เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2553

ระลอกคลื่น บังน้ำใส บทสรุป


ระลอกคลื่น บังน้ำใส (พระอาจารย์อํานาจ โอภาโส จำพรรษาอยู่ที่พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์)

บทสรุป
ระลอกคลื่น บังน้ำใส

ถ้าจิตไปหลงกรอบขอบเส้นเปลือกของปรากฏการณ์ พลังงานปฏิกิริยาดุจระลอกคลื่น จิตจะรู้ธรรมชาติเดิมคือความใสของใจไม่ได้ เพราะจิตรู้ได้ทีละขณะ

เนื้อเรื่องที่หลงคิดดั่งปฏิกิริยาของระลอกคลื่นที่ชวนตื่นตาเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงเกิด - ดับระยิบระยับบังความใสของใจ ซึ่งไม่ได้หายไปไหน

เมื่อรู้สึกตัวว่าหลงกับเนื้อหาพลังงานปฏิกิริยา จิตจะกลับมาตั้งมั่นอยู่กับรู้ โดยไม่จงใจ ความใสของใจก็อยู่ตรงนั้น ความใสของใจไม่ได้ถูกสร้างขึ้น มีอยู่แล้ว โดยธรรมชาติ แต่เพราะไปสนใจเนื้อหาปฏิกิริยาของระลอกความคิดมาปิดบัง แล้วเผลอพลั้งดังระลอกกระฉอกกระทบกระทั่งถักทอต่อเนื่องเป็นเรื่องราว เมื่อรู้ตัวว่า เผลอฉับพลันมันหันกลับมารู้ที่สภาวะเดิมของตัวมันเอง ความโปร่ง ความใส ความไร้ตัวตนก็ปรากฏอยู่ ณ ที่นั้น

กิจต่อมรรค คือเจริญ คือรู้สึกตัวบ่อยๆ

ไม่มีมันที่ต้องทำลาย (คือปฏิกิริยาของระลอกคลื่น)

ไม่มีเราที่ต้องรักษา (คือธรรมชาติความใสของใจเดิม)

ปฏิกิริยาของระลอกคลื่นเหมือนขันธ์ห้า ไม่ใช่ “เรา”

มันทำงานตามเหตุปัจจัยของไตรลักษณ์

ในท่ามกลางความเคลื่อนไหวของเหตุปัจจัย ก็มีความใสอยู่ในนั้น อยู่ที่จะมองมันมุมไหน


ขอเพียงแต่อย่าหลงชื่อเปลือกของปรากฏการณ์ว่า น้ำค้าง เม็ดฝน สายหมอก ดอกเมฆขาว ริ้วคลื่นพราว แก้วมณีใสในฟองคลื่น ทะยานคลื่นตื่นตา มหาสมุทร เพราะเนื้อหาภายในนั้น ใสเป็นหนึ่งเดียวกัน

ไม่หลงใหลเปลือกอันแตกต่าง ไม่ผลักต้านชิงชัง ไม่เผลอพลั้งหวงแหนรักษา

ไม่ไหลตามต่อเนื่องเป็นเรื่องราว แต่รู้สึกเข้ามาตรงๆ ถึงความใสที่ไร้ตัวตน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น