เจริญพร ขอให้มีความสุขสมหวังและ ถึงความสิ้นทุกข์ในเวลาอันใกล้โดยง่ายเทอญ

ยินดีต้อนรับ สหธรรมิกผู้มีใจเป็นกุศลทุกๆท่านครับ

ขอเรียนเชิญ สหธรรมิกทุกๆท่านมาร่วมศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ รวมทั้งแบ่งปันความรู้ ข้อคิด คำแนะนำ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาครับ

" ความมืดแม้ทั้งโลก ก็บดบังลำแสงเพียงน้อยนิดมิได้ "


สันโดษ

สันโดษ
สุขใด เสมอความสงบ ไม่มี

หน้าเว็บ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน อโหสิให้ทุกคน แต่อย่ามีเวรกรรมร่วมกันอีกเลย

ผู้ติดตาม

วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คุณสามารถร่วมเป็นหนึ่งในเส้นทางความสุขของเด็ก ๆ ได้

คุณสามารถร่วมเป็นหนึ่งในเส้นทางความสุขของเด็ก ๆ ได้


คุณสามารถร่วมเป็นหนึ่งในเส้นทางความสุขของเด็ก ๆ ได้

Wishing Well Camp 2010
8-10 ตุลาคม 2553

มูลนิธิสายธารแห่งความหวัง ( Wishing Well Foundation) ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยสานฝันให้แก่เด็กป่วยโรคมะเร็งที่รักษายากให้เป็นจริง ตลอดจนการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้เด็กได้มีคุณภาพชีวิตที่เหมาะสม ได้กำหนดจัดกิจกรรมค่าย ประจำปี 2553 ภายใต้ชื่อ ‘Wishing Well Camp 2010’

กิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดประมาณ 140 คน แยกเป็นเด็ก 45 คน ผู้ปกครอง 45 คน จาก 9 โรงพยาบาล รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์จากแต่ละโรงพยาบาล, อาสาสมัคร ตลอดจนทีมกิจกรรมต่างๆ

ทางมูลนิธิฯ จึงขอแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์ขอรับบริจาค เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่ใจดีในสังคม ได้เป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางความสุขของเด็กๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ให้การสนับสนุนด้านอาหาร เช่น

- ขนม ที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน เช่น ขนมกรุบกรอบทั่วไป, ลูกอม, คุกกี้,เวเฟอร์ ฯลฯ
- นม UHT (ยกเว้นนมเปรี้ยว)
- น้ำผลไม้แบบกล่อง

ให้การสนับสนุนด้านของขวัญ สำหรับเด็กในช่วงวัย 4-18 ปี ทั้งชายและหญิง

หากท่านสนใจร่วมสนับสนุนในกิจกรรมดังกล่าว สามารถจัดส่งของให้มูลนิธิฯ ได้โดย
1. จัดส่งด้วยตนเอง
2. จัดส่งทางไปรษณีย์

มูลนิธิสายธารแห่งความหวัง
25 อาคารกรุงเทพประกันภัย ชั้น 9 ถ. สาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม.10120
โทร 02-677-4117 / โทรสาร 02-677-4118 มือถือ 081-615-9993


สามารถชมกิจกรรมของมูลนิธิฯ เพิ่มเติมได้ที่
www.wishingwellthai.org
email : wishingwellthai@windowslive.com / wishingwellthai@yahoo.com


ลงประกาศ ณ วันที่ 1 กันยายน 2553

Thai Hotline สายด่วนเพื่อการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์

Thai Hotline สายด่วนเพื่อการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์






Thai Hotline สายด่วนเพื่อการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์

เนื่องจากปัจจุบันทุกภาคส่วนของสังคมได้ใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต ทั้งในด้านการศึกษาเรียนรู้ ธุรกิจการค้า และอุตสาหกรรม ยิ่งไปกว่านั้นสื่อมวลชนแทบทุกสาขา ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ล้วนแต่หันมาใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางรับฟังและเผยแพร่ข่าวสารสู่ประชาชน ขณะเดียวกันการกระทำผิดกฎหมายทางอินเทอร์เน็ตก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากทั้งโดยเจตนาและไม่ได้เจตนา

มูลนิธิอินเทอร์เน็ตได้จัดทำบริการสายด่วนแจ้งเหตุ ไทยฮอตไลน์ เพื่อเป็นมาตรการที่ชุมชนผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะช่วยกันสอดส่องดูแลเนื้อหาสาระ หรือสิ่งที่อาจเป็นภัยในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้วแจ้งเตือนกันเองก่อนเพื่อดำเนินการป้องกันหรือระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที

ทั้งนี้ รูปแบบการดำเนินการในลักษณะเครือข่ายฮอตไลน์นี้ ได้มีการจัดตั้งแล้วใน 29 ประเทศ 33 สายด่วน โดยมีศูนย์กลางที่ http://www.inhope.org/

เนื้อหาใดบ้างที่ควรแจ้ง

- สื่อลามกอนาจารเด็ก (Child Pornography)
- ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal data)
- การหมิ่นประมาท (Defamation)
- ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
- ฟิชชิ่ง (Phishing)
- ยาเสพติด (Drugs)
- การก่อการร้าย (Torrorism)
- อื่นๆ (Other) สำหรับเนื้อหาที่ไม่เข้ากลุ่มตามด้านบน

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่.. ไทยฮอตไลน์

อิทธิพลนกเตน อีสาน-เหนือยังอ่วม ไร่นาจมน้ำกว่าพันไร่


อิทธิพลนกเตน อีสาน-เหนือยังอ่วม ไร่นาจมน้ำกว่าพันไร่















เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการครอบครัวข่าว 3

หลังจากอิทธิพลของพายุนกเตน ได้พัดผ่านบริเวณหลายจังหวัดในภาคเหนือ และภาคอีสาน ของประเทศไทย ส่งผลให้ในบริเวณดังกล่าวเกิดฝนตกหนัก น้ำป่าไหลทะลักท่วมไร่นาของชาวบ้าน ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรเสียหายเป็นจำนวนมาก ขณะที่กรมอุตุฯ สั่งจนท.เตรียมพร้อม 24 ชม. ทางด้าน เวียดนาม เตือนพายุลูกใหม่กำลังก่อตัวในทะเลจีนใต้

