เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553

เมื่อ"ใจ อึ๊งภากรณ์" ถูก"น็อค"คาเวที"ออกซ์ฟอร์ด" โดย นงนุช สิงหเดชะ




Karnt Srisuwan
เมื่อ"ใจ อึ๊งภากรณ์" ถูก"น็อค"คาเวที"ออกซ์ฟอร์ด"

โดย นงนุช สิงหเดชะ

อาจ จะช้าไปหน่อย แต่ก็ควรกล่าวถึง กรณีนายใจ อึ๊งภากรณ์ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งหลบหนีคดีไปยังอังกฤษ ได้ไปโผล่ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ในโอกาสที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและศิษย์เก่าออกซ์ฟอร์ด ไปกล่าวปาฐกถาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ตามคำเชิญของเจ้าภาพ ซึ่งเป้าหมายของนายใจก็คงหวังจะใช้เวทีนี้โจมตีประเทศไทยเรื่องกฎหมายหมิ่น พระบรมเดชานุภาพ และคงหวังฉีกหน้านายอภิสิทธิ์

หลังกล่าวปาฐกถาเสร็จ เป็นช่วงเปิดให้ถาม (การกล่าวปาฐกถาและการถาม-ตอบ ใช้ภาษาอังกฤษ) ปรากฏว่านายใจ ซึ่งใส่เสื้อแดงแปร๊ดพร้อมตีนตบอีก 1 อัน มานั่งฟังอยู่ด้วย ก็ได้ถามเรื่องกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

นายอภิสิทธิ์ตอบว่า "ก่อนอื่นคุณต้องเคลียร์ข้อมูลให้ถูกต้องเสียก่อนว่า การดำเนินคดีกับผู้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ได้เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้เท่านั้น แต่หลายคดีก็ถูกดำเนินการโดยรัฐบาลก่อนคือรัฐบาลทักษิณ เช่นกรณีของนายจักรภพ เพ็ญแข การดำเนินคดีก็เกิดขึ้นในยุครัฐบาลพรรคพลังประชาชน ตอนที่คุณทักษิณอยู่ในอำนาจผมก็ถูกเขาฟ้องด้วยคดีหมิ่นประมาทเช่นกัน ถ้าคุณต้องการเป็นประชาธิปไตยคุณต้องเคารพกฎหมาย กรณีของคุณที่ถูกดำเนินคดีนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะคุณวิจารณ์การรัฐประหาร แต่คุณถูกดำเนินคดีเพราะข้อกล่าวหาแบบเฉพาะเจาะจงที่คุณกล่าวหาสถาบัน กษัตริย์ ดังนั้น คุณต้องเคลียร์ข้อมูลตรงนี้ให้ถูกต้อง อย่าพยายามก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"

คำ ตอบของนายอภิสิทธิ์มีต่อไปว่า "กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่จำเป็นว่าจะแสดงถึงความไม่มีประชาธิปไตยเสมอไป เพราะในประเทศยุโรปบางแห่งที่ปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ (constitutional monarchy) ก็มีกฎหมายลักษณะนี้เช่นกัน ถ้าคุณกล่าวหาคนอื่นในลักษณะเดียวกันนี้คุณก็ต้องถูกฟ้อง ผมเองก็ถูกนักการเมืองหลายคนในรัฐบาลที่แล้วฟ้องร้องเมื่อไปวิจารณ์เขา กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องสถาบันกษัตริย์ลักษณะ เดียวกับที่กฎหมายหมิ่นประมาท (libel law) มีไว้เพื่อปกป้องบุคคลธรรมดา ความแตกต่างก็คือว่าสถาบันกษัตริย์เป็นสถาบันที่เป็นกลาง อยู่เหนือการฝักใฝ่ทางการเมือง (above partisan) เป็นสถาบันที่คนไทยเคารพรักเทิดทูนและเป็นเสาหลักแห่งความมั่นคงของประเทศ"

อภิสิทธิ์ อธิบายต่อไปว่า "กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ได้ต้องการให้สถาบันกษัตริย์เป็นผู้ดำเนินการฟ้องร้องประชาชนด้วยตนเอง ดังนั้น เมื่อมีการหมิ่นประมาทเกิดขึ้น การดำเนินคดีจะต้องทำผ่านตำรวจ มีหลายคนที่ถูกดำเนินคดีลักษณะนี้แต่หลายคนเขาอยู่ต่อสู้คดีไม่ได้หนีหายไป ไหน ผมเองเมื่อถูกใครฟ้องก็ไม่หนีไปไหน (เมื่อพูดถึงตอนนี้นายใจได้ตะโกนสวนขึ้นมาว่า ผมก็ไม่ได้หนี นายอภิสิทธิ์ก็ตอบว่า ผมก็ไม่ได้พูดว่าคุณหนี ทำให้ผู้ฟังปรบมือเสียงดังพร้อมกับหัวเราะ เนื่องจากคงขำนายใจที่อ้างว่าไม่ได้หนีแล้วทำไมมานั่งอยู่ที่นี่)
24 นาทีที่แล้ว

Karnt Srisuwan
นายก รัฐมนตรีเคลียร์ข้อข้องใจของนายใจต่อไปว่า "คุณไม่ควรมีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น คุณต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทยและต่อสู้ภายใต้กฎหมายไทยเช่นเดียวกับคนไทยคน อื่นๆ ผมเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ดูแลเรื่องการบังคับใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุ ภาพอย่างจริงจัง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ถูกใช้ไปในทางมิชอบและมีความยุติธรรม ผมกำลังหารือกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่าหนทางใดจะดีที่สุดในการบังคับใช้ กฎหมายนี้"

