เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทาน วิธีพิจารณาเลือกบุคคล ให้รู้แจ้งเห็นจริง เพื่อไล่เมฆหมอกที่บังตาแบ่งปัน


ทาน พิจารณาเลือกบุคคล ให้รู้แจ้งเห็นจริง เพื่อไล่เมฆหมอกที่บังตา
วันนี้ เวลา 7:38 ิ
การตลาดและการรบต่างกันที่วิธิการคือ การตลาดชนะด้วยการสร้างความพอใจให้อีกฝ่าย ส่วนการรบสร้างความเกรงกลัวให้ฝ่ายตรงข้าม แต่ล้วนมีวัตถุประสงค์์เดียวกัน คือ"เพื่อให้ได้มา" ดังนั้นท่านผู้รู้ทั้งหลายจงสำเหนียกไว้เถิดว่่า ไม่ว่าจะเป้นวิธิีใดก็ตาม "ไม่ได้มีผลสร้างสรรค์ต่อสังคมอย่างแท้จริงเลย" เพราะเหตุว่าเป็นการกระทำเพื่อเอา ได้ หรือหยิบฉวย ด้วย การแลกกับบางสิ่งบางอย่าง "ซึ่งล้วนมีเงื่อนไข " แต่สำหรับกุศลธรรมที่เชื่อว่าทาน คือการให้นั้น ย่อมก่อให้เกิด "ศรัทธา"คือความเชื่อในสิ่งที่เป็นจริง ไม่หลงไหลหรืองมงาย และเป็นธรรมชาติด้วย คือ การให้นั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะ"รักษาและสร้างสรรค์หมู่สังคมมนุษย์" เนื่องจากมนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม ย่อมอยู่รอดด้วยการช่วยเหลือกันแบบ"ไม่มีเงื่อนไขและไม่มีเบื้องหลังซับซ้อน" จึงสามารถจะเติมเต็มความต้องการ ความพอใจให้หมู่สังคมนั้นๆได้ ท่านผู้รู้ทั้งหลายเอย จากประสบการณ์ชีวิตของเราที่ผ่านมา มันสมควรเพียงพอให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณาแยกถึงความแตกต่าง ในเหตุของความวุ่นวายในสังคมขณะนี้ ว่า"ใครเป็นผู้ก่อสงคราม ใครเป็นพ่อค้านักการตลาดค้าชีวิตและสังคมตัวจริง" หรือว่า"ใครเป็นผู้เปี่ยมด้วยเมตตาสมควรเรียกว่าผู้ให้อย่างแท้จริง " ซึ่งผู้ที่มีคุณสมบัติอันเป็นพื้นฐานคือมีศรัธาในชีวิตและสังคมมนุษย์นี้ ย่อมบ่งบอกถึงผู้นั้นมีคุณสมบัติของอริยบุคคล หรือบุคคลผู้ประเสริฐ ในขั้นต้นจาก อริยทรัพย์ 7 ประการ อันได้แก ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ พหูสูตร เมตตา และปัญญาในที่สุด

อริยทรัพย์ 7 ประการ อันได้แก ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ พหูสูตร เมตตา และปัญญาในที่สุด
เขียนโดย nitinandho ที่ 16:41

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น