อุตรดิตถ์อ่วม กว่าพันครอบครัวเดือดร้อนหนัก

เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา จ.อุตรดิตถ์ มีฝนตกตลอดอย่างต่อเนื่องนานกว่า 10 ชั่วโมง จากฤทธิ์พายุโซนร้อน 'นกเตน' ส่งผลทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากอย่างรวดเร็วเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนราษฎร หมู่ 8 บ้านวังเบน หมู่ 9 บ้านวังตะเคียน ต.ผักขวง และ หมู่ 1 หมู่ 12 บ้านแสนขัน หมู่ 6 บ้านปางคล้อ หมู่ 4 บ้านน้ำลอก ต.บ่อทอง อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ระดับน้ำท่วมสูง 2-4 เมตร ส่งผลทำให้ชาวบ้านจำนวนเกือบ 1,000 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ต้องขนสิ่งของหนีขึ้นสู่ที่สูง โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่สามารถเก็บสิ่งของหนีน้ำท่วมได้ทันทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้รถยนต์ของชาวบ้าน จำนวนกว่า 50 คัน ต้องจมอยู่ในน้ำที่ไหลหลากเข้าท่วมครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำได้ไหลท่วมพื้นผิวถนนสายหลัก ระหว่าง ทองแสนขัน-น้ำปาด สูงเกือบ 2 เมตร ถนนถูกตัดขาดรถไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้กินระยะทางยาวกว่า 5 กิโลเมตร โดยมีหน่วยกู้ภัยจากมูลนิธิอุตรดิตถ์สงเคราะห์ และสมาคมกู้ภัยหมอนไม้ นำเรือท้องแบน จำนวน 3 ลำเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน

อุดรธานี น้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร

ด้านผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ว่า จากอิทธิพลของพายุ "นกเตน" ที่พัดผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักตั้งแต่คืนที่ผ่านมาจนถึงช่วงเช้า วัดปริมาณน้ำฝนที่สถานีตรวจอากาศ จ.อุดรธานี ได้ 139.7 มิลลิเมตร ที่ว่าการอำเภอเมืองอุดรธานี 145.5 มิลลิเมตร ส่งผลให้ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี เกิดน้ำท่วมบนถนนกว่า 10 สาย ระดับน้ำสูงสุดมากกว่า 70 ซม. เทศบาลนครอุดรธานีต้องระดมสูบน้ำลงลำห้วยหมากแข้ง ลำห้วยมั่ง และสถานีสูบน้ำใต้ดินออกนอกเมือง

แม่ฮ่องสอน 3 หมู่บ้านถูกตัดขาด

สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน จากฝนตกมาตลอดทั้งคืนจนถึงเมื่อวานนี้ ทำให้ลำน้ำปาย เอ่อท่วมถนนหมู่บ้านแล้วใน ต.แม่นาเติง อ.ปาย เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ทำให้การสัญจร 3 หมู่บ้านถูกตัดขาด คือ บ้านแม่ของหมู่ 5 บ้านนาจลอง หมู่ 6 และบ้านแม่ตาเติง หมู่ 11 เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยว และยังท่วมพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านเป็นวงกว้าง

ขณะเดียวกันแม่น้ำปาย ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และพัดต้นไม้ไหลมากับน้ำ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งเร่งขนย้ายข้าวของไปอยู่ในจุดปลอดภัยก่อนที่แม่น้ำปายจะเอ่อล้นอย่างฉับพลัน โดยชาวบ้านได้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอยู่ตลอด เพราะเกรงว่าน้ำจะขึ้นสูงและไหลแรงขึ้น หากฝนไม่หยุดตก และขณะนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆฝน ด้านนายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กำชับนายอำเภอทั้ง 7 อำเภอ ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะในพื้นที่ อ.ปาย และ อ.ปางมะผ้า ยังมีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำตามลำห้วยต่างๆ เพิ่มขึ้น ส่วนประชาชนพื้นที่ราบลุ่มให้เคลื่อนย้ายทรัพย์สินและสัตว์เลี้ยงขึ้นมาอยู่บนพื้นที่สูง เกรงว่าจะเกิดน้ำป่าไหลหลากในช่วงนี้ได้อีก

นครพนม หวั่นน้ำป่าทะลักอีก

ยังคงได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนนกเตน ทำให้มีฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้ไร่นาและพื้นที่การเกษตรของเกษตรกรหลายพื้นที่ ถูกน้ำเอ่อท่วมได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะพื้นที่ ต.ไผ่ล้อม จำนวน 8 หมู่บ้าน กับ ต.นางัว จำนวน 11 หมู่บ้าน รวม 19 หมู่บ้าน ในเขตอ.บ้านแพง จ.นครพนม มีน้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติภูลังกา ไหลทะลักเข้าท่วมตั้งแต่เช้าของวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา มีระดับสูงประมาณ 30 เซนติเมตร บางจุดลึกถึง 50 เซนติเมตร สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่กว่า 1,000 ครอบครัว ต้องอพยพสิ่งของเครื่องใช้หนีน้ำไว้ที่สูง บางรายที่เป็นบ้านชั้นเดียว ต้องไปอาศัยพักนอนกับเพื่อนบ้าน ที่สำคัญยังได้รับความเดือดร้อนจากการไม่มีห้องน้ำห้องส้วมใช้ เพราะถูกน้ำเอ่อท่วมหมด และต้องคอยเตรียมพร้อมเฝ้าระวัง ไม่กล้าหลับนอน เนื่องจากเกรงว่าน้ำป่าจะทะลักเข้าท่วมเพิ่มอีก

