เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การดีท็อกซ์ คือ การล้างพิษ



การดีท็อกซ์ คืออะไร

การดีท็อกซ์ คือ การล้างพิษ การล้างพิษมีหลายวิธี ได้แก่ การอาบน้ำ การอบ การนวด ร่างกายขับเหงื่อออกทางผิวหนัง ก็เป็นการล้างพิษ ขจัดเอาพิษออก
และการสวนล้างลำไส้ ก็นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้วยังช่วยให้อวัยวะและระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างสมดุล
อีกทั้งช่วยบำรุงผิวพรรณผ่องใส เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

กระบวนการล้างพิษ
กาีรล้างพิษในร่างกาย ที่จะทำให้มีสุขภาพที่ดี จำเป็นต้องบำรุงรักษาทั้งร่างกายและจิตใจ
จึงควรล้างพิษผ่านวิธีทั้ง 5 ได้แก่

- กินเพื่อล้างพิษ กินอาหารล้างพิษ กินอาหารปรับสมดุลรักษาโรค
- อดเพื่อล้างพิษ การอดอาหาร เพื่อให้ร่างกายได้พัก เพื่อเป็นการเก็บกวาดของเสีย และสารพิษออกไป
- ฝึกลมปราณเพื่อล้างพิษ ฝึกลมปราณสร้างกำลังภายใน เพื่อขับของเีสีย ขับพิษออก
- ฝึกสมาธิเพื่อล้างพิษทางจิตใจ ฝึกสมาธิเพื่อรักษาโรค
- สวนลำไส้เพื่อล้างพิษ เพื่อขจัดของเสีย ขับ สารพิษออกจากลำไส้ และตับ


กิน...ล้างพิษ

สามารถหลีกเลี่ยงอาหารมีพิษได้ง่ายๆ โดยงดเว้นอาหารหมักดอง อาหารขัดขาวหรือฟอกสี รวมไปถึงอาหารสำเร็จรูป แล้วเลือกกินผักสด
เลือกแบบไม่มีสารปนเปื้อนหรือล้างเอายาฆ่าแมลงออกให้หมดยิ่งประเสริฐ กินข้าวกล้อง ข้าวมันปูแทนข้าวขาว น้ำตาลทรายแดงแทน
น้ำตาลขัดขาว ที่สำคัญกินอาหาร โดยที่ไม่เลือกกินเนื้อสัตว์ แป้ง น้ำตาล มากจนเกินไป

แต่สำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย มีทางเลือกง่ายๆ คือปั่นน้ำผัก น้ำผลไม้ดื่มเป็นประจำ ก็ช่วยล้างพิษได้ค่ะ
(แต่ควรทานตอนท้องว่างนะค่ะ ไม่ควรทานหลังอิ่มข้าวใหม่ๆ เพราะข้าวจะไปขัดขวางการดูดซึม)

อด...ล้างพิษ

มีคำกล่าวว่า "คนกินมากก็ป่วยมาก"า คนเราป่วยเพราะกินมีเพิ่มขึ้นจริงๆ ค่ะ การล้างพิษวิธีที่สองจึงชักชวนให้หันมาอดล้างพิษกันดูบ้าง
ซึ่งทางการแพทย์ระบุว่า มนุษย์เราสะสมพลังงานในรูปไขมันและพลังงานไว้เพียงพอต่อการอดอาหารประมาณ 1-2 วัน ได้โดยไม่เจ็บป่วยเชียวนะ

ข้อดีของการอด
คือลดการทำงานของอวัยวะภายใน เช่น กระเพาะก็ไม่ต้องย่อยอาหาร ลำไส้ก็ไม่ต้องดูดซึม อวัยวะภายในอื่น ๆ ก็จะทำงานน้อยลง
ซึ่งหากคนเราใช้งานกระเพาะหรืออวัยวะภายในส่วนใดส่วนหนึ่งมากเกินไป ร่างกายก็จะสร้างสารพิษที่เรียกว่ามะเร็งนั่นเองค่ะ
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มอดอาหาร สามารถเริ่มต้นด้วยการกินผลไม้ หรือน้ำผลไม้ตลอดทั้งวันก่อนก็ได้ แต่ก่อนการอด ควรจะให้แพทย์
ตรวจร่างกายก่อน และในวันที่อดอาหารก็ไม่ควรทำงานหนักด้วยค่ะ
ฝึกลมปราณ เพื่อขจัดพิษออก

โดยปกติคนเราจะหายใจช่วงสั้นและตื้นไม่ได้ใช้ความสามารถของปอดที่สามารถขยาย และหดอย่างเต็มที่ จึงทำให้ปอดไม่ได้หายใจเอาอากาศดี
เข้าและขับอากาศเสียออกจากร่างกายอย่างเต็มที่ ปอดจึงไม่สามารถฟอกโลหิต ให้สดใสสมบูรณ์ดีเท่าที่ควรเป็นผลให้ร่างกายเจ็บป่วยได้ง่าย

การฝึก “ ลมปราณ ” จะช่วยป้องกันและรักษาท่านหายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ และการฝึกลมปราณก็ต้องอาศัยการฝึกจิตให้สงบก่อน

การฝึกลมปราณนี้ก็คล้ายกับการฝึกสมาธิ ต่างกันเพียงแต่ฝึกสมาธิทั่วไป ไม่ได้เน้นหนักให้หายใจลึก
แต่ฝึกลมปราณ เน้นหนักให้หายใจลึก ๆ ด้วยใจที่เป็นสมาธิ พอมีจังหวะ 5-10 นาที เราก็สามารถเดินลมปราณ
โดยไม่จำเป็นต้องหลับตาเพียงแต่ค่อยๆ ถอนหายใจให้ลึกตามแบบฝึกลมปราณด้วยสมาธิ อันจดจ่อกับลมหายใจเข้าออก
เมื่อฝึกจนคล่องตัวแล้ว เวลาอากาศหนาวๆ เราก็เดินลมปราณสักครู่หนึ่ง ก็จะเพิ่มความอบอุ่นในร่างกายขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรง
ไม่เป็นหวัดได้ง่ายด้วย การฝึกลมปราณอยู่เสมอ ยังเป็นการรักษาโรคปวดเมื่อยตามเอ็นตามข้อ


