เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ความสุดโต่งในยุคข่าวสารข้อมูล


ความสุดโต่งในยุคข่าวสารข้อมูล


นิตยสารสารคดี : ฉบับที่ ๓๑๑ :: มกราคม ๕๔ ปีที่ ๒๖

คอลัมน์รับอรุณ : ความสุดโต่งในยุคข่าวสารข้อมูล
พระไพศาล วิสาโล




บารัค โอบามา เป็นใคร ? ใคร ๆ ก็รู้ว่าเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบามา นับถือศาสนาอะไร ? หลายคนย่อมตอบได้ว่า เขานับถือศาสนาคริสต์ แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตอบว่าเขานับถือศาสนาอิสลาม เชื่อหรือไม่ว่าคนกลุ่มหลังนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ที่แซอีร์หรือรวันดา หากอยู่ในสหรัฐอเมริกานี้เอง

การสำรวจความคิดเห็นเมื่อกลางปีนี้ของสำนักวิจัยแห่งหนึ่งพบว่า ร้อยละ ๑๙ ของชาวอเมริกันเชื่อว่าโอบามาเป็นชาวมุสลิม ไม่กี่เดือนต่อมานิตยสารไทม์พบว่า ชาวอเมริกันที่มีความเชื่อดังกล่าวมีสูงถึงร้อยละ ๒๔ ข้อมูลของบางสำนักระบุว่าในสหรัฐอเมริกามีถึง ๓๐ ล้านคนที่มีความเชื่อเช่นนี้ หลายคนเข้าใจว่าโอบามาเป็นมุสลิมก็ด้วยเหตุผลเพียงเพราะชื่อและนามสกุลของเขา โดยเฉพาะ “ฮุสเซน” ซึ่งเป็นชื่อกลางของเขา อีกไม่น้อยเชื่อเพราะได้ข่าวลือมาว่าในวัยเด็กเขาเคยเข้าโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามในอินโดนีเซีย รวมทั้งได้ฟังมาว่าเขาไม่ยอมเอามือแตะหัวใจขณะกล่าวคำปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อประเทศสหรัฐอเมริกา

ความเข้าใจว่าโอบามาเป็นมุสลิมมิใช่เรื่องใหม่ หากเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนที่เขาจะได้เป็นประธานาธิบดีเสียอีก ความที่เขาเป็นตัวเก็งในตำแหน่งนี้ จึงมีการปล่อยข่าวลือนานาประการเกี่ยวกับตัวเขาในช่วงหาเสียง รวมทั้งข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการนับถือศาสนาของเขา การปล่อยข่าวลือดังกล่าวได้ผลไม่น้อย เดือนเมษายน ๒๕๕๑ หรือ ๖ เดือนก่อนวันลงคะแนนเสียง มีชาวอเมริกันร้อยละ ๑๐ ที่เชื่อว่าเขานับถือศาสนาอิสลาม ที่น่าแปลกใจก็คือหลังจากที่เขาได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว ความเข้าใจผิดดังกล่าวแทนที่จะลดลงกลับเพิ่มขึ้นมากกว่า ๒ เท่าดังผลการสำรวจข้างต้นของนิตยสารไทม์

ใช่แต่เพียงเท่านั้นยังมีคนอเมริกันไม่น้อยที่เชื่อว่าโอบามาไม่ได้เกิดในสหรัฐอเมริกา แต่เกิดที่ประเทศเคนยา คนที่เชื่อเช่นนี้มีถึงร้อยละ ๒๐ ของชาวอเมริกันที่บรรลุนิติภาวะ ประเด็นนี้เป็นเรื่องใหญ่เพราะหากเป็นความจริงก็หมายความว่าโอบามาไม่มีสิทธิเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ มีการฟ้องศาลกล่าวหาว่าเขามิใช่เป็นชาวอเมริกันโดยกำเนิด

โอบามาและคณะของเขาปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าว่า เขาไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม และไม่เคยเข้าโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม รวมทั้งโต้แย้งข้อกล่าวหาอีกมากมายด้วยการเอาหลักฐานต่าง ๆ มายืนยัน ใช่แต่เท่านั้น แม้แต่หน่วยงานของรัฐก็ยังยืนยันว่าโอบามาเกิดในฮาวายโดยมีสูติบัตรเป็นหลักฐาน แต่จนแล้วจนรอดคนที่เชื่อข่าวลือก็ไม่ได้ลดลงเลย กลับเพิ่มมากขึ้น

ควรกล่าวด้วยว่าผู้ที่เชื่อข่าวลือดังกล่าวไม่ใช่คนระดับรากหญ้าที่ไร้การศึกษา คนเหล่านี้อ่านหนังสือพิมพ์ ฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ ท่องเน็ต คำถามจึงมีว่าเหตุใดจึงมีคนเชื่อข้อมูลเท็จกันมากมายทั่วประเทศทั้ง ๆ ที่รายล้อมด้วยข่าวสารข้อมูลมหาศาล เหตุใดข่าวลือจึงแพร่ระบาดในประเทศที่เจริญก้าวหน้าอย่างยิ่งในด้านสารสนเทศ ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรในยุคข่าวสารข้อมูล

คำถามดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะเรามีสมมติฐานว่าข่าวลือกับยุคข่าวสารข้อมูลน่าจะเป็นสิ่งตรงข้ามกัน แต่ในความจริงแล้ว สองสิ่งสามารถอยู่ร่วมกันได้ จะว่าไปแล้ว มันยังเกื้อกูลกันด้วยซ้ำ
พูดอีกอย่างก็คือ เป็นเพราะทุกวันนี้มีข่าวสารข้อมูลท่วมท้น ข่าวลือข่าวเท็จจึงแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะข่าวเท็จที่เหลือเชื่ออย่างยิ่ง

ข่าวลือข่าวเท็จนั้นใคร ๆ ก็หลงเชื่อได้ง่ายหากไม่ไตร่ตรอง แต่จะไตร่ตรองได้อย่างไรในเมื่อข่าวสารข้อมูลไหล่บ่าท่วมท้นตลอดทั้งวัน ดังนั้นจึงยากที่ใครจะรู้ว่าแต่ละวันรับเอาข่าวลือข่าวเท็จไปมากมายเพียงใด ใช่แต่เท่านั้นทุกวันนี้ข้อมูลมีความหลากหลายมาก แม้เทคโนโลยีจะเอื้อให้เราเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีเพื่อคัดกรองข่าวสารข้อมูลมากกว่า เมื่อ ๒๐-๓๐ ปีก่อนแป้นรีโมทคอนโทรลช่วยให้เราสามารถคัดกรองรายการโทรทัศน์นับร้อยนับพัน ๆ ออกไป ทำให้เราสามารถเลือกดูรายการที่สนใจได้สะดวกขึ้น ทุกวันนี้มีเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาอีกมากมายเพื่อคัดกรองข่าวสาร จนเหลือแต่ข่าวสารที่อยู่ในความสนใจของเราหรือถูกใจเรา (เช่น สั้น ง่าย กระชับ) อาทิ ข่าวทางโทรศัพท์มือถือหรืออินเตอร์เน็ต (RSS feed) ที่เราสามารถกำหนดได้ว่าจะเป็นข่าวประเภทไหน ผลก็คือ ยิ่งมีข่าวสารข้อมูลมากเท่าใด ก็ยิ่งมีข่าวสารถูกคัดกรองออกไปมากเท่านั้น

ปรากฏการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นเรื่องดี เพราะทำให้ผู้คนมีอำนาจมากขึ้นในการกรองข้อมูลที่ปรากฏแก่ตน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ มีการเลือกรับข่าวสารข้อมูลที่ตรงกับจริตของตน รวมทั้งความเชื่อ อุดมการณ์ และอคติของตนมากขึ้น ในขณะที่ข่าวสารข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเชื่อ อุดมการณ์ และอคติของตนถูกคัดกรองออกไป ทำให้ผู้คนมีความคิดเห็นโน้มเอียงไปทางใดทางหนึ่งมากขึ้น จนกลายเป็นความสุดโต่งไป