ด้านนายวสุพล คัณทักษ์ ปลัดอาวุโส อ.บ้านแพง กล่าวว่า ได้นำเจ้าหน้าที่ อส. ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน จัดเตรียมอุปกรณ์ให้ความช่วยเหลือ ยารักษาโรค รวมถึงเรือท้องแบน ออกตรวจสอบให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศเตือนให้พี่น้องประชาชนเฝ้าระวังเป็นระยะ เมื่อเกิดน้ำป่าไหลหลากทะลักเข้ามาจำนวนมาก ที่อาจเกิดอันตราย จะได้มีการอพยพออกจากพื้นที่ได้ทัน เนื่องจากยังมีฝนตกลงมาเป็นระยะ อาจส่งผลให้ปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการป้องกันมิจฉาชีพมาฉวยโอกาสลักขโมยสิ่งของชาวบ้านด้วย หากคืนนี้ไม่มีฝนตกลงมาต่อเนื่อง คาดว่าระดับน้ำที่ท่วมขังจะลดลงอย่างรวดเร็ว และเข้าสู่ภาพวะปกติได้ แต่หากมีฝนตกหนักซ้ำอีก อาจจะต้องเร่งอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่โดยด่วน ส่วนโรงเรียนคาดว่าจะมี 2 แห่ง ที่ไม่สามารถเปิดเรียนได้ในพรุ่งนี้ เพราะถูกน้ำท่วมขัง

แพร่ ระดับน้ำในห้วยเพิ่มขึ้นรวดเร็ว เตรียมขนของขึ้นที่สูง

เกิดฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ อ.สอง อ.ร้องกวาง และ อ.หนองม่วงไข่ ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 30 ก.ค.-31 ก.ค. ส่งผลให้ปริมาณน้ำในลำน้ำสาขาไหลเข้าท่วมบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตรของ อ.ร้องกวาง หลายแห่ง ส่วนในเขตเทศบาลเมือง ตั้งแต่บริเวณหน้าโรงพยาบาลแพร่เข้ามาสู่ตัวเมืองมีน้ำท่วมขังหลายจุดเช่นกัน ทำให้การสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก

นายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ระดมเจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่และช่วยเหลือประชาชนในเบื้องต้นแล้ว พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณห้วยแม่แคมให้ระมัดระวังน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง เพราะขณะนี้ระดับน้ำในลำห้วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว เตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และติดตามข่าวอย่างต่อเนื่อง

โดยจุดวัดน้ำห้วยสัก อ.สอง อยู่ที่ระดับ 3.92 เมตร และที่จุดวัดน้ำบ้านน้ำโค้ง อยู่ที่ระดับ 5 เมตร ซึ่งในพื้นที่บ้านแม่ยางตาน หมู่ 3 และหมู่ 6 น้ำได้เข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตร ส่วนถนนที่จะสัญจรไปที่บ้านแม่ยางโตนหมู่ 4 มีบางจุดที่ถนนขาดแล้ว และในเขตรับผิดชอบของ อบต.ทุ่งกวาว หมู่ 1, 2 และ 3

เชียงคาน นาข้าวกว่าพันไร่จมน้ำ

ฝนตกติดต่อกันตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม จนถึงปัจจุบัน ทำให้มีปริมาณน้ำฝนทะสมบนเทือกเขาในอ.เเชียงคาย และปริมาณน้ำไหลจากตำบลเขาแก้ว และตำบลธาตุ เข้าท่วม ต.นาสี อ.เชียงคาน ส่งผลให้นาข้าวกว่า 1,000 ไร่ และ บ่อปลาที่ชาวบ้านเลี้ยงกว่า 100 บ่อ ได้รับความเสียหาย

ขณะเดียวกันกระแสน้ำที่ไหลผ่านตำบลนาสี ได้ไหลเข้าท่วมตลาดสามแยกบ้านธาตุ ทำให้กระแสไหลเข้าท่วมร้านค้าที่ขวางทางน้ำ ได้รับความเสียหาย บรรดาพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนต่างพากันย้ายข้าวของอย่างโกลาหล แต่รถยังสามารถสัญจรไปมาได้ นอกจานี้กระแสน้ำยังได้ไหลเข้าท่วมถนนสายบ้านธาตุ-ปากชม จนเส้นทางขาด รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถเดินทางผ่านไปมาได้

ทางด้าน นายโสภณ สุวรรณรัตน์ นายอำเภอเชียงคาน กล่าวว่า ทางอำเภอได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ บรรเทาสาธารณภัยของทุกองค์กรปกครองท้องถิ่น ให้เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และสำรวจความเสียหายอย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น และจะได้นำเงินมาชดเชยตามระเบียบทางราชการต่อไป


กรมอุตุเตือน พายุลูกใหม่กำลังจะมา

กรมอุตุฯ แจ้งพายุโซนร้อน "นกเตน" อ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชันพัดเข้าภาคเหนือของไทยแล้ว ชี้ 12 จังหวัดช่วง 1-2 วันนี้ฝนตกหนัก เสี่ยงเกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน "โคราช-บุรีรัมย์" สั่งจนท.เตรียมพร้อม 24 ชม. "เวียดนาม" เตือนพายุลูกใหม่กำลังก่อตัวในทะเลจีนใต้ หลังมีผู้เสียชีวิต 1 คนจากอิทธิพลนกเตน

ผลพวงจากพายุโซนร้อนนกเตนที่พัดขึ้นฝั่งช่วงเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมาในจังหวัดแท้งฮวาและจังหวัดเหงะอาน ประเทศเวียดนาม นอกจากเกิดความเสียหายและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ยังทำให้มีชายชาวเวียดนามอายุ 68 ปี เสียชีวิต เช่นเดียวกับในประเทศฟิลิปปินส์ ก่อนหน้านี้ที่อิทธิพลจากพายุนกเตนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 52 คน และสูญหายอีก 27 คน

ขณะที่ในประเทศไทย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 ก.ค. กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศถึง 2 ฉบับ โดยฉบับแรกเป็นฉบับที่ 13 ประกาศเวลา 10.00 น. เรื่องพายุโซนร้อนนกเตน บริเวณประเทศลาวได้อ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว โดยมีศูนย์กลางทางตะวันออกของจังหวัดน่านประมาณ 50 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนเข้าสู่จังหวัดน่านในเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน

จากนั้นเวลา 16.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศฉบับที่ 14 ระบุหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชันนกเตน ได้ปกคลุมบริเวณจังหวัดลำปาง ทำให้ภาคเหนือยังมีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ พร้อมขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่ม ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งที่เกิดขึ้นได้

โดยวันที่ 31 ก.ค. ในบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และพิจิตร วันที่ 1-2 ส.ค. ในบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร และตาก ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร และให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 31 ก.ค.-4 ส.ค.

สำหรับในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่างและภาคกลาง หลายจังหวัดมีการเตรียมความพร้อมป้องกันผลกระทบจากพายุนกเตน โดยที่จังหวัดนครราชสีมา นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ขเทศบาลทุกส่วนราชการ เตรียมพร้อมแก้ไขปัญหาน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง, จังหวัดบุรีรัมย์ นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ แจ้งเตือนประชาชนและเกษตรกรให้ติดตามความเคลื่อนไหวการพยากรณ์สภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง และให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ รวมไปถึงองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) เตรียมความพร้อม

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สธ.สั่งให้โรงพยาบาลเตรียมมาตรการรองรับพายุฝนในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันนอก ไว้ 4 แผนหลัก คือ

1. แผนเตรียมกั้นกระสอบทราย การขนย้ายเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์อื่น ๆ ไปไว้ในจุดที่ปลอดภัย
2. แผนสำรองออกซิเจนเพื่อใช้ในผู้ป่วยหนักที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือใช้ในห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด
3. แผนเตรียมความพร้อมการอพยพผู้ป่วยกรณีฉุกเฉินหากมีน้ำท่วมอาคารบริการ
4. แผนเตรียมความพร้อมการให้บริการนอกสถานที่

ล่าสุด ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ออกประกาศเตือนระวังอันตรายจากพายุลูกใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้นในทะเลจีนใต้ จากหย่อมความกดอากาศต่ำทางตะวันตกหมู่เกาะฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนตัวช้า ๆ ไปทางทิศตะวันตก และอาจจะทวีความแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนได้ในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า ซึ่งพายุลูกใหม่ก่อตัวและทวีความเร็วลมศูนย์กลางขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ไต้ฝุ่นมุ่ยฟ้า (Mui Fah) ในมหาสมุทรแปซิฟิกทางทิศตะวันออกของฟิลิปปินส์ กำลังอ่อนตัวลงเป็นพายุโซนร้อน

อิทธิพลนกเตน อีสาน-เหนือยังอ่วม ไร่นาจมน้ำกว่าพันไร่


อิทธิพลนกเตน อีสาน-เหนือยังอ่วม ไร่นาจมน้ำกว่าพันไร่















เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการครอบครัวข่าว 3

หลังจากอิทธิพลของพายุนกเตน ได้พัดผ่านบริเวณหลายจังหวัดในภาคเหนือ และภาคอีสาน ของประเทศไทย ส่งผลให้ในบริเวณดังกล่าวเกิดฝนตกหนัก น้ำป่าไหลทะลักท่วมไร่นาของชาวบ้าน ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรเสียหายเป็นจำนวนมาก ขณะที่กรมอุตุฯ สั่งจนท.เตรียมพร้อม 24 ชม. ทางด้าน เวียดนาม เตือนพายุลูกใหม่กำลังก่อตัวในทะเลจีนใต้

อุตรดิตถ์อ่วม กว่าพันครอบครัวเดือดร้อนหนัก

เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา จ.อุตรดิตถ์ มีฝนตกตลอดอย่างต่อเนื่องนานกว่า 10 ชั่วโมง จากฤทธิ์พายุโซนร้อน 'นกเตน' ส่งผลทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากอย่างรวดเร็วเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนราษฎร หมู่ 8 บ้านวังเบน หมู่ 9 บ้านวังตะเคียน ต.ผักขวง และ หมู่ 1 หมู่ 12 บ้านแสนขัน หมู่ 6 บ้านปางคล้อ หมู่ 4 บ้านน้ำลอก ต.บ่อทอง อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ระดับน้ำท่วมสูง 2-4 เมตร ส่งผลทำให้ชาวบ้านจำนวนเกือบ 1,000 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ต้องขนสิ่งของหนีขึ้นสู่ที่สูง โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่สามารถเก็บสิ่งของหนีน้ำท่วมได้ทันทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้รถยนต์ของชาวบ้าน จำนวนกว่า 50 คัน ต้องจมอยู่ในน้ำที่ไหลหลากเข้าท่วมครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำได้ไหลท่วมพื้นผิวถนนสายหลัก ระหว่าง ทองแสนขัน-น้ำปาด สูงเกือบ 2 เมตร ถนนถูกตัดขาดรถไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้กินระยะทางยาวกว่า 5 กิโลเมตร โดยมีหน่วยกู้ภัยจากมูลนิธิอุตรดิตถ์สงเคราะห์ และสมาคมกู้ภัยหมอนไม้ นำเรือท้องแบน จำนวน 3 ลำเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน

อุดรธานี น้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร

ด้านผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ว่า จากอิทธิพลของพายุ "นกเตน" ที่พัดผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักตั้งแต่คืนที่ผ่านมาจนถึงช่วงเช้า วัดปริมาณน้ำฝนที่สถานีตรวจอากาศ จ.อุดรธานี ได้ 139.7 มิลลิเมตร ที่ว่าการอำเภอเมืองอุดรธานี 145.5 มิลลิเมตร ส่งผลให้ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี เกิดน้ำท่วมบนถนนกว่า 10 สาย ระดับน้ำสูงสุดมากกว่า 70 ซม. เทศบาลนครอุดรธานีต้องระดมสูบน้ำลงลำห้วยหมากแข้ง ลำห้วยมั่ง และสถานีสูบน้ำใต้ดินออกนอกเมือง