ฝึกสมาธิ... ล้างพิษในใจ

คนที่ฝึกสมาธิได้ระดับหนึ่งร่างกายจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินหรือสารแห่งความสุขออกมาค่ะ และเมื่อร่างกายสงบ เกิดสมาธิ หัวใจจะเต้นช้าลง
ลมหายใจที่เคยสั้นเพราะเครียดก็จะยาวขึ้น เมื่อควบคุมลมหายใจได้ทำให้ปอดขยาย ร่างกายก็สามารถปรับออกซิเจนได้มากขึ้น เกิดกระบวนการ
เผาผลาญไขมัน ลดการอักเสบในระบบภูมิคุ้มกัน ร่างกายจะสร้างเม็ดเลือดขาวที่เป็นภูมิคุ้มกันของร่างกายได้มากขึ้น แถมทำให้คลื่นสมองเป็น
ระเบียบ ช่วยให้มีความจำดีขึ้น

ความเครียดของมนุษย์ทำให้เกิดโรคภัยมากมาย โดยร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียด ทำให้ภูมิคุ้มกันภายในลดลง
และทำให้เกิดเชื้อไวรัสและการติดเชื้อต่างๆ พร้อมกับทำให้ลุกลามไปมากขึ้น

ดังนั้น เมื่อทราบสาเหตุดังกล่าวว่าโรคทางกายนั้นเกิดจากโรคทางใจ วิธีเดียวที่จะบำบัดภาวะดังกล่าว คือ การทำวิปัสสนากรรมฐาน
การเจริญสติและฝึกสมาธิ โดยสามารถทำให้เกิดปัญญา ซึ่งจะช่วยรักษาโรคร้ายทางกายของเราได้

ที่ต่างประเทศมีการทดลองว่าในภาวะที่กำลังเข้าสู่สมาธิ หรือในสภาวะที่ถูกสะกดจิตให้สงบมาก ๆ นั้น ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงาน
ในร่างกายน้อยลง จะทำให้หัวใจ การหายใจ และชีพจรโลหิตทำงานช้าลง ทำให้การเผาผลาญเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
และการเกิดสารอนุมูลอิสระลดน้อยลงด้วย โดยจะทำให้การก่อเซลล์มะเร็ง และการเกิดโรคร้ายก็จะน้อยลง

หมายเหตุ ศีลไม่ดี ... กรรมฐานเป็นบ้าได้ คลิกอ่านต่อ...


สวนลำไส้...ล้างพิษ

ฟังชื่อแล้วอย่างเพิ่งเสียวลำไส้กันไปนะคะ การสวนล้างลำไส้เกิดขึ้นเพราะพฤติกรรมการกินอาหารของคนปัจจุบัน อาทิ
การกินอาหารขัดสี หรือมีกากใยน้อย ส่งผลให้ลำไส้ทำงานไม่ดีเพิ่มสารพิษให้ร่างกาย และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอาการเจ็บป่วย
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมาผลจากการเปลี่ยนอาหารการกินเป็นแบบตะวันตก การใช้ชีวิตและกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ
เปลี่ยนไปมาก ผู้คนจึงเจ็บป่วยด้วยโรคบางอย่าง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มะเร็งลำไส้ใหญ ่เป็นหนึ่งในโรคเหล่านั้น
ปัจจุบันมีผู้ป่วยด้วย โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ



การขับถ่ายในช่วงเช้า สำคัญอย่างไร

ในช่วงเวลา 05.00 – 07.00 น. เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่ ที่จะทำงานได้ดีีในการขจัดพิษ ถ้ายังไม่ยอมขับถ่ายอุจจาระนี้
อุจจาระจากลำไส้ใหญ่ที่ขับถ่ายไม่ออก จะถูกบีบตัวขึ้นมาจากลำไส้ใหญ่ ผ่านลำไส้เล็กมาที่กระเพาะอาหาร อุจจาระก็จะถูกดูดซึมอีกครั้งหนึ่ง
ของเีสียจะย้อนกลับเข้าไปที่กระแสเลือด ดูดซึมไปยังเซลล์ เนื้อเยื่อ ไปตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย

เพราะฉะนั้นแก๊สพิษเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด เลือดจึงไม่สะอาด ถ้าเลือดไม่สะอาดไหลไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย
ไหลผ่านสมอง หัวใจ ปอด ม้าม ตับ ผิวหนัง อวัยวะเหล่านี้ก็จะได้รับแก๊สพิษด้วย

เช่น ก่อนเที่ยงถึงบ่าย ง่วงนอนเพราะเลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงหัวใจ หัวใจก็จะอ่อนล้าและไม่สดชื่น มีกลิ่นตัว กลิ่นปาก
ก็มาจากเลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงปอด ปอดก็จะขับออกทางผิวหนังและลมหายใจ ตัวเองอาจไม่ค่อยได้กลิ่น แต่คนอื่นจะได้กลิ่น

เพราะฉะนั้นถ้าปล่อยไว้โดยไม่ขับถ่ายช่วงเวลา 05.00-07.00 น. นานๆ เข้าเป็นเวลาหลายๆ ปี ทำให้เลือดที่ไม่สะอาดไหลผ่านไปเลี้ยงสมองและอวัยวะต่างๆ

เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ หรือเลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย จะเริ่มมีอาการดังต่อไปนี้ เช่น
- ผมร่วง หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย
- นอนไม่ค่อยหลับ นอนไม่เต็มอิ่ม ฝันบ่อย ปวดไหล่ ตื่นกลางดึกบ่อย ๆ
- ปวดหัวข้างเดียว ปวดหู ปวดกระบอกตา เป็นไซนัส
- เหงือกบวม เจ็บคอ เจ็บลิ้น ปวดชายโครง ปวดหลัง ปวดเข่า กระดูกสะโพก
จะเคลื่อนได้ง่าย ปวดสะโพก ปวดข้อเท้าหลังเท้า วิตกกังวล อาจมีอาการทีละอย่าง หรือหลายอย่างพร้อมกัน

