เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เสียงรำพึงจากเพื่อนร่วมโลก


อาการวิธีที่ข้า ต้องลุกนั่งด้วยสี่แขนขา...
นี่มิใช่ว่า ข้าจะเล่นสนุกเลียนแบบปวงสัตว์จตุบาท
แต่เป็นเพราะว่าขาข้าไม่มีแรงพยุงกาย ได้อีกต่อไป...
ข้าจึงต้องใช้องคาพยพทุกส่วนของข้า ทั้งแขน และขาเข้าช่วยในการเคลื่อนไหว

ลีลาวิธีที่ข้าหย่อนตัวลงกระแทกนั่ง ...
ก็หาใช่ว่า ข้าตั้งใจจะแสดงอาการไม่สุภาพ...
ทว่าเส้นสายแห่งความสุขสราญของข้าได้แตก สลาย
และสายใยแห่งความหนุ่มแน่นของข้าก็ถูกตัด รอนฉีกขาด ...
ดังนั้นตัวข้า จึงไม่อาจเคลื่อนไหวได้อย่างสง่างาม

เมื่อข้าเดิน ข้าต้องเดินโขยกเขยกไปมา ...
นี่มิใช่ว่า ข้าจะวางท่าโอ้อวดอหังการ์ และส่อแสดงว่า ข้าเป็นผู้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่...
แต่เพราะว่าความหนักอึ้งแห่งวัยชรา ได้ทุ่มทับใส่ข้าข้าจึงไม่อาจจะเดินได้อย่างตรงดี

สองมือข้าที่สั่นระริกระรัวไหว ...นี่มิใช่ว่า ข้าตื่นเต้นดีใจใคร่ได้รับวัชรมณี
แต่จักขุแห่ง พญามัจจุราช จ้องมองปราดมาที่ข้ารอคอยที่จะแย่งชิงมณีแห่งชีวิต ปลิดไปจากมือของข้า...
และข้าต้องประหวั่นพรั่นพรึงใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ข้าต้องจำกัดการกินอาหารเพียงน้อยนิด ...นี่หาใช่ว่า ข้าคิดตระหนี่ถี่เหนียว
ทว่าพลังการย่อยอาหารของข้า ได้เสื่อมด้อยถอยลงแล้ว...
และข้ากลัวจะตายเร็ว หากหลงกินมากเกินไป

เสื้อผ้าบางเบาที่ข้าสวมใส่ ...หาใช่เป็นการวางแผน เพื่อไปร่วมงานสังคมหรูหรา
ทว่ากำลังกายที่มีของข้า ได้เสื่อมถอยลงมา ...
แม้แต่การใส่เสื้อผ้านั้น ก็เป็นภาระที่หนักแล้วสำหรับข้า

อาการวิธีที่ข้าหายใจฟืดฟาดรุนแรงนั้น ... หาใช่ว่าข้ากำลังสวดมนต์ภาวนา เพื่อแผ่เมตตาแก่ผู้อื่นก็หาไม่
หากนั่นเป็นสัญญาณว่าในอีกไม่ช้าไม่นานนี้ ลมหายใจแห่งชีวีของข้ากำลังจะสิ้นสลายกลายเป็นหนึ่งเดียวกับฟากฟ้า

อาการแปลกพิเศษนานาแห่งพฤติการณ์ของข้า หาใช่เป็นการแสดงศิลปลีลาอันเลอเลิศ
แต่เป็นเพราะว่า ข้าถูกจู่จับโดยพญามัจจุราช
และข้าไม่อาจมีลู่ทางใดที่จะทำได้อย่างที่ข้าคิด อย่างที่ข้าปรารถนา

ข้าหลงลืมสิ่งทั้งหลายที่ข้าได้กระทำลงไป ...
นี่หาใช่ข้าจงใจแสดงว่า ตัวข้าไม่ใส่ใจในความมานะพากเพียร
แต่เป็นเพราะว่า สมองของข้าถูกทำลาย อีกทั้งความจำ
และสติปัญญาของข้าได้เสื่อมด้อยถอยลงแล้ว

เจ้าไม่ต้องมาหัวเราะเยาะข้าหรอก
เพราะถ้วนทั่วทุกคนย่อมหนีไม่พ้นวัยชราภายในช่วงเวลา
อีกไม่กี่ปีที่จะมาถึงนี้ สัญญาณแรกแห่งมรณา ก็จะมาเยือนตัวเจ้าเช่นเดียวกัน

คำพูดของข้าอาจจะไม่ถูกหู ถูกใจเจ้า...
แต่อีกไม่นานหรอกหนาภาวะเช่นนี้ก็จะมีมาสู่เจ้า
ใน ยุคสมัยนี้ ผู้คนมักมีชีวิตสั้น ...
และไม่มีหลักประกันใดว่าตัวเจ้า
จะมีอายุยืนยาวหลายขวบปีเช่นเดียวกับ ตัวข้า
และมาตรแม้นว่าตัวเจ้าจะมีอายุยืนยาวเช่น ข้า ...
แต่ก็หามีหลักประกันใดว่า
เจ้าจะมีพละกำลังแห่งกาย วาจา และใจ ...
เฉกเช่นผู้เฒ่าชราวัยที่อยู่ต่อหน้าเจ้า ณ กาลบัดนี้
เจ้าหนุ่มน้อย ถึงกับถอยผงะ และร้องอุทานอย่างเศร้าสลดว่า

