เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

วิธีสร้างสมาธิ ! .และ ไม่ทำให้ง่วงนอน !!. เวลาอ่านหนังสือ

เครดิต เวปอาจารย์ค่ะ
source:http://dungtrin.com/knowityourself/#
เวปที่ไปเอามาแปะ
http://chaaimza.multiply.com/journal/item/16




เพราะว่าสอบตัวสุดท้าย..ปวดหัว ตัวร้อน
และ..หนืดเนือยมาก แบบว่าทำตัวเหมือนคนสอบเสร็จแล้ว
แต่..ยังสอบไม่เสร็จ

ไหนๆ ก็ไหน
ก้อหนีมาอัพบล็อกที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตดีกว่า ขอก็อปมาทั้งดุ้นเลยนะคะ

====เผื่อจะมีประโยชน์บ้างนะจ้ะ=====



อยากมีสมาธิอ่านหนังสือ
กรณีเฉพาะตนของ – นายครอบ จักรวาล
อาชีพ – นักศึกษา
ลักษณะงานที่ทำ – เหมือนรับจ้างพ่อแม่ไปมหาวิทยาลัย ฝืนใจตื่น ฝืนใจเรียน แต่หัวไม่ค่อยแล่น ใจจดใจจ่อรอเวลาเล่นเกม หรือไม่ก็หาหญิงจีบ ฯลฯ



คำถามแรก – จะฝึกสมาธิอย่างไรให้อ่านหนังสือได้รู้เรื่องขึ้นครับ? แต่ละครั้งที่จะเริ่มอ่านต้องฝืนมาก แม้แต่คืนก่อนสอบ แล้วก็ไม่เคยจดจ่ออยู่กับหน้าหนังสือได้นานๆ อ่านได้บรรทัดสองบรรทัดจะอยากเมินไปทำอย่างอื่นทุกที

ถ้าไม่อยากทำอะไร ใจก็ไม่จดจ่อกับสิ่งนั้น และถ้าไม่จดจ่อกับอะไรได้นานๆ ก็ไม่มีทางที่สมาธิจะเกิดขึ้น นี่คือหลักการที่ต้องจำไว้แม่นๆ



ถามว่าเรามีวิธีฝึกสมาธิกันอย่างไรบ้าง? คำตอบไม่ใช่แค่นั่งหลับตาบริกรรมคำว่าพุทโธ ดูลมหายใจเข้าออก หรืออาศัยอุบายอื่นใดเท่านั้น แค่หาอะไรที่ดึงดูดใจคุณให้ติดตามอย่างต่อเนื่องได้ก็พอแล้ว แม้แต่การอ่านหนังสือก็จัดเป็นการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง ซึ่งน้อยคนจะพบเคล็ดลับในการอ่านให้สำเร็จ



คุณคงนึกไม่ถึงว่าเราเอาหลักการเจริญสติมาเป็นเคล็ดลับในการอ่านหนังสือให้มีสมาธิได้ เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ ตามหลักการเจริญสติ จะชอบหรือไม่ชอบสิ่งใดก็ตาม เราย่อมสามารถรู้ใจตัวเองได้ตามจริง เมื่อรู้ใจตัวเองแบบยอมรับตามจริงได้ ขณะนั้นสติย่อมเกิดขึ้น เจริญขึ้น แม้จะเป็นภาวะไม่ดี ไม่น่าชอบใจก็ตาม



คุณรู้สึกเหมือนหน้าหนังสือเป็นไม้เบื่อไม้เมา ถ้ามองแบบส่งจิตออกนอก ก็คล้ายมีแรงผลักจากหน้าหนังสือให้คุณเบือนหน้าหนี

แต่ถ้ามองแบบตั้งรู้อยู่ภายในจิต ก็จะเห็นว่าใจคุณนั่นเองที่มีแรงต้านหน้าหนังสือ อยากทิ้งหนังสือ ทั้งที่หนังสือไม่ได้ส่งกลิ่นเหม็น แล้วก็ไม่ได้ส่งแรงผลักแต่อย่างใดเลย