สมองเสื่อม
จากงานวิจัยในประเทศไทย พบว่าวันข้างหน้า อีกประมาณ 4-5 ปี จะมีผู้ป่วยสูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อมถึง 9 ล้านคน เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้ว
ก็มาหาทางบำรุงสมองกันดีกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้สมองเสื่อมก่อนเหตุอันควร ซึ่งเมื่อเป็นแล้วจะเป็นภาระกับคนในครอบครัวอย่างมาก
ที่จะต้องมาคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา

สาเหตุหนึ่งที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย เป็นเพราะกินอาหารผัดน้ำมันต่อเนื่องเป็นประจำติดต่อกันหลายๆ ปี
น้ำมันจะเกาะผนังลำไส้ ทำให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ไปเลี้ยงสมองได้น้อยหรือไม่ได้


การดีท็อกซ์ื มีประโยชน์อย่างไร

รายงานทางการแพทย์ การดูแลรักษาสุขภาพรูปแบบใหม่คือ การใส่ใจในลำไส้
90% ของความเจ็บป่วย มีต้นเหตุมาจากลำไส้

มนุษย์ทุกเพศทุกวัย ตื่นเช้าขึ้นมาสิ่งแรกที่ต้องทำและต้องทำทุกวันเป็นกิจวัตร ก็คือ อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน สระผม เพื่อทำความสะอาด
และชำระสิ่งสกปรกภายนอกร่างกาย แต่ที่สำคัญมากไม่แพ้กัน ก็คือ การทำความสะอาดภายใน ส่วนมากเรากลับมองข้ามไป ตั้งแต่เกิดมา
จนถึงปัจจุบันเราเคยชำระล้างภายในบ้างหรือไม่ ในอดีดที่ผ่านมาอายุเรายังน้อยร่างกายยังแข็งแรง อวัยวะทุกส่วนทำงานได้ตามปกติ
สามารถกำจัดและขับสารพิษได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้น สุขภาพร่างกายเสื่อมลง ระบบต่าง ๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ การกำจัดสารพิษทำงานได้น้อยลง
ร่างกายเริ่มอ่อนแอ เช่น เริ่มปวดศีรษะ ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย จนกระทั่งลุกลามใหญ่โตเป็นโรคร้ายเกินการควบคุม หยุดพักสักนิด
ให้เวลากับชีวิต โดยการล้างสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย เช่น อาหาร อากาศ น้ำ สารเคมีต่าง ๆ ที่เป็นพิษ

ดีท็อกซ์มีประโยชน์และผลดีอย่างไร

1. ช่วยทำความสะอาดลำไส้ และแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย สารพิษต่างๆ จะถูกชะล้างออกไป ลดการสะสมของสารพิษ
เมื่อสารพิษเหล่านี้ถูกกำจัดออกไป ลำไส้จะสามารถทำงานได้ตามปกติ

2. เป็นการบริหารกล้ามเนื้อลำไส ้ ของเสียที่ตกค้างมีผลทำให้ลำไส้อ่อนแอลง และทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ การล้างลำไส้จึงเป็นการช่วย
ส่งเสริมกล้ามเนื้อลำไส้ให้ทำงานได้มากขึ้น กล้ามเนื้อลำไส้ที่แข็งแรงและทำงานได้อย่างเป็นจังหวะ จะช่วยทำให้การผลักดันของของเสีย
เช่น กากอาหาร และอุจจาระออกจากลำไส้ได้เร็วขึ้น ไม่เกิดสารตกค้างจนกลายเป็นพิษ

3. ทำให้ลำไส้มีขนาดเป็นปกติ เมื่อลำไส้ทำงานอย่างผิดปกติ จะส่งผลให้โครงสร้างและขนาดลำไส้เปลี่ยนไป ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ
ตามมา การล้างลำไส้ ช่วยให้ลำไส้เกิดการเคลื่อนตัว ช่วยลดอาการบวมหรือโป่งพองของลำไส้ อันเนื่องมาจากการที่มีของเสียอุดตันบริเวณนั้น
ทำให้ลำไส้มีรูปร่าง ปกติตามธรรมชาติ การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ อาจทำให้ลำไส้กลับคืนสู่รูปทรงปกติได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น

4. กระตุ้นจุดตอบสนองของระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งอวัยวะทุกส่วนจะมีการทำงานเชื่อมต่อกับลำไส้โดยจุดตอบสนอง
การล้างลำไส้เป็นการช่วยกระตุ้นจุดที่ว่านี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายโดยรวม เช่น ตับ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ไต ต่อมน้ำเหลือง และการหมุนเวียนของเลือด เป็นต้น


อาการผู้มีสารพิษสะสม ที่ควรทำดีท็อกซ์

สารพิษที่ตกค้างสะสมในร่างกาย มักจะเกิดอาการดังต่อไปนี้

- ปวดศีรษะบ่อย หงุดหงิด ปวดเมื่อยหลัง ไหล่ และคอ
- มีแผลร้อนใน ในปากเป็นประจำ และระบบเผาผลาญทำงานได้น้อย ทำให้ร่างกายอ้วน
- อ่อนเพลีย ง่วงนอน สมาธิไม่ดี ความจำเสื่อม
- ประสาทตึงเครียด ร่างกายไม่แข็งแรง
- หน้าตาหมองคล้ำ ผิวพรรณหยาบกร้าน
- ท้องผูกเรื้อรัง ถ่ายยาก หรือถ่ายไม่ออก
- เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ และผายลมบ่อย
- ปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นประจำ
- ปวดศีรษะ คลื่นเหียนอาเจียน เวียนศีรษะ และมีไข้ต่ำตลอดเวลา
- เหนื่อยง่าย ปากเหม็น ปากเปื่อย มีกลิ่นตัวแรง
- เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง มีผื่นคันขึ้นตามตัว เป็นแผล และเป็นฝีบ่อยๆ
- มีอาการหอบหืด ภูมิแพ้ เป็นลมพิษได้ง่าย
- ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อตามกระดูก ตลอดจนรูมาตอยด์
- มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ
- เป็นริดสีดวงทวาร ฯลฯ
ดีท็อกซ์ ดีอย่างไร