นายอภิสิทธิ์ตบท้ายว่า "สิ่งที่ผมจะพูดก็คือว่า กรุณาเลิกดึงสถาบันกษัตริย์ลงมาอยู่ในความขัดแย้งทางการเมือง ควรรักษาสถาบันนี้ที่คนไทยเคารพเทิดทูนให้อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง หากคุณมีปัญหากับผมให้มาถกเถียงกับผมโดยตรง แต่โปรดอย่าดึงสถาบันลงมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง" เมื่อกล่าวจบผู้ฟังในห้องประชุมปรบมือเสียงดังอย่างยาวนานให้กับนาย อภิสิทธิ์ และมีเสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนอย่างถูกใจว่า yes

หากจะสรุปผลการชกครั้งนี้ คงต้องบอกว่า คนอายุ 54 ปี (แต่ใจเด็ก) อย่างนายใจ แพ้ (น็อค) เหตุผลของคนอายุย่าง 45 ปีอย่างนายอภิสิทธิ์
23 นาทีที่แล้ว

Karnt Srisuwan
กลับ มาที่ประเทศไทยกันบ้าง นักวิชาการหัวเสรีสุดขั้วบางคน ใช้ตรรกะแบบแปลกๆ เอาสีข้างเข้าถู อ้างว่าความจงรักภักดีที่พสกนิกรมีต่อสถาบันกษัตริย์นั้นเกิดจากพระมหา กรุณาธิคุณ ความศรัทธาและจงรักภักดีไม่สามารถใช้กฎหมายมาบังคับข่มขู่ พยายามอ้างว่าการพยายามทำลายสถาบันกษัตริย์ไม่มีอยู่จริงเป็นแค่เรื่องแต่ง ขึ้นมาให้ดูน่ากลัวเหมือนแต่งเรื่องผีขึ้นมาหลอกเด็ก พยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงแถลงการณ์สยามแดงของนายใจ

ถูกต้องที่ว่า ความจงรักภักดีและศรัทธา ไม่สามารถใช้กฎหมายมาบังคับข่มขู่ ถูกต้องที่ว่าใครจะจงรักภักดีและศรัทธาต่อบุคคลใด สถาบันใดเป็นเรื่องที่บังคับไม่ได้ แต่สิ่งที่นักวิชาการคนนี้แกล้งไม่กล่าวถึงก็คือว่าการหมิ่นประมาทกับการ จงรักภักดีเป็นคนละเรื่อง ความจงรักภักดีเป็นความรู้สึกภายใน ไม่มีกฎหมายใดจะบังคับขืนใจได้อยู่แล้ว แต่หากมีการกระทำหมิ่นประมาทใส่ร้ายก็ต้องถูกลงโทษ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจึงไม่ใช่กฎหมายที่บังคับให้จงรักภักดี

นัก วิชาการสีแดงบางคนยังตั้งหน้าตั้งตาจะให้เลิกกฎหมายปกป้องสถาบัน กษัตริย์ โดยที่ไม่ยอมนึกบ้างว่าคนธรรมดายังมีกฎหมายหมิ่นประมาทคุ้มครอง แล้วทำไมสถาบันกษัตริย์จึงจะมีกฎหมายคุ้มครองในเรื่องเดียวกันนี้ไม่ได้ คุณทักษิณเองก็ฟ้องหมิ่นประมาทใครพร่ำเพรื่อไปหมด สมัยเป็นนายกรัฐมนตรีก็ถือว่าเป็นนายกฯที่ฟ้องสื่อมากที่สุด เรียกค่าเสียหายทีไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ไม่เห็นนักวิชาการคนนี้ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทบ้าง

การ ออกมาเดือดเนื้อร้อนใจเรื่อง กม.หมิ่นพระบรมเดชานุภาพเฉพาะช่วงนี้ของนักวิชาการกลุ่มนี้ มองอย่างไรก็ไม่พ้นการปกป้องกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีการจาบจ้วงสถาบันทั้งในเชิงสัญลักษณ์และแบบเปิดเผย

ถ้าหากนัก วิชาการเหล่านี้ที่อ้างว่า กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการกลั่นแกล้งทางการเมือง ถามว่ากฎหมายอื่นไม่มีช่องโหว่ให้เป็นเครื่องมือของนักการเมืองเช่นนั้นหรือ อย่างกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่สมัยหนึ่งรัฐบาลยุคทักษิณ มีการส่งเจ้าหน้าที่ ปปง.ไปตรวจสอบบัญชีและฐานะทางการเงินของบุคคลที่อยู่ตรงข้ามฝ่ายรัฐบาลอย่าง กว้างขวาง ไม่เว้นแม้แต่นักข่าว ทำไมนักวิชาการกลุ่มนี้ไม่เห็นรณรงค์ให้เลิกกฎหมาย ปปง.

ส่วนข้อแนะ นำของนักวิชาการบางคนที่ให้สำนักพระราชวังเป็นผู้แจ้งความ ดำเนินคดีเองนั้น ก็พึงตระหนักว่าสมควรหรือไม่ ที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์เป็นโจทก์ฟ้องร้องประชาชน ด้วยตัวเอง จะเป็นการทำให้สถาบันมัวหมองเพราะดึงเอาสถาบันลงมาเป็นคู่ความกับประชาชนโดย ตรงหรือไม่ การตรากฎหมายที่ผ่านมา หลายฝ่ายคงคิดประเด็นนี้ดีแล้วจึงไม่ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ สถาบันกษัตริย์เป็นผู้ฟ้องร้องโดยตรง
23 นาทีที่แล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น