แม่ฮ่องสอน 3 หมู่บ้านถูกตัดขาด

สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน จากฝนตกมาตลอดทั้งคืนจนถึงเมื่อวานนี้ ทำให้ลำน้ำปาย เอ่อท่วมถนนหมู่บ้านแล้วใน ต.แม่นาเติง อ.ปาย เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ทำให้การสัญจร 3 หมู่บ้านถูกตัดขาด คือ บ้านแม่ของหมู่ 5 บ้านนาจลอง หมู่ 6 และบ้านแม่ตาเติง หมู่ 11 เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยว และยังท่วมพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านเป็นวงกว้าง

ขณะเดียวกันแม่น้ำปาย ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และพัดต้นไม้ไหลมากับน้ำ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งเร่งขนย้ายข้าวของไปอยู่ในจุดปลอดภัยก่อนที่แม่น้ำปายจะเอ่อล้นอย่างฉับพลัน โดยชาวบ้านได้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอยู่ตลอด เพราะเกรงว่าน้ำจะขึ้นสูงและไหลแรงขึ้น หากฝนไม่หยุดตก และขณะนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆฝน ด้านนายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กำชับนายอำเภอทั้ง 7 อำเภอ ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะในพื้นที่ อ.ปาย และ อ.ปางมะผ้า ยังมีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำตามลำห้วยต่างๆ เพิ่มขึ้น ส่วนประชาชนพื้นที่ราบลุ่มให้เคลื่อนย้ายทรัพย์สินและสัตว์เลี้ยงขึ้นมาอยู่บนพื้นที่สูง เกรงว่าจะเกิดน้ำป่าไหลหลากในช่วงนี้ได้อีก

นครพนม หวั่นน้ำป่าทะลักอีก

ยังคงได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนนกเตน ทำให้มีฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้ไร่นาและพื้นที่การเกษตรของเกษตรกรหลายพื้นที่ ถูกน้ำเอ่อท่วมได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะพื้นที่ ต.ไผ่ล้อม จำนวน 8 หมู่บ้าน กับ ต.นางัว จำนวน 11 หมู่บ้าน รวม 19 หมู่บ้าน ในเขตอ.บ้านแพง จ.นครพนม มีน้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติภูลังกา ไหลทะลักเข้าท่วมตั้งแต่เช้าของวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา มีระดับสูงประมาณ 30 เซนติเมตร บางจุดลึกถึง 50 เซนติเมตร สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่กว่า 1,000 ครอบครัว ต้องอพยพสิ่งของเครื่องใช้หนีน้ำไว้ที่สูง บางรายที่เป็นบ้านชั้นเดียว ต้องไปอาศัยพักนอนกับเพื่อนบ้าน ที่สำคัญยังได้รับความเดือดร้อนจากการไม่มีห้องน้ำห้องส้วมใช้ เพราะถูกน้ำเอ่อท่วมหมด และต้องคอยเตรียมพร้อมเฝ้าระวัง ไม่กล้าหลับนอน เนื่องจากเกรงว่าน้ำป่าจะทะลักเข้าท่วมเพิ่มอีก

ด้านนายวสุพล คัณทักษ์ ปลัดอาวุโส อ.บ้านแพง กล่าวว่า ได้นำเจ้าหน้าที่ อส. ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน จัดเตรียมอุปกรณ์ให้ความช่วยเหลือ ยารักษาโรค รวมถึงเรือท้องแบน ออกตรวจสอบให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศเตือนให้พี่น้องประชาชนเฝ้าระวังเป็นระยะ เมื่อเกิดน้ำป่าไหลหลากทะลักเข้ามาจำนวนมาก ที่อาจเกิดอันตราย จะได้มีการอพยพออกจากพื้นที่ได้ทัน เนื่องจากยังมีฝนตกลงมาเป็นระยะ อาจส่งผลให้ปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการป้องกันมิจฉาชีพมาฉวยโอกาสลักขโมยสิ่งของชาวบ้านด้วย หากคืนนี้ไม่มีฝนตกลงมาต่อเนื่อง คาดว่าระดับน้ำที่ท่วมขังจะลดลงอย่างรวดเร็ว และเข้าสู่ภาพวะปกติได้ แต่หากมีฝนตกหนักซ้ำอีก อาจจะต้องเร่งอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่โดยด่วน ส่วนโรงเรียนคาดว่าจะมี 2 แห่ง ที่ไม่สามารถเปิดเรียนได้ในพรุ่งนี้ เพราะถูกน้ำท่วมขัง

แพร่ ระดับน้ำในห้วยเพิ่มขึ้นรวดเร็ว เตรียมขนของขึ้นที่สูง

เกิดฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ อ.สอง อ.ร้องกวาง และ อ.หนองม่วงไข่ ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 30 ก.ค.-31 ก.ค. ส่งผลให้ปริมาณน้ำในลำน้ำสาขาไหลเข้าท่วมบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตรของ อ.ร้องกวาง หลายแห่ง ส่วนในเขตเทศบาลเมือง ตั้งแต่บริเวณหน้าโรงพยาบาลแพร่เข้ามาสู่ตัวเมืองมีน้ำท่วมขังหลายจุดเช่นกัน ทำให้การสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก

นายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ระดมเจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่และช่วยเหลือประชาชนในเบื้องต้นแล้ว พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณห้วยแม่แคมให้ระมัดระวังน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง เพราะขณะนี้ระดับน้ำในลำห้วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว เตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และติดตามข่าวอย่างต่อเนื่อง

โดยจุดวัดน้ำห้วยสัก อ.สอง อยู่ที่ระดับ 3.92 เมตร และที่จุดวัดน้ำบ้านน้ำโค้ง อยู่ที่ระดับ 5 เมตร ซึ่งในพื้นที่บ้านแม่ยางตาน หมู่ 3 และหมู่ 6 น้ำได้เข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตร ส่วนถนนที่จะสัญจรไปที่บ้านแม่ยางโตนหมู่ 4 มีบางจุดที่ถนนขาดแล้ว และในเขตรับผิดชอบของ อบต.ทุ่งกวาว หมู่ 1, 2 และ 3