เนื่องจากของเสียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ มักถูกขับถ่ายออกได้ไม่หมด จึงตกค้างอยู่ในลำไส้ บางครั้งจะเกาะติดอยู่ตามผนังของลำไส้เป็นตะกรัน
สิ่งเหล่านี้จะเป็นผลร้ายต่อร่างกายจนทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ของโรค เช่น ท้องผูกเรื้อรัง ถ่ายยาก ถ่ายไม่ออก ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ ผายลมบ่อย ๆ
ปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นประจำ ปวดศีรษะ คลื่นเหียนอาเจียน เวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย ปากเหม็น ปากเปื่อย มีกลิ่นตัวแรง เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง
มีผื่นคันขึ้นตามตัว เป็นแผล เป็นฝีบ่อย ๆ มีอาการหอบหืด ภูมิแพ้ เป็นลมพิษได้ง่าย ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อและกระดูก ตลอดจนรูมาตอยด์
โรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ ต่อมน้ำเหลือง ริดสีดวงทวารภายนอกหรือภายใน เป็นต้น ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคหรือมีอาการดังกล่าวนี้ จึงควรได้รับการล้างลำไส้
เพื่อขจัดของเสียและสารพิษที่คั่งค้างออกจากร่างกาย ทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงของโรคด้วย

การล้างลำไส้ ( Detox) จะช่วยทำความสะอาดและขจัดสิ่งสกปรกของเสีย กากอาหาร รวมทั้งสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ให้หมดไป

สุขภาพที่ดีต้องดูแลที่ต้นเหตุ คือ ดูแลระบบลำไส้ และเพื่อที่จะเอาสารพิษและตะกรันออก มี หลายวิธี เช่น การสวนด้วยน้ำ
การสวนทวารด้วยกาแฟ สวนด้วยน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น และทานอาหารที่มีเส้นใยสูง ซึ่งในภาวะปกติ เราต้องการอาหาร
ที่มีเส้นใยอาหาร วันละประมาณ 25 กรัม/วัน คนเราต้องการเส้นใยอาหาร เพราะ มนุษย์เราเป็นสัตว์กินพืช
ดังที่กล่าวแล้ว โดยดูจากฟัน ซึ่งเหมือนฟันวัว ม้าและควาย ลักษณะเป็นแถวเรียงเพื่อการบดเคี้ยวให้ละเอียด
และมีลำไส้ที่ยาวกว่าสัตว์ที่กินเนื้อ เช่น เสือ สิงโต สุนัขที่จะมีเขี้ยวเพื่อไว้ฉีก มีลำไส้ที่สั้นและมีน้ำย่อยที่แรงกว่า
และมากกว่าในคนและสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหารถึง 20 เท่า

ดังนั้น เมื่อคนเรากินเนื้อมากกว่าพืชผักผลไม้ ซึ่งย่อยยากกว่า ใช้เวลานานกว่าคือ 3 วัน(72 ชม.) ทำให้เกิดการหมักหมม
บูดเน่าและเป็นอาหารอย่างดีสำหรับแบคทีเรียเลว ทำให้เกิดแก๊สพิษ สารพิษและถูกดูดซึมไปตามกระแสเลือดทั่วร่างกาย
อีกทั้งที่ผนังลำไส้ก็เกิดการอักเสบ กลายเป็นเนื้องอก เนื้อร้ายและมะเร็งลำไส้ในที่สุด
ลำไส้ของคน มีความยาวเท่ากับ 6 เท่าของความสูงร่างกาย

การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เริ่มง่าย ๆ ที่ลำไส้ โดยเฉพาะลำไส้ใหญ่ ที่เรียกว่าเป็น "ถังขยะของร่างกาย"
สามารถเก็บขยะได้ชั่วคราว 2 วัน แต่บางคนเก็บนานกว่านั้น ลำไส้คนเรายาวเป็น 6 เท่าของความสูง
ปัญหาคือกินอาหารเข้าไปแล้ว ถ่ายออกมาหมดหรือเปล่า ? จะเห็นว่าลำไส้ใหญ่ของเรามีความโค้งงอ
ด้วยเหตุนี้หากเรามีนิสัยการกินที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม และอาหารที่ย่อยไม่หมด ทำให้เกิดการสะสมเน่าเสียในลำไส้

ถ้าอาหารที่บูดเน่า เก็บอยู่ในลำไส้เป็นเวลานานแบคทีเรียเลว จะได้รับอาหารและปล่อยสารพิษออกมามากมาย
เช่น ก๊าซแอมโมเนีย และซัลเฟอร์ออกไซด์ (ก่อสารพิษทำลายตับไต) ฮีสตามีน (ก่อสารพิษ เกิดโรคภูมิแพ้)
ก๊าซอินดอล,ฟินนอล, ไนโตรซาไมน์ (ก่อสารพิษ เกิดโรคมะเร็ง) สารพิษเหล่านี้ จะถูกดูดซึมผ่านเส้นเลือดฝอย
ที่ลำไส้เข้าสู่ร่างกาย ทำให้กระบวนการเผาผลาญของตับถูกรบกวน และนี่คือสารตกค้างทำให้เกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ มากมาย

จากรายงานการศึกษา เรื่องระบบลำไส้ในประเทศญี่ปุ่นพบว่า ร่างกายคนเราจะมีสารตกค้าง และของเสีย
อยู่ในลำไส้ประมาณ 2.7- 4.5 กิโลกรัม นี่ยังไม่นับรวมคนที่เป็นโรคท้องผูก ซึ่งมีสารตกค้างมากมาย
และน่ากลัวกว่าคนปกติ ดังนั้นคนที่เป็นโรคท้องผูก จะมีความเสี่ยงในการสะสมสารตกค้างและสารพิษในร่างกาย
ซึ่งเป็นอันตรายแล้ว ยังก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ มากมายกว่าคนทั่วไป

