ่มขึ้น และเราอาจเป็นเป้าให้เสื้อแดงเอาไปแห่ต่อจากศพอื่นๆก็ได้
เราก็ออกมาพอถึงสี่แยกเชิงสะพานวันชาติ ผมก็เจอสมุนทักษิณเจ้าเก่า บอกว่าเจรจาเรียบร้อยให้ทหารถอนตัวได้แล้ว อย่าตีกัน
ผมไม่อยากบอกเลยว่าไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ คนในกลุ่มเสื้อแดง ในชุดเสื้อแดง คือหน้าเดิมๆ ที่ผมเห็นเป็นร้อยรอบ ช่วงพันธมิตรชุมนุมโดยเฉพาะคืนวันที่ ๗ ตุลาคม ๕๑ แต่ใส่ชุดสีน้ำเงินมีโล่ห์กำบัง มีปืนสารพัดที่ประเคนใส่การ์ดเสื้อเหลือง
พวกคุณอาจแถลงว่าแทรกตัวปะปนไปเพื่อหาข่าว หรือ อะไรก็แล้วแต่
แต่พฤติกรรมเหมือนพวหคุณที่พญาไท ครั้งที่ผมวิทยุไปขอรถยกมาลากรถเมล์ที่อนุเสวรีย์ชัยสมรภูมิแล้วไม่มา ตอบว่าจะมาแล้วไม่มา ผมเลยต้องไปหาพวกเขาที่ห้องวิทยุเลย เขาบอกให้ออกไปก่อน เดี๋ยวตามไป ผมออกมายืนคอยนั่งคอยในรถหน้าปากประตู ตรงที่รถยกจอดอยู่ สรว.ก็บอกว่าเดี๋ยวตามไป ขอตามลูกน้องก่อน
แต่ภาพที่ผมเห็นคือ พวกท่านขึ้นแฟลตไปแล้วกลับลงมาใส่เสื้อแดงแยกย้ายกันไปโดย แมงกะไซค์ ส่วนมาวิ่งไปทางแยกศรีอยุธยา ผมได้แต่ด่าในใจ
หรือ หากท่านฟังข่าวจากสีกากี จะแถลงว่าเราประกบตัวแกนนำอยู่ หากออกมาจากผู้ชุมนุมเมื่อไหร เราจะจับทันที
ผมเห็นทุกเช้า แกนนำเข้าๆออก พวกท่านกลับอำนวยความสะดวกซะอีก
หรืออย่างคุณนายแดงที่เข้าไปเซ็๋นชื่อแจกเมื่อวานนี้ กลับออกมาในเครื่องแบบ ยังอำนวยความสดวกให้ออกมาอีก
แล้วใครจะไปจับแกนนำหละ ในเมื่อ.........
มาต่อเหตุการณ์คืนวันที่ ๑๐ กันนะครับ
ผมไม่ทราบจริงๆว่าเสธ.เปายังไม่ออกจากพื้นที่ เพราะเสธ.โดนไปก่อนหน้านี้ช่วงเย็นนานมาก ผมเข้าใจว่ามีหน่วยเดียวที่ติดอยู่สะพานวันชาติ ขณะที่รถตู้เสื้อดำวนมาเข้ายิงไปที่ถนนตะนาวจากด้านหลัง ผมยังเข้าใจว่าเป็นการยิงเพื่อสร้างสถานการณ์ มิเช่นนั้น ผมคงหาทางไปช่วยทหารหน่วยนั้นแล้วต่อจาก ม.พัน ๓ รอ.
มั่วแต่พยายามประสานงานสกัดแจะแจ้งหมายเลขทะเบียนรถตู้สีขาวอย่างเดียว
จากนั้นประมาณเกือบเที่ยงคืน ผมนำน้องๆไปถนนพระสเมรุสะพานผ่านฟ้าลีลาศ วิทยุดังมีรถพยาบาลมารับคนโดนยิงกลางเสื้อแดง ผมกับน้องเลยออกมารับเมดิกเพื่อไปลานเจษฎาบดินทร์ พบชายวัยกลางคนโดนสะเก็ดเอ็ม ๗๙ ที่โคนขาและน่องขวา ๒ แห่ง ที่เต็นพยาบาลพวกเสื้อแดง
ถามว่าใครเป็นหมอ หรือ พยาบาลบ้าง ปรากฏว่าไม่มีเลย ใส่ชุด ติดปลอกแขน นั่งจ่ายยากันเพียบ ผมเลยเขาไปตรวจร่างกายสตรีคนหนึ่งที่บอกว่าโดนกระสุนยางบริเวณใต้ราวนม
พอตรวจดูปรากฏว่าไม่มีร่องรอยอะไรเลย แม้นแมวข่วน เนื้อขาวๆแบบนั้น โดนอะไรก็ต้องมีรายบ้าง พอบอกให้ชี้จุดที่เจ็บแน่ๆ ก็ชี้วนไปหมด มาลงที่ลิ้นปี่ ผมเลยบอกสามีเขาไปว่า เหนื่อยจุกเสียดมากกว่า ให้คลายเสื้อผ้า กางเกงออก สักพักอาการก็ดีขึ้น แต่เขาก็ยืนยันจะไปโรงพยาบาล เจ็บโดนยิง พอเมดิก คันที่ ๒ มาก็เลยไม่ค้านอะไร ตามความสมัครใจของเขา แล้สิ่งที่ทำให้ผมหมดแรงคือข่าวที่ว่า
เสธ.เปา พ.อ.ร่มเกล้า ยุวธรรม โดนลอบยิงหลังโดนเอ็ม ๗๙ เสียชีวิต พล.ต.วลิต ขาหักหลายท่อน เลยกลับออกมาดูว่าทหารหาญทุกหน่วยถอนกำลังออกไปหมดแล้ว แน่ใจว่าไม่มีใครต้องการความช่วยเหลือแล้ว กอร์ปกับโทรศัพท์ประสานงาน...ไม่ได้ ก็เลยกลับที่พักประมาณ ๐๑๓๐ น. เพื่อ....ต่อไป
ไปบล็อกก่อนหน้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น