เพราะมนุษย์แทบทั้งหลายยังไม่สามารถตัดกิเลสได้หมดสิ้น จึงต่างยังมี ความโลภ โกรธ หลง ซึ่งบ่อยครั้งความรู้สึกต่าง ๆ นั้น ก็พาให้เกิดการกระทำ และคำพูดที่ไม่ดี แน่นอนว่ามันย่อมส่งผลแย่ทั้งแก่จิตใจของเราเอง และผู้อื่น ดังนั้นเพื่อเป็นการเตือนสติให้ระลึกอยู่เสมอในการทำสิ่งใด ๆ เราจึงได้คัดสรร พุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้ มาฝากเพื่อน ๆ กัน
ทั้งนี้ พุทธศาสนสุภาษิต คือ คำสอนทางพระพุทธศาสนาที่เป็นเหมือนข้อคิด ข้อเตือนใจ ซึ่งจากคำสอนเหล่านี้ เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง และคนรอบข้างได้ดีอีกด้วย ถ้าอยากรู้ข้อคิดดี ๆ ในการดำเนินชีวิตจาก พุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้ แล้วล่ะก็ ตามมากันเลยจ้า....
หมวดธรรมะเบื้องต้น
อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ : คนขยัน ย่อมหาทรัพย์ได้
พาโล อปริณายโก : คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ : ตนเป็นที่พึ่งของตน
ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย : ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย : ชนะตนนั่นแหละประเสริฐกว่า
ยถาวาที ตถาการี : พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น
สจฺจํ เว อมตา วาจา : คำจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
อิณาทานํ ทุกขํ โลเก : การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก
อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา : บัญฑิตย่อมฝึกตน
ททมาโน ปิโย โหติ : ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน องฺคํ ธนํ ชีวิตญฺจาปิ สพฺพํ จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต : พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ, เมื่อรักษาชีวิตพึงสละอวัยวะ เมื่อคำนึงถึงธรรม พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิตทุกอย่าง
หมวดบุคคล
ธมฺมเทสฺสี ปราภโว : ผู้เกลียดธรรม เป็นผู้เสื่อม
ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกฺโข จ เวรวา : อ่อนไป...ก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไป...ก็มีภัยเวร
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต : ผู้ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก
ทุวิชาโน ปราภโว : ผู้มีความรู้ในทางชั่ว เป็นผู้เสื่อม
โจรา โลกสฺมิมพฺพุทา : พวกโจรเป็นเสนียดของโลก
ธมฺมกาโม ภวํ โหติ : ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ
ครุ โหติ สคารโว : ผู้เคารพผู้อื่น ย่อมมีผู้เคารพตนเอง
เอวํ กิจฺฉาภโต โปโส ปิตุ อปริจารโก ปิตริมิจฺฉาจริตฺวาน นิรยํ โส อุปปชฺชติ : ผู้ที่มีมารดาบิดาเลี้ยงมา ได้โดยยากอย่างนี้ ไม่บำรุงมารดาบิดา ประพฤติผิดในมารดาบิดา ย่อมเข้าถึงนรก
มธุ วา มญฺญตี พาโล ยาว ปาปํ น ปจฺจติ ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ อถ ทุกฺขํ นิคจฺฉติ : ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล คนเขลายังเข้าใจว่ามีรสหวาน แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนเขลาย่อมประสบทุกข์เมื่อนั้น
ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย นิสีเทยฺย สเยยฺย วา น ตสฺส สาขํ ภญฺเชยฺย มิตฺตทุพฺโพ หิ ปาปโก : บุคคลนั่งหรือนอน (อาศัย) ที่ร่มเงาตันไม้ใด ไม่ควรรานกิ่งต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตร เป็นคนเลวทราม
โรสโก กทริโย จ ปาปิจฺโฉ มจฺฉรี สโฐ อหิริโก อโนตฺตปฺปี ตํ ชญฺญา วสโล อิติ : ผู้ใดเป็นคนขัดเคือง เหนียวแน่น ปรารถนาลามก ตระหนี่ โอ้อวด ไม่ละอาย และไม่เกรงกลัวบาป พึงรู้ว่า ผู้นั้นเป็นคนเลว
โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา โคมิโก โคหิ ตเถว โสจติ อุปธีหิ นรสฺส โสจนา น หิ โส โสจติ โย นิรูปธิ : ผู้มีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร, ผู้มีโคย่อมเศร้าโศกเพราะโคเหมือนกัน, นรชนมีความเศร้าโศกเพราะอุปธิ, ผู้ใด ไม่มีอุปธิ ผู้นั้น ไม่ต้องเศร้าโศกเลย
หมวดการศึกษา-ปัญญา
หินชจฺโจปิ เจ โหติ อุฏฺฐาตา ธิติมา นโร อาจารสีลสมฺปนฺโน นิเส อคฺคีว ภาสติ : คนเราถึงมีชาติกำเนิดต่ำ แต่หากขยันหมั่น เพียร มีปัญญาประกอบด้วยอาจาระ และ ศีล ก็รุ่งเรืองได้ เหมือนไฟถึงอยู่ในคืนมืดก็สว่างไสว
สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา : ความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา
ทา โส ว ปญฺญาสฺส ยสสฺสิ พาโล อตฺเถสุ ชาเตสุ ตถาวิเธสุ ยํ ปณฺฑิโต นิปุณํ สํวิเธติ สมฺโมหมาปชฺชติ ตตฺถ พาโล : คนเขลามียศศักดิ์ ก็เป็นทาสของคนมีปัญญา, เมื่อเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้น คนฉลาดจัดการข้อใดได้แนบเนียน คนเขลาถึงความงมงายในข้อนั้น
หมวดวาจา
นา ติเวลํ ปภาเสยฺย นตุณหี สพฺพทา สิยา อวิกิณฺ มิตํ วาจํ ปตฺเตกาเล อุทีริเย : ไม่ควรพูดจนเกินกาล ไม่ควรนิ่งเสมอไป เมื่อถึงเวลาก็ควรพูดพอประมาณ ไม่ฟั่นเฝือ
ปรสฺส วา อตฺตโน วาปิ เหตุ น ภาสติ อลิกํ ภูริปญฺโญ โส ปูชิโต โหติ สภาย มชฺเฌ ปจฺฉาปิ โส สุคติคามิ โหติ : ผู้มีภูมิปัญญา ย่อมไม่พูดพล่อย ๆ เพราะเหตุแห่งคนอื่น หรือตนเอง ผู้นั้นย่อมมีผู้บูชาในท่ามกลางชุมชน (สภา) แม้ภายหลังเขาย่อมไปสู่สุคติ
ยํ พุทฺโธ ภาสตี วาจํ เขมํ นิพฺพานปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย สา เว วาจานมุตฺตมา : พระพุทธเจ้าตรัสพระวาจาใด เป็นคำปลอดภัย เพื่อบรรลุพระนิพพาน และเพื่อทำที่สุดทุกข์, พระวาจานั้นแล เป็นสูงสุดแห่งวาจาทั้งหลาย
หมวดความอดทน
ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน : ความอดทน เป็นตปะ (ตบะ) ของผู้พากเพียร
ขนฺติ สาหสวารณา : ความอดทน ห้ามไว้ได้ซึ่ง ความผลุนผลัน
มนาโป โหติ ขนฺติโก : ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น
เกวลานํปิ ปาปานํ ขนฺติ มูลํ นิกนฺตติ ครหกลหาทีนํ มูลํ ขนฺติ ขนฺติโก : ความอดทน ย่อมตัดรากแห่งบาปทั้งสิ้น , ผู้มีขันติ ชื่อว่า ย่อมขุดรากแห่งความ ติเตียน และ การทะเลาะกันได้ เป็นต้น
ขนฺติโก เมตฺตวา ลาภี ยสสฺสี สุขสีลวา ปิโย เทวมนุสฺสานํ มนาโป โหติ ขนฺติโก : ผู้มีความอดทน นับว่ามีเมตตา มีลาภ มียศ และ มีสุขเสมอ , ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่รัก ชอบใจของเทวดา และ มนุษย์ทั้งหลาย
อตฺตโนปิ ปเรสญฺจ อตฺถาวโห ว ขนฺติโก สคฺคโมกฺขคมํ มคฺคํ อารุฬฺโห โหติ ขนฺติโก : ผู้มีขันติ ชื่อว่านำประโยชน์มาให้ ทั้งแก่ตนทั้งแก่ผู้อื่น ผู้มีขันติ ชื่อว่าเป็นผู้ขึ้นสู่ทางไปสวรรค์และนิพพาน
หมวดความเพียร
ขโณ โว มา อุปจฺจคา : อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์
หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ : คนที่ผลัดวันว่าพรุ่งนี้ ย่อมเสื่อม ยิ่งผลัดว่ามะรืนนี้ ก็ยิ่งเสื่อม
กาลคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ : คนขยัน พึงไม่ให้ประโยชน์ที่มาถึงแล้วผ่านไปโดยเปล่า
โภคา สนฺนิตยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ : ค่อย ๆ เก็บรวบรวมทรัพย์ ดังปลวกก่อจอมปลวก
อตีตํ นานฺวาคเมยฺนย นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ : อย่ารำพึงถึงความหลัง อย่ามัวหวังถึงอนาคต
อสเมกฺขิตกมฺมนฺตํ ตุริตาภินิปาตินํ ตานิ กมฺมานิ ตปฺเปนฺติ อุณฺหํ วชฺโฌหิตํ มุเข : ผู้ที่ทำการงานลวก ๆ โดยมิได้พิจารณาใคร่ครวญให้ดี เอาแต่รีบร้อนพรวดพราดจะให้เสร็จ การงานเหล่านั้น ก็จะก่อความเดือดร้อนให้ เหมือนตักอาหารที่ยังร้อนใส่ปาก
อชฺช สุวติ ปุริโส สทตฺทํ นาวพุชฺฌติ โอวชฺชมาโน กุปฺปติ เสยฺยโส อติมญฺญติ : คนที่ไม่รู้จักประโยชน์ตนว่า อะไรควรทำวันนี้ อะไรควรทำพรุ่งนี้ ใครตักเตือนก็โกรธ เย่อหยิ่ง ถือดีว่า ฉันเก่ง ฉันดี คนอย่างนี้ เป็นที่ชอบใจของกาฬกิณี
หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ อนาคตํ เนตมตฺถีติ ญตฺวา อุปฺปนฺนจฺฉนฺทํ โก ปนุเทยฺย ธีโร : มัวรำพึงถึงความหลัง ก็มีแต่จะหดหาย มัวหวังวันข้างหน้า ก็มีแต่จะละลาย อันใดยังไม่มาถึง อันนั้นก็ยังไม่มี รู้อย่างนี้แล้ว เมื่อมีฉันทะเกิดขึ้น คนฉลาดที่ไหนจะปล่อยให้หายไปเปล่า
อปฺปเกนปิ เมธาวี ปาภเฏน วิจกฺขโณ สมุฏฺฐาเปติ อตฺตานํ อณุ อคคึว สนฺธมํ : ผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาดย่อมตั้งตนได้ด้วยต้นทุนแม้น้อย เหมือนคนก่อไฟน้อยขึ้นฉะนั้น
อฏฺฐา ตา กมฺมเธยฺเยสุ อบฺปมตฺโต วิธานวา สมํ กปฺเปติ ชีวิตํ สมภตํ อนุรกฺขติ : ผู้ขยันในหน้าที่การงาน ไม่ประมาท เข้าใจเลี้ยงชีพพอสมควร จึงรักษาทรัพย์ที่หามาได้
โย จ วสฺสสตํ ชีเว กุสีโต หีนวีริโย เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย วิริยํ อารภโต ทฬฺหํ : ผู้เกียจคร้าน มีความเพียรเลว พึงเป็นอยู่ตั้งร้อยปี ส่วนผู้ปรารภความเพียรมั่นคง มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวก็ประเสริฐกว่า
หมวดความโกรธ
โกโธ สตฺถมลํ โลเก : ความโกรธเป็นดังสนิมในโลก
ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ : ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย
อปฺโป หุตฺวา พหุ โหติ วฑฺฒเต โส อขนฺติโช : ความโกรธน้อยแล้วมาก มันเกิดจากความไม่อดทน จึงทวีขึ้น
ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ : ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้
อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โกโธ สหเต นรํ : ความโกรธครอบงำนรชนเมื่อใด ความมืดมนย่อมมีขึ้นเมื่อนั้น
หมวดการชนะ
ชิเน กทริยํ ทาเนน : พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้
อสาธํ สาธุนา ชิเน : พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี
อกฺโกเธน ชิเน โกธํ : พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ
สจฺเจนาลิกวาทินํ : พึงชนะคนพูดปดด้วยคำจริง
หมวดประมาท
เย ปมตฺตา ยถา มตา : ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว
เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ เย ปมชฺชนฺติ มาณวา : คนประมาท ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน
โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ โสมํ โลกํ ปภาเสติ อพฺภา มุตฺโต ว จนฺทิมา : เมื่อก่อนประมาท ภายหลังไม่ประมาท เขาชื่อว่ายังโลกนี้ให้สว่าง เหมือนพระจันทร์พ้นจากเมฆหมอกฉะนั้น
ยญฺหิ กิจฺจํ ตทปวิทฺธํ อกิจฺจํ ปน กยีรติ อุนฺนฬานํ ปมตฺตานํ เตสํ วฑฺฒนฺติ อาสวา : คนทอดทิ้งกิจที่ควรทำ ไปทำกิจที่ไม่ควรทำ เมื่อเขาถือตัวประมาท อาสวะย่อมเจริญ
พหุมฺปิ เจ สํหิต ภาสมาโน น ตกฺกโร โหติ นโร ปมตฺโต โคโปว คาโว คณยํ ปเรสํ น ภาควา สามญฺญฺสฺส โหติ : หากกล่าวพุทธพจน์ได้มาก แต่เป็นคนประมาท ไม่ทำตามพุทธพจน์นั้น ก็ไม่มีส่วนแห่งสามัญญผล เหมือนคนเลี้ยงโค คอยนับโคให้ผู้อื่นฉะนั้น
หมวดไม่ประมาท
อปฺปมาทรตา โหถ : ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ยินดีในความไม่ประมาท
อปฺปมาทญฺจ เมธาวี ธนํ เสฏฺฐฺ รกฺขติ : ปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนทรัพย์ประเสริฐสุด
อุฏฺฐฺานวโต สติมโต สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน สญฺญฺตสฺส จ ธมฺมชีวิโน อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติ : ยศย่อมเจริญแก่ผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานสะอาด ใคร่ครวญแล้วทำ ระวังดีแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท
อปฺปมาทรตา โหถ สจิตฺตมนุรกฺขถ ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ ปงฺเก สนฺโนว กุญฺชโร : ท่านทั้งหลายจงยินดีในความไม่ประมาท จงตามรักษาจิตของตน จงถอนตนขึ้นจากหล่มคือกิเลสที่ถอนได้ยาก เหมือนช้างที่ตกหล่ม ถอนตนขึ้น ฉะนั้น