เครดิท http://www.bloggang.com ขอบคุณมากๆ

วิธีการหลีกเลี่ยง“ความง่วง”


หลีกเลี่ยงสถานที่ที่จะนำเราไปสู่การหลับฝันครับโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนอนอ่านหนังสือหรือนั่งอ่านบนเตียงเนี่ยแหล่ะ 55+ เคยเป็นมั้ยครับนั่งอ่านอยู่แล้วไถลไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นท่านอนแล้วก็หลับคาหนังสือไปในที่สุด 55+ เพราะฉะนั้นเป็นไปได้อยู่ห่างจาก เตียง หมอน โซฟา อะไรที่ให้ความรู้สึกนุ่มๆ เคลิ้มๆ หรือสร้างบรรยากาศถึงการหลับนอนอ่ะครับ ทิ้งไปให้หมด


อ่านในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอเคยเห็นในหนังมั้ยครับที่แบบปิดไฟมืดๆ แล้วเรามานั่งบนโต๊ะ เปิดไฟเหลืองๆ สลัวๆอ่านหนังสือ บางคนคงแบบอย่างนี้อ่ะดีจัดบรรยากาศการอ่านหนังสือให้โรแมนติก 55+รับรองว่าเราจะได้โรแมนติกกันถึงในฝันแน่นอนครับ เพราะว่าในการอ่านตาของเราต้องการแสงสว่างที่เพียงพอครับ ถ้าอ่านในที่สลัวๆตาของเราจะต้องทำงานหนัก เมื่ออ่านได้สักพักก็จะเกิดอาการเมื่อยล้าของดวงตา จนต้องหลับเพื่อพักสายตาในที่สุดดังนั้นถ้าอยากอ่านหนังสือได้นานๆ ต้องอ่านในที่สว่างไว้ครับ


step by step ครับเวลาอ่านหนังสือไปทีละเรื่องอย่าข้ามเรื่องครับ สังเกตุได้จากเวลาเรียนเช่นกันครับ เวลาเราขาดเรียนไปนานๆ พอเข้ามาเรียนแล้วเรียนไม่รู้เรื่องเราก็จะง่วงและหลับลงในที่สุด เพราะงั้นการเรียนและการอ่านเราต้องไปทีละขั้นนะครับ ตามเนื้อหาของมัน จำไว้ครับ ความงงเป็นบ่อเกิดของความง่วงครับ งงมากก็ง่วงมาก งงน้อยก็ง่วงน้อย ไม่งงเลยก็จะไม่ง่วงเลยครับ ^^


กินแต่พอดีครับการกินอาหารก่อนการเรียนหรืออ่านหนังสือนี่ก็เกี่ยวนะครับ เราควรกินพอดีๆ ไม่ให้อิ่มมากเกินไป ตามคำกล่าวที่ว่าหนังท้องตึง หนังตาหย่อนครับถ้าอิ่มมากๆจะทำให้เราง่วงครับ

พักผ่อนให้เพียงพอด้วยล่ะเคยรู้สึกมั้ยครับวันไหนที่เรานอนมาเต็มที่ทั้งวันและ จะพยายามนอนอีกเท่าไหร่ก็นอนไม่หลับเพราะร่างกายเรามันพักผ่อนเต็มที่ไปแล้ว เพราะงั้นการพักผ่อนให้เต็มที่ก็เป็นวิธีป้องกันที่ดีอีกทางหนึ่งครับ

อย่าหักโหมให้มากเกินไปครับความพอดีอีกแล้วครับ การอ่านหนังสือเนี่ยเราจะต้องใช้สมองไปด้วย แน่นอนว่ายิ่งใช้มากก็จะเหนื่อยล้า เพราะฉะนั้นเราก็ควรมีช่วงเวลาพักครึ่งในการอ่านหนังสือบ้าง แล้วค่อยกลับมาอ่านต่อ วิธีการผ่อนคลายสมองไว้จะมาเล่าในโอกาสหน้านะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น