อาหารที่รับประทานเข้าไปแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

- อาหารที่มีเส้นใยมาก ได้แก่ ผัก ผลไม้ และธัญพืชต่างๆ
- อาหารที่มีเส้นใยน้อยหรือไม่มีเลย เช่น เนื้อสัตว์ ไขมัน แป้งขัดขาว ฯลฯ

การรับประทานอาหารที่ถูกต้องควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง 80% และรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารน้อย 20% (ต่อวัน)
แต่ในกิจวัตรประจำวันทำได้น้อยมาก สำหรับอาหารที่มีเส้นใยอาหารน้อย เมื่อย่อยแล้วจะจับตัวกันจนเหนียว ทำให้เคลื่อนผ่านลำไส้ลำบาก
และเกาะติดอยู่ตามผนังลำไส้ ไม่ยอมเคลื่อนตัวเข้าสู่ระบบขับถ่ายตามปกติ ทำให้เกิดอาการท้องผูก ถ่ายลำบากและกากอาหารที่เกาะติดตาม
ผนังลำไส้เหล่านี้เป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียก่อให้เกิดการบูดเน่า เกิดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และเป็นจุดเริ่มต้นของโรคต่าง ๆ
เช่น โรคทางเดินอาหาร ท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อ ผายลมบ่อย อาหารไม่ย่อย ท้องเสีย ลำไส้ใหญ่อักเสบ จนถึงการมีกลิ่นปากเหม็น
กลิ่นลมหายใจเหม็น แผลในปาก ลมพิษ หอบหืด และโรคภูมิแพ้ ฯลฯ ด้วยเหตุนี้การล้างลำไส้จึงเป็นแนวทางในการล้างพิษออกจากร่างกาย
ต้นเหตุของโรค(หลายโรค) เกิดจาก... ภาวะท้องอืด ท้องเฟ้อ ในท้องมีลมและแก็สพิษ

สาเหตุที่เกิดลม แก็สในท้อง มาจาก ...
- ทานผลไม้ หลังทานข้าวอิ่มใหม่ ๆ ทำให้ผลไม้ถูกหมักเป็นเหล้า เป็นอาหารของเชื้อโรค จึงเกิดลม แก็สพิษเต็มท้อง
- การเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด การเร่งรีบทาน ทำให้กระเพาะไม่สามารถย่อยอาหารได้ดี
- การทานน้ำมากในช่วงรับประทานอาหาร หรือทานน้ำมากหลังอิ่มข้าวทันที ทำให้การย่อยอาหารไม่ดี

การป้องกัน ไม่ให้เกิดภาวะท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อ

- ควรทานผลไม้ ผัก ก่อนทานข้าว ไขมันและโปรตีน เพื่อน้ำจากผลไม้ ผัก จะถูกดูดซึมไปใช้ประโยชน์ก่อน
(ถ้าทานผลไม้หลังข้าว ไขมัน และโปรตีน ผลไม้และผัก จะไม่ย่อย จะไม่ถูกดูดซึมไปได้ใช้ประโยชน์้ ในที่สุดก็จะกลายเป็นอาหารของเชื้อโรคแทน)

- ควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด อาหารที่ละเีอียดจะถูกดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ทันที ส่วนที่เหลือก็จะกลายเป็นของเสีย เป็นอาหารของเชื้อโรค
(การเคี้ยวอาหารละเอียด ร่างกายจะหลั่งน้ำย่อยในปากมาช่วยย่อยอาหาร จึงทำให้อาหารถูกดูดซึมไปใช้งานได้ทันที ไปเลี้ยงเซลล์ ทำให้ร่างกายเกิดพลังชีวิตทันที)

- ไม่ควรทานน้ำในช่วงทานอาหาร หรือหลังข้าวอิ่มใหม่ ๆ เพราะจะทำให้ไฟย่อยอาหารไม่ดี
(ควรทานน้ำ หลังทานข้าวอิ่มไปแล้ว 1-2 ชม.)
ประโยชน์การทานอาหารที่มีกาก หรือเส้นใย

การทาน ผลไม้ ผัก ที่มีกากหรือเส้นใย( Fiber) มาก จะช่วยไม่ให้เกิดภาวะท้องผูก
เส้นใย จะช่วยดูดน้ำไว้ในตัวอุจจาระ ทำให้ปริมาณอุจจาระเพิ่มขึ้นและไม่แข็ง ปริมาณอุจจาระเพิ่มขึ้น
จะเร่งให้มีการขนส่งอุจจาระผ่านลำไส้เร็วขึ้น ส่งผลให้มีการขับถ่ายอุจจาระเพิ่มขึ้นและง่ายขึ้น การดื่มน้ำมาก ๆ
และการออกกำลังกายจะช่วยให้ลำไส้ได้มีการเคลื่อนไหว นอกจากนี้การใช้เวลาที่เพียงพอ และไม่เร่งรีบในการถ่ายอุจจาระ
รวมทั้งการฝึกลักษณะนิสัยในการขับถ่ายอุจจาระให้เหมาะสม ควรทานอาหารที่ละน้อย ไม่กินอิ่มจนเกินไป

หลีกเลี่ยงอาหารไขมันเนื่องจากไขมัน จะทำให้เกิดภาวะท้องอืด อาหารไม่่ย่อย จะเกิดเมือกไปอุดตันลำไส้ได้

นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอกอออล์ทุกชนิด ,กาแฟ ของดอง , น้ำอัดลม และยาที่ทำให้มีอาการท้องผูกมากขึ้น
กินยาระบายเป็นประจำ... เป็นเหตุให้เกิืดโรคท้องผูกเรื้อรัง