อุฏฺฐาเนนปฺปมาเทน สญฺญเมน ทเมน จ ทีปํ กยิราถ เมธาวี ยํ โอโฆ นาภิกีรติ : ผู้มีปัญญา พึงสร้างเกาะที่น้ำหลากมาท่วมไม่ได้ ด้วยความหมั่น ความไม่ประมาท ความสำรวมระวัง และความข่มใจ
อปฺปมตฺโต ปมตฺเตสฺ สุตฺเตสุ พหุชาคโร อพลสฺสํว สีฆสฺโส หิตฺวา ยาติ สุเมธโส : คนมีปัญญาดีไม่ประมาทในเมื่อผู้อื่นประมาท มักตื่นในเมื่อผู้อื่นหลับ ย่อมละทิ้งคนนั้น เหมือนม้าฝีเท้าเร็ว ทิ้งม้าไม่มีกำลังไป ฉะนั้น
หมวดตน-การฝึกตน
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย : ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี
ลพฺภา ปิยา โอจิตฺเตน ปจฺฉา : ตระเตรียมตนให้ดีเสียก่อนแล้ว ต่อไปจะได้สิ่งอันเป็นที่รัก
ยทตฺตครหิ ตทกุพฺพมาโน : ติตนเองเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น
สทตฺถปสุโต สิยา : พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน
กลฺยาณํ วต โภ สกฺขิ อตฺตานํ อติมญฺญสิ : ท่านเอ๋ย ! ท่านก็สามารถทำดีได้ ไยจึงมาดูหมิ่นตัวเองเสีย
สนาถา วิหรถ มา อนาถา : จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง
ปเร สํ หิ โส วชฺชานิ โอปุนาติ ยถาภุสํ อตฺตโน ปน ฉาเทติ กลึว กิตวา สโฐ : โทษคนอื่นเที่ยวกระจาย เหมือนโปรยแกลบ แต่โทษตนปิดไว้ เหมือนพรานนกเจ้าเล่ห์แฝงตัวบังกิ่งไม้
อตฺตตฺถปัญฺญา อสุจี มนุสฺสา : มนุษย์ผู้เห็นแก่ประโยชน์ตน เป็นคนไม่สะอาด
อตฺตานญฺเจ ตถา กยิรา ยถญฺญมนุสาสติ : ถ้าพร่ำสอนผู้อื่นฉันใด ก็ควรทำตนฉันนั้น
หมวดมิตร
มาตา มิตฺตํ สเก ฆเร : มารดาเป็นมิตรในเรือนตน
พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร : มารดาบิดา ท่านเรียกว่าเป็นพรหม
มิตฺตทุพฺโก หิ ปาปโก : ผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวแท้
ภริยา ปรมา สขา : ภริยาเป็นเพื่อนสนิท
นตฺถ พาเล สหายตา : ความเป็นสหายไม่มีในคนพาล
สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ จเรยฺย เตนตฺตมโน สติมา โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา : ถ้าได้สหายผู้รอบคอบ พึงพอใจมีสติเที่ยวไปกับเขา ถ้าไม่ได้สหายผู้รอบคอบ พึงเที่ยวไปคนเดียว และไม่พึงทำความชั่ว
หมวดการคบหา
ยํ เว เสวติ ตาทิโส : คบคนเช่นใด ย่อมเป็นคนเช่นนั้น
วิสฺสาสา ภยมนฺเวติ : เพราะความไว้ใจภัยจึงตามมา
อติจิรํ นิวาเสน ปิโย ภวติ อปฺปิโย : เพราะอยู่ด้วยกันนานเกินไป คนที่รักกันก็มักหน่าย
ทุกฺโข พาเลหิ สํวาโส อมิเตเนว สพฺพทา : อยู่ร่วมกับคนพาลนำทุกข์มาให้เสมอไป เหมือนอยู่ร่วมกับศัตรู
ธีโร จ สุขสํวาโส ญาตีนํว สมาคโม : อยู่ร่วมกับปราชญ์นำสุขมาให้ เหมือนสมาคมกับญาติ
สงฺเกเถว อมิตฺตสฺมึ มิตฺตสฺมิมฺปิ น วิสฺสเส : ควรระแวงในศัตรู แม้ในมิตรก็ไม่ควรไว้ใจ
ตครํ ว ปลาเสน โย นโร อุปนยฺหติ ปตฺตาปิ สุรภี วายนฺติ เอวํ ธีรูปเสวนา : คนห่อกฤษณาด้วยใบไม้ แม้ใบไม้ก็หอมไปด้วยฉันใด การคบกับนักปราชญ์ก็ฉันนั้น
ปูติมจฺฉํ กุสคฺเคน โย นโร อุปนยฺหติ กุสาปิ ปูติ วายนฺติ เอวํ พาลูปเสวนา : คนห่อปลาเน่าด้วยใบหญ้าคา แม้หญ้าคาก็พลอยเหม็นเน่าไปด้วยฉันใด การคบคนพาลก็ฉันนั้น
หมวดการสร้างตัว
อลาโภ ธมฺมิโก เสยฺโย ยญฺเจ ลาโภ อธมฺมิโก : ถึงไม่ได้ แต่ชอบธรรม ยังดีกว่าได้โดยไม่ชอบธรรม
ปฏิรูปการี ธุรวา อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนิ : ขยัน เอาธุระ ทำเหมาะจังหวะ ย่อมหาทรัพย์ได้
โภคา สนุนิจยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ : ทรัพย์สินย่อมพอกพูนขึ้นได้ เหมือนดังก่อจอมปลวก
อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ : การงานไม่คั่งค้างสับสน เป็นมงคลอย่างสูงสุด
น หิ จินฺตามยา โภคา อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา : โภคะของใคร ไม่ว่าสตรีหรือบุรุษ ที่จะสำเร็จเพียงด้วยคิดเอา ย่อมไม่มี