เชียงคาน นาข้าวกว่าพันไร่จมน้ำ

ฝนตกติดต่อกันตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม จนถึงปัจจุบัน ทำให้มีปริมาณน้ำฝนทะสมบนเทือกเขาในอ.เเชียงคาย และปริมาณน้ำไหลจากตำบลเขาแก้ว และตำบลธาตุ เข้าท่วม ต.นาสี อ.เชียงคาน ส่งผลให้นาข้าวกว่า 1,000 ไร่ และ บ่อปลาที่ชาวบ้านเลี้ยงกว่า 100 บ่อ ได้รับความเสียหาย

ขณะเดียวกันกระแสน้ำที่ไหลผ่านตำบลนาสี ได้ไหลเข้าท่วมตลาดสามแยกบ้านธาตุ ทำให้กระแสไหลเข้าท่วมร้านค้าที่ขวางทางน้ำ ได้รับความเสียหาย บรรดาพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนต่างพากันย้ายข้าวของอย่างโกลาหล แต่รถยังสามารถสัญจรไปมาได้ นอกจานี้กระแสน้ำยังได้ไหลเข้าท่วมถนนสายบ้านธาตุ-ปากชม จนเส้นทางขาด รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถเดินทางผ่านไปมาได้

ทางด้าน นายโสภณ สุวรรณรัตน์ นายอำเภอเชียงคาน กล่าวว่า ทางอำเภอได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ บรรเทาสาธารณภัยของทุกองค์กรปกครองท้องถิ่น ให้เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และสำรวจความเสียหายอย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น และจะได้นำเงินมาชดเชยตามระเบียบทางราชการต่อไป


กรมอุตุเตือน พายุลูกใหม่กำลังจะมา

กรมอุตุฯ แจ้งพายุโซนร้อน "นกเตน" อ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชันพัดเข้าภาคเหนือของไทยแล้ว ชี้ 12 จังหวัดช่วง 1-2 วันนี้ฝนตกหนัก เสี่ยงเกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน "โคราช-บุรีรัมย์" สั่งจนท.เตรียมพร้อม 24 ชม. "เวียดนาม" เตือนพายุลูกใหม่กำลังก่อตัวในทะเลจีนใต้ หลังมีผู้เสียชีวิต 1 คนจากอิทธิพลนกเตน

ผลพวงจากพายุโซนร้อนนกเตนที่พัดขึ้นฝั่งช่วงเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมาในจังหวัดแท้งฮวาและจังหวัดเหงะอาน ประเทศเวียดนาม นอกจากเกิดความเสียหายและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ยังทำให้มีชายชาวเวียดนามอายุ 68 ปี เสียชีวิต เช่นเดียวกับในประเทศฟิลิปปินส์ ก่อนหน้านี้ที่อิทธิพลจากพายุนกเตนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 52 คน และสูญหายอีก 27 คน

ขณะที่ในประเทศไทย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 ก.ค. กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศถึง 2 ฉบับ โดยฉบับแรกเป็นฉบับที่ 13 ประกาศเวลา 10.00 น. เรื่องพายุโซนร้อนนกเตน บริเวณประเทศลาวได้อ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว โดยมีศูนย์กลางทางตะวันออกของจังหวัดน่านประมาณ 50 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนเข้าสู่จังหวัดน่านในเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน

จากนั้นเวลา 16.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศฉบับที่ 14 ระบุหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชันนกเตน ได้ปกคลุมบริเวณจังหวัดลำปาง ทำให้ภาคเหนือยังมีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ พร้อมขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่ม ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งที่เกิดขึ้นได้

โดยวันที่ 31 ก.ค. ในบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และพิจิตร วันที่ 1-2 ส.ค. ในบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร และตาก ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร และให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 31 ก.ค.-4 ส.ค.

สำหรับในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่างและภาคกลาง หลายจังหวัดมีการเตรียมความพร้อมป้องกันผลกระทบจากพายุนกเตน โดยที่จังหวัดนครราชสีมา นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ขเทศบาลทุกส่วนราชการ เตรียมพร้อมแก้ไขปัญหาน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง, จังหวัดบุรีรัมย์ นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ แจ้งเตือนประชาชนและเกษตรกรให้ติดตามความเคลื่อนไหวการพยากรณ์สภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง และให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ รวมไปถึงองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) เตรียมความพร้อม

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สธ.สั่งให้โรงพยาบาลเตรียมมาตรการรองรับพายุฝนในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันนอก ไว้ 4 แผนหลัก คือ

1. แผนเตรียมกั้นกระสอบทราย การขนย้ายเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์อื่น ๆ ไปไว้ในจุดที่ปลอดภัย
2. แผนสำรองออกซิเจนเพื่อใช้ในผู้ป่วยหนักที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือใช้ในห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด
3. แผนเตรียมความพร้อมการอพยพผู้ป่วยกรณีฉุกเฉินหากมีน้ำท่วมอาคารบริการ
4. แผนเตรียมความพร้อมการให้บริการนอกสถานที่

ล่าสุด ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ออกประกาศเตือนระวังอันตรายจากพายุลูกใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้นในทะเลจีนใต้ จากหย่อมความกดอากาศต่ำทางตะวันตกหมู่เกาะฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนตัวช้า ๆ ไปทางทิศตะวันตก และอาจจะทวีความแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนได้ในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า ซึ่งพายุลูกใหม่ก่อตัวและทวีความเร็วลมศูนย์กลางขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ไต้ฝุ่นมุ่ยฟ้า (Mui Fah) ในมหาสมุทรแปซิฟิกทางทิศตะวันออกของฟิลิปปินส์ กำลังอ่อนตัวลงเป็นพายุโซนร้อน

มหาชัย เศร้าแห่ศพแกนนำบี้เลิก โรงถ่านหิน


มหาชัย เศร้าแห่ศพแกนนำบี้เลิก โรงถ่านหิน

ประท้วง



มหาชัย เศร้าแห่ศพแกนนำบี้เลิก โรงถ่านหิน (ไทยโพสต์)
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