ยาระบายที่เป็นที่นิยมกันในบ้านเราส่วนใหญ่ จะเป็นยาระบายที่มีฤทธิ์กระตุ้น
การเคลื่อนตัวของลำไส้ เช่น ยาระบายมะขามแขก ยากลุ่มนี้จะเพิ่มการหลั่งน้ำและเกลือแร่
และกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ทำให้ถ่ายอุจจาระออกมา ถ้าใช้มากไปจะทำให้ขาดน้ำและ
เกลือแร่บางอย่างในร่างกาย การทำงานของลำไส้ใหญ่ลดลง ผู้ใช้ยาระบายเป็นประจำจะ
ไม่สามารถถ่ายอุจจาระได้ โดยปราศจากการกระตุ้นของตัวยา ทำให้เป็นโรคท้องผูกเรื้อรัง
ยากต่อการแก้ไข ทางออกที่ง่ายที่สุดคือ ควรรับประทานอาหารที่มีกากใย (Fiber ) สูง
ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ในแต่ละวัน


แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ยา 9 เม็ดและอื่นๆ

หัวข้อ : การสวนล้างลำไส้ใหญ่ (ดีทอกซ์)

ปัจจุบันนี้ มีผู้คนเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ กันมากขึ้น โดยเฉพาะโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งสาเหตุก็มาจากอาหารเป็นส่วนใหญ่ การใช้ชีวิตที่เร่งรีบและการสะสมความเครียด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีผลต่อลำไส้และตับโดยตรง โดยปกติลำไส้ใหญ่ของคนเราจะมีความยาวถึง 5 ฟุต และของเสียต่าง ๆ รวมทั้งสารพิษที่ตกค้างในร่างกายไม่สามารถขับถ่ายเองได้หมด ดังนั้นการดีท็อกซ์จึงเป็นการเอาพิษออกได้ถึง 3 ทาง คือ พิษของเนื้ออุจจาระที่หมักหมม, น้ำที่เป็นพิษอันเกิดจากทุกอวัยวะในร่างกาย ส่งสิ่งที่เป็นพิษมากำจัดที่ตับ ตับก็ระบายส่งไปที่ลำไส้ใหญ่ และพิษของพลังงานความร้อนที่เป็นของเีสียต่าง ๆ ในร่างกาย ใครมีประสบการณ์ดี ๆ มาแบ่งปันให้เพื่อนๆ บ้างนะคะ
แสดงความคิดเห็น

เขียนเมื่อวันที่ : 29 ตุลาคม 2553 : 18:28:15 น. : ความคิดเห็นที่ 39
: สมสุข
: นครศรรีธรรมราช ความคิดเห็น
อยากถามสักนิดหนึง ผมเองทำดีทอกเฉลี่ยประมาณอาทิตย์ละครั้ง ตัวสมุนไพรที่ใช้คือมะนาว 1 ผล กับ น้ำฉี่ มีอยู่ครั้งหนึงผมลองหยดน้ำเขียวลงไปประมาณ 3 หยด ความรู้สึกมันก็ดีนะ มันเย็นๆดีด้วย ไม่ทราบว่ามันจะมีผลเสียอะไรบ้างไหม ตั้งแต่ทำก็รู้สึกปกติเหมือนที่ทำทุกครั้ง

IP_Address : 223.207.29.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 27 ตุลาคม 2553 : 20:54:25 น. : nee_warunee@yahoo.co.th ความคิดเห็นที่ 38
: อึ่งเอง
: นนทบุรี ความคิดเห็น
สวัสดีค่ะ อึ่งจะทำดีท๊อดในท่ายืน เท่าที่ฟังมาจะต้องมีการกลั้นไว้สักพักแล้วจึงปล่อยออก แต่ของอึ่งเมื่อปล่อยน้ำเข้าแล้วพอรู้สึกปวดก็กลั้นไม่อยู่ต้องถ่ายเลย 1 ขวดจะถ่ายประมาณ 3 ครั้ง ทำทุกวันก่อนนอน อยากทราบว่าการกลั้นไว้สักพักพร้อมกับนวดวนท้องจะเพิ่มประสิทธิภาพในการดีท๊อกใช้มั๊ย แล้วในขณะที่กลั้นไม่อยู่เลยถ่ายทันทีจะมีประโยชน์หรือเปล่าคะ

IP_Address : 110.49.193.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 19 ตุลาคม 2553 : 16:53:15 น. : ความคิดเห็นที่ 37
: ปลากระพง
: สุพรรณบุรี ความคิดเห็น
คุณสุดารัตน์ สอบถามไปที่คุณนิดหน่อยโดยตรงที่suanpanabun@hotmail.comได้เลยค่ะ

IP_Address : 180.180.111.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 18 ตุลาคม 2553 : 22:58:22 น. : ความคิดเห็นที่ 36
: สุดารัตน์
: ความคิดเห็น
รบกวนถามหน่อยได้ใหมค่ะ
พอดีว่าแม่ของหนู ปวดปัสวะบ่อยแล้วก็ปวดหลังด้วย
มีสมุนไพรตัวไหนสามารถช่วยได้ใหมค่ะ
เพราะหนูไม่อยากให้แม่กินยาฝรั่งนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ


IP_Address : 125.25.231.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 17 ตุลาคม 2553 : 19:31:36 น. : suanpanabun@hotmail.com ความคิดเห็นที่ 35
: นิดหน่อย
: อำนาจเจริญ ความคิดเห็น
การสวนล้างลำไส้ใหญ่ สามารถทำได้ทั้งท่านอน ท่านั่ง และท่ายืน เพียงแต่นิยมท่านอนมากกว่า ในสถานที่ไม่สะดวกอาจยืนหรือนั่งก็ได้ค่ะ

IP_Address : 113.53.200.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 15 ตุลาคม 2553 : 21:16:40 น. : ความคิดเห็นที่ 34
: ทรงกลด (ธกส )
: กำแพงเพชร ความคิดเห็น
ตอบคุณเสาวลักษณ์ นครราชสีมา การดีท็อกซ์เหมือนกับการล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ เป็นการอาบน้ำทำความสะอาดลำไส้ ล้างสิ่งตกค้างออกจากลำไส้ สามารถทำได้บ่อยตามต้องการ (เวลามีพิษสะสม จะถอนพิษได้ดีมาก อาการไข้จะหายเร็ว เร็วกว่าการทานยา) ทำได้ทุกวันครับ การขับถ่ายที่ดีต้องทานอาหารประเภทผักมาก ๆ ผมทำทุกวัน บางวัน 2 - 3 ครั้ง