สกมฺมุนา โหติ ผลูปปตฺติ : ความอุบัติแห่งผล ย่อมมีได้ด้วยการกระทำของตน
ยหึ ชีเว ตหึ คจฺเฉ น นิเกตหโต สิยา : ชีวิตจะอยู่ได้ที่ไหน พึงไปที่นั้น ไม่พึงให้ที่อยู่ฆ่าตนเสีย
หมวดการปกครอง
สพฺพํ รฏฺฐํ สุขํ เสติ ราชา เจ โหติ ธมฺมิโก : ถ้าผู้ปกครองทรงธรรม ประเทศชาติก็เป็นสุข
สพฺพํ ปรวสํ ทุกฺขํ : การอยู่ในอำนาจของผู้อื่น เป็นทุกข์ทั้งสิ้น
สงฺเกยฺย สงฺกิตพฺพานิ : พึงระแวง สิ่งที่ควรระแวง
ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ : พึงยกย่องคนที่ควรยกย่อง
ปมาทา ชายเต ขโย : เมื่อมีความประมาท ก็เกิดความเสื่อม
ขยา ปโทสา ชายนฺติ : เมื่อมีความเสื่อม ก็เกิดโทษประดัง
สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ : สักการะฆ่าคนชั่วได้
รกฺเขยฺยานาคตํ ภยํ : พึงป้องกันภัยที่ยังมาไม่ถึง
หมวดสามัคคี
สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี : สามัคคีของหมู่ทำให้เกิดสุข
สูกเรหิ สมคฺเคหิ พฺยคฺโฆ เอกายเน หโต : สุกรทั้งหลายพร้อมเพรียงกันยังฆ่าเสื้อโคร่งได้ เพราะใจรวมเป็นอันเดียว
สาม คฺยเมว สิกฺเขถ พุทฺเธเหตํ ปสํสิตํ สามคฺยรโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสตํ : พึงศึกษาความสามัคคี , ความสามัคคีนั้น ท่านผู้รู้ทั้งหลาย
เอโส หิ อุตฺตริตโร ภาราวโห ธุรนฺธโร โย ปเรสาธิปนฺนานํ สยํ สนฺธาตุมรหติ : ผู้ใดเมื่อคนอื่นล่วงเกินกันอยู่ ตนเองกลับหาทางเชื่อมเขาให้คืนดีกันได้ ผู้นั้นแล ชื่อว่าเป็นคนเอาภาระ เป็นผู้จัดธุระที่ดียอดเยี่ยม
สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี สมคฺคานญฺจนุคฺคโห สมคฺครโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสติ : ความพร้อมเพรียงของหมู่เป็นสุข และการสนับสนุนคนผู้พร้อมเพรียงกันเป็นสุข, ผู้ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกัน ตั้งอยู่ในธรรมย่อมไม่คลาดจากธรรมอันเกษมจากโยคะ
หมวดพบสุข
น หึสนฺติ อกิญฺจนํ : ไม่มีอะไรเลย ไม่มีใครเบียดเบียน
สุขิโน วตารหนฺโต : ท่านผู้ไกลกิเลส มีความสุขจริงหนอ
สกิญฺจนํ ปสฺส วิหญฺญมานํ : คนมีห่วงกังวล ย่อมวุ่นวายอยู่
ยาวเทวสฺสหู กิญฺจิ ตาวเทว อขาทิสํ : ตราบใดยังมีชิ้นเนื้อคาบไว้นิดหน่อย ตราบนั้นก็ยังถูกกลุ้มรุมยื้อแย่ง
ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส จ นินฺทา ปสํสา จ สุขํ จ ทุกฺขํ เอเต อนิจฺจา มนุเชสุ ธมฺมา มา โสจิ กึ โสจสิ โปฏฺฐปาท : ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข และ ทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาในหมู่มนุษย์ ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน อย่าเศร้าโศกเลย ท่านจะโศกเศร้าไปทำไม
นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ : ความสุข (อื่น) ยิ่งกว่าความสงบไม่มี
หมวดทาน
อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ : ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ย่อมได้สิ่งที่เลิศอีก
ธีโร จ ทานํ อนุโมทมาโน : คนฉลาด พลอยยินดีการให้ทาง
นิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา : คนใจการุณ ช่วยแก้ไขคนให้หายโศกเศร้า
เสฏฐนฺทโท เสฏฐมุเปติ ฐานํ : ผู้ให้สิ่งประเสริฐ ย่อมถึงฐานะที่ประเสริฐ
ปุพฺเพ ทานาทิกํ ทตฺวา อิทานิ ลภตี สุขํ มูเลว สิญฺจิตํ โหติ อคฺเค จ ผลทายกํ : ให้ทานเป็นต้นก่อน จึงได้สุขบัดนี้ เหมือนรดน้ำที่โคนให้ผลที่ปลาย
ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนฺติ สาคร เอวเมว อิโต ทินฺนํ เปตานํ อุปกปฺปติ : ห้วงน้ำที่เต็ม ย่อมยังสาครให้เต็มได้ฉันใด ทานที่ให้แต่โลกนี้ ย่อมสำเร็จแก่ผู้ละไปแล้วฉันนั้น
โส จ สพฺพทโท โหติ โย ททาติ อุปสฺสยํ อมตนฺทโท จ โส โหติ ธมฺมมนุสาสติ : ผู้ใดให้ที่พักอาศัย ผู้นั้นชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวง ผู้ใดสอนธรรม ผู้นั้นชื่อว่าให้อมตะ