แห่โลงศพ “วีรบุรุษทองนาค” รอบเมืองมหาชัย ประกาศสานปณิธานไม่เอาถ่านหิน บี้ผู้ว่าฯ ยกเลิกใบประกอบกิจการถาวร

“ภาณุพงศ์” ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าคดี ย้ำจ้างวานฆ่าแน่นอน เตรียมรวบตัวคนร้ายพร้อมสาวถึงผู้บงการเร็วๆ นี้ ระบุจะเช็กทุก 2 วัน

เมื่อวันอาทิตย์ เวลา 09.30 น. กลุ่มแกนนำต่อต้านถ่านหิน ชาวเรือประมง กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาคร กว่า 500 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันที่ข้างสนามเทนนิส บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อร่วมแห่ขบวนโลงศพพร้อมรูปนายทองนาค เสวกจินดา ไปรอบเมืองมหาชัย ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา ซึ่งบรรยากาศอบอวลไปด้วยความเศร้าโศก

และขณะที่เคลื่อนขบวนไปตามถนน ได้มีการประกาศสดุดีถึงการต่อสู้ของนายทองนาคที่ต่อต้านถ่านหินมานาน 5 ปี รวมทั้งการประกาศสานต่อปณิธานต่อสู้กับนายทุนผู้ประกอบการถ่านหิน จากนั้นขบวนก็ได้นำแจกันดอกไม้ไปมอบให้ พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร เพื่อขอบคุณที่เร่งติดตามคดีพร้อมดูแลเรื่องความปลอดภัย ต่อมาขบวนได้เคลื่อนไปตามถนนเศรษฐกิจ 1 เข้าตลาดสดมหาชัย ท่ามกลางสายตาชาวบ้านที่จ่ายตลาดให้ความสนใจยืนดูตลอดเส้นทาง และมีพ่อแม่ค้านำดอกไม้ ธูป มาเคารพศพ และร่วมแสดงความเห็นใจพร้อมส่งเสียงกระโตนว่า วีรบุรุษคนกล้าของสมุทรสาคร

ในการแห่โลงศพครั้งนี้ กลุ่มแกนนำได้เรียกร้อง 4 ข้อ 1.ให้ สภ.เมืองสมุทรสาครจับกุมอย่างเร่งด่วนที่สุด เนื่องจากนายทองนาคได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร ในวันที่ 21 ก.ค.ว่าถูกขู่ทำร้าย 2.ให้ผู้ว่าฯ สอบสวนดำเนินคดีกับข้าราชการที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการออกใบ อนุญาตให้มีท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหินและโรงงานเก็บกองถ่านหินในจังหวัด 3.เรียกร้องให้จังหวัดยกเลิกใบประกอบการกิจการถ่านหินและท่าเทียบเรือขนถ่าย ถ่านหินเป็นการถาวรทุกกรณี และ 4.กลุ่มยังจะต่อต้านการประกอบกิจการถ่านหินทุกรูปแบบต่อไป และไม่ยอมถอยหลังให้อิทธิพลเถื่อนใด ๆ ทั้งสิ้น

พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวถึงความคืบหน้าคดีว่า เจ้าหน้าที่ได้แบ่งหน้าที่ดำเนินงานถึง 5 ทีม ทำให้คดีคืบหน้าไปมาก และมั่นใจว่าจะจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ในไม่ช้า และไม่มีการจับแพะแน่นอน เพราะ ผบ.ตร.ได้กำชับคดีเป็นพิเศษ เพราะเป็นเหตุสะเทือนขวัญ และนายทองนาคเป็นผู้เสียสละทำงานเพื่อสังคม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะคลี่คลายคดีให้เร็วที่สุด

"มั่นใจว่าจะจับกุมคนร้าย ได้ภายใน 1 ถึง 2 วันนี้ แต่ขอไม่เปิดเผยในรายละเอียดว่าคนร้ายเป็นใคร หรือมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลในท้องที่หนุนหลังหรือไม่" พล.ต.ต.โสภณกล่าว

พล.ต.ต. สมเกียรติ แสงสินศร ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร กล่าวเช่นกันว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ โดยคาดว่าการก่อเหตุครั้งนี้น่าจะมีผู้ร่วมขบวนการ 3 คน และจะรู้ตัวผู้ก่อเหตุได้ในเร็ววันนี้

มีรายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ติดตามผู้ต้องสงสัยในคดีอย่างใกล้ชิด โดยผู้ต้องสงสัยเป็นคนในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมจะรวบตัวในเร็ววันนี้ และเชื่อว่าคนร้ายยังกบดานอยู่ในจังหวัด

ในช่วงเย็น พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี และได้ประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเกือบ 100 นาย ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ก่อนเดินทางไปดูที่เกิดเหตุ โดยได้พบกับพี่สาวและภรรยานายทองนาค รวมถึงนายกำพล ทองชิว แกนนำต่อต้านถ่านหินอีกคนหนึ่งที่เคยถูกคนสะกดรอยตามก่อนนายทองนาคจะถูกยิงเสียชีวิต

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวว่า คนร้ายได้ทิ้งหลักฐานไว้หลายอย่าง และจะนำไปสู่การจับกุมตัวคนร้ายได้ รวมทั้งจะสาวไปถึงตัวผู้บงการฆ่าด้วย เพราะตามรูปคดีแล้วงานนี้เป็นการจ้างวานฆ่าแน่นอน ส่วนสาเหตุก็มุ่งไปที่ปมปัญหาถ่านหินตามที่ผู้เสียชีวิตเคยแจ้งความไว้ แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นอื่น โดยทุกๆ 2 วันจะเดินทางมาตรวจติดตามความคืบหน้า รวมทั้งปรับแผนการปฏิบัติงานเพื่อให้ได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

สื่อผู้ดีตีข่าว! ไทยก็มี ขำกลิ้งลิงกับเสือ


สื่อผู้ดีตีข่าว! ไทยก็มี ขำกลิ้งลิงกับเสือ





สื่อผู้ดีตีข่าว!ไทยก็มี (ไอเอ็นเอ็น)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก youtube.com โพสต์โดย Reglas78