IP_Address : 118.172.200.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 12 ตุลาคม 2553 : 17:32:11 น. : pla-krapong@hotmail.com ความคิดเห็นที่ 33
: ปลากระพง
: สุพรรณบุรี ความคิดเห็น
เจริญธรรมค่ะพี่ฝน ขอบคุณนะคะสำหรับข้อมูล เรื่องกดจุดตลกมาก ตอนอยู่ค่ายแอบขำพวกป้าๆเรอเอิ้ก!!ปรากฏว่าตัวเองเป็นบ้างรีบโทรถามพี่หลินเลย พี่หลินบอกมันเข้าตัวเวลาเขาเปิดประตูลม ทุกวันนี้ก็เรอไปขำไป555สนุกสนานดี สบายตัวสบายใจ พอพักท่าศพ ศพก็หลับทุกที แบบผ่อนคลายเบาสบาย555 เจริญธรรมสำนึกดีค่ะ

IP_Address : 125.26.60.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 12 ตุลาคม 2553 : 13:48:54 น. : ความคิดเห็นที่ 32
: พี่ฝน
: ความคิดเห็น
แก้ไขนะคะ เป็นdvd 2ช.ม.นะคะ ไม่ใช่vcd ลืมไปพอดีตอนนี้ให้เพื่อนเอาไปลองศึกษาดู

IP_Address : 115.67.206.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 12 ตุลาคม 2553 : 13:43:18 น. : ความคิดเห็นที่ 31
: พี่ฝน
: กรุงเทพมหานคร ความคิดเห็น
เจริญธรรมค่ะคุณปลากะพง วีซีดี2ช.ม.กับอีกแบบมีขายที่ห้างเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ชื่อร้านพีเคการ์ด ชั้น2 เจ้าของร้านชื่อคุณจิราพร ร้านต้องพยายามมองหาหน่อยค่ะ ไม่ใช่เป็นช็อปนะคะ แต่ก็หาไม่ยาก พี่ไปซื้อมาแล้วราคาขายเท่ากับที่สวนป่านาบุญ และพี่อยากสอบถามคุณปลากะพงเรื่องการกดจุดลมปราณว่าเวลากดจุดนี่ลมออกเยอะมั๊ยแล้วของพี่ขอโทษนะเรอออกหลังจากกดจุดต่างๆพี่รู้สึกดีนะ

IP_Address : 115.67.206.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 11 ตุลาคม 2553 : 22:34:58 น. : saowalak_kh@hotmail.com ความคิดเห็นที่ 30
: เสาวลักษณ์
: นครราชสีมา ความคิดเห็น
มีปัญหาเรื่องลำไส้มาประมาณเกือบปีแล้วค่ะ คือไม่สามารถขับถ่ายได้ตามธรรมชาติ ทุกวันนี้ต้องดีทอกซ์ช่วยทุกวัน ขอความอนุเคาะห์ผูที่มีความรู้ช่วยตอบหน่อยค่ะ ว่าด๊ทอกซ์ทุกวันมีผลดี ผลเสียอย่างไร และจะมีโอกาสกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมมั้ยค่ะ





ขอบคุณค่ะ

IP_Address : 80.119.31.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 11 ตุลาคม 2553 : 22:00:31 น. : ความคิดเห็นที่ 29
: ส้ม
: ความคิดเห็น
ขอบคุณคุณปละกระพงมากค่ะ ที่ให้ข้อมูล...^_^

IP_Address : 125.25.35.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 09 ตุลาคม 2553 : 17:19:57 น. : ความคิดเห็นที่ 28
: ปลากระพง
: สุพรรณบุรี ความคิดเห็น
vcd. กดจุดลมปราณ ถอนพิษ 1 ชม.(72นาที) และdvd.2ชม. เคยสั่งที่สวนป่านาบุญ ที่อื่นไม่ทราบข้อมูล ใครทราบบอกด้วยนะคะ เจริญธรรมสำนึกดีค่ะ

IP_Address : 125.26.63.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 09 ตุลาคม 2553 : 16:13:01 น. : ความคิดเห็นที่ 27
: ปลากระพง
: สุพรรณบุรี ความคิดเห็น
คุณส้มคะเข้าไปดูถามมา-ตอบไปกระทู้ล้างลำไส้ที่คุณป.ปลาตอบกระทู้ค่ะ ส่วนการกดจุดลมปราณถือเป็นการทำหลังออกกำลังกายเช่นเดินเร็ว และตอนทำดีท็อกซ์ให้นอนตะแคงขวา(ถ้าปวดถ่ายให้กลั้นไว้ก่อน ยกเว้นทนไม่ไหว) น้ำหมดดึงสายออกกดไล่ไปตามลำไส้ทั่วท้อง แล้วนอนหงายกดใต้ชายโครงรอบๆท้องวนหาสะดือยกก้นนิดนึงหรือหาผ้าหนุนกดไปเรื่อยๆจนกว่าจะปวดถ่ายห้ามเกิน20นาที ขณะถ่ายไม่ควรเบ่งให้กดเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่ใต้กระดูกหัวไหล่กดทีละข้างนะคะจนกระทั่งเสร็จ ถ้าน้ำที่ถ่ายออกมาน้อยกว่าที่ใส่เข้าไปไม่ต้องกังวลเพราะว่าร่างกายร้อนมากจึงเก็บน้ำไว้ดับร้อน เห็นไหมอธิบายยาว ถ้าได้อบรมจะเห็นภาพชัดเจน พยายามเข้านะคะเป็นกำลังใจให้ค่ะ เจริญธรรมสำนึกดีค่ะ

IP_Address : 125.26.63.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 09 ตุลาคม 2553 : 00:12:30 น. : ความคิดเห็นที่ 26
: น้องส้่ม
: กรุงเทพมหานคร ความคิดเห็น
ถึง คุณ ปลากระพง