ดูเผิน ๆ ก็น่าแปลกที่ผู้คนมีความคิดที่สุดโต่งมากขึ้นทั้ง ๆ ที่ยุคนี้ข่าวสารข้อมูลมีความหลากหลายอย่างยิ่ง แต่ความจริงอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ยิ่งมีเสรีภาพในการเสนอข่าวสารข้อมูลมากเท่าไร สื่อที่นำเสนอข้อมูลด้านเดียวหรือความเห็นสุดโต่งก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งเทคโนโลยีก็เอื้อให้สื่อประเภทนี้เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย เพราะใช้ต้นทุนไม่มาก อาทิ เว็บไซต์ บล็อก หรือรายการวิทยุโทรทัศน์ทางอินเตอร์เน็ต ผลก็คือสื่อประเภทสุดโต่งเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด และเป็นพาหะให้ข่าวลือข่าวเท็จแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่รับสื่อเหล่านี้ก็พร้อมจะเชื่อข่าวเหล่านี้อยู่แล้วหากสอดคล้องกับความเชื่อ อุดมการณ์ และอคติของตน

ในสหรัฐอเมริกา เว็บไซต์ที่เติบโตเร็วมากที่สุดประเภทหนึ่งได้แก่ เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาโอนเอียงสนับสนุนอุดมการณ์ใดอุดมการณ์หนึ่งอย่างชัดเจน เช่น เสรีนิยม หรืออนุรักษ์นิยม พูดอีกอย่างคือ ถ้าไม่ซ้ายก็ขวาไปเลย เว็บไซต์เหล่านี้ล้วนมีลิงค์เชื่อมโยงไปสู่เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาอย่างเดียวกันถ้าเปรียบกับคนก็ล้วนเป็นคนที่คบหาแต่คอเดียวกัน คิดเหมือนกัน สนใจเรื่องเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ยิ่งพึ่งพิงข่าวสารข้อมูลจากเว็บไซต์เหล่านี้มากเท่าไร ก็ยิ่งตอกย้ำความเชื่อ อุดมการณ์และอคติที่มีอยู่เดิมให้ฝังลึกแน่นหนามากเท่านั้น

สื่อที่ตอบสนองความเชื่อและอุดมการณ์ไปคนละทิศละทางนี้เองที่ทำให้เกิดการแบ่งขั้วทางความคิดอย่างชัดเจนในสังคม บรรยากาศเช่นนี้เอื้อให้คนอเมริกันจำนวนหลายสิบล้านเชื่อข่าวลือและข่าวเท็จเกี่ยวกับโอบามาอย่างฝังหัว ไม่เฉพาะเรื่องศาสนาและถิ่นกำเนิดของเขาเท่านั้น หากยังรวมถึงข่าวลือว่าเขาเป็นสังคมนิยมและฟาสซิสต์ด้วย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่เชื่อข่าวลือเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพรรคเดโมแครตของโอบามา (๑ใน ๓ ของสมาชิกพรรครีพับลิกันไม่เชื่อว่าโอบามาเกิดในสหรัฐ อีก ๑ ใน ๓ ตอบว่าไม่แน่ใจ)

ความเชื่อและอคติที่ฝังหัวทำให้คนเหล่านี้ไม่สนใจฟังคำชี้แจงของโอบามาหรือทีมงานของเขา แม้จะเอาหลักฐานมายืนยันว่าเขานับถือศาสนาคริสต์และเกิดที่ฮาวาย (รวมทั้งคลิปวีดีโอที่มีภาพเขาเอามือแตะหัวใจขณะกล่าวคำปฏิญาณจงรักภักดีต่อสหรัฐอเมริกา) คนเหล่านี้ก็ทำหูทวนลม หาไม่ก็สรรหาเหตุผลมาหักล้างได้หมด จนแม้เมื่อรัฐฮาวายนำสูติบัตรของเขามาแสดงในเว็บไซต์ คนเหล่านี้ก็ยังปฏิเสธว่าไม่ใช่ของจริง มีพิรุธตรงนั้นตรงนี้ หรือแม้หาข้อผิดพลาดไม่เจอ ก็ยังอ้างว่าปลอมได้เนียนมาก