อนฺนโท พลโท โหติ วตฺถโท โหติ วณฺณโท ยานโท สุขโท โหติ ทีปโท โหติ จกฺขุโท : ผู้ให้ข้าวชื่อว่าให้กำลัง ผู้ให้ผ้าชื่อว่าให้ผิวพรรณ ผู้ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้ความสุข ผู้ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุ
มนาปทายี ลภเต มนาปํ อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ วรสฺส ทาตา วรลาภี จ โหติ เสฏฺฐนฺทโท เสฏฺฐมุเปติ ฐานํ : ผู้ให้ของชอบใจ ย่อมได้ของชอบใจ ผู้ให้ของเลิศ ย่อมได้ของเลิศ ผู้ให้ของดี ย่อมได้ของดี ผู้ให้ของประเสริฐ ย่อมถึงฐานะอันประเสริฐ
หมวดศีล
สีลํ โลเก อนุตฺตรํ : ศีล เป็นเยี่ยมในโลก
โย จ วสฺสสตํ ชีเว ทุสฺสีโล อสมาหิโต เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย สีลวนฺตสฺส ฌายิโน : ผู้ไม่มีศีล ไม่มั่นคง ถึงจะเป็นอยู่ตั้งร้อยปี , ส่วนผู้มีศีล เพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่วันเดียวประเสริฐกว่า
น เวทา สมฺปรายาย น ชาติ นปิ พนฺธวา สกญฺจ สีลสํสุทฺธํ สมฺปรายสุขาวหํ : เวทมนต์ ชาติกำเนิด พวกพ้อง นำสุขมาให้ในสัมปรายภพไม่ได้ ส่วนศีลของตนที่บริสุทธิ์ดีแล้ว จึงนำสุขมาให้ในสัมปรายภพได้
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย : ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ : ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สี ลํ เสตุ มเหสกฺโข สีลํ คนฺโธ อนุตฺตโร สีลํ วิเลปนํ เสฏฺฐํ เยน วาติ ทิโส ทิสํ : ศีลเป็นสะพานอันสำคัญ ศีลเป็นกลิ่นที่ไม่มีกลิ่นอื่นยิ่งกว่า ศีลเป็นเครื่องลูบไล้อันประเสริฐสุด เพราะศีล (มีกลิ่น) ขจรไปทั่วทุกทิศ
หมวดจิต
จิตฺเตน นียติ โลโก : โลกถูกจิตนำไป
จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ : จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้
วิหญฺญตี จิตฺตวสานุวตฺตี : ผู้ประพฤติตามอำนาจจิตย่อมลำบาก
เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข : พึงรักษาจิตของตน เหมือนคนประคองบาตรที่เต็มด้วยน้ำมัน
ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย : ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ
อานาปานสฺสติ ยสฺส อปริปุณฺณา อภาวิตา กาโยปิ อิญฺชิโต โหติ จิตฺตมฺปิ โหติ อิญฺชิตํ : สติกำหนดลมหายใจเข้าออก อันผู้ใดไม่อบรมให้บริบูรณ์ ทั้งกายทั้งจิตของผู้นั้นก็หวั่นไหว
เสโล ยถา เอกฆโน วาเตน น สมีรติ เอวํ นินฺทาปสํสาสุ น สมิญฺชนฺติ ปณฺฑิตา : ภูเขาหินแท่งทึบ ไม่สั่นสะเทือนเพราะลมฉันใด บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวในนินทาและสรรเสริญฉันนั้น
หมวดกรรม
สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ : ความดี อันคนชั่วทำยาก
ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ : ทำกรรมใดแล้วไม่ร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำนั้นแลเป็นดี
ยา ทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ : บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว
นิสมฺม กรณํ เสยฺโย : ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำดีกว่า
รกฺเขยฺย อตฺตโน สาธุ ลวณํ โลณตํ ยถา : พึงรักษาความดีของตนไว้ ดังเกลือรักษาความเค็ม
โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ กตตฺโถ นาวพุชฺฌติ ปจฺฉา กิจฺเจ สมุปฺปนฺเน กตฺตารํ นาธิคจฺฉติ : ผู้อื่นทำความดีให้ ทำประโยชน์ให้ก่อน แต่ไม่นึกถึง (บุญคุณ) เมื่อมีกิจเกิดขึ้นภายหลัง จะหาผู้ช่วยทำไม่ได้
หมวดความตาย
สพฺพํ เภทปริยนฺติ เอวํ มจฺจาน ชีวิตํ : ชีวิตของสัตว์เหมือนภาชนะดิน ซึ่งล้วนมีความสลายเป็นที่สุด
น มิยฺยมานํ ธนมนฺเวติ กิญฺจิ : ทรัพย์สักนิดก็ติดตามคนตายไปไม่ได้
อฑฺฒา เจว ทฬิทฺทา จ สพฺเพ มจฺจุ ปรายนา : ทั้งคนมีคนจน ล้วนมีแต่ความตายเป็นเบื้องหน้า
ยถา วาริวโห ปูโร วเห รุกฺเข ปกูลเช เอวํ ชราย มรเณน วุยฺ หนฺเต สพฺพปาณิโน : ห้วงน้ำที่เต็มฝั่ง พึงพัดต้นไม้ซึ่งเกิดที่ตลิ่งไปฉันใด สัตว์มีชีวิตทั้งปวง ย่อมถูกความแก่และความตายพัดไปฉันนั้น
อจฺเจนติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน ปุญฺญานิ กยิราถ สุขาวหานิ : กาลย่อมล่วงไป ราตรีย่อมผ่านไป ชั้นแห่งวัยย่อมละลำดับไป ผู้เล็งเห็นภัยในมรณะนั้น พึงทำบุญอันนำความสุขมาให้
หมวดบุญ
ปญฺญํ สุขํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ : บุญนำสุขมาให้ในเวลาสิ้นชีวิต
ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมึ ปติฏฺฐา โหนฺติ ปาณินํ : บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ในโลกหน้า
มาวมญฺเญถ ปุญฺญสฺส น มตฺตํ อาคมิสฺสติ อุทพินฺทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ อาปูรติ ธีโร บุญฺญสฺส โถกํ โถกํปิ อาจินํ : ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่มีมาถึง แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาฉันใด ผู้มีปัญญาสั่งสมบูญแม้ทีละน้อย ๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญ ฉันนั้น
สหาโย อตฺถชาตสฺส โหติ มิตฺตํ ปุนปฺปุนํ สยํ กตานิ ปุญฺญานิ ตํ มิตฺตํ สมฺปรายิกํ : สหายเป็นมิตรของคนผู้มีความต้องการเกิดขึ้นบ่อย ๆ บุญทั้งหลายที่ตนทำเองนั้น จะเป็นมิตรในสัมปรายภพ
หมวดกิเลส
สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม : ความกำหนัดเพราะดำริ เป็นกามของคน
น สนฺติ กามา มนุเชสุ นิจฺจา : กามทั้งหลายที่เที่ยง ไม่มีในหมู่มนุษย์
กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี อุนฺนฬา จาสมาหิตา น เต ธมฺเม วิรูหนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต : ผู้คนหลอกลวง เย่อหยิ่ง เพ้อเจ้อ ขี้โอ่ อวดดี และไม่ตั้งมั่น ย่อมไม่งอกงามในธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว
นิทฺทํ น พหุลีกเรยฺย ชาคริยํ ภเชยฺย อาดาปี ตนฺทึ มายํ หสฺสํ ขิฑฺฑํ เมถุนํ วิปฺปชเห สวิภูสํ : ผู้มีความเพียรไม่พึงนอนมาก พึงเสพธรรมเครื่องตื่น พึงละความเกียจคร้าน มายา ความร่าเริง การเล่น และเมถุนพร้อมทั้งเครื่องประดับเสีย
อิ จฺฉาย พชฺฌตี โลโก อิจฺฉาวินยายุ มุจฺจต อิจฺฉาย วิปฺปหาเนน สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธนํ : โลกถูกความอยากผูกพันไว้ จะหลุดได้เพราะกำจัดความอยาก เพราะละความอยากเสียได้ จึงชื่อว่าตัดเครื่องผูกทั้งปวงได้
อุเปกฺขโก สทา สโต น โลเก มญฺญตี สมํ น วิเสสี น นีเจยฺโย ตสฺส โน สนฺติ อุสฺสทา : ผู้วางเฉยมีสติทุกเมื่อ ไม่สำคัญตนว่าเสมอเขา ดีกว่าเขา หรือต่ำกว่าเขาในโลก ผู้นั้นชื่อว่า ไม่มีกิเลสเฟื่องฟูขึ้น
ปุราณํ นาภินนฺเทยฺย นเว ขนฺติมกุพฺพเย หิยฺยมาเน น โสเจยฺย อากาสํ น สิโต สิยา : ไม่พึงเพลิดเพลินของเก่า ไม่พึงทำความพอใจในของใหม่ เมื่อสิ่งนั้นเสื่อมไป ก็ไม่พึงเศร้าโศก ไม่พึงอาศัยตัณหา
มูฬฺโห อตฺถํ น ชานาติ มูฬฺโห ธมฺมํ ปสฺสต อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โมโห สหเต นรํ : ผู้หลงย่อมไม่รู้อรรถ ผู้หลงย่อมไม่เห็นธรรม ความหลงครอบงำคนใดเมื่อใด ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น
ยสฺส นตฺถิ อิทํ เมติ ปเรสํ วาปิ กญฺจนํ มมตฺตํ โส อสํวินฺทํ นตฺถิ เมติ น โสจติ : ผู้ใดไม่กังวลว่า นี้ของเรา นี้ของผู้อื่น ผู้นั้น เมื่อไม่ถือว่าเป็นของเรา จึงไม่เศร้าโศกว่าของเราไม่มี ดังนี้
หมวดบาป
มลา เว ปาปกา ธมฺมา อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ : บาปธรรมเป็นมลทินแท้ ทั้งโลกนี้และโลกหน้า
อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ โส โสจติ โส วิหญฺญติ ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺฐมตฺตโน : ผู้ทำบาป ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ละไปแล้วก็เศร้าโศก ชื่อว่าเศร้าโศกในโลกทั้งสอง เขาเห็นกรรมอันเศร้าหมองของตน จึงเศร้าโศกและเดือดร้อน