น้ำครอโรฟิล ที่ทำจาใบย่านางรึปล่าวค่ะ
แล้วกดจุดลมปานนะค่ะ...ทำอย่างไรค่ะ
ส้มทำแล้วแต่ก็ยังไม่ถ่ายทุกวันอยู่ดี
ไม่รู้ว่าแล้วรู้สึกสบายหรือปล่าว ไม่แน่ใจ
อยากทราบว่าส้มต้องใช้อะไรทำค่ะ
ส้มเป็นคน ธาตุไฟ(มั้ง)
ท้องผุเรื้อรัง T_T
อยากหายจากตรงนี้เสียที ขอคุณปลากระพงช่วยแนะนำด้วยค่ะ



ขอบคุฯมากค่ะ
นับถือ
น้องส้ม

IP_Address : 125.25.232.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 08 ตุลาคม 2553 : 21:34:45 น. : ความคิดเห็นที่ 25
:
: ความคิดเห็น


IP_Address : 92.85.160.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 08 ตุลาคม 2553 : 19:02:16 น. : ความคิดเห็นที่ 24
: ปลากระพง
: สุพรรณบุรี ความคิดเห็น
คุณพัฒนะ ขออนุญาตแนะนำอยากให้หาเวลาว่างซัก7วัน พาคุณแม่ไปล้างพิษ เพื่อคุณแม่จะได้ดูแลตัวเองหรือบอกคนดูแลได้ถูกต้อง เพราะเวลาล้างพิษร่างกายจะขับพิษที่สะสมออกมาจะมีอาการต่างๆแล้วแต่โรคของแต่ละคน คุณแม่อยู่สุพรรณอยากให้ดื่มน้ำย่านาง(น่าจะหาง่าย)ดื่มเป็นสิ่งแรกก่อนอย่างอื่นเพื่อคุ้มครองเซลล์ ทุกมื้ออาหารเลย(การกินอาหารตามลำดับ)ลองเก็บข้อมูลซัก1อาทิตย์ ว่าผลเป็นยังไง? ถ้าไม่รังเกียจให้ดื่มปัสสาวะทุกเช้าเป็นการเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย น้ำปัสสาวะมีประโยชน์มากหยอดตา ทาผิว สระผม(อย่าให้โดนเสื้อผ้าจะมีกลิ่น)เป็นวัคซีนธรรมชาติ เป็นกำลังใจให้นะคะ เจริญธรรมสำนึกดีค่ะ

IP_Address : 125.26.60.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 07 ตุลาคม 2553 : 18:42:13 น. : ptnpsb@gmail.com ความคิดเห็นที่ 23
: พัฒนะ
: กรุงเทพมหานคร ความคิดเห็น
ขอบคุณมากครับคุณปลากระพง จะลองทำดูถ้าซื้อผงถ่านได้ ถ้าดีจะให้แม่ทำบ้าง แม่อยู่สุพรรณเป็นเบาหวาน ความดันสูง กินยามาเกือบ 20 ปีแล้ว สงสารสุขภาพแม่ยาคงสะสมมากแล้ว

IP_Address : 115.87.232.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 07 ตุลาคม 2553 : 11:59:57 น. : pla-krapong@hotmail.com ความคิดเห็นที่ 22
: ปลากระพง
: สุพรรณบุรี ความคิดเห็น
เรียนคุณพัฒนะ /คนสงขลา นำผงถ่าน(ปลายช้อนชา-ครึ่งช้อนชา)ผสมน้ำย่านางเจือจางหรือน้ำเปล่าก็ได้ค่ะ แล้วเติมน้ำให้เต็มขวด ก่อนน้ำหมดขวดเขย่าให้ผงถ่านลงไปด้วยค่ะ สอบถามเจ้าหน้าที่ที่สวนป่านาบุญได้เลยนะคะ แต่ช่วงนี้1-10ต.ค.อบรมแฟนพันธุ์แท้อยู่ค่ะอาจจะยุ่งหน่อย เจริญธรรมสำนึกดีค่ะ

IP_Address : 180.180.111.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 06 ตุลาคม 2553 : 21:30:25 น. : ptnpsb@gmail.com ความคิดเห็นที่ 21
: พัฒนะ
: กรุงเทพมหานคร ความคิดเห็น
ถ้าซื้อผงถ่านสวนป่านาบุญ เขาบอกวิธีใช้ไหมครับ กลัวใช้ไม่เป็น เคยแต่ใช้กาแฟครับ

IP_Address : 61.90.31.xxx


เขียนเมื่อวันที่ : 06 ตุลาคม 2553 : 14:11:53 น. : duangpakdee@hotmail.com ความคิดเห็นที่ 20
: คนสงขลา
: สงขลา ความคิดเห็น
ขอถามต่ออีกนิดนะคะ กรณีที่ใช้ผงถ่านทำดีท๊อก ใช้ปริมาณเท่าไหร่คะ แล้ว จำเป็นต้องละลายน้ำแล้วทิ้งในตกตะกอนก่อน แล้วเอาเฉพาะน้ำ หรือ ว่าผสมน้ำ แล้วใส่ทั้งผงถ่านทั้งน้ำไปในขวดได้เลยคะ

1 ความคิดเห็น:

  1. คุณต้องการขายไตของคุณหรือไม่? หรือคุณกำลังมองหาโอกาสที่จะขายไตของคุณเพื่อเงินเนื่องจากการทำลายลงทางการเงินและคุณไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรแล้วติดต่อเราวันนี้และเราจะให้คุณจำนวนเงินที่ดีสำหรับไตของคุณ ฉันชื่อ (หมอ Elvis Whyte) เป็นนักประสาทวิทยาในโรงพยาบาลของเราผมเชี่ยวชาญในการผ่าตัดไตและเรายังจัดการกับการซื้อและการปลูกถ่ายไตกับชีวิตผู้บริจาคที่สอดคล้องกัน อีเมลติดต่อ: doctorelviswhyte@gmail.com

    ตอบลบ