เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

นี่เรียกว่า ปฏิบัติธรรม


พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส
บรรยายธรรมเรื่อง“ความจริงไม่มีใครทุกข์”ณ
ศูนย์ปฏิบัติการ การบินไทย สุวรรณภูมิ
เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๒

3 นี่เรียกว่า ปฏิบัติธรรม

ใจ ธรรมชาติ
คือใจเดิม พุทธเจ้าท่านค้นพบสิ่งเหล่านี้นะ
ที่ท่านตรัสรู้ท่านบอกว่าสิ่งนี้มีอยู่แล้ว
(ท่านไม่ได้สร้างมันขึ้นมา)
กฎกติกามีอยู่แล้ว
ท่านก็ร่างมันขึ้นมา
มีอยู่แล้วท่านก็ไปเห็นแล้ว
ชี้ว่า เธอจงดูสิ มันทำงานอย่างนี้
ในธรรมชาติ ถ้าดูแล้วใช้มันเข้าใจอย่างถูกวิธี
เห็นไหมโยม เพราะว่าสิ่งที่บิ๊ว(Build)ขึ้นมาทั้งหลายแหล่ นะ
มันต้องเสื่อมสลายมันต้องพังแน่นอน
เพราะว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งที่มีอยู่ก่อน
อาศัยปัจจัยอื่นเกิดขึ้น
มันจะคงที่ถาวรไปได้ยังไงโยม
ธรรมชาติเดิมต่างหาก ที่ไม่ได้ถูกบิ๊วขึ้นมา
ซึ่งมันต้องเป็นอย่างนั้น เห็นไหม
นิพพานถึงมีอมตะมีความเป็นอมตะ
มีความเป็นอมตะรสมีรสชาติทีเป็นอมตะ
หรือมีรสชาติที่เป็นสันติสุข มีสันติลักษณะ
เพราะมันเป็นกลางอยู่ก่อน
ความไม่เป็นกลางมาทีหลัง
จะพบว่า ความสุขมันไม่ได้ไกลเกินเอื้อมนะ
มีอยู่ตลอดเวลาถ้าเข้าใจ เห็นไหม
เพราะฉะนั้น
การเก็บข้อมูลอย่างถูกวิธี
คือการเจริญสติกับชีวิตประจำวันเนี่ยแหละโยม
ตามดู กายในกาย ว่ามันทำงานอย่างไร เป็นการตามเก็บข้อมูล
แล้วก็ทำงานวิจัยเลย มีชื่อว่า“สติสัม โพชฌงค์”
“ธรรม วิจยะสัม โพชฌงค์” เป็นการทำงานวิจัย
จะวิจัยไม่ได้เด็ดขาด ถ้ายังไม่มีข้อมูล
แล้วข้อมูลนี้คนอื่นส่งมาให้ อย่าเชื่อนะ อย่าเชื่อ
เพราะเชื่อไม่ได้ จนกว่าจะเก็บข้อมูลด้วยตนเอง
พุทธเจ้าจึงตรัสว่าเมื่อไหร่ที่เราสังเกตกระบวนการแบบนี้ว่า
เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้ถึงมี เห็นในใจแบบนี้นะ
คิดแบบนี้อารมณ์ถึงเป็นอย่างนี้นะ
เช่นคิดไม่ดี อารมณ์ถึงไม่ดี
คิดดี อารมณ์ถึงดี มีความสุข
อย่างนี้ ความคิดก็ไม่ได้มีตัวตน
เพราะว่ามีความจำแบบนี้ จึงมีความคิดแบบนี้
ความจำก็ไม่ได้มี ตัวตน
เพราะไปรับรู้สิ่งแวดล้อมแบบนี้มาหรือข้อมูลแบบนี้มาถึงได้เกิดความจำ
การรับรู้ ก็ไม่ได้มีตัวตน
ถ้าไม่มีหูไม่มีเสียง จะเกิดการรับเสียงได้อย่างไร
ถ้าไม่มีลิ้น พ่อครัวทั้งหลายก็คงไม่มีงาน
เพราะไม่มีลิ้นในการรับรส โยมเห็นไหม
มันทำงานคู่กันอย่างนี้
ไม่มีอะไรสักอย่างที่มีตัวตน
แบบนี้จะเป็นการเข้าใจอย่างถูกวิธีก่อนนะ
นี่เริ่มเก็บข้อมูลแล้วก็ทำงานวิจัย
พระพุทธเจ้าท่านจึงตรัสว่า
ถ้าเก็บข้อมูลสังเกตแล้ว
ทำงานวิจัยแบบนี้ไม่เกิน ๗ ปี
จะต้องมีปัญญาประจักษ์
หรือเข้าถึงสภาวะ
หรือเข้าใจธรรมะระดับสูง
ขั้นใดขั้นหนึ่งแน่นอน
โยมลองคิดสิว่า
ถ้าตามเก็บข้อมูลอย่างนี้ ๗ ปี จะได้อะไรขึ้นมา
ข้อมูลคงเยอะนะ
งานวิจัยคงจะแม่นยำ
คงจะไม่ต้องเข้าไปถามใครอย่างที่ท่านบอกเหมือนกัน
ว่าถ้าเข้าใจอย่างนี้
เหตุนี้มี ผลนี้ถึงมี จะไม่ต้องไปเชื่อใครอีกต่อไป
โยม ก็มันประจักษ์ด้วยตัวเอง
ไงนี่ เรียกว่าปฏิบัติธรรมนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น