ปาณิ มฺหิ เจ วโณ นาสฺส หเรยฺย ปาณินา วิสํ นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต : ถ้าฝ่ามือไม่มีแผล ก็พึงนำยาพิษไปด้วยฝ่ามือได้ ยาพิษซึมเข้าฝ่ามือไม่มีแผลไม่ได้ฉันใด บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำฉันนั้น
วาณิโชว ภยํ มคฺคํ อปฺปสตฺโถ มหทฺธโน วิสํ ชีวิตุกาโมว ปาปานิ ปริวชฺชเย : ควรงดเว้นบาปเสีย เหมือนพ่อค้ามีพวกน้อยมีทรัพย์มาก เว้นหนทางที่มีภัย และเหมือนผู้รักชีวิตเว้นยาพิษเสียฉะนั้น
หมวดทุกข์
สงฺขารา ปรมา ทุกฺขา : สังขาร เป็นทุกข์อย่างยิ่ง
ทุราวาสา ฆรา ทุกฺขา : เหย้าเรือนที่ปกครองไม่ดี นำทุกข์มาให้
ทฬิทฺทิยํ ทุกฺขํ โลเก : ความจน เป็นทุกข์ในโลก
อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก : การเป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก
ทุกฺขํ อนาโถ วิหรติ : คนไม่มีที่พึ่ง อยู่เป็นทุกข์
ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต : ผู้แพ้ ย่อมอยู่เป็นทุกข์
อกิญฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา : ทุกข์ ย่อมไม่ตกถึงผู้หมดกังวล
ปิยานํ อทสฺสนํ ทุกฺขํ : การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เป็นทุกข์
หมวดเบ็ดเตล็ด
อวนฏฺฐิตจิตฺตสฺส ลหุจิตฺตสฺส ทุพฺภิโน นิจฺจํ อทฺธุวสีลสฺส สุขภาโว น วิชฺชติ : เมื่อมีจิตใจไม่หนักแน่น เป็นคนใจเบา มักประทุษร้ายมิตร มีความประพฤติกลับกลอกเป็นนิตย์ ย่อมไม่มีความสุข
อิตฺถีธุตฺโต สุราธุตฺโต อกฺขธุตฺโต จ โย นโร ลทฺธํ ลทฺธํ วินาเสติ ตํ ปราภวโต มุขํ : คนใดเป็นนักเลงหญิง นักเลงสุรา และนักเลงการพนันย่อมล้างผลาญทรัพย์ที่ตนได้แล้ว ๆ, ข้อนั้นเป็นเหตุแห่งผู้ฉิบหาย
อุป นียติ ชีวิตมปฺปมายุ ํ ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขามาโน โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข : ชีวิตคืออายุอันน้อยนี้ ถูกชรานำเข้าไป เมื่อสัตว์ถูกชรานำเข้าไปแล้ว ย่อมไม่มีเครื่องต้านทาน ผู้เล็งเห็นภัยในมรณะนั้น มุ่งความสงบ พึงละโลกามิสเสีย
น ปเรสํ วิโลมานิ น ปเรสํ กตากตํ อตฺตโน ว อเวกฺเขยฺย กตานิ อกตานิ จ : ไม่ควรฟังคำก้าวร้าวของคนอื่น, ไม่ควรมองดูการงานของคนอื่นที่เขาทำแล้วและยังไม่ได้ทำ, ควรพิจารณาดูแต่การงานของตนที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำเท่านั้น
ยถา ปิ มูเล อนุปทฺทเว ทฬฺเห ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเรว รูหติ เอวฺมปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต นิพฺพตฺตติ ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุนํ : เมื่อรากยังมั่นคงไม่มีอันตราย ต้นไม้แม้ถูกตัด แล้วย่อมงอกได้อีกฉันใด เมื่อตัณหานุสัยยังไม่ถูกกำจัดแล้ว ทุกข์นี้ย่อมเกิดร่ำไปฉันนั้น
หิริโอตฺตปฺปญฺเญว โลกํ ปาเลติ สาธุกํ : หิริและโอตตัปปะ ย่อมรักษาโลกไว้เป็นอันดี
โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา : เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก
อรติ โลกนาสิกา : ความริษยาเป็นเหตุทำโลกให้ฉิบหาย
อโรคฺยปรมา ลาภา : ความไม่มีโรค เป็นลาภอย่างยิ่ง
กาโล ฆสติ ภูตานิ สพฺพาเนว สหตฺตนา : กาลเวลา ย่อมกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวมันเอง
สพฺพญฺจ ปฐวึ ทชฺชา นากตญฺญุมภิราธเย : ถึงให้แผ่นดินทั้งหมด ก็ยังคนอกตัญญูให้จงรักไม่ได้
หนนฺติ โภคา ทุมฺเมธํ : โภคทรัพย์ ย่อมฆ่าคนมีปัญญาทราม
สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ : สักการะ ย่อมฆ่าคนชั่วเสีย
นตฺถิ โลเก รโห นาม ปาปกมฺมํ ปกุพฺพโต : ชื่อว่าที่ลับของผู้ทำบาปกรรม ไม่มีในโลก
คราวนี้ เพื่อน ๆ ก็ได้รู้จักพุทธศาสนสุภาษิตที่น่าสนใจกันหลายหมวดแล้ว ยังไงเพื่อน ๆ ก็ลองนำพุทธศาสนสุภาษิตเหล่านี้ ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเพื่อน ๆ กันดูนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น