สื่ออังกฤษ ตีข่าวไทยก็มี ขำกลิ้ง ลิงกับเสือ! เจ้าโดโด้ ลิงชิมแพนซีเพศชาย วัย2ปีครึ่ง ทั้งเลี้ยงและป้อนนมลูกเสือโคร่ง อายุระหว่าง 3สัปดาห์ ถึง 5เดือน มานานกว่า1ปี ที่ฟาร์มจระเข้ จ.สมุทรปราการ ของไทย

สื่ออังกฤษ รายงานข่าวความน่ารักของสัตว์โลก ในประเทศไทย โดยเป็นเรื่องราวระหว่าง เจ้าโดโด้ ลิงชิมแพนซี เพศผู้วัย 2ปีครึ่งที่เลี้ยงบรรดาลูกเสือโคร่ง อายุระหว่าง 3 สัปดาห์ถึง 5 เดือน ที่ฟาร์มจระเข้ จ.สมุทรปราการ ของไทย โดยทั้งป้อนนมด้วยขวดให้กับลูกเสือและยังหลอกล้อเล่นแบบสนิมสนมเป็นกันเอง อีกด้วยซึ่งเจ้าโดโด้ ได้เลี้ยงลูกเสือมานานกว่า1ปี แล้ว

โดยมีเจ้าหน้าที่สวนสัตว์คอยสอนด้วยคำพูดให้เจ้าโดโด้ฟัง ทีละขั้นตอนเพื่อให้เลี้ยงลูกเสือพวกนี้ ได้ซึ่งลูกเสือ อายุระหว่าง 3 สัปดาห์ถึง 5 เดือนโดย น.ส. สิรินาถ เจ้าหน้าที่ฟาร์มจระเข้ จ.สมุทรปราการ ได้บอกกับ เทเลกร๊าฟ สื่อดังของอังกฤษว่า มันไม่ยากอย่างที่ เจ้าโดโด้ รู้วิธีที่ถือขวด เพียงแค่สอนให้มันถือและอยู่กับลูกเสือได้ ตนได้สอนเจ้าโดโด้ทุกวันเพื่อให้มันสามารถทำมันได้แต่มีปัญหาเดียวที่เกิด ขึ้นคือ เจ้าโดโด้ ชอบเล่นกับบรรดาลูกเสือมากกว่าการให้อาหารพวกมัน





สื่อผู้ดีตีข่าว! ไทยก็มี ขำกลิ้งลิงกับเสือ






สมเด็จพระบรมฯ พระราชทานทรัพย์ระงับคดีโบอิ้ง 737


สมเด็จพระบรมฯ พระราชทานทรัพย์ระงับคดีโบอิ้ง 737




ภาพล่าสุดของเครื่องโบอิ้ง 737-400
ภาพล่าสุดของเครื่องโบอิ้ง 737-400





สมเด็จพระบรมฯ พระราชทานทรัพย์ระงับคดีโบอิ้ง 737 (ไอเอ็นเอ็น)

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชปณิธาน พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท วอลเตอร์ บาว ด้วยไม่ทรงปรารถนาที่จะให้มีพระนามาภิไธยไปเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทและมิให้เป็นที่เสื่อมเสียต่อพระเกียรติยศ รวมถึงมิให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี

สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารแถลงการณ์ เรื่อง การอายัดเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท Walter Bau AG

ตามที่ศาลสูงสุดแห่งรัฐเบอร์ลินสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 11กรกฎาคม 2554 ให้ดำเนินการอายัดเครื่องบินพระที่นั่งของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ไว้เป็นของกลางในคดีพิพาทระหว่างบริษัท Walter Bau AG กับรัฐบาลไทยและศาลแขวงแลนส์ฮูท ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2554 ให้วางเงินประกันจำนวน 20 ล้านยูโร เพื่อถอนอายัดเครื่องบินพระที่นั่งดังกล่าวนั้น

ตลอดระยะเวลาตั้งแต่มีคำพิพากษาของศาลสูงสุดแห่งรัฐเบอร์ลิน และคำสั่งของศาลแขวงแลนส์ฮูท สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี จนถึงปัจจุบัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มิได้ทรงตอบโต้แต่ประการใด ต่อคำพิพากษาและคำตัดสินดังกล่าว รวมทั้งต่อกระแสข่าวทั้งจากในและต่างประเทศทรงเคารพต่อคำพิพากษาของศาลและทรงเชื่อมั่นในความยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรม ด้วยทรงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลและประชาชนของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในระหว่างที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจและทรงพำนักอยู่ในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ทรงได้รับการต้อนรับ รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ เป็นอย่างดี แม้ว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะมิได้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท Walter Bau AG และมิได้ทรงเป็นผู้สร้างเรื่องหรือเหตุการณ์ข้อพิพาทขึ้นมา แต่ผลจากข้อพิพาทดังกล่าวได้นำมาซึ่งความเดือดร้อนพระราชหฤทัย กระทบต่อพระราชกรณียกิจ และเสี่ยงต่อการเสื่อมเสียพระเกียรติยศเป็นอย่างยิ่ง

ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชกระแสและพระราชปณิธาน ที่จะทรงตอบแทนพระคุณแผ่นดินไทยและทรงใช้หนี้บุญคุณให้กับประเทศชาติในพระราชฐานะที่ทรงเป็นประชาชนชาวไทยพระองค์หนึ่ง และทรงเป็นองค์สยามมกุฎราชกุมารของประเทศไทยอีกทั้งมิให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และเพื่อให้ข้อพิพาทดังกล่าวจบลงด้วยดี และรวดเร็ว จึงจะพระราชทานพระราชทรัพย์ ส่วนพระองค์เพื่อนำไปใช้ในการระงับข้อพิพาทดังกล่าว

ทั้งนี้ไม่ทรงปรารถนาที่จะให้มีพระนามาภิไธยไปเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทและมิให้เป็นที่เสื่อมเสียต่อพระเกียรติยศ



สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
31 กรกฎาคม 2554