"โอ้ ! ท่านผู้น่าสมเพชเวทนา
ผู้ถูกวาจาดูหมิ่นดูแคลนจากปวงผู้คน และถูกกระโชกโดยเหล่าสุนัขมากหลาย
ร่างกายของท่านก็ช่างน่ารังเกียจ น่ารันทด และหมดเรี่ยว หมดแรง
กระผมขอเลือกที่จะตาย ณ กาลบัดนี้ มากกว่าที่จะมีชีวิตอยู่ในภาวะหดหู่ชราวัยเช่นท่าน"


ท่านผู้เฒ่าอมยิ้ม กล่าวว่า

"เจ้าต้องการจะหนุ่มแน่นชั่วนิรันตรกาล และเจ้าไม่ต้องการจะเป็นคนแก่ คนชรา
เจ้าพูดว่า เจ้าขอเลือกที่จะตายมากกว่าจะกลายเป็นคนแก่ผู้ชรา
แต่เมื่อเวลาแห่งความตาย ย่างกรายเข้ามาใกล้
เจ้าก็จะรู้เองว่า มิใช่ง่ายเลยที่จะเผชิญหน้ากับความตายได้อย่างเต็มใจ
และอย่างอาจหาญมั่นใจ

มาตรแม้นว่าใคร ไม่เคยทำร้ายสุภาพชน
สำรวมตนอยู่เนืองนิตย์ และบำเพ็ญจิตภาวนา
สมาทานไตรสิกขา มีรักษาศีล ทำสมาธิ และเจริญปัญญาญาณ
บางทีท่านเหล่านี้ อาจจะตายได้อย่างสงบสุข"
"แต่ก่อนนี้ตัวข้า หาได้ใส่ใจสักน้อยนิด หาได้คิดคำนึงถึงคุณค่าทางจิตวิญญาณ
แต่ ณ กาลบัดนี้ ร่างกายของข้าได้แก่ชราลงแล้ว
ข้าจึงรู้สึกสำนึกได้ ว่าเป็นโอกาสแสนดีในทุกวี่วัน
ที่จะหมั่นฝึกฝนอบรมภาวนาในแนวทางแห่งธรรมมรรคา
และตัวข้าเอง ก็ยังไม่อยากจะตายเร็วนัก"

เมื่อท่านผู้เฒ่าได้กล่าวเช่นนั้น
เจตคติของเจ้าหนุ่มน้อยก็พลันแปรเปลี่ยน

"ใช่แล้ว ท่านผู้เฒ่าเอย เป็นความจริงยิ่งแล้ว
สิ่งที่กระผมพบเห็นประจักษ์ด้วยสองตาของกระผม
และสิ่งที่กระผมได้ยินด้วยสองหูนั้น เป็นสิ่งที่ยืนยัน ถึงสิ่งที่ท่านกล่าวอย่างแท้จริง
คำพูดของท่านสะท้านสะเทือนอารมณ์กระผมอย่างลึกล้ำ
ความทุกข์ยากลำบากของผู้เฒ่าชราวัย ช่างใหญ่หลวงยิ่งนัก

ท่านผู้เฒ่าเอย ท่านผ่านพ้นประสบการณ์มามากมาย
ดังนั้นได้โปรดเถิด ได้โปรดบอกความจริงแก่กระผม
ไม่มีวิธีการใดเลยเทียวหรือ
ที่บุคคลจะเอาชนะซึ่งความน่าสะพึงกลัวนี้ได้?

1 ความคิดเห็น:

  1. ในรูปคือรูปโยมพ่อ เหม่อมองทะเลประมาณ 9เดือนก่อนจะเสียชีวิต โยมพ่อมีความรู้มากมาย และไม่ค่อยมีใครจะปิดบังความจริงได้ โยมพ่อสังหรณ์ใจว่าจะเสียชีวิต แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก นอกจากทำงานเพื่อสังคมรับใช้ศาสนาและครอบครัวอย่างเต็มที่ อย่างที่บอก เมื่อโยมพ่อทราบอาการของตัวเอง โยมพ่อปฏิเสธการรักษา และขอตายอย่างไม่ทรมานด้วยอาการแพ้เคมีหรือคีโมที่เรารู้จักกันดี...โยมพ่อขอไว้ อย่าให้ป๋าทรมานมากเลยนะ.....คือเสียงที่ทำให้พวกเราทุกคนตัดสินใจ...ตามคำเรียกร้องของเจ้าของชีวิต ....เจริญพร

    ตอบลบ