กรณีดังกล่าวชี้ให้เห็นเป็นอย่างดีว่ายุคข่าวสารข้อมูลไม่ได้เป็นหลักประกันว่าผู้คนจะมีข้อมูลที่หลากหลายรอบด้าน สามารถรอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อของข่าวลือข่าวเท็จ ในทางตรงข้ามมันกลับเอื้อให้ผู้คนมีความคิดที่คับแคบหรือมีความเห็นสุดโต่ง จนหลงเชื่อข่าวลือข่าวเท็จง่ายขึ้นด้วยซ้ำ ควรกล่าวด้วยว่าการติดต่อสื่อสารที่สะดวกฉับไวก็มีส่วนทำให้ผู้คนมีความคิดสุดโต่งมากขึ้นด้วย มักพูดกันว่าอินเตอร์เน็ตช่วยย่อโลกให้เล็กลง ในด้านหนึ่งมันช่วยให้เข้าถึงคนที่อยู่ไกลได้ง่ายขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่งมันทำให้ผู้คนคบค้าสมาคมกับคนคอเดียวกันได้สะดวกขึ้น ไม่จำเป็นต้องออกจากบ้าน แค่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ก็สามารถแลกเปลี่ยนความเห็น ระบายอารมณ์ สาดใส่ความเกลียด หรือปล่อยข่าวลือไปได้แล้ว ซึ่งก็ยิ่งหนุนเสริมตอกย้ำความเชื่อและอคติให้แก่กันและกัน

สภาพเช่นนี้ไม่ได้เกิดที่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น หากยังเห็นได้ชัดในเมืองไทย ข่าวสารข้อมูลที่หลากหลายไม่ได้ช่วยให้ผู้คนมีความเห็นรอบด้านและใจกว้างมากขึ้นเลย กลับคับแคบและมีความคิดสุดโต่ง ทำให้แบ่งขั้วเป็นข้างกันชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ละขั้วต่างมีสื่อที่ตอบสนองความเชื่อและหนุนเสริมอคติให้ฝังแน่นขึ้น ทุกฝ่ายต่างดูโทรทัศน์หรือเว็บไซต์ของพวกตน และปิดหูปิตาไม่รับรู้ข้อมูลจากอีกฝ่าย จึงยิ่งมองเห็นอีกฝ่ายหรือคนที่คิดต่างจากตน เป็นพวกเลวร้าย ไม่ต่างจากปีศาจหรือยักษ์มาร (เพียงแต่ติดฉลากต่างชื่อเท่านั้น) ข้อเท็จจริงใด ๆ ที่ไม่สอดคล้องกับความเชื่อของตน ก็ปฏิเสธไว้ก่อน หาไม่ก็สรรหาเหตุผลต่าง ๆ มาหักล้าง แม้จะเป็นการเอาสีข้างเข้าถูก็ตาม จะว่าไปแล้วเมื่อมีความเชื่อหรืออุดมการณ์ที่ฝังแน่น ซ้ำยังมีความโกรธเกลียดหนุนเนื่องด้วยแล้ว
ยากที่ใครจะสนใจความจริงหรือข้อเท็จจริงที่เป็นกลาง ๆ หากสนใจรับรู้แต่สิ่งที่สอดคล้องกับความเชื่อของตนเท่านั้น

