เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

เหตุเพราะว่า..........................มีคนถามหาคนรัก




เหตุเพราะว่า..........................มีคนถามหาคนรัก
ช่วงนี้....คงเป็นเวลาที่ประมาณว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก สภาพบ้านเมืองอึมครึมวุ่นวาย รอยยิ้มสยามจากคนไทยที่เคยมี ก็จางหายลงไปจนแทบจะไม่เห็น ที่น่าห่วงมากกว่านั้นคือ มีแขกยามรัตติกาลมาเคาะก๊อกๆที่เมล เมื่อถามดู.....จึงรู้ว่าต้องการถามหาคนรัก....งง!ครับ....งง! ตั้งสตินิดนึงก็เลยบอกไปว่า หากต้องการให้คนรัก ก็ให้ “ คิดดี พูดดี ทำสิ่งดีๆๆและหวังดีต่อผู้อื่น “ วลี นี้เป็นเรื่องพื้นๆที่ทุกท่าน ผู้ตามบทความหรือบทวิจารณ์ ถาม ตอบที่อาตมาสื่อสารในเฟสบุ๊คก็คงจะคุ้นกันดี ไม่แปลกใจ เพราะนั่นเป็นลักษณะของกัลยาณมิตรที่ดีพอ ที่เราพึงจะมีไว้เป็นที่พึ่ง นอกจากพึ่งตนเอง แขกยามรัตติกาลก็ขอบคุณและลาจากไปอย่างสุภาพตามมารยาทที่ดี
เรื่องมันไม่จบแค่นั้น เพราะคำว่า” ผมต้องการคนรัก” มันเหมือนมีดคมๆมาสะกิดแผลเก่า ที่น่าจะเป็นแผลเป็นให้ฉีกกลับมาเลือดโชกอีกรอบ ความรักหรือ ..... คนรักหรือ มันเป็นอย่างไร...เป็นสภาพที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งเมื่อมีสติ แต่เป็นสิ่งเย้ายวนยิ่งกว่าน้ำผึ้งเสียอีกในบรรยากาศทั่วๆไป
ความรักที่ต่างเป็นเจ้าของคนรักหรือมีคนรักเป็นอย่างไรหนอ เสียงจากภายในก็ตอบออกมาว่า “ มันมีแต่ทุกข์จริงๆ มีก็ทุกข์ ไม่มีก็ทุกข์ “ และ “ มีแล้วไม่พอใจก็ทุกข์ มีแล้วพอใจก็เบื่อ มีแล้วเบื่อก็ทุกข์ “ เวรกรรม ทำไมมันหนีทุกข์ไม่พ้นสักที เสียงจากภายในก็ยังตอบออกมาอีกว่า “ เพราะทุกข์เป็นสภาพต้องจำรับ ต้องจำยอม ต้องจำรู้ มิใช่เพื่อ คิด วิตก วิจาร เพราะมันจะทำให้เกิดอุปาทาน เมื่อเกิด อุปาทานก็ถูกหลอกให้ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ทั้ง 5 ก็เป็นทุกข์อีก “เราไม่ควรหวังในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก หรือไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะความคิดเช่นนั้นนำทุกข์มาให้ “ แน่ะก่อนจะจบ เสียงจากภายในยังทิ้งท้ายด้วยคำสอนไว้อีก
นั่นสิ รู้ทั้งรู้ว่าต้องทุกข์ แต่ก็อดเผลอใจไปไม่ได้ ใจหนอใจบังคับก็ไม่ได้ จะต้านทานกับแรงปรารถนาก็ยากเหลือเกิน มันซึมเข้าไปเหมือนรวดเร็วเหมือนยาพิษซึมเข้าผิวที่มีรอยแผลฉะนั้น ถึงแม้ไม่ตายแน่เพราะเป็นเพียงแค่แผลถลอก แต่ก็ทำให้ทรมาน ถึงแม้ว่ามันเป็นความฝันที่ไม่ต้องการเป็นเจ้าของ ถึงยัดเยียดให้ก็ไม่เอาเพราะรู้แน่ว่าเป็นทุกข์ แต่ขอแค่ฝันผ่านๆก็พอ เหมือนหมาแทะกระดูกขาวโพลนที่ไม่มีเนื้อหลงเหลืออยู่ อร่อยเพราะน้ำลายคืออุปาทานของตนเอง แต่นี่ แค่ฝันผ่านๆมันยังทำร้ายได้ ทั้งที่ฝันแล้วขอผ่านไปไม่เอามากอด ไม่เอามากำไว้แน่นอน มันก็ยังส่งผล คงไม่ต่างจากหมาที่แทะกระดูกเกลี้ยงๆกระทั่งปากฉีก ฟันหัก โอ้โห..... น่าสะพรึงกลัวจริงๆ เสียงจากภายในร้องออกมาเตือน
สรุปก็คงเพราะปล่อยใจให้เกิดกามวิตก มันก็เลยวิจารณ์และเกิดอุปาทานไล่ต่อๆมาเป็นลำดับ ถ้ามีสติรู้ กามวิตกใหม่ก็ไม่เกิดขึ้น วิจารณ์ใหม่ที่ตามมาย่อมไม่เกิด แล้วอุปาทานจะมาแต่ไหน ทุกข์ก็เป็นเพียงสิ่งให้รู้ตามสภาพที่มีที่เป็น ไม่ใช่เกิดก่อ ปรุงแต่งเพิ่มขึ้นมาจนเกินเลยที่จะรับมือได้ เสียงบอกจากภายในดังขึ้นว่า อย่าไปสนใจมันเลยมันเป็นเรื่องธรรมดา เกิดแล้วก็ดับ ต่อแต่นี้ก็คงจะรู้แล้วนะ ว่าไอ้แผลที่คิดว่าเป็นแผลเป็นน่ะ มันสามารถเป็นแผลสดได้อีก หากไม่รู้จักมีสติยับยั้งชั่งใจ เผลอตาม เพราะความประมาทคึกคะนอง ก็คงไม่พ้นเจ็บตัวเจ็บใจอย่างที่เคย แถมยังไปสร้างบาปกรรมแก่คนอื่นอีก ตั้งแต่นี้ต่อไปให้ฟังเสียงเรียกจากฉัน จากสติภายในบ้าง อย่าเผลอ ถึงเผลอก็อย่าบ่อย ถึงบ่อยก็ให้รู้ รู้บ่อยๆ อีกหน่อยเดี๋ยวไอ้กิเลสวิตก หรือ นิวรณ์ที่เป็นเครื่องผูก กระชากลากถูที่ชื่อ กามราคะ พยาปาทะ อุทธัจจะ กุกกุจจะ ถีนมิทธะ วิจิกิจฉา ก็จะลดน้อยถอยลง กระทั่งตายไปทีละตัวสองตัว จนกระทั่งหมดฤทธิ์ไปในที่สุด เพราะเราไม่เล่นด้วย ไม่วิตกกับมันไปด้วยน่ะสิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น