อคตินั้นไม่ได้เกิดจากไหน แรกเริ่มเดิมทีก็เกิดจากการปรุงแต่งของเรา แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว มันก็สามารถปรุงแต่งทั้งความคิดและการรับรู้ของเราให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับมัน ถ้ามีอคติว่าใครเลว ก็คิดถึงเขาแต่ในแง่เลวร้าย หรือเห็นทุกอย่างที่เขาทำเป็นเลวไปหมด ทำให้มีอคติรุนแรงมากขึ้น จนรู้สึกโกรธทันทีที่เห็นหรือนึกถึง และเมื่อโกรธใครแล้ว ก็ยิ่งอยากคบค้าสมาคมกับคนที่โกรธ “ผู้ร้าย”คนเดียวกัน (จะโดยทางโทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ตก็แล้วแต่) รวมทั้งอยากให้ผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับเราโกรธเจ้าหมอนั่นด้วย แต่หากเขาไม่โกรธ เราก็จะไม่พอใจเขา หาไม่ก็จะต้องโกรธเจ้าหมอนั่นให้หนักขึ้น ต้องด่าว่ามันให้รุนแรงกว่าเดิม เพื่อคนใกล้ชิดของเราจะได้โกรธมันเสียที แต่ถ้าเขายังไม่โกรธหรือไม่เห็นว่าเขาเป็นตัวเลวร้าย ทีนี้เราก็จะระบายความโกรธใส่เขาแทน ผลก็คือทะเลาะวิวาทกัน

ในบรรยากาศอย่างนี้แหละที่ผู้คนจะชื่นชอบใครก็ตามที่เล่นงานฝ่ายตรงข้ามอย่างสาดเสียเทเสีย ยิ่งพูดแรง ๆ ใส่อารมณ์มาก ๆ ก็ยิ่งยกนิ้วให้ ด้วยเหตุนี้ใครที่ต้องการได้รับคะแนนนิยมจากพวกเดียวกันยิ่งต้องแสดงความกราดเกรี้ยวและสุดโต่งให้มากกว่าคนอื่น โดยไม่คำนึงว่าสิ่งที่ตนพูดจะเป็นเท็จหรือไม่ ขอให้ถูกใจคนฟังเป็นพอ จึงไม่น่าแปลกใจที่นักการเมืองเหล่านี้ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และนี้คือเหตุผลว่าทำไมซาราห์ เพลินจึงได้รับคำนิยมอย่างสูงจากชาวอเมริกันฝ่ายขวา ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่เธอพูดนั้นเต็มไปด้วยความเท็จหาไม่ก็ขาดหลักฐานและข้อมูล ส่วนในเมืองไทยก็เห็นได้ไม่ยากว่าใครที่พูดแรง หรือโจมตีอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำหยาบคายก็ได้รับยกย่องสรรเสริญเช่นกัน

คนเราจะมีความคิดความเชื่ออะไรไม่สำคัญเท่ากับว่าคิดและเชื่ออย่างไร แม้จะสมาทานความคิดความเชื่อที่สูงส่งหรือวิเศษเพียงใด แต่หากสมาทานอย่างสุดโต่งหรือยึดติดถือมั่นอย่างหัวปักหัวปำแล้ว ก็ย่อมกลายเป็นโทษยิ่งกว่าเป็นคุณ เพราะย่อมเปิดรับความเท็จและตกเป็นทาสของความโกรธเกลียดได้ง่าย ทำให้มองเห็นคนที่คิดต่างจากตนเป็นศัตรู และพร้อมจะทำร้ายเขาทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ ในทางตรงข้ามแม้จะมีความเชื่อที่คร่ำครึ ไม่ทันยุคทันสมัย แต่สมาทาน
ด้วยใจที่เปิดกว้าง ไม่ลืมหูลืมตา เคารพคนที่คิดต่างจากตน ย่อมมีโอกาสที่จะเข้าถึงความจริงและหยิบยื่นไมตรีให้แก่ผู้คน ทำให้เกิดการร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์กับส่วนรวมได้ ในยุคที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย นี้มิใช่หรือท่าทีที่เราควรมีต่อกัน

ความหลากหลายไม่จำเป็นต้องนำไปสู่การแบ่งขั้วแบ่งข้างและตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน มีประโยชน์อะไรหากเรายึดติดถือมั่นกับความคิด เชิดชูอุดมการณ์อันสูงส่ง แต่กลับทำร้ายเพื่อนมนุษย์ แม้ไม่ถึงกับเลือดตกยางออก แต่ลดทอนความเป็นมนุษย์ของเขาด้วยการหยามเหยียดหรือใส่ร้ายป้ายสีเพียงเพื่อสังเวยความเชื